กระทู้ย่อยคำสารภาพ
- thumbman2001
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 8116
- ผู้ติดตาม: 1
กระทู้ย่อยคำสารภาพ
โพสต์ที่ 2
รออ่านด้วยคนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
กระทู้ย่อยคำสารภาพ
โพสต์ที่ 3
คิดว่าหลายๆ คนในห้องนี้คงจะเคยรู้จัก DSM ผมเป็นคนนึงครับที่เคยใช้วิธีการนี้ ด้วยความอยากรวยเร็ว (ก็เห็นเค้าบอกว่าอย่างน้อยๆ ก็ได้เดือนละ 2%) เมื่อความโลภบังตาปัญญาก็ไม่เกิด เห็นเค้าบอกว่ามันขึ้นอยู่กับใจ ผมก็ลุยเลย เจ็บหนักกับ TMB ครับ ลาทีกระแสเงินสดแฝง ช่องว่าง กองหลัง กองกลาง กองหน้า เข็ดจนตาย (อย่างว่าแหละครับ น่าจะเอะใจซักนิด เค้าเอาชื่อหมามาตั้งเป็นชื่อวิธีการมันก็อัปมงคลตั้งแต่แรกแล้ว)
ถ้าคุณสงสัยอะไร โพสถามไป เค้าจะตอบกลับมาว่า "ให้กลับไปอ่านหลักการใหม่ให้เข้าใจ" แหม ช่างเป็นคำตอบที่มีประโยชน์เหลือเกิน ถ้าเทียบกับที่นี่คนละเรื่องเลย คำตอบจะเคลียร์ ไม่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ถ้าคุณสงสัยอะไร โพสถามไป เค้าจะตอบกลับมาว่า "ให้กลับไปอ่านหลักการใหม่ให้เข้าใจ" แหม ช่างเป็นคำตอบที่มีประโยชน์เหลือเกิน ถ้าเทียบกับที่นี่คนละเรื่องเลย คำตอบจะเคลียร์ ไม่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
- tachikoma
- Verified User
- โพสต์: 140
- ผู้ติดตาม: 0
กระทู้ย่อยคำสารภาพ
โพสต์ที่ 5
เล่น DSM เหมือนกันครับ และก็เล่นกับ TMB เหมือนกันครับ เจ็บเหมือนกันครับ แต่คิดว่าเป็นเพราะตัวผมเอง
หลักของ DSM จริงๆ แล้วมีความคล้ายกับ VI ครับ คือ จุดมุ่งหมายของการลงทุน เพื่อความเป็นเจ้าของในหุ้น
ถ้าพิจารณาดูจะทำให้รู้ว่า หุ้นที่น่ารัก ก็คือกิจการที่ทำกำไรได้ DSM จึงมีสมมุติฐานอยู่ว่า หุ้นที่ซื้อจะต้องไม่เจ๊ง และหุ้นที่จะเจ๊ง คือหุ้นพื้นฐานไม่ดี ผู้บริหารขาดคุณธรรม กะจะตีหัวเข้าบ้าน
ในตอนที่เล่นผมลองกับหุ้นหลายแบบ ทั้งหุ้นปั่น พื้นฐานแย่ และ หุ้นพื้นฐานดี
หุ้นที่ทำให้ผมขาดทุน คือ LOXLEY, TMB กับ EVER ครับ สองตัวนี้ทำ Port ผมติดลบไป 18% คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นหุ้นอะไร ส่วนตัวอื่นดูจากทั้งมูลค่า Port และ กระแสเงินสดแฝงยังกำไรอยู่ครับ
TMB
ที่ผมขาดทุนมากเพราะผมซื้อคืนเร็วเกินไป และที่สำคัญ ผมไม่ได้ดูพื้นฐานหุ้นตัวนี้ก่อนซื้อ (หายไป 50%)
EVER
โลภครับ เห็นราคามันแกว่งเร็วดี หวังกระแสเงินสดแฝง ไม่ได้อยากเป็นเจ้าของกิจการเขาหรอก เลยโดนเขาปั่นขึ้นปั่นลงสนุกมือ ขายไปแล้วซื้อคืนไม่ทัน เพราะ 5 นาที ขึ้น 10 spreads (หายไป 40%)
LOXLEY
ตัวนี้เป็นคราวซวยจริงๆ ครับ วันที่มันเด้งขึ้นไม่อยู่หน้าจอครับ เลยช้อนคืนไม่ได้ รอรอบหน้าไปเลยครับ แถมปล่อยออกไปต่ำมากๆ ด้วยครับ (ช่วง 800,000 ล้าน)
ส่วนตัวอื่น ก็ยังอยู่ดีมีสุข STPI รวมกระแสเงินสดแฝงกับมูลค่าหุ้นปัจจุบัน (2.92) แล้วก็ยังลบไป 1.2% ของเงินลงทุนตอนแรกครับ ผมซื้อตอน 4.22 บาทนะครับ
โดยหลักการของ DSM แล้วมันคล้ายกับการบริหาร Hedge Fund แหละครับ คือหาหุ้นพื้นฐานดี มีปันผล ขาลง ทยอยขายออกไปจริงๆ, Short Sales ออก หรือซื้อ Put Option ไว้ ขาขึ้นซื้อคืนหรือ Close Position
จังหวะการเข้าซื้อหุ้น เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วครับสำหรับวิธี DSM เพราะถ้าเข้าผิดจังหวะ โอกาสคืนทุน อาจะเปลี่ยนจาก 3 ปีเป็น 5 ปีได้เลยครับ หลักการเข้าให้ถูกจังหวะ ก็คือการเข้าซื้อแบบ VI แหละครับ
สาเหตุใหญ่ๆ เลยที่ทำให้การซื้อหุ่นแบบ VI กับ DSM ไปด้วยกันไม่ได้ก็คือ ความคล่องตัวครับ หุ้น VI ส่วนใหญ่ความคล่องตัวต่ำมากครับ ซื้อยากขายอยาก Bid Offer ต่างกันหลายช่อง ทำให้คนเล่นหุ้นแบบ DSM ต้องยอมลดดีกรีความเป็น VI ลงมา
หลักของ DSM จริงๆ แล้วมีความคล้ายกับ VI ครับ คือ จุดมุ่งหมายของการลงทุน เพื่อความเป็นเจ้าของในหุ้น
ถ้าพิจารณาดูจะทำให้รู้ว่า หุ้นที่น่ารัก ก็คือกิจการที่ทำกำไรได้ DSM จึงมีสมมุติฐานอยู่ว่า หุ้นที่ซื้อจะต้องไม่เจ๊ง และหุ้นที่จะเจ๊ง คือหุ้นพื้นฐานไม่ดี ผู้บริหารขาดคุณธรรม กะจะตีหัวเข้าบ้าน
ในตอนที่เล่นผมลองกับหุ้นหลายแบบ ทั้งหุ้นปั่น พื้นฐานแย่ และ หุ้นพื้นฐานดี
หุ้นที่ทำให้ผมขาดทุน คือ LOXLEY, TMB กับ EVER ครับ สองตัวนี้ทำ Port ผมติดลบไป 18% คงไม่ต้องบอกนะครับว่าเป็นหุ้นอะไร ส่วนตัวอื่นดูจากทั้งมูลค่า Port และ กระแสเงินสดแฝงยังกำไรอยู่ครับ
TMB
ที่ผมขาดทุนมากเพราะผมซื้อคืนเร็วเกินไป และที่สำคัญ ผมไม่ได้ดูพื้นฐานหุ้นตัวนี้ก่อนซื้อ (หายไป 50%)
EVER
โลภครับ เห็นราคามันแกว่งเร็วดี หวังกระแสเงินสดแฝง ไม่ได้อยากเป็นเจ้าของกิจการเขาหรอก เลยโดนเขาปั่นขึ้นปั่นลงสนุกมือ ขายไปแล้วซื้อคืนไม่ทัน เพราะ 5 นาที ขึ้น 10 spreads (หายไป 40%)
LOXLEY
ตัวนี้เป็นคราวซวยจริงๆ ครับ วันที่มันเด้งขึ้นไม่อยู่หน้าจอครับ เลยช้อนคืนไม่ได้ รอรอบหน้าไปเลยครับ แถมปล่อยออกไปต่ำมากๆ ด้วยครับ (ช่วง 800,000 ล้าน)
ส่วนตัวอื่น ก็ยังอยู่ดีมีสุข STPI รวมกระแสเงินสดแฝงกับมูลค่าหุ้นปัจจุบัน (2.92) แล้วก็ยังลบไป 1.2% ของเงินลงทุนตอนแรกครับ ผมซื้อตอน 4.22 บาทนะครับ
โดยหลักการของ DSM แล้วมันคล้ายกับการบริหาร Hedge Fund แหละครับ คือหาหุ้นพื้นฐานดี มีปันผล ขาลง ทยอยขายออกไปจริงๆ, Short Sales ออก หรือซื้อ Put Option ไว้ ขาขึ้นซื้อคืนหรือ Close Position
จังหวะการเข้าซื้อหุ้น เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วครับสำหรับวิธี DSM เพราะถ้าเข้าผิดจังหวะ โอกาสคืนทุน อาจะเปลี่ยนจาก 3 ปีเป็น 5 ปีได้เลยครับ หลักการเข้าให้ถูกจังหวะ ก็คือการเข้าซื้อแบบ VI แหละครับ
สาเหตุใหญ่ๆ เลยที่ทำให้การซื้อหุ่นแบบ VI กับ DSM ไปด้วยกันไม่ได้ก็คือ ความคล่องตัวครับ หุ้น VI ส่วนใหญ่ความคล่องตัวต่ำมากครับ ซื้อยากขายอยาก Bid Offer ต่างกันหลายช่อง ทำให้คนเล่นหุ้นแบบ DSM ต้องยอมลดดีกรีความเป็น VI ลงมา