chatchai เขียน:ถ้าร้านอาหารจีนแถวสามย่าน ผมเดาว่าเป็น นิวสามย่าน ครับ
แฮะ แฮะ หายไปหลายวันไม่ได้เข้าเวปครับ เพราะไม่ได้เข้าบริษัทสวัสดีครับ
เรื่องร้านอาหารจีนและเจ๊คนนั้น
ผมเดาเล่นๆว่าเป็น "อี่โภชนา" ใช่รึป่าวครับ
เพราะแม่ผมก็ชอบ ฮ่าๆ
ถ้าทายถูก ขอให้นายตลาดฉุนเฉียวหอบ สผ ของพี่วิบูลย์ มาขายผมถูกๆสัก 170 ละกันนะครับ ฮิๆ
เอาล่ะ ไหนๆ พี่Chatchai อาจารย์ก้นบุหรี่ของผมอยากรู้
เดี๋ยวจะหาว่าใจดำ ไม่ยอมบอกชื่อร้านเหมือนไม่ยอมบอกชื่อหุ้น
ผมเฉลยก็ได้ครับ ชื่อร้าน "นครโภชนา" ครับ
อยู่หลังตลาดสามย่าน
ถ้าเข้าทางนิติจุฬา ด้านถนนใหญ่ก็เลี้ยวขวา
ขับเข้ามาจะถูกบังคับเลี้ยวซ้าย
แล้วก็บังคับเลี้ยวขวาอีกที ถ้าไม่เข้าที่จอดรถเสียเงินของตลาด
ร้านอยู่สุดซอยครับ เห็นตั้งแต่เลี้ยวขวาแล้ว
มีที่จอดรถหน้าร้าน มีป้าย"เชลล์ชวนชิม"
แต่ก่อนร้านอยู่แถวราชวงค์แล้วย้ายมาที่นี่หลายปีแล้ว
เพื่อนผมก็ตามมาทานตลอด
เมนูแนะนำก็มี ดอกไม้จีนสดผัดน้ำมัน คะน้าผัดเป๋าฮื้อ
วุ้นเส้นผักกระเฉด ปลาบู๋นึงซีอิ้ว ฯลฯ
เป็นอาหารจีน อร่อยมากครับ
ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใดครับ ของดีเลยบอกต่อ
พูดถึงของดี
วันก่อนไปดูหนัง "โหมโรง" มา
ดีมากครับ ผมว่าสร้างได้ดี
ชอบมากๆก็ตอนแข่งประชันระนาดระหว่าง "ขุนอิน" กับ "นายศร" ตอนท้ายเรื่อง
เพลงระนาดของ "ขุนอิน" มีพลัง หนักแน่น ปานขุนเขาที่ตั้งตระหง่าน
เพลงระนาดของ "นายศร" อ่อนไหว ลื่นไหล เหมือนสายลมพัดใบไม้ไหว
ต่างคนต่างมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
สุดท้ายเป็นอย่างไรก็ต้องไปชมกันเองนะครับ
อ้อ เห็นพูดถึงเจ้าสะดือทะเล ถ้าดันร่วงลงมาขนาดนั้น
เป็นผมก็อดใจไว้ไม่อยู่เหมือนกันครับ
จะคายก้นบุหรี่แล้วรีบคว้าไว้ให้หมดตลาดเลย
เจ้าหุ้นตัวนี้ขึ้น List Superstock ของอาจารย์นิเวศน์ใน นสพ กรุงเทพธุรกิจวันนี้ด้วยนะครับ
ไม่ใช่ธรรมดานะเนี่ย
ต้องขอบคุณคุณ Mon ครับที่ช่วยอธิบายหลักการ"การลงทุนแบบเน้นความสุข"
ให้พวกเราได้รับทราบกัน
ใครจะนำหลักการไปใช้
คุณMonบอกผมว่าไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ครับ
เอาล่ะ เราขีดๆเขียนๆกันมาในกระทู้นี้จะหกเดือนแล้วนะคุณMon
ต้องยอมรับว่า มุขเริ่มร่อยหรอ
แฟนๆเริ่มบ่นว่า ไม่มีอะไรใหม่ เหมือนเดิม ซ้ำไปซ้ำมา
ความรู้เริ่มงวดลงไปเรื่อยๆ
ก็ถือว่า เป็นตำราเล่มนึงแล้วกันครับ
มีไว้ให้ผู้สนใจอ่านย้อนหลัง
บางครั้งผมก็เอาที่ผมแอบพิมพ์เก็บไว้มาอ่านเหมือนกัน
อ่านดูอีกที ก็ได้อะไรที่เราลืมๆไปแล้วเหมือนกันนะ
ช่วงนี้ตลาดกำลังผันผวน
Mr Market กำลังสับสนกับชีวิต
วันก่อนบวก 17 จุด เมื่อวาน ลบ11จุด
นักเก็งกำไรคงอยากเอามือทุบหัวตัวเอง พลางร้องตะโกน "รู้งี้ รู้งี้"
ความเห็นผมก็คือว่า ช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะเก็บหุ้นดีราคาไม่แพงใส่ในกระเป๋า
เลือกหุ้นที่มีอนาคตดี ราคาสมเหตุสมผล
ซื้อแล้วถือไว้ สักปีสองปี หรือ ห้าปีก็ได้ตามความพอใจ
มีคนถามผมว่า ไม่กลัวหุ้นราคาตกมากๆแล้วขาดทุนเหรอ
ผมตอบว่า ถ้าผมจะเจ๊งก็เพราะบริษัทที่ผมถือหุ้นอยู่เจ๊ง
ถ้าบริษัทที่ผมถือหุ้นอยู่มีผลประกอบการที่ดี ราคาเหมาะสมไม่โอเวอร์แวลู
แล้วผมจะกลัวทำไม
ถ้าเราไม่สนใจใน"ราคา"หุ้นแต่สนใจใน"ผลประกอบการ"
ด้วยสมมุติฐานที่ว่า "ราคาหุ้น"จะแปรตาม"ผลประกอบการ"ของบริษัทในระยะยาว
ดังนั้น ราคาหุ้นที่ผันผวน ขึ้นๆลงๆในระยะสั้นก็ไม่ได้สะท้อนถึงมูลค่าของบริษัทนั้นจริงๆ
ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลกับ"ราคา"แต่อย่างใด ตราบใดที่มูลค่าของบริษัทไม่ได้ลดลง
มีคนมากมายในตลาดหุ้น ผมว่าประมาณ 90% ในตลาด
รู้จักทุกอย่างเกี่ยวกับ "ราคาหุ้น" แต่ไม่รู้จักกับ "มูลค่า"ของมันเลย
ในสถานการณ์เดียวกัน เช่น การซื้อหุ้นตัวหนึ่งที่ราคา 100 บาท
ถ้าราคาหุ้นนั้นตกลงเหลือ 80 บาท
นักลงทุนแบบ Value Investor จะคิดว่า เขาซื้อบริษัทที่เขาคิดว่าถูกที่ 100 บาทได้ในราคาที่ถูกลง
ขณะที่ นักลงทุนทั่วไปจะกลัวและขายหุ้นออก
เพราะพวกเขากลัวว่า "ราคา"หุ้นจะตกลงไปอีก อาจจะเหลือ 50 บาท
ผมว่านี่คือจุดแข็งของ VI ที่แท้จริง
เพราะการที่ตลาดหุ้นแกว่งไปแกว่งมา ก็ไม่สามารถทำอะไรนักลงทุนคุณค่าได้
เพราะ เรามองที่"มูลค่า" ไม่ใช่ "ราคา"
ขณะที่ นักลงทุนแบบอื่นเน้น "ราคาหุ้น" เป็นจุดศูนย์กลาง
แค่เห็นราคาหุ้นที่ตัวเองถืออยู่ตกลงมามากๆก็นอนไม่หลับแล้ว
ผมไม่แปลกใจครับว่า ทำไม VI อย่างบัฟเฟตถึงสามารถทนทานกับตลาดหุ้นมาได้ตลอดเวลากว่าห้าสิบปี
ไม่ว่าจะเกิดสงคราม เงินเฝ้อ โรคระบาด หรือ อื่นๆอีกมากมายสารพัด
เขาก็ยังยืนหยัดอยู่ได้
ลองดูสถานการณ์์ตลาดหุ้นเมืองไทยตอนนี้ซิครับ
เพื่อนๆคิดว่า ใครหรือนักลงทุนแบบไหนจะทนกับความผันผวนของตลาดแบบนี้ได้ดีที่สุด
สวัสดีครับ