ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 1
ความพอเพียงของศรัทธา
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ผมได้ฟังมาจากเพื่อนที่เป็น Value Investor อีกต่อหนึ่ง ผมจึงไม่สามารถรับรองความถูกต้องได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น การวิเคราะห์ต่อของผมก็อาจจะผิดจากความเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า โดยภาพรวมแล้ว สิ่งที่ผมจะพูดน่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริง และน่าจะสามารถนำไปอ้างอิงได้ ถ้าจะพูดแบบนักลงทุนก็คือ เรื่องนี้น่าจะ Approximately Right นั่นคือ ประมาณว่าถูกต้อง
นี่คือเรื่องของการใช้ชีวิตของคน ๆ หนึ่งซึ่งตัดสินใจทิ้งงานประจำในฐานะของมนุษย์เงินเดือนมายึดอาชีพเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเต็มตัวตั้งแต่อายุ 30 กว่าปี โดยที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน เขาน่าจะเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเก็บออมจำนวนไม่มากนัก แต่ถึงวันนี้ ผมคิดว่าเขาน่าจะมีความมั่งคั่งจากหุ้นในระดับประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป เขาคือคุณศรัทธา (ชื่อสมมุติ) ที่ผมคิดว่า คือรูปแบบของ Value Investor พันธุ์แท้คนหนึ่งที่ยึดมั่นแนวทางการลงทุนและการใช้ชีวิตแบบพอเพียงจนน่าทึ่ง
ศรัทธานั้น โดยพื้นฐานการศึกษาและการทำงานก็เป็นเช่นเดียวกับ Value Investor หลายคนที่เรียนจบปริญญาตรีและทำงานเป็นวิศวกร เขาเคยทำงานกับบริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ทางภาคตะวันออกของประเทศ แต่ครอบครัวของเขานั้น อาศัยอยู่ทางภาคใต้ และขณะนี้ หลังจากทำงานประจำมากว่า 10 ปี เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพ ในซอยสุขุมวิทต้น ๆ ซึ่งเป็นห้องเช่าที่เขาจ่ายค่าเช่าเพียงเดือนละ 2,000 บาทเศษ ห้องเช่านี้ แน่นอน คงไม่มีแอร์ แต่เขามีคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ติดต่อกับแหล่งข้อมูล เอาไว้ใช้ดู และซื้อขายหุ้น เราไม่สามารถติดต่อพูดคุยกับศรัทธาได้ง่ายนัก เพราะเขาไม่มีโทรศัพท์มือถือ และถ้าจะโทรไปหาเขาที่ห้องพัก โอกาสที่จะได้คุยกับเขาก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะเขาใช้มันเพื่อการต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาที่เขาอยู่
การใช้จ่ายแบบประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อของศรัทธานั้น รวมถึงการแต่งตัวที่เขามักสวมเสื้อยืดตัวเก่าและใช้รองเท้าผ้าใบราคาถูกแต่ทนทานที่ไม่ใช่ยี่ห้อไนกี้หรือรีบ็อค แต่เป็นแบบนันยาง เขาไม่มีรถยนต์ การเดินทางไปไหนมาไหนของเขานั้น เขาไม่ใช้แท็กซี่หรือรถไฟฟ้าที่มีราคาแพง เขาชอบที่จะอาศัยรถของคนที่รู้จักและเดินทางด้วยรถเมล์มากกว่า แต่ถ้าระยะทางไม่เกิน 2-3 ก.ม. เขาจะเดินด้วยเท้า เวลาไปฟังการสัมมนาเรื่องการลงทุนที่ไหนหรือไปประชุมผู้ถือหุ้นที่มีบริการเรื่องอาหาร เขาชอบที่จะรับประทานอาหารฟรี แต่ถ้าเขาต้องซื้ออาหารกินเอง เขาจะสั่งเฉพาะอาหารถ้าบริเวณใกล้เคียงมีออฟฟิสที่เขาจะหาน้ำสะอาดดื่มได้
ศรัทธาเป็นนักลงทุนที่ขยัน เขาศึกษาและวิเคราะห์หุ้นเกือบทุกตัวในตลาด เขาแกะงบของบริษัทจดทะเบียนกว่า 300 ตัว เขาทำตารางข้อมูลและเปรียบเทียบหุ้นต่าง ๆ เพื่อหาเป้าหมายที่เขาสนใจ และหุ้นตัวไหนที่เขาสนใจ เขาจะทำวิเคราะห์อย่างละเอียด เช่น ถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เขาก็จะเดินทางไปดูโครงการแทบทุกโครงการถ้าทำได้ ในช่วงที่มีงานผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนหรืองาน Opportunity Day นั้น เขาจะไปฟังเกือบทุกวัน เช่นเดียวกัน ถ้าเขาเป็นผู้ถือหุ้น เขาจะไม่ขาดการประชุมผู้ถือหุ้นเลย
บ่อยครั้ง ศรัทธาพบหุ้นที่ถูกใจในด้านของตัวธุรกิจแต่ราคาหุ้นนั้นยังสูงเกินกว่าที่เขาคิดว่าจะมีความปลอดภัยหรือ Margin of Safety พอ เขาก็จะรอจนกว่าราคาหุ้นจะตกลงไปจนถึงจุดที่เขาต้องการซึ่งค่อนข้างต่ำมากจนเรารู้สึกว่าคงจะนานมากหรือไม่เกิดขึ้นเลย แต่เขาบอกว่าเขารอได้ เขาไม่ยอมซื้อหุ้นแพงไม่ว่าในกรณีใด
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่พอเพียงทั้งหลายที่กล่าวถึงนั้น คงไม่ใช่เฉพาะศรัทธาเท่านั้นที่ทำ เพราะดูเหมือนว่าศรัทธาจะมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรมที่คล้าย ๆ กันที่มักจะมาเจอกันในงานเกี่ยวกับการลงทุนทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม ศรัทธาดูเหมือนจะพอเพียงมากเป็นพิเศษ เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ศรัทธานั้นยังเป็นโสด ดังนั้น เขาจึงสามารถคิดและทำทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงคนในครอบครัวอื่นที่อาจจะมีความคิดไม่เหมือนกัน
ผมเองคิดว่าศรัทธาคงไม่รู้สึกลำบากอะไรกับการใช้ชีวิตอย่างนั้น เพราะในฐานะที่เป็นนักลงทุนโดยอาชีพ เราย่อมจะเป็นคนที่สามารถเลือกทำอะไรต่าง ๆ ได้เองค่อนข้างมาก ยิ่งถ้าไม่มีครอบครัวด้วยแล้ว คุณแทบจะไม่ต้องสนใจกับใครเลย ดังนั้น Value Investor คงไม่เลือกทำอะไรที่ตนเองทำแล้วไม่สบายใจ ว่าที่จริงการที่สามารถทำอะไรได้ตามใจตนเองนั้น เป็นคุณค่าที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเป็นนักลงทุนอาชีพนอกเหนือจากความมั่งคั่งที่อาจจะตามมา และนี่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ศรัทธาเลือกเดินอย่างเต็มใจ
เรื่องของ Value Investor พันธุ์แท้ที่ใช้ชีวิตพอเพียงอย่างน่าทึ่งแบบศรัทธานั้น ผมคิดว่าน่าจะมีอยู่ไม่น้อยทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เรื่องของพวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีคนรู้จัก แต่ผมเองเชื่อว่า ถ้าจะหาคนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ใช้ชีวิตต่ำกว่ามาตรฐานความมั่งคั่งที่มีทั้ง ๆ ที่เป็นคนร่ำรวยแล้วละก็ ไม่มีวงการไหนเท่ากับ Value Investor
....................................
ผมอ่านบทความนี้ในกรุงเทพธุรกิจเมื่อวันอังคาร แล้ว คิดถึงเพื่อน คนหนึ่ง ตรงตามที่ ดร.นิเวศน์ เขียนมาเลย
มีความรู้ดี อ่านหนังสือพิมพ์อังกฤษ จบวิศวะเพราะไม่อยากทำงาน ห้องเช่า 2 พันบาทต่อเดือน ไม่มีมือถือ ชอบเดินมากกว่านั่งรถ ใส่รองเท้าผ้าใบ ชอบเสื้อยืด
เพราะเมื่อวันก่อนผมไปเจอเขาที่ตลาดหลักทรัพย์ ในงาน opp day ไปฟัง TSTH จบตอนประมาณ 16.30 ผมบอกว่า จะไปประชุมวิสามัญที่ BH... เวลา 19.00 มีเวลาเหลืออีกมากเลย ก็ คุยกัน เขาบอก ว่า เดินไปกันไหม จากตลาดหลักทรัพย์ไปถึง BH นี่ หลายกิโลเลยนะครับ เขาบอก เดินลัดไปทางสวนโรงงานยาสูบก็ได้ ... เอา เดินก็เดิน เดินคุยกันไปกับเพื่อนอีกคน รวมกัน 3 คน ไปถึง BH ประมาณ 18.15 ได้ ... ผมไม่ได้ถามว่า มีหุ้นเท่าไหร่ แต่คิดว่า คิดว่าคงไม่มาก เพราะเขาถือหุ้น เกือบทุกบริษัทฯ ในตลาด เขามีความสนุกกับการลงทุน.... เขารอราคาหุ้นได้ คิดว่า ส่วนใหญ่แล้ว เขา ชนะตลาด เพราะการรอ คือ นิสัยของเขา งานนี้ ถ้าเขามี BH เป็นเศษหุ้น สิ่งที่เขาได้กำไรเห็น ๆ เลย คือ รับประทานอาหารเย็นฟรี แถมของชำร่วยในการประชุมครั้งนี้ คือ ปากกา parker สวย ๆ หนึ่งด้าม....ผมเคยทดลองซื้อหุ้น cpf จำนวน 100 หุ้น ...ผมไม่ชอบหุ้นฆ่าสัตว์ เลยถือนิดหน่อย เพื่อความรู้ ไป ประชุมกับเขา ตอนแรก ได้กระเป๋าเก็บความเห็นคงกว่าร้อยบาท แถม อาหารการกินเพียบ เอ.... ผมซื้อตอนนั้นประมาณ 3.80 ลงทุนไป 380 บาท ได้ของแถมก็น่าจะคุ้มแล้ว ในกระเป๋ามี ไส้กรอกที่เขาขายอีก คงคุ้มและกำไร ถ้าไปประชุมเรื่อย ๆ กำไรในหุ้นไม่พอ ยังกำไรของชำร่วยอีก ผมว่า สนุก ไม่ เบานะครับ.... ผมไม่ค่อยมีเวลา ไป ประชุมกับบริษัท ที่ถือน้อย ๆ ชอบไปประชุม กับบริษัทฯ ที่ถือมาก ๆ เพราะ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด...... เขาเป็นคนแข็งแรง ก่อนหน้านี้ ชอบขี่จักรยานไปประชุม หรือมา ที่ตลาด แต่ปรากฎว่า จักรยานถูกขโมยไป 2 คันแล้ว เลยเลิก ซื้อ เดินเอาดีกว่า ... เขาบอก เขาลงทุนใน spali เขาเดินไป ชมทุกโครงการณ์ที่เปิด แถว รามอินทรา เขาเดินมาหลายหมู่บ้านแล้วที่บอกเปิด เขาจึงรู้ว่าแต่ละโครงการเป็นอย่างไร เขามีหุ้นที่ดินแทบทุกตัว นี่แหละครับ การออกหาข้อมูลและความจริงในเวลาว่างของเขา ... เขายังโสด และสนุก กับการลงทุน และพอใจ พอเพียงในการลงทุนของเขา......ยืนยันว่า มีคนแบบนี้ แต่จะใช่เขาหรือไม่ ผมยังสงสัยอยู่ครับ น่าจะใช่ เพราะข้อมูลใกล้เคียงกันมาก นายศรัทธา....มาแสดงตัวเร็ว ๆ หน่อยครับ :lol: :lol:
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ผมได้ฟังมาจากเพื่อนที่เป็น Value Investor อีกต่อหนึ่ง ผมจึงไม่สามารถรับรองความถูกต้องได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น การวิเคราะห์ต่อของผมก็อาจจะผิดจากความเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่า โดยภาพรวมแล้ว สิ่งที่ผมจะพูดน่าจะใกล้เคียงกับความเป็นจริง และน่าจะสามารถนำไปอ้างอิงได้ ถ้าจะพูดแบบนักลงทุนก็คือ เรื่องนี้น่าจะ Approximately Right นั่นคือ ประมาณว่าถูกต้อง
นี่คือเรื่องของการใช้ชีวิตของคน ๆ หนึ่งซึ่งตัดสินใจทิ้งงานประจำในฐานะของมนุษย์เงินเดือนมายึดอาชีพเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าเต็มตัวตั้งแต่อายุ 30 กว่าปี โดยที่ครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน เขาน่าจะเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเก็บออมจำนวนไม่มากนัก แต่ถึงวันนี้ ผมคิดว่าเขาน่าจะมีความมั่งคั่งจากหุ้นในระดับประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป เขาคือคุณศรัทธา (ชื่อสมมุติ) ที่ผมคิดว่า คือรูปแบบของ Value Investor พันธุ์แท้คนหนึ่งที่ยึดมั่นแนวทางการลงทุนและการใช้ชีวิตแบบพอเพียงจนน่าทึ่ง
ศรัทธานั้น โดยพื้นฐานการศึกษาและการทำงานก็เป็นเช่นเดียวกับ Value Investor หลายคนที่เรียนจบปริญญาตรีและทำงานเป็นวิศวกร เขาเคยทำงานกับบริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ทางภาคตะวันออกของประเทศ แต่ครอบครัวของเขานั้น อาศัยอยู่ทางภาคใต้ และขณะนี้ หลังจากทำงานประจำมากว่า 10 ปี เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพ ในซอยสุขุมวิทต้น ๆ ซึ่งเป็นห้องเช่าที่เขาจ่ายค่าเช่าเพียงเดือนละ 2,000 บาทเศษ ห้องเช่านี้ แน่นอน คงไม่มีแอร์ แต่เขามีคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ติดต่อกับแหล่งข้อมูล เอาไว้ใช้ดู และซื้อขายหุ้น เราไม่สามารถติดต่อพูดคุยกับศรัทธาได้ง่ายนัก เพราะเขาไม่มีโทรศัพท์มือถือ และถ้าจะโทรไปหาเขาที่ห้องพัก โอกาสที่จะได้คุยกับเขาก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะเขาใช้มันเพื่อการต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาที่เขาอยู่
การใช้จ่ายแบบประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อของศรัทธานั้น รวมถึงการแต่งตัวที่เขามักสวมเสื้อยืดตัวเก่าและใช้รองเท้าผ้าใบราคาถูกแต่ทนทานที่ไม่ใช่ยี่ห้อไนกี้หรือรีบ็อค แต่เป็นแบบนันยาง เขาไม่มีรถยนต์ การเดินทางไปไหนมาไหนของเขานั้น เขาไม่ใช้แท็กซี่หรือรถไฟฟ้าที่มีราคาแพง เขาชอบที่จะอาศัยรถของคนที่รู้จักและเดินทางด้วยรถเมล์มากกว่า แต่ถ้าระยะทางไม่เกิน 2-3 ก.ม. เขาจะเดินด้วยเท้า เวลาไปฟังการสัมมนาเรื่องการลงทุนที่ไหนหรือไปประชุมผู้ถือหุ้นที่มีบริการเรื่องอาหาร เขาชอบที่จะรับประทานอาหารฟรี แต่ถ้าเขาต้องซื้ออาหารกินเอง เขาจะสั่งเฉพาะอาหารถ้าบริเวณใกล้เคียงมีออฟฟิสที่เขาจะหาน้ำสะอาดดื่มได้
ศรัทธาเป็นนักลงทุนที่ขยัน เขาศึกษาและวิเคราะห์หุ้นเกือบทุกตัวในตลาด เขาแกะงบของบริษัทจดทะเบียนกว่า 300 ตัว เขาทำตารางข้อมูลและเปรียบเทียบหุ้นต่าง ๆ เพื่อหาเป้าหมายที่เขาสนใจ และหุ้นตัวไหนที่เขาสนใจ เขาจะทำวิเคราะห์อย่างละเอียด เช่น ถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เขาก็จะเดินทางไปดูโครงการแทบทุกโครงการถ้าทำได้ ในช่วงที่มีงานผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนหรืองาน Opportunity Day นั้น เขาจะไปฟังเกือบทุกวัน เช่นเดียวกัน ถ้าเขาเป็นผู้ถือหุ้น เขาจะไม่ขาดการประชุมผู้ถือหุ้นเลย
บ่อยครั้ง ศรัทธาพบหุ้นที่ถูกใจในด้านของตัวธุรกิจแต่ราคาหุ้นนั้นยังสูงเกินกว่าที่เขาคิดว่าจะมีความปลอดภัยหรือ Margin of Safety พอ เขาก็จะรอจนกว่าราคาหุ้นจะตกลงไปจนถึงจุดที่เขาต้องการซึ่งค่อนข้างต่ำมากจนเรารู้สึกว่าคงจะนานมากหรือไม่เกิดขึ้นเลย แต่เขาบอกว่าเขารอได้ เขาไม่ยอมซื้อหุ้นแพงไม่ว่าในกรณีใด
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่พอเพียงทั้งหลายที่กล่าวถึงนั้น คงไม่ใช่เฉพาะศรัทธาเท่านั้นที่ทำ เพราะดูเหมือนว่าศรัทธาจะมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่มีพฤติกรรมที่คล้าย ๆ กันที่มักจะมาเจอกันในงานเกี่ยวกับการลงทุนทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม ศรัทธาดูเหมือนจะพอเพียงมากเป็นพิเศษ เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า ศรัทธานั้นยังเป็นโสด ดังนั้น เขาจึงสามารถคิดและทำทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงคนในครอบครัวอื่นที่อาจจะมีความคิดไม่เหมือนกัน
ผมเองคิดว่าศรัทธาคงไม่รู้สึกลำบากอะไรกับการใช้ชีวิตอย่างนั้น เพราะในฐานะที่เป็นนักลงทุนโดยอาชีพ เราย่อมจะเป็นคนที่สามารถเลือกทำอะไรต่าง ๆ ได้เองค่อนข้างมาก ยิ่งถ้าไม่มีครอบครัวด้วยแล้ว คุณแทบจะไม่ต้องสนใจกับใครเลย ดังนั้น Value Investor คงไม่เลือกทำอะไรที่ตนเองทำแล้วไม่สบายใจ ว่าที่จริงการที่สามารถทำอะไรได้ตามใจตนเองนั้น เป็นคุณค่าที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเป็นนักลงทุนอาชีพนอกเหนือจากความมั่งคั่งที่อาจจะตามมา และนี่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ศรัทธาเลือกเดินอย่างเต็มใจ
เรื่องของ Value Investor พันธุ์แท้ที่ใช้ชีวิตพอเพียงอย่างน่าทึ่งแบบศรัทธานั้น ผมคิดว่าน่าจะมีอยู่ไม่น้อยทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เรื่องของพวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีคนรู้จัก แต่ผมเองเชื่อว่า ถ้าจะหาคนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ใช้ชีวิตต่ำกว่ามาตรฐานความมั่งคั่งที่มีทั้ง ๆ ที่เป็นคนร่ำรวยแล้วละก็ ไม่มีวงการไหนเท่ากับ Value Investor
....................................
ผมอ่านบทความนี้ในกรุงเทพธุรกิจเมื่อวันอังคาร แล้ว คิดถึงเพื่อน คนหนึ่ง ตรงตามที่ ดร.นิเวศน์ เขียนมาเลย
มีความรู้ดี อ่านหนังสือพิมพ์อังกฤษ จบวิศวะเพราะไม่อยากทำงาน ห้องเช่า 2 พันบาทต่อเดือน ไม่มีมือถือ ชอบเดินมากกว่านั่งรถ ใส่รองเท้าผ้าใบ ชอบเสื้อยืด
เพราะเมื่อวันก่อนผมไปเจอเขาที่ตลาดหลักทรัพย์ ในงาน opp day ไปฟัง TSTH จบตอนประมาณ 16.30 ผมบอกว่า จะไปประชุมวิสามัญที่ BH... เวลา 19.00 มีเวลาเหลืออีกมากเลย ก็ คุยกัน เขาบอก ว่า เดินไปกันไหม จากตลาดหลักทรัพย์ไปถึง BH นี่ หลายกิโลเลยนะครับ เขาบอก เดินลัดไปทางสวนโรงงานยาสูบก็ได้ ... เอา เดินก็เดิน เดินคุยกันไปกับเพื่อนอีกคน รวมกัน 3 คน ไปถึง BH ประมาณ 18.15 ได้ ... ผมไม่ได้ถามว่า มีหุ้นเท่าไหร่ แต่คิดว่า คิดว่าคงไม่มาก เพราะเขาถือหุ้น เกือบทุกบริษัทฯ ในตลาด เขามีความสนุกกับการลงทุน.... เขารอราคาหุ้นได้ คิดว่า ส่วนใหญ่แล้ว เขา ชนะตลาด เพราะการรอ คือ นิสัยของเขา งานนี้ ถ้าเขามี BH เป็นเศษหุ้น สิ่งที่เขาได้กำไรเห็น ๆ เลย คือ รับประทานอาหารเย็นฟรี แถมของชำร่วยในการประชุมครั้งนี้ คือ ปากกา parker สวย ๆ หนึ่งด้าม....ผมเคยทดลองซื้อหุ้น cpf จำนวน 100 หุ้น ...ผมไม่ชอบหุ้นฆ่าสัตว์ เลยถือนิดหน่อย เพื่อความรู้ ไป ประชุมกับเขา ตอนแรก ได้กระเป๋าเก็บความเห็นคงกว่าร้อยบาท แถม อาหารการกินเพียบ เอ.... ผมซื้อตอนนั้นประมาณ 3.80 ลงทุนไป 380 บาท ได้ของแถมก็น่าจะคุ้มแล้ว ในกระเป๋ามี ไส้กรอกที่เขาขายอีก คงคุ้มและกำไร ถ้าไปประชุมเรื่อย ๆ กำไรในหุ้นไม่พอ ยังกำไรของชำร่วยอีก ผมว่า สนุก ไม่ เบานะครับ.... ผมไม่ค่อยมีเวลา ไป ประชุมกับบริษัท ที่ถือน้อย ๆ ชอบไปประชุม กับบริษัทฯ ที่ถือมาก ๆ เพราะ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด...... เขาเป็นคนแข็งแรง ก่อนหน้านี้ ชอบขี่จักรยานไปประชุม หรือมา ที่ตลาด แต่ปรากฎว่า จักรยานถูกขโมยไป 2 คันแล้ว เลยเลิก ซื้อ เดินเอาดีกว่า ... เขาบอก เขาลงทุนใน spali เขาเดินไป ชมทุกโครงการณ์ที่เปิด แถว รามอินทรา เขาเดินมาหลายหมู่บ้านแล้วที่บอกเปิด เขาจึงรู้ว่าแต่ละโครงการเป็นอย่างไร เขามีหุ้นที่ดินแทบทุกตัว นี่แหละครับ การออกหาข้อมูลและความจริงในเวลาว่างของเขา ... เขายังโสด และสนุก กับการลงทุน และพอใจ พอเพียงในการลงทุนของเขา......ยืนยันว่า มีคนแบบนี้ แต่จะใช่เขาหรือไม่ ผมยังสงสัยอยู่ครับ น่าจะใช่ เพราะข้อมูลใกล้เคียงกันมาก นายศรัทธา....มาแสดงตัวเร็ว ๆ หน่อยครับ :lol: :lol:
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 2
แบบนี้ที่ทายกันไว้ในห้องนั่งเล่น คงไม่ถูกกันซักคน
ใครหนอ ... คุณศรัทธา
ใครหนอ ... คุณศรัทธา
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
สุดยอดเลยครับ
โพสต์ที่ 5
สุดยอดเลยครับ นับถือๆ
เน้นคุณค่าทั้งเรื่องของการลงทุน และเรื่องของการใช้ชีวิต
เน้นคุณค่าทั้งเรื่องของการลงทุน และเรื่องของการใช้ชีวิต
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 7
คงไม่ใช่ผมแน่ครับ
เพราะตรงกับผมแค่ประมาณ 40%
คงเป็นเพื่อนของลุงขวดมากครับ เพราะตรงกัน 100%
อยากรู้จักเหมือนกันครับ น่านับถือมากทีเดียว..
เพราะตรงกับผมแค่ประมาณ 40%
คงเป็นเพื่อนของลุงขวดมากครับ เพราะตรงกัน 100%
อยากรู้จักเหมือนกันครับ น่านับถือมากทีเดียว..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 777
- ผู้ติดตาม: 0
มาดนักลงทุน
โพสต์ที่ 8
ท่านนักลงทุนเค้ามีหลายสไตล์นะครับ...บางท่านก็เดินเนิบนาบๆ
บางท่านก็ มาดผู้ดีๆหน่อย บางท่านก็มาดเจ๊เจ้าของกิจการ
แต่ที่แน่ๆ ของผมให้ดูมาดแมน มาดมั่น หน่อยก็โอเคแล้วครับ
ปกติสาวๆ เค้าก็ไม่ค่อยจะมองอยู่แล้วหล่ะคุณลุงขวด!!! (ฮะๆ):roll:
บางท่านก็ มาดผู้ดีๆหน่อย บางท่านก็มาดเจ๊เจ้าของกิจการ
แต่ที่แน่ๆ ของผมให้ดูมาดแมน มาดมั่น หน่อยก็โอเคแล้วครับ
ปกติสาวๆ เค้าก็ไม่ค่อยจะมองอยู่แล้วหล่ะคุณลุงขวด!!! (ฮะๆ):roll:
#===========#===========#
:=)
#===========#===========#
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 10
ผมต้องขอโทษคุณศรัทธาด้วย ผมเป็นหนึ่งในแหล่งข่าวของดร. ผมทราบว่าคุณศรัทธาโกรธมาก ที่นำเรื่องของเขาไปลงโดยไม่ได้รับอนุญาติ ผมไม่มีเจตนาที่จะล้อเลียน และขอยอมรับว่าบางข้อมูลก็ไม่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
พวกเราเพียงแต่ศรัทธาในแนวทางการรลงทุนและการใช้ชีวิตของเขา จึงเล่าให้ท่านดร.ฟัง ผมจึงขออภัยคุณศรัทธามาที่นี้ด้วย ผมหวังว่าคุณศรัทธาคงให้อภัยผม
พวกเราเพียงแต่ศรัทธาในแนวทางการรลงทุนและการใช้ชีวิตของเขา จึงเล่าให้ท่านดร.ฟัง ผมจึงขออภัยคุณศรัทธามาที่นี้ด้วย ผมหวังว่าคุณศรัทธาคงให้อภัยผม
- dragonfly
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 11
ถ้าให้เดาผมคิดว่าผมเคยเห็นเขานะครับ เห็นบ่อยๆตอนตลาดหลักทรัพย์จัดงาน Opp Day น่าจะเป็นผู้ชายคนที่ตัวใหญ่ๆหน่อย ชอบใส่รองเท้าผ้าใบ เสื้อยืดคอปก ผมสั้น หัวเถิกๆหน่อย ขอบตาคล้ำๆ คิดว่าคนนี้แน่นอน เห็นชอบถือขวดน้ำเดินไปเดินมาในห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์บ่อยๆ
โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับการใช้ชีวิตที่อัตคัต ขนาดนี้ ทั้งๆที่มีเงินขนาด 10 ล้านขึ้นไป ใช้ชีวิตแบบพอเพียงมากเกินไป ผมว่ายังไงๆก็เดินสายกลางไว้เป็นดีที่สุด ถ้ารวยมีเงิน เป็น 100 ล้าน 1000 ล้าน แต่ตอนแก่ไปแล้วไม่ได้ใช้ ที่ทำมา 10 ปี 20 ปี ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ตายไปแล้วก็เอาเงินติดตัวไปไม่ได้ กลายเป็นว่ารู้จักหาเงินใช้ แต่ใช้เงินไม่เป็น... (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ไม่ได้ฟันธงว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง 100 %)
คุณ ADAM SMITH ครับ ผมว่าถ้าคุณศรัทธาเขาโกรธคุณเรื่องที่คุณไปเล่าให้ ดร. นิเวศน์ ฟัง ผมคิดว่าเขามีจิตใจที่คับแคบมากเลยครับ ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลยครับ เรื่องแค่นี้เอง
โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับการใช้ชีวิตที่อัตคัต ขนาดนี้ ทั้งๆที่มีเงินขนาด 10 ล้านขึ้นไป ใช้ชีวิตแบบพอเพียงมากเกินไป ผมว่ายังไงๆก็เดินสายกลางไว้เป็นดีที่สุด ถ้ารวยมีเงิน เป็น 100 ล้าน 1000 ล้าน แต่ตอนแก่ไปแล้วไม่ได้ใช้ ที่ทำมา 10 ปี 20 ปี ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ตายไปแล้วก็เอาเงินติดตัวไปไม่ได้ กลายเป็นว่ารู้จักหาเงินใช้ แต่ใช้เงินไม่เป็น... (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ไม่ได้ฟันธงว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง 100 %)
คุณ ADAM SMITH ครับ ผมว่าถ้าคุณศรัทธาเขาโกรธคุณเรื่องที่คุณไปเล่าให้ ดร. นิเวศน์ ฟัง ผมคิดว่าเขามีจิตใจที่คับแคบมากเลยครับ ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลยครับ เรื่องแค่นี้เอง
-
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 12
คุณศรัทธาเขาอาจมีความสุข อย่างที่เขาเป็นอยู่ก็ได้ครับdragonfly เขียน: โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่กับการใช้ชีวิตที่อัตคัต ขนาดนี้ ทั้งๆที่มีเงินขนาด 10 ล้านขึ้นไป ใช้ชีวิตแบบพอเพียงมากเกินไป ผมว่ายังไงๆก็เดินสายกลางไว้เป็นดีที่สุด ถ้ารวยมีเงิน เป็น 100 ล้าน 1000 ล้าน แต่ตอนแก่ไปแล้วไม่ได้ใช้ ที่ทำมา 10 ปี 20 ปี ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ตายไปแล้วก็เอาเงินติดตัวไปไม่ได้ กลายเป็นว่ารู้จักหาเงินใช้ แต่ใช้เงินไม่เป็น... (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ไม่ได้ฟันธงว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูกต้อง 100 %)
คุณ ADAM SMITH ครับ ผมว่าถ้าคุณศรัทธาเขาโกรธคุณเรื่องที่คุณไปเล่าให้ ดร. นิเวศน์ ฟัง ผมคิดว่าเขามีจิตใจที่คับแคบมากเลยครับ ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลยครับ เรื่องแค่นี้เอง
เราไม่อาจตัดสินว่า เขามีความสุขหรือเปล่าจากมุมมองเราเอง ได้ ต้องถามเขาครับ 8)
เขามีสิทธิจะโกรธนะ ครับ เพราะเป็นเรื่งชีวิตของเขา
เอ้าคุณศรัทธามาตอบหน่อย
-
- Verified User
- โพสต์: 532
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 13
ผมจำได้ว่า ตอนผมทำงานครั้งแรกหลังจบ ACC อายุ19 เมื่อปี 2521 ผมได้เงินเดือนครั้งแรก 1700 บาท ผมให้คุณแม่ 5-600 บาท ไม่แน่ใจ ที่เหลือก็ไว้ใช้ครึ่งหนึ่ง โดยมีพาหนะเป็นมอเตอร์ไซด์ ซึ่งคุณแม่ซื้อให้ และ ฝากธนาคารครึ่งหนึ่ง ตอนนั้นก็ต้องประหยัดสุด ๆ แต่ก็มีความสุขตามสภาพ
แต่พอเงินเดือน เพิ่มขึ้นผมก็ปรับสภาพการใช้ชีวิต และ ใช้เงินตาม ซึ่งก็แน่นอน ชีวิตดีขึ้น
ปัจจุบันก็ได้ลงทุน และ มีรายได้มากขึ้น มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ก็ใช้จ่ายมากขึ้น และ ก็มีความสุขสบายมากกว่าเดิม เพราะมีครอบครับที่สมบูรณ์ และก็ใช้จ่ายอยู่ในกรอบที่ตัวเองมีความสามารถ และ มีเงินสะสมเผื่อเกิดปัญหาในภายหน้า
ผมเห็นด้วยว่าคนเราควรจะประหยัด และ รู้จักคุณค่าของเงิน และ จะต้องเก็บสะสมเงินไว้เพื่ออนาคต แต่ก็ไม่ควรกระเหม็ดกระเหม่เกินเหตุ จะเป็นการทำร้ายตัวเองเกินไป
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
แต่พอเงินเดือน เพิ่มขึ้นผมก็ปรับสภาพการใช้ชีวิต และ ใช้เงินตาม ซึ่งก็แน่นอน ชีวิตดีขึ้น
ปัจจุบันก็ได้ลงทุน และ มีรายได้มากขึ้น มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ก็ใช้จ่ายมากขึ้น และ ก็มีความสุขสบายมากกว่าเดิม เพราะมีครอบครับที่สมบูรณ์ และก็ใช้จ่ายอยู่ในกรอบที่ตัวเองมีความสามารถ และ มีเงินสะสมเผื่อเกิดปัญหาในภายหน้า
ผมเห็นด้วยว่าคนเราควรจะประหยัด และ รู้จักคุณค่าของเงิน และ จะต้องเก็บสะสมเงินไว้เพื่ออนาคต แต่ก็ไม่ควรกระเหม็ดกระเหม่เกินเหตุ จะเป็นการทำร้ายตัวเองเกินไป
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 14
ผมคิดว่าคุณศรัทธา เป็นคนที่ยอดเยี่ยมและมีความสุขแน่นอน
การใช้ชีวิตของแต่ละคน มีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน
เอาตัวเองไปวัดได้ลำบากนะ
ถ้าคุณศรัทธาจะโกรธ ผมว่าเค้ามีสิทธินะครับ
แต่ผมอยากบอกคุณศรัทธาครับ ถ้าคุณศรัทธาได้มาอ่านว่า
ผมนับถือมากๆ และเชื่อว่าคุณมีความสุขกับชีวิตแน่ๆ
การที่ ดร. เขียนถึงน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้หลายๆคนได้ฉุกคิดอะไรบางอย่างในชีวิต
ดังนั้น การที่คุณศรัทธาเป็น role model ให้กับคนอื่นๆ
จะเป็นการทำบุญอย่างดียิ่งครั้งหนึ่งในชีวิตครับ
ดังนั้น ถ้าคุณศรัทธาโกรธน้อยลง น่าจะดีนะครับ
ถือซะว่าทำบุญครั้งใหญ่ครับ
ปล. ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณศรัทธา แต่ไม่อยากให้มีการโกรธกัน
เพราะเป็นข้อความที่ดีและทำให้หลายคนมองเห็นทางของชีวิตครับ
การใช้ชีวิตของแต่ละคน มีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน
เอาตัวเองไปวัดได้ลำบากนะ
ถ้าคุณศรัทธาจะโกรธ ผมว่าเค้ามีสิทธินะครับ
แต่ผมอยากบอกคุณศรัทธาครับ ถ้าคุณศรัทธาได้มาอ่านว่า
ผมนับถือมากๆ และเชื่อว่าคุณมีความสุขกับชีวิตแน่ๆ
การที่ ดร. เขียนถึงน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้หลายๆคนได้ฉุกคิดอะไรบางอย่างในชีวิต
ดังนั้น การที่คุณศรัทธาเป็น role model ให้กับคนอื่นๆ
จะเป็นการทำบุญอย่างดียิ่งครั้งหนึ่งในชีวิตครับ
ดังนั้น ถ้าคุณศรัทธาโกรธน้อยลง น่าจะดีนะครับ
ถือซะว่าทำบุญครั้งใหญ่ครับ
ปล. ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณศรัทธา แต่ไม่อยากให้มีการโกรธกัน
เพราะเป็นข้อความที่ดีและทำให้หลายคนมองเห็นทางของชีวิตครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 15
เอ ศรัทธานี่ชื่อจริงเหรอครับ
จริงๆไม่น่าจะโกรธมากนะครับ ถ้าไม่ได้เอ่ยชื่อจริง
จริงๆไม่น่าจะโกรธมากนะครับ ถ้าไม่ได้เอ่ยชื่อจริง
bid please!!
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 16
[quote="Reminiscence of 3 Dogs"]เอ ศรัทธานี่ชื่อจริงเหรอครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 17
เงินกับความสุข
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าถ้าเรามีเงินเราจะมีความสุขมากขึ้น คนเชื่อว่าคนรวยย่อมมีความสุขมากกว่าคนจน ยิ่งรวยมากเท่าไร ความสุขก็มากขึ้นเท่านั้น เพราะคนเชื่อว่า เงินสามารถซื้อความสุขได้แม้ว่าจะไม่ใช่ความสุขทุกอย่างแต่ก็ซื้อได้มาก เงินสามารถใช้ซื้ออาหารอร่อย ๆ รับประทานได้ เงินสามารถพาเราไปท่องเที่ยวได้มากขึ้นและไกลขึ้น เงินทำให้เราซื้อบ้านและซื้อรถยนต์ที่ทำให้เรามีหน้ามีตาในหมู่เพื่อนฝูงและคนรู้จัก เงินทำให้เราส่งลูกไปเรียนโรงเรียนดี ๆ หรือไปเรียนต่างประเทศได้ เพราะฉะนั้น อย่ามาพูดเลยว่าเงินกับความสุขไม่เกี่ยวกัน
นั่นคือสิ่งที่คนที่ยังไม่ค่อยมีเงินหรือคิดว่าตนยังมีเงินไม่พอมักจะคิด คนเหล่านั้นมักจะ "ฝัน" ว่า ถ้าเขามีเงินมากขึ้น เขาคงจะมีความสุขมาก เพราะสิ่งที่เขาคิดอยากจะได้แต่ยังทำไม่ได้เพราะมีเงินไม่พอ เขาก็จะสามารถซื้อหามาได้ และนั่นคือความสุขที่เขากำลังพยายามไขว่คว้า แต่เชื่อไหมครับว่าวันที่เขามีเงินพอและได้ใช้หรือบริโภคสิ่งที่เขา "ฝัน" ไว้แล้ว สิ่งนั้นก็จะไม่ใช่ "ความสุข" อีกต่อไป เขาจะเริ่ม "ฝัน" ถึง "ความสุข" ใหม่ ที่จะต้องใช้เงินมากขึ้นไปอีก เงินคือความสุขหรือเงินเป็นสิ่งที่หลอกลวงกันแน่?
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าถ้าเรามีเงินเราจะมีความสุขมากขึ้น คนเชื่อว่าคนรวยย่อมมีความสุขมากกว่าคนจน ยิ่งรวยมากเท่าไร ความสุขก็มากขึ้นเท่านั้น เพราะคนเชื่อว่า เงินสามารถซื้อความสุขได้แม้ว่าจะไม่ใช่ความสุขทุกอย่างแต่ก็ซื้อได้มาก เงินสามารถใช้ซื้ออาหารอร่อย ๆ รับประทานได้ เงินสามารถพาเราไปท่องเที่ยวได้มากขึ้นและไกลขึ้น เงินทำให้เราซื้อบ้านและซื้อรถยนต์ที่ทำให้เรามีหน้ามีตาในหมู่เพื่อนฝูงและคนรู้จัก เงินทำให้เราส่งลูกไปเรียนโรงเรียนดี ๆ หรือไปเรียนต่างประเทศได้ เพราะฉะนั้น อย่ามาพูดเลยว่าเงินกับความสุขไม่เกี่ยวกัน
นั่นคือสิ่งที่คนที่ยังไม่ค่อยมีเงินหรือคิดว่าตนยังมีเงินไม่พอมักจะคิด คนเหล่านั้นมักจะ "ฝัน" ว่า ถ้าเขามีเงินมากขึ้น เขาคงจะมีความสุขมาก เพราะสิ่งที่เขาคิดอยากจะได้แต่ยังทำไม่ได้เพราะมีเงินไม่พอ เขาก็จะสามารถซื้อหามาได้ และนั่นคือความสุขที่เขากำลังพยายามไขว่คว้า แต่เชื่อไหมครับว่าวันที่เขามีเงินพอและได้ใช้หรือบริโภคสิ่งที่เขา "ฝัน" ไว้แล้ว สิ่งนั้นก็จะไม่ใช่ "ความสุข" อีกต่อไป เขาจะเริ่ม "ฝัน" ถึง "ความสุข" ใหม่ ที่จะต้องใช้เงินมากขึ้นไปอีก เงินคือความสุขหรือเงินเป็นสิ่งที่หลอกลวงกันแน่?
- dragonfly
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
ใครหว่า.....บทความของ ดr นิเวศน์ เรื่อง ความพอเพียงของศรัทธา
โพสต์ที่ 18
เห็นด้วยกับบทความนี้ครับ เงินกับความสุข ของ ดร. นิเวศน์
ถูกต้องแล้วครับบางครั้งเงินก็ซื้อความสุขไม่ได้
"การได้รับการยอมรับในหมู่ญาติมิตรและเพื่อนฝูงนั้น ผมคิดว่าเงินไม่น่าจะมีส่วนมากนัก การมีน้ำจิตน้ำใจเอื้ออารีน่าจะมีความสำคัญกว่าและสิ่งนี้ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ดังนั้น ความสุขจากการที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเงินเลย"
ถูกต้องแล้วครับบางครั้งเงินก็ซื้อความสุขไม่ได้
"การได้รับการยอมรับในหมู่ญาติมิตรและเพื่อนฝูงนั้น ผมคิดว่าเงินไม่น่าจะมีส่วนมากนัก การมีน้ำจิตน้ำใจเอื้ออารีน่าจะมีความสำคัญกว่าและสิ่งนี้ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ดังนั้น ความสุขจากการที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเงินเลย"