ช่วยชำแหละ ctw ให้ด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยชำแหละ ctw ให้ด้วยครับ
โพสต์ที่ 1
ผมรสนิยมชอบหุ้นปันผล กับต่ำบุ๊คครับ มันน่าจะปลอดภัยดี ตามความเห็นส่วนตัวครับ
ไปติดใจ ctw ได้หุ้นตัวนี้มาจาก ในเว็บ พี่ ๆ หลายท่านอาจจะทิ้งไปแล้ว แต่ผมยังตามอยู่ครับ
ถ้าไปโพส์ท์ห้องส่วนตัวของ ctw ก้อไม่เคลื่อนไหว มาห้องใหญ่ดีกว่า
ปีนี้กำไร 1.33 บาท ต่อหุ้น มากกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 50%
คิดเป็นเงินกำไรปี 49 เท่ากับ 523. ลบ. แต่เป็นกำไรค่าเงิน 171 ลบ. หรือ 32% ของกำไร กำไรจากการดำเนินงินจริงเท่ากับ 352 ล้านบาท
ทั้งที่ ยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 7,091 ลบ. เป็น 9,991 ลบ. ในปีนี้
ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลง
คิดจากปีที่แล้วกำไร 327 ล้านบาท ขาดทุนค่าเงิน 50 ล้าน ถ้าไม่หักขาดทุนค่าเงิน แสดงว่ากำไรจริง 377 ล้านบาท
ปี 49 กำไรจากการดำเนินงานลดลง ทั้งที่ยอดขายเพิ่มขึ้นตั้ง 2,900 ลบ.
อยากถามพี่ ๆ ครับ แสดงว่า ctw ต่ำบุ๊คยังไงก้อไม่น่าสนใจใช่มั้ยครับ ผมจะได้เลิกติดตาม
ไปติดใจ ctw ได้หุ้นตัวนี้มาจาก ในเว็บ พี่ ๆ หลายท่านอาจจะทิ้งไปแล้ว แต่ผมยังตามอยู่ครับ
ถ้าไปโพส์ท์ห้องส่วนตัวของ ctw ก้อไม่เคลื่อนไหว มาห้องใหญ่ดีกว่า
ปีนี้กำไร 1.33 บาท ต่อหุ้น มากกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 50%
คิดเป็นเงินกำไรปี 49 เท่ากับ 523. ลบ. แต่เป็นกำไรค่าเงิน 171 ลบ. หรือ 32% ของกำไร กำไรจากการดำเนินงินจริงเท่ากับ 352 ล้านบาท
ทั้งที่ ยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 7,091 ลบ. เป็น 9,991 ลบ. ในปีนี้
ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลง
คิดจากปีที่แล้วกำไร 327 ล้านบาท ขาดทุนค่าเงิน 50 ล้าน ถ้าไม่หักขาดทุนค่าเงิน แสดงว่ากำไรจริง 377 ล้านบาท
ปี 49 กำไรจากการดำเนินงานลดลง ทั้งที่ยอดขายเพิ่มขึ้นตั้ง 2,900 ลบ.
อยากถามพี่ ๆ ครับ แสดงว่า ctw ต่ำบุ๊คยังไงก้อไม่น่าสนใจใช่มั้ยครับ ผมจะได้เลิกติดตาม
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ช่วยชำแหละ ctw ให้ด้วยครับ
โพสต์ที่ 2
จะให้ชำแหละจริงหรือตัวนี้
ใครชำแหละตอบคำถามดังนี้
งบกระแสเงินสด ในงบเฉพาะบริษัท
ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ-เงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บริษัทย่อย =500ล้านบาท -> แล้วทำให้ต้องคิดเป็นNPLด้วยล่ะเนี่ย บริษัทแม่คิดเงินลงทุนบริษัทลูกเป็นNPL O_o
(เพิ่มขึ้น)ลดลงในสินค้าคงเหลือ = (452,929,395) บาท
ในงบรวม (1,257,692,152) บาท ->จะตุนอะไรกันหนักกันหนาล่ะเนี่ย
ส่วนแบ่งผลขาดทุน(กำไร)จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม เฉพาะบริษัท (580,441,805) บาท งบรวม139,972,005 บาท -> บริษัทลูกบริษัทไหนมันทำให้ขาดทุนได้ขาดนี้
(เพิ่มขึ้น)ลดลงในเงินฝากประจำ มันหายไปไหนล่ะเนี่ย ไม่มีเลย
ซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (51,927,838) บาทในงบเดี่ยว งบรวม (96,541,481) บาท -> ตกลงว่าจะซื้อที่ดินหรือขายที่ดินล่ะเนี่ย
(เพิ่มขึ้น)ลดลงในเงินฝากประจำและบัตรเงินฝากที่ติดภาระค้ำประกัน (66,505,479) บาท ในงบรวม แต่งบเดี่ยวไม่มี -> เอ๋ บริษัทลูกบริษัทไหน มีการประมูลงานจึงต้องใช้ตัวนี้ด้วย อืมๆๆน่าคิด
เพิ่มขึ้น(ลดลง)ในเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน งบรวม 1,404,385,416 บาท งบเดี่ยว 293,265,612 บาท -> เบิกไปทำอะไรเนี่ย ดอกเบี้ยเท่าไรล่ะเนี่ย เฉพาะบริษัทลูกต่างๆ เบิกเกินไป 1.1 พันล้านบาท โดยประมาณ เอาไปขยายงานอะไรกันหรือเนี่ย
เงินสดจ่ายชำระเงินกู้ยืมระยะยาวจากบริษัทย่อยและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน งบรวม (205,873,000)บาท -> ค่าคืนไปได้หน่อย ดีขึ้นครับ
หมายเหตุ
ดูส่วนหนึ่งของข้อ 12
บริษัทย่อยสองแห่งได้นำที่ดิน อาคารและเครื่องจักรไปจดจำนองและจำนำกับสถาบันการเงินในราคาทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 737.00 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 จำนวน 597.00 ล้านบาท และ 6.30 ล้านเรนมินบิ เพื่อค้ำประกันเงินกู้ยืมระยะสั้นและเจ้าหนี้ทรัสต์รีซีทส์จากสถาบันการเงิน ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 14
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 2548 ตามงบการเงินรวม มีสินทรัพย์ราคาทุนจำนวน 2,125.87 ล้านบาท และจำนวน 1,992.00 ล้านบาท ตามลำดับ และตามงบการเงินเฉพาะบริษัทจำนวน 1,348.73 ล้านบาท และจำนวน 1,148.00 ล้านบาท ตามลำดับ ได้ตัดค่าเสื่อมราคาหมดแล้วทั้งจำนวนแต่ยังคงใช้งานอยู่
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ว่าจ้างบริษัทประเมินราคาทรัพย์สินอิสระทำการประเมินราคาที่ดินที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งบริษัทย่อยดังกล่าวเลือกบันทึกบัญชีตามเกณฑ์ราคาทุน โดยเมื่อมีการตีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นจะบันทึกเฉพาะมูลค่าสุทธิของราคาตามบัญชีที่เพิ่มขึ้นไปยังบัญชีที่ดินที่ตีราคาเพิ่มคู่กับบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินเพิ่มนั้น ตามงบการเงินรวมมีบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินเพิ่มในส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 276.65 ล้านบาท
->อะไรเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทย่อยแห่งนั้น
ส่วนหนึ่งของข้อ 14
14.1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เงินกู้ยืมระยะสั้นส่วนหนึ่งจำนวน 259.14 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทย่อยในต่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งกู้ยืมจากสถาบันการเงินในต่างประเทศสามแห่งอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.058 ถึง SIBOR+1~1.50 ต่อปี ค้ำประกันโดยบริษัทย่อยในประเทศแห่งหนึ่ง และที่ดิน อาคารโรงงาน และอาคารสำนักงานของบริษัทย่อยในต่างประเทศ (ผู้กู้) ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12
14.2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 209.50 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทย่อยในต่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งกู้ยืมจากสถาบันการเงินในต่างประเทศสองแห่งอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.58 ถึง SIBOR+1~1.25 ต่อปี ค้ำประกันโดยบริษัทย่อยในประเทศแห่งหนึ่ง และที่ดิน อาคารโรงงาน และอาคารสำนักงานของบริษัทย่อยในต่างประเทศ (ผู้กู้) ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12
14.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เงินกู้ยืมระยะสั้นส่วนหนึ่งจำนวน 300 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทย่อยสองแห่งอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.75 ต่อปี ค้ำประกันโดยที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรของบริษัทย่อย ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12 เงินฝากประจำและบัตรเงินฝาก ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 13 และค้ำประกันวงเงินสินเชื่อจากธนาคารโดยบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อที่ 22.2
14.4 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 2548 เจ้าหนี้ทรัสต์รีซีทส์ของบริษัทย่อยสามแห่งค้ำประกัน โดยที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรของบริษัทย่อย ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12 และเงินฝากประจำและบัตรเงินฝากตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 13
-> เห็นแล้วเป็นไงครับ
ปล
ผมตอบคำถามทางเจ้าของกระทู้ครบไหมครับ
บอกว่าให้ผมผ่าตัดผมก็ผ่าให้ดูแล้วว่ามีอะไรในกอไผ่บ้าง
บ้างที่ดูงบดุลแล้วมองไม่ออก ไปบ้างอ้อตอนงบกระแสเงินสด
ใครชำแหละตอบคำถามดังนี้
งบกระแสเงินสด ในงบเฉพาะบริษัท
ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ-เงินให้กู้ยืมระยะยาวแก่บริษัทย่อย =500ล้านบาท -> แล้วทำให้ต้องคิดเป็นNPLด้วยล่ะเนี่ย บริษัทแม่คิดเงินลงทุนบริษัทลูกเป็นNPL O_o
(เพิ่มขึ้น)ลดลงในสินค้าคงเหลือ = (452,929,395) บาท
ในงบรวม (1,257,692,152) บาท ->จะตุนอะไรกันหนักกันหนาล่ะเนี่ย
ส่วนแบ่งผลขาดทุน(กำไร)จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม เฉพาะบริษัท (580,441,805) บาท งบรวม139,972,005 บาท -> บริษัทลูกบริษัทไหนมันทำให้ขาดทุนได้ขาดนี้
(เพิ่มขึ้น)ลดลงในเงินฝากประจำ มันหายไปไหนล่ะเนี่ย ไม่มีเลย
ซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (51,927,838) บาทในงบเดี่ยว งบรวม (96,541,481) บาท -> ตกลงว่าจะซื้อที่ดินหรือขายที่ดินล่ะเนี่ย
(เพิ่มขึ้น)ลดลงในเงินฝากประจำและบัตรเงินฝากที่ติดภาระค้ำประกัน (66,505,479) บาท ในงบรวม แต่งบเดี่ยวไม่มี -> เอ๋ บริษัทลูกบริษัทไหน มีการประมูลงานจึงต้องใช้ตัวนี้ด้วย อืมๆๆน่าคิด
เพิ่มขึ้น(ลดลง)ในเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน งบรวม 1,404,385,416 บาท งบเดี่ยว 293,265,612 บาท -> เบิกไปทำอะไรเนี่ย ดอกเบี้ยเท่าไรล่ะเนี่ย เฉพาะบริษัทลูกต่างๆ เบิกเกินไป 1.1 พันล้านบาท โดยประมาณ เอาไปขยายงานอะไรกันหรือเนี่ย
เงินสดจ่ายชำระเงินกู้ยืมระยะยาวจากบริษัทย่อยและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน งบรวม (205,873,000)บาท -> ค่าคืนไปได้หน่อย ดีขึ้นครับ
หมายเหตุ
ดูส่วนหนึ่งของข้อ 12
บริษัทย่อยสองแห่งได้นำที่ดิน อาคารและเครื่องจักรไปจดจำนองและจำนำกับสถาบันการเงินในราคาทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 737.00 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 จำนวน 597.00 ล้านบาท และ 6.30 ล้านเรนมินบิ เพื่อค้ำประกันเงินกู้ยืมระยะสั้นและเจ้าหนี้ทรัสต์รีซีทส์จากสถาบันการเงิน ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 14
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 2548 ตามงบการเงินรวม มีสินทรัพย์ราคาทุนจำนวน 2,125.87 ล้านบาท และจำนวน 1,992.00 ล้านบาท ตามลำดับ และตามงบการเงินเฉพาะบริษัทจำนวน 1,348.73 ล้านบาท และจำนวน 1,148.00 ล้านบาท ตามลำดับ ได้ตัดค่าเสื่อมราคาหมดแล้วทั้งจำนวนแต่ยังคงใช้งานอยู่
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้ว่าจ้างบริษัทประเมินราคาทรัพย์สินอิสระทำการประเมินราคาที่ดินที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งบริษัทย่อยดังกล่าวเลือกบันทึกบัญชีตามเกณฑ์ราคาทุน โดยเมื่อมีการตีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นจะบันทึกเฉพาะมูลค่าสุทธิของราคาตามบัญชีที่เพิ่มขึ้นไปยังบัญชีที่ดินที่ตีราคาเพิ่มคู่กับบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินเพิ่มนั้น ตามงบการเงินรวมมีบัญชีส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินเพิ่มในส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 276.65 ล้านบาท
->อะไรเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทย่อยแห่งนั้น
ส่วนหนึ่งของข้อ 14
14.1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เงินกู้ยืมระยะสั้นส่วนหนึ่งจำนวน 259.14 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทย่อยในต่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งกู้ยืมจากสถาบันการเงินในต่างประเทศสามแห่งอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.058 ถึง SIBOR+1~1.50 ต่อปี ค้ำประกันโดยบริษัทย่อยในประเทศแห่งหนึ่ง และที่ดิน อาคารโรงงาน และอาคารสำนักงานของบริษัทย่อยในต่างประเทศ (ผู้กู้) ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12
14.2 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 209.50 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินของบริษัทย่อยในต่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งกู้ยืมจากสถาบันการเงินในต่างประเทศสองแห่งอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.58 ถึง SIBOR+1~1.25 ต่อปี ค้ำประกันโดยบริษัทย่อยในประเทศแห่งหนึ่ง และที่ดิน อาคารโรงงาน และอาคารสำนักงานของบริษัทย่อยในต่างประเทศ (ผู้กู้) ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12
14.3 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เงินกู้ยืมระยะสั้นส่วนหนึ่งจำนวน 300 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ในรูปตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทย่อยสองแห่งอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6.75 ต่อปี ค้ำประกันโดยที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรของบริษัทย่อย ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12 เงินฝากประจำและบัตรเงินฝาก ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 13 และค้ำประกันวงเงินสินเชื่อจากธนาคารโดยบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อที่ 22.2
14.4 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 และ 2548 เจ้าหนี้ทรัสต์รีซีทส์ของบริษัทย่อยสามแห่งค้ำประกัน โดยที่ดิน อาคาร และเครื่องจักรของบริษัทย่อย ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 12 และเงินฝากประจำและบัตรเงินฝากตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 13
-> เห็นแล้วเป็นไงครับ
ปล
ผมตอบคำถามทางเจ้าของกระทู้ครบไหมครับ
บอกว่าให้ผมผ่าตัดผมก็ผ่าให้ดูแล้วว่ามีอะไรในกอไผ่บ้าง
บ้างที่ดูงบดุลแล้วมองไม่ออก ไปบ้างอ้อตอนงบกระแสเงินสด
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยชำแหละ ctw ให้ด้วยครับ
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับพี่ miracle ใช่คนเดียวกับ mythy miracle ในสินธรมั้ยครับ เห็นล็อคอินคล้าย ๆ กันครับ
ไม่เคยดูงบละเอียดลึกซึ้งขนาดพี่เลยครับ ขอคาราวะจริง ๆ
ผมแค่ดูงบการเงินคร่าว ๆ ผมว่ามันทะแม่ง ๆ อย่างที่บอกครับ
เราจะดูอะไรง่าย ๆ ไม่ได้เลย พีอี พีบี ยีลด์ บอกอะไรไม่หมด
ต้องเจาะลึกเข้าไปในตับไต ใส้พุง เหมือนคนวีไอพันธ์แท้อย่างพี่ ๆ ทำ
สรุปว่า เป็นธุรกิจที่เข้าใจยาก บ.ยิบย่อยเยอะแยะ ไม่รู้ทำอะไรไว้มั่ง
แต่งตัวเลขซุกไว้ที่นั่นที่นี่ สินค้าคงเหลือสูงผิดปกติไม่น่าไว้ใจ
อาจเป็นการปั้นตัวเลขต้นทุนขายให้ต่ำ ๆ เพื่อให้มีกำไรปีนี้โดยฝากต้นทุนจริงไว้ที่สินค้าคงเหลือก้อได้ครับ
ยอดขายสูงลิ่ว แต่การทำกำไรติดลบ บริษัทมีปัญหาแน่ คิดอย่างบ้าน ๆ เลยครับ
ราคาหุ้นช่วงระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา วันนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ขอบคุณครับ
ไม่เคยดูงบละเอียดลึกซึ้งขนาดพี่เลยครับ ขอคาราวะจริง ๆ
ผมแค่ดูงบการเงินคร่าว ๆ ผมว่ามันทะแม่ง ๆ อย่างที่บอกครับ
เราจะดูอะไรง่าย ๆ ไม่ได้เลย พีอี พีบี ยีลด์ บอกอะไรไม่หมด
ต้องเจาะลึกเข้าไปในตับไต ใส้พุง เหมือนคนวีไอพันธ์แท้อย่างพี่ ๆ ทำ
สรุปว่า เป็นธุรกิจที่เข้าใจยาก บ.ยิบย่อยเยอะแยะ ไม่รู้ทำอะไรไว้มั่ง
แต่งตัวเลขซุกไว้ที่นั่นที่นี่ สินค้าคงเหลือสูงผิดปกติไม่น่าไว้ใจ
อาจเป็นการปั้นตัวเลขต้นทุนขายให้ต่ำ ๆ เพื่อให้มีกำไรปีนี้โดยฝากต้นทุนจริงไว้ที่สินค้าคงเหลือก้อได้ครับ
ยอดขายสูงลิ่ว แต่การทำกำไรติดลบ บริษัทมีปัญหาแน่ คิดอย่างบ้าน ๆ เลยครับ
ราคาหุ้นช่วงระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา วันนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ช่วยชำแหละ ctw ให้ด้วยครับ
โพสต์ที่ 4
ไม่เป็นไรครับ
กระผมก็ผ่าตัดงบไม่เก่งครับ
จริงๆดูแค่งบดุล งบกำไรขาดทุน
แล้วต้องไปมองผ่านในงบกระแสเงินสดด้วย
เช่นบริษัทนี้
งบดุลกับงบกำไรขาดทุน ดูแล้วอยากจะซื้อเลยทันที
เพราะเห็นเงินเหลือในตัวหุ้นเพียบ มีลูกหนี้การค้าเพียบ
ไม่มีอะไรติดใจสงสัยเท่าไร
แต่เมื่อไปดูงบกระแสเงินสดแล้ว จากที่จะซื้อทันที เป็นถ้ามีขอขายทันที เนื่องจากมีสิ่งที่พิจาณาไม่ได้อีกหลายอย่าง หรือคาดเดาไม่ออก หรือ คาดการณ์ไปแล้วอาจจะผิดพลาดได้ ทำให้โยนทิ้งน้ำไปเป็น ดูแล้วไม่สนใจแทน
แต่ตัวนี้เท่าที่เห็นมีบริษัทประกันภัยถือครองหุ้นอยู่ด้วย เป็นหุ้นประเภทปันผล แต่ตอนนี้อาจจะไม่ใช่ก็ได้
คำว่าหุ้นดีในอดีตอาจจะไม่ใช่หุ้นดีในปัจจุบันก็เป็นไปได้ ต้องพิจารณาให้ดีๆครับ และบ้างครั้งต้องดูด้วยว่ามีเวลาในการทำการแกะพวกนี้หรือเปล่า เพราะบริษัทในตลาดมีตั้ง เกือบห้าร้อยบริษัท แต่หาบริษัทที่งบดูดี กิจการดูแล้วokสำหรับแต่ละคนต้องใช้เวลาครับ
กระผมก็ผ่าตัดงบไม่เก่งครับ
จริงๆดูแค่งบดุล งบกำไรขาดทุน
แล้วต้องไปมองผ่านในงบกระแสเงินสดด้วย
เช่นบริษัทนี้
งบดุลกับงบกำไรขาดทุน ดูแล้วอยากจะซื้อเลยทันที
เพราะเห็นเงินเหลือในตัวหุ้นเพียบ มีลูกหนี้การค้าเพียบ
ไม่มีอะไรติดใจสงสัยเท่าไร
แต่เมื่อไปดูงบกระแสเงินสดแล้ว จากที่จะซื้อทันที เป็นถ้ามีขอขายทันที เนื่องจากมีสิ่งที่พิจาณาไม่ได้อีกหลายอย่าง หรือคาดเดาไม่ออก หรือ คาดการณ์ไปแล้วอาจจะผิดพลาดได้ ทำให้โยนทิ้งน้ำไปเป็น ดูแล้วไม่สนใจแทน
แต่ตัวนี้เท่าที่เห็นมีบริษัทประกันภัยถือครองหุ้นอยู่ด้วย เป็นหุ้นประเภทปันผล แต่ตอนนี้อาจจะไม่ใช่ก็ได้
คำว่าหุ้นดีในอดีตอาจจะไม่ใช่หุ้นดีในปัจจุบันก็เป็นไปได้ ต้องพิจารณาให้ดีๆครับ และบ้างครั้งต้องดูด้วยว่ามีเวลาในการทำการแกะพวกนี้หรือเปล่า เพราะบริษัทในตลาดมีตั้ง เกือบห้าร้อยบริษัท แต่หาบริษัทที่งบดูดี กิจการดูแล้วokสำหรับแต่ละคนต้องใช้เวลาครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยชำแหละ ctw ให้ด้วยครับ
โพสต์ที่ 5
ขอเก็บไว้ดูหน่อยนะ :lol:
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยชำแหละ ctw ให้ด้วยครับ
โพสต์ที่ 6
ตอนโพสแรกๆ ผมเคยเชียร์และเคยเฉ่งบริษัทจดทะเบียนตรงๆ แถวนี้อยู่เหมือนกันแล้วมันก็ไปเกิดเหตุการณ์ที่ผมไม่สบายใจเลยได้สำนึกภายหลัง (แต่นิสัยเสียเรื่องการมองโลกในแง่ร้ายก็ไม่ได้เปลี่ยนหรอกนะครับ :ep: ) ถ้าหากจะไปพัวพันกับหุ้นคนอื่นมากเดี๋ยวปวดหัวเปล่าๆ CTW ถ้าเทียบกับบรรดาหุ้นเจ้าคุณปู่ทั้งหลายใน ตลท. ก็อ่อนกว่าอยู่แค่ 5 เดือนเอง ผ่านมา 30 กว่าปี การที่ราคายังต่ำบุ๊คและไม่ถึง 2 เท่าของราคาพาร์นั้นย่อมมีเหตุผล เทียบกับปูนใหญ่ที่ 240 เท่าของพาร์โดยที่ไม่รวมปันผลก็นับว่าต่างกันราวฟ้าดิน มันไม่เหมาะกับการลงทุนยาวแต่ถ้าเราเข้าใจโครงสร้างการได้มาซึ่งกำไรของบริษัทก็เกร็งกำไรได้ครับ 8)
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร