การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
-
ลูกอิสาน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
คัดลอกจาก Biz Week Web Site, Business and General news in Thai language
วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2550
เงินออมของผม 100% อยู่ในตลาดหุ้น
หากจะนำประสบการณ์การออมและการลงทุน
ของผู้บริหารสถาบันการเงินอย่าง "ธีระ ภู่ตระกูล" ผู้บริหาร บลจ.ฟินันซ่า
มาเป็นแนวทางเก็บออมและลงทุนให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆ ไป
ก็คงไม่เหมาะเจาะสักเท่าไหร่ แต่มีบางประเด็นที่ "ธีระ ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าสนใจ
เขาบอกว่า แม้จะเริ่มต้นด้วยเงินเดือน 14,000 บาท เมื่ออายุ 21 ปี ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง
และจนถึงขณะนี้กินเงินเดือนผู้บริหารระดับสูง
แต่ถ้านับลำพังเงินออมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จนถึงวันนี้
เขายังมีไม่ถึง 10 ล้านบาท
"ผมเริ่มลงทุนจากเงินเดือนทำงานครั้งแรกหมื่นสี่พันบาท ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น
ปัจจุบันถ้าคิดผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ยังมีไม่ถึง 10 ล้านบาท"
ธีระบอกว่า ลำพังผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ไม่มีทางเก็บออมได้ถึง 10 ล้านบาทอย่างแน่นอนเนื่องจากนโยบายการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
จะเน้นลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้ เป็นหลักจึงทำให้เงินที่ถูกหักจากเงินเดือนไม่เติบโต
แต่การนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างหาก ที่ทำให้การลงทุนของเขาบรรลุเป้าหมายในระยะยาว
ปัจจุบันเงินลงทุนส่วนตัวของธีระ 100% อยู่ในตลาดหุ้น
โดยเฉพาะในตลาดหุ้นต่างประเทศ เขาให้น้ำหนักลงทุนมากถึง 80%
"เงินลงทุนส่วนตัวของผมส่วนใหญ่จะอยู่ในตลาดหุ้น
แม้หลายคนจะมองว่ามีความเสี่ยงสูง แต่ตอนนี้ตลาดเปิดกว้างขึ้น
การนำเงินไปลงทุนต่างประเทศ ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์
จึงเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียว
ขณะที่คนส่วนใหญ่มักจะเอาความปลอดภัยไว้ก่อน
จึงลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เงินฝาก เมื่อผลตอบแทนสุทธิระยะยาว
(หลังหักเงินเฟ้อ) จะได้ผลตอบแทนที่ต่ำมากเพียง 0-3%
เพราะเงินเฟ้อกินหมด แต่ถ้าลงทุนในหุ้นจะได้ผลตอบแทนสุทธิสูงถึง
5-9% ต่อปี"
ธีระบอกว่า จุดดีของการกระจายความเสี่ยงในหลายประเทศ
ก็จะช่วยกระจายความเสี่ยงออกไป อีกประเด็นคือ
เป็นการลงทุนระยะยาว เพราะเงินก้อนนี้ไม่ได้ใช้
"ตอนนี้ผมอายุ 44 ปี ก็คาดว่าจะมีชีวิตอยู่อีก 40 ปี
ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในหุ้นที่ผ่านมาของผม ทำได้ราว 10%
ต่อปี ซึ่งเชื่อว่าระยะยาวไม่น่าหนีไปจากนี้เท่าไร
ถ้าหากเงินเฟ้อยังอยู่ระดับนี้"
"หลักการ Asset Allocation ของพอร์ตผม ยังไม่เปลี่ยน
เพราะเราลงทุนระยะยาว ไม่จำเป็นต้องปรับพอร์ตบ่อย
อย่างลงทุนในหุ้น 100% ก็ยังลงทุนต่อไป
ยิ่งตลาดหุ้นปรับตัวลงมาอย่างนี้ยิ่งน่าสนใจ
ขณะที่ผมจะลงทุนในตราสารหนี้ส่วนน้อยมาก รวมถึงอสังหาริมทรัพย์
ที่ผมติงว่าสภาพคล่องมีน้อย"
สำหรับการวางเป้าหมายมีเงิน 10 ล้านบาท ก่อน 60 ปี
สำหรับคนที่ต้องการเกษียณอย่างเพียงพอนั้น
ธีระมั่นใจว่าทุกคนสามารถทำได้ถึงเป้าหมายนี้
"ผมรับประกันได้ว่า คนอายุ 30 ปี ปัจจุบันมีเงินเดือน 3 หมื่นบาท
สามารถบรรลุเป้าหมายมีเงิน 10 ล้านบาทเมื่อเกษียณแน่นอน เช่น
แบ่งเงินลงทุนเดือนละ 1 หมื่นบาท และทำให้ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี
ก็จะได้ 17 ล้านบาทตอนเกษียณ
แต่ผลตอบแทนที่ได้จะขึ้นกับผลตอบแทนและระยะเวลา
ตลอดจนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่รับได้ด้วย
แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่จะเอาผลตอบแทน 8-10% ต่อปี
จากแหล่งลงทุนไหน ที่แน่ๆ ไม่ใช่การฝากเงินหรือลงทุนพันธบัตร
แต่ต้องกระจายลงทุนไปยังตลาดหุ้น ตราสารโภคภัณฑ์
หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ธีระทิ้งท้ายว่า เหตุที่คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงดวงดาว
เพราะมัวแต่ฝากเงินกินดอกเบี้ย เขายกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ
อย่างกรณี กองทุน กบข.ของข้าราชการทั้งประเทศ ที่ปีที่แล้ว
(2549) ได้ผลตอบแทนจากการลงทุน 3.6% ต่อปี ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 4%
"คิดดูว่า เป้าหมายการเงินในอนาคตของข้าราชการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร
ที่เงินเกษียณผูกติดอยู่กับนโยบายการลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้เป็นหลัก"
ธีระกล่าว
นานๆจะมีคนที่สนับสนุนให้ลงทุนในตลาดหุ้น 100% ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
Kao
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1257
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณครับ
วันนี้เพิ่งไปซื้อหนังสือที่บูธซีเอ็ดและขอลายเซ็นมา
"Price is what you pay. Value is what you get."
-
oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
นึกว่าพี่ลูกอิสาณจะมาเปิดพอร์ตลงทุนให้น้อง ๆ เห็น :D :D
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
Dech
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
เคยไปโวยวาย
คณะกรรมกองทุนเลี้ยงชีพของบริษัท
ให้ไปลงทุนในตลาดหุ้น
จนถูกผู้บริหารเรียกคุณส่วนตัวเลย...
ผลออกมาก็เหมือนเดิม..ตราสารหนี้
บอกว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องตลาดทุน
ตราสารหนี้ดีแล้วด้วย ไม่ขาดทุน...
จะไม่ขาดทุนได้ไง ผมเห็นบางปีบริหารขาดทุนก็เห็นมาแล้ว..
ให้แยกเป็นสองกองก็ไม่ทำ...ให้พนักงานเรื่องได้ก็ไม่ทำ..
ให้พนักงานโหวตคณะกรรมการก็ไม่ทำ...งุบงิบโหวตแล้วก็แต่งตั้งกันเอง..เซ็ง
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
conseto
- Verified User
- โพสต์: 1184
- ผู้ติดตาม: 1
CopyWriter Posted: Sat Apr 07, 2007 10:24 am Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
เคยไปโวยวาย
คณะกรรมกองทุนเลี้ยงชีพของบริษัท
ให้ไปลงทุนในตลาดหุ้น
จนถูกผู้บริหารเรียกคุณส่วนตัวเลย...
ผลออกมาก็เหมือนเดิม..ตราสารหนี้
บอกว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องตลาดทุน
ตราสารหนี้ดีแล้วด้วย ไม่ขาดทุน...
จะไม่ขาดทุนได้ไง ผมเห็นบางปีบริหารขาดทุนก็เห็นมาแล้ว..
ให้แยกเป็นสองกองก็ไม่ทำ...ให้พนักงานเรื่องได้ก็ไม่ทำ..
ให้พนักงานโหวตคณะกรรมการก็ไม่ทำ...งุบงิบโหวตแล้วก็แต่งตั้งกันเอง..เซ็ง
บริษัทผม มี option ให้เลือก 3 แบบ แบบที่เสี่ยงที่สุด มีให้เลือกลงทุนในหุ้นประมาณ 20% ของกองทุน ที่เหลือเป็นตราสารหนี้
-
bmw2681
- Verified User
- โพสต์: 710
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณ คุณลูกอีสานมากเลยครับ เพิ่งจะเสียดายที่ไปหาซื้อไม่ทัน ท่านก็เอามาลงให้อ่านเป็นแนวทาง เยี่ยมไปเลยครับ
-
value_invester_man
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ผมจัดพอร์ต อยู่ในหุ้น 80 % ตราสารหนี้ระยะสั้น 15 % (เอาไว้ขายใช้เงินถ้าหุ้นตก) และทองคำ 5 % (ซื้อมาบาทละ 6,000 ตอนนี้กำไรเกือบ 2 เท่าแล้ว)
-
mangmoom
- Verified User
- โพสต์: 196
- ผู้ติดตาม: 0
ผมจัดพอร์ต อยู่ในหุ้น 80 % ตราสารหนี้ระยะสั้น 15 % (เอาไว้ขายใช้เงินถ้าหุ้นตก) และทองคำ 5 % (ซื้อมาบาทละ 6,000 ตอนนี้กำไรเกือบ 2 เท่าแล้ว)
คุณ VIM นี่เก่งจิงๆ นับถือๆ
ซื้อของได้ในราคาโค ตะ ระ ถูกทุกอย่าง คงร่ำรวยมหาศาล
ผมมีเพื่อนที่พ่อเขาเปนมหาเศรษฐีอยู่หลายคน
แต่ผมไม่เคยได้ยินเขาคุยโวโอ้อวดเลย พยามปิดบังซะด้วย
(คุณแม่ผมได้รับทอง มรดกจากยาย ก็หนักหลายโลอยู่อ่ะครับ ต้นทุนแค่บาทละ 400 บาทเท่านั้น คุณ VIM ต้นทุนแพงจังตั้ง 6000 อิ อิ)
-
javoel
- Verified User
- โพสต์: 383
- ผู้ติดตาม: 0
ผมวางแผน
ตามหลักของนักเศรษฐศาสตร์ชาวอิตาเลียน หลัก 80/20 ครับ
หุ้น-80
อื่น เช่น ฝากระยะยาว ตราสานหนี้ ทอง - 20
เเต่ตอนนี้ เงินออมทั้งหมดอยู่ในรูปเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่าหุ้น ครับ
-
metro
- Verified User
- โพสต์: 861
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเก็บหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ครับ เงินสดมีน้อยมาก
ถ้ามีเงินสด+บัตรเครดิต ผมว่าการควบคุมการใช้จ่ายจะยาก เพราะเงินสภาพคล่องมันสูง ถ้าคิดอยากได้อะไรแล้วอยากจะได้ก็ง่ายนิดเดียวก็คือเอาเงินไปซื้อ
ทุกวันนี้ผมพยายามมีหุ้นเยอะๆมีเงินน้อยๆ เพราะถ้ามีเงินน้อยความรู้สึกส่วนตัวผมก็คือว่าผมจะจน เป็นการบังคับตัวเองให้ประหยัดอย่างที่ควรจะเป็นด้วยครับ :D
-
gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
ผมก็ 100% ลงหุ้น