รวยแบบผ่อนส่ง
- mahayosanan
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 1
ถ้าต้องการรวยแบบผ่อนส่ง ซื้อหุ้นเดือน ละ 10000 บาท ในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เงินปันผลก็ทบต้นไปเรื่อยๆ พอเกษียณมา ก็จะมีเงินเกษียณประมาณ 14-15 ล้านน่าสนมัยล่ะ
หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี อย่าง HANA BANPU RATCH PTTEP SCC
หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี อย่าง HANA BANPU RATCH PTTEP SCC
สนใจหุ้นแบบเน้นคุณค่ามากที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 2
หุ้นที่ว่านีพื้นฐานดียังงัยเหรอครับ? แล้วพื้นฐานดีนี่หมายถึงซื้อที่ราคาไหนก็ได้เลยรึป่าวครับ?
- mahayosanan
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นขนาดใหญ่ ประมาณการไว้แต่โตไม่เท่าไร
โพสต์ที่ 3
หุ้นขนาดใหญ่ อย่าง SCC RATCH HANA PTT PTTEP BANPU
ถึงจุดอิ่มตัวคงโตไม่เกิน 5 % แต่กิจการมั่นคง โตไม่เท่าไร
ถึงจุดอิ่มตัวคงโตไม่เกิน 5 % แต่กิจการมั่นคง โตไม่เท่าไร
สนใจหุ้นแบบเน้นคุณค่ามากที่สุด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 4
เก็บเงินซื้อหุ้นเดือนละ 10000 บาท ปีละแสนสอง
10 ปี ล้านสอง
20 ปี สองล้านสี่
30 ปี สามล้านหก
40 ปี สี่ล้านแปด
โอยรอไม่ไหวแล้ว
คุณ mahayosanan ฃ่วยบอกหน่อยซิว่าจะได้ 14 -15 ล้าน ในระยะเวลากี่ปี แล้วลงทุนในหุ้นเหล่านี้แต่ละปีจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร
และสุดท้าย ทำไมถึงคิดว่าจะได้รับผลตอบแทนขนาดนั้นได้ครับ ถ้าวิเคราะห์เป็นรายบริษัทได้คงเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆมากครับ
10 ปี ล้านสอง
20 ปี สองล้านสี่
30 ปี สามล้านหก
40 ปี สี่ล้านแปด
โอยรอไม่ไหวแล้ว
คุณ mahayosanan ฃ่วยบอกหน่อยซิว่าจะได้ 14 -15 ล้าน ในระยะเวลากี่ปี แล้วลงทุนในหุ้นเหล่านี้แต่ละปีจะได้รับผลตอบแทนเท่าไร
และสุดท้าย ทำไมถึงคิดว่าจะได้รับผลตอบแทนขนาดนั้นได้ครับ ถ้าวิเคราะห์เป็นรายบริษัทได้คงเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆมากครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 5
เข้ามารอฟังเหตุผล ถ้าสมเหตุสมผลทำได้จริงๆ ใน 10 ปี จะกู้แบงค์ไปผ่อน ช่วงนี้ MLR แค่ 7% เอง กำไรเห็นๆ
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 1
Re: รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 7
ซื้อบ้านปู พี่เทพ ปูน ซื้อไม่ได้1ล๊อต=100หุ้นครับ อิอิmahayosanan เขียน:ถ้าต้องการรวยแบบผ่อนส่ง ซื้อหุ้นเดือน ละ 10000 บาท ในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เงินปันผลก็ทบต้นไปเรื่อยๆ พอเกษียณมา ก็จะมีเงินเกษียณประมาณ 14-15 ล้านน่าสนมัยล่ะ
หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี อย่าง HANA BANPU RATCH PTTEP SCC
หรือจะซื้อเศษหุ้น ผมไม่แน่ใจอะ อธิบายหน่อย
หรือมีแต่หลักการ การปฎิบัติ บ่อได้ดอก
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 11
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่า จะมีบริษัทไหนที่จะ สามารถรับประกันได้ว่า อนาคตจะเป็นบริษัทที่ดี หรือมั่นคง ผูกขาด ครอบครองตลาด ได้ในระยะยาว เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ชัดเจนแน่นอน ตัวเลขทางการเงินต่าง ๆ ค่าต่าง ๆ ที่พูด ๆ กันไม่ว่า PE, PBV, Growth ก็เป็นตัวเลขที่ได้มาจากอดีต ไม่ได้บอกว่า อนาคตจะทำได้เหมือนเดิม จากดีเป็นแย่ (RPC, CPI, PICNI :oops: ) จากแย่เป็นดี (PTT สมัย 35 บาทไม่ใครเอา) มีให้เห็นเยอะแยะ
ส่วนเรื่องผลตอบแทนทบต้นเหมือนกัน ผมยอมรับว่า การทบต้น จะทำให้เกิดมูลค่ามหาศาล (ในปีท้าย ๆ ) แต่ปัจจัยหนึ่งที่เป็นความเสี่ยงที่หลาย ๆ คนมักมองข้ามคือ ค่าเงินเฟ้อ, ค่าเสียโอกาสจากการที่ต้องทบกำไรในแต่ละปีเป็นทุนปีถัดไป และที่สำคัญคือ ถ้าปีสุดท้าย เกิดขาดทุนขึ้นมา ถามว่า ผลขาดทุนปีสุดท้าย สมมติ 10% ถ้าเทียบกับเงินต้นตอนปีแรก 10% ที่ว่า อาจจะ = 1000% ก็ได้
สุดท้ายแล้วก็นานาจิตตังครับ เกิดมาก็ตายไป ทำวันนี้ให้มีความสุข และวางแผนอนาคตให้มั่นคงดีกว่ามานั่งคำนวณ 20 ปี 30 ปี จะได้เท่าไหร่
ส่วนเรื่องผลตอบแทนทบต้นเหมือนกัน ผมยอมรับว่า การทบต้น จะทำให้เกิดมูลค่ามหาศาล (ในปีท้าย ๆ ) แต่ปัจจัยหนึ่งที่เป็นความเสี่ยงที่หลาย ๆ คนมักมองข้ามคือ ค่าเงินเฟ้อ, ค่าเสียโอกาสจากการที่ต้องทบกำไรในแต่ละปีเป็นทุนปีถัดไป และที่สำคัญคือ ถ้าปีสุดท้าย เกิดขาดทุนขึ้นมา ถามว่า ผลขาดทุนปีสุดท้าย สมมติ 10% ถ้าเทียบกับเงินต้นตอนปีแรก 10% ที่ว่า อาจจะ = 1000% ก็ได้
สุดท้ายแล้วก็นานาจิตตังครับ เกิดมาก็ตายไป ทำวันนี้ให้มีความสุข และวางแผนอนาคตให้มั่นคงดีกว่ามานั่งคำนวณ 20 ปี 30 ปี จะได้เท่าไหร่
- Doramon007
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 12
ผมคิดว่าอาจจะทำได้จริง แต่คงต้องบอกปี ราคาที่จะซื้อ และไม่จำเป็นต้องกำหนดว่าเป็นหุ้นตัวนี้เท่านั้นครับ เพราะเวลาเปลี่ยนคนยังเปลี่ยน หุ้นก็เหมือนกันครับ เวลาที่เปลี่ยนไปตัวหุ้นก็เปลี่ยนไปครับ
เมื่อมีสติ ก็จะเกิดปัญญา
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
แสดงความคิดเห็น
โพสต์ที่ 14
mahayosanan wrote:
ถ้าต้องการรวยแบบผ่อนส่ง ซื้อหุ้นเดือน ละ 10000 บาท ในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เงินปันผลก็ทบต้นไปเรื่อยๆ พอเกษียณมา ก็จะมีเงินเกษียณประมาณ 14-15 ล้านน่าสนมัยล่ะ
หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี อย่าง HANA BANPU RATCH PTTEP SCC
ขอร่วมแสดงความเห็นด้วยคนดังนี้ครับ
1)หุ้นที่คุณกล่าวถึงคือ HANA BANPU RATCH PTTEP SCC นั่น ผมเห็นด้วยครับว่าเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีครับ แต่อนาคตจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปหรือไม่ เป็นเรื่องที่ผู้ที่นักลงทุนในหุ้นๆต้องติดตามครับ
2)ลงทุนซื้อหุ้น เดือนละหมื่นทุกๆเดือนไปเรื่อยจนเกษียร นั้นผมเองก็สนับสนุนครับ เหมือนการออมอย่างหนึ่งครับ ผมเองก็ลงทุนในลักษณะนี้ครับ คือลงทุนโดยการซื้อหุ้นตลอด โดยแบ่งเงินมาจากเงินเดือนประจำ หรือส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลทั้งหมดที่ได้ แต่ไม่ได้ซื้อทุกเดือนครับ บางเดือนหุ้นที่เราเฝ้ามองไว้ราคาแพงเกินไป หรือบางเดือนเงินที่ได้มาไม่พอจะซื้อตามขั้นต่ำได้ คือ100หุ้น อย่างที่มีคนแสดงความเห็นไว้ ผมก็จะรวบรวมเงินไว้ได้ครบแล้วซื้อ บางครั้งมีเหมือนกันที่พอรวบรวมเงินได้ครับ แต่ราคาดันแพงไป ก็อด แต่ก็รอต่อไป ผมไม่ได้ซื้อทุกราคาครับ ส่วนใหญ่มีราคาของแต่ละตัวไว้เป็นช่วงๆ หากราคาต่ำกว่านี้ซื้อ แต่หากสูงกว่านี้ไม่ซื้อ แต่ราคาก็ปรับไปตามผลประกอบการหรือการคาดการกำไรที่คาดว่าบริษัทจะทำได้ด้วยครับ
3)ผมยังเห็นว่าการลงทุนเป็นจำนวนเงินเป็นเดือนๆไป ยังมีข้อดีอยู่บ้างนะครับ สำหรับคนที่ไม่ได้มีเงินก้อน คือออมจากเงินเดือนประจำ และหากไม่มีความรู้และทักษะการควบคุมอารมณ์,วินัยและความอดทนไม่เพียงพอ การลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ๆดูจะเสี่ยงมากเกินไปอาจเกิดความเสียหายได้ การที่ค่อยๆลงทุนควบคู่ไปกับการเพิ่มพูนความรู้เรื่องหุ้นและทักษะการควบคุมอารมณ์,วินัยและฝึกความอดทน น่าจะดีกว่า
4)การลงทุนด้วยเงินขนาดนี้ไปเรื่อยๆจนเกษียร จะได้ตามที่คาดคือ14-15ล้านบาทหรือป่าวนั้น เป็นเรื่องของอนาคต แต่หากทำได้คุณจะต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย15% ตลอด23ปีทีเดียวครับ ซึ่งถือว่าฝีมือชั้นยอดทีเดียว หากผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำกว่านั้น ระยะเวลาที่จะได้ครบ15ล้านคงยาวออกไปอีก แต่หากคุณรักษากติกาของคุณ คือจำนวนเงินที่คุณตั้งใจจะลงทุนและระยะเวลายาวนานขนาดนั้น ผมเชื่อว่าคุณจะถึงฝั่งฝัน เพราะการลงทุนนอกจากความรู้เรื่องการวิเคราะห์และค้นหาหุ้นที่ดีแล้ว ทักษะในการควบคุมอารมณ์,วินัยและความอดทนก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันครับ(ผมว่า50:50 ด้วยซ้ำ)
4)ข้อเสนอแนะครับ:
4.1)เสาะหาหุ้นเพิ่มในลิสท์ให้มากขึ้นครับ เผื่อว่าจะได้มีตัวเลือกมากขึ้น เพราะหากมีหุ้นที่แข็งแกร่งในลิสท์มากขึ้น โอกาสจะมีหุ้นที่ราคาตกต่ำมาให้เราซื้อย่อมมีมากขึ้น (เทคนิคของผมคือค้นหาหุ้นไว้ในลิสท์ได้ประมาณ30-40ตัวครับ) คือมันต้องมีหล่นมาให้เราซื้อบ้างละนะ ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง หากบางเดือนไม่เจอหุ้นที่ลดราคา ก็อาจเลื่อนการซื้อไปในเดือนต่อๆไป
4.2)หากคิดว่าตัวนักลงทุนเองยังไม่เก่งพอ ไม่จำเป็นต้องเร่งเข้ามาในตลาดครับ เพราะนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ผมแนะนำให้ลงทุนด้วยจำนวนเงินน้อยๆก่อนและใช้เวลาศึกษาให้มากๆครับ ศึกษาทฤษฏีให้เข้าใจลึกซึ้งก่อน ผมเอง เคยทดลองลงทุนในกระดาษอยู่นานพอสมควร นำเอาสิ่งที่ศึกษาจากหนังสือแล้วทดลองลงทุนในกระดาษเลยครับ แล้วลองปรับและหาสไตล์ของตัวเองจนมั่นใจระดับหนึ่ง แล้วค่อยๆลงสนามจริง ผมยกตัวอย่างให้เห็น เช่นเราไปฝึกว่ายน้ำ หากว่ายน้ำไม่เป็นเราการโดดลงแม่น้ำแล้วฝึกว่ายเสี่ยงมากนะครับ ผมว่าเราควรเกาะขอบสระแล้วฝึกดีดเท้า ฝึกหายใจในน้ำ ฝึกลอยตัวก่อนน่าจะดีกว่าฉันใด การลงทุนก็น่าจะทำแบบเดียวกันฉันนั้น
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ครับ ถึงอย่างไรคุณก็กล้าเสนอไอเดีย และความคิดของคุณ และอย่างน้อยกระทู้ของคุณก็มีส่วนทำให้เกิดการแสดงความคิดความเห็นกัน ขอให้คุณโชคดี
ถ้าต้องการรวยแบบผ่อนส่ง ซื้อหุ้นเดือน ละ 10000 บาท ในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เงินปันผลก็ทบต้นไปเรื่อยๆ พอเกษียณมา ก็จะมีเงินเกษียณประมาณ 14-15 ล้านน่าสนมัยล่ะ
หุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี อย่าง HANA BANPU RATCH PTTEP SCC
ขอร่วมแสดงความเห็นด้วยคนดังนี้ครับ
1)หุ้นที่คุณกล่าวถึงคือ HANA BANPU RATCH PTTEP SCC นั่น ผมเห็นด้วยครับว่าเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีครับ แต่อนาคตจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปหรือไม่ เป็นเรื่องที่ผู้ที่นักลงทุนในหุ้นๆต้องติดตามครับ
2)ลงทุนซื้อหุ้น เดือนละหมื่นทุกๆเดือนไปเรื่อยจนเกษียร นั้นผมเองก็สนับสนุนครับ เหมือนการออมอย่างหนึ่งครับ ผมเองก็ลงทุนในลักษณะนี้ครับ คือลงทุนโดยการซื้อหุ้นตลอด โดยแบ่งเงินมาจากเงินเดือนประจำ หรือส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลทั้งหมดที่ได้ แต่ไม่ได้ซื้อทุกเดือนครับ บางเดือนหุ้นที่เราเฝ้ามองไว้ราคาแพงเกินไป หรือบางเดือนเงินที่ได้มาไม่พอจะซื้อตามขั้นต่ำได้ คือ100หุ้น อย่างที่มีคนแสดงความเห็นไว้ ผมก็จะรวบรวมเงินไว้ได้ครบแล้วซื้อ บางครั้งมีเหมือนกันที่พอรวบรวมเงินได้ครับ แต่ราคาดันแพงไป ก็อด แต่ก็รอต่อไป ผมไม่ได้ซื้อทุกราคาครับ ส่วนใหญ่มีราคาของแต่ละตัวไว้เป็นช่วงๆ หากราคาต่ำกว่านี้ซื้อ แต่หากสูงกว่านี้ไม่ซื้อ แต่ราคาก็ปรับไปตามผลประกอบการหรือการคาดการกำไรที่คาดว่าบริษัทจะทำได้ด้วยครับ
3)ผมยังเห็นว่าการลงทุนเป็นจำนวนเงินเป็นเดือนๆไป ยังมีข้อดีอยู่บ้างนะครับ สำหรับคนที่ไม่ได้มีเงินก้อน คือออมจากเงินเดือนประจำ และหากไม่มีความรู้และทักษะการควบคุมอารมณ์,วินัยและความอดทนไม่เพียงพอ การลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่ๆดูจะเสี่ยงมากเกินไปอาจเกิดความเสียหายได้ การที่ค่อยๆลงทุนควบคู่ไปกับการเพิ่มพูนความรู้เรื่องหุ้นและทักษะการควบคุมอารมณ์,วินัยและฝึกความอดทน น่าจะดีกว่า
4)การลงทุนด้วยเงินขนาดนี้ไปเรื่อยๆจนเกษียร จะได้ตามที่คาดคือ14-15ล้านบาทหรือป่าวนั้น เป็นเรื่องของอนาคต แต่หากทำได้คุณจะต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย15% ตลอด23ปีทีเดียวครับ ซึ่งถือว่าฝีมือชั้นยอดทีเดียว หากผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำกว่านั้น ระยะเวลาที่จะได้ครบ15ล้านคงยาวออกไปอีก แต่หากคุณรักษากติกาของคุณ คือจำนวนเงินที่คุณตั้งใจจะลงทุนและระยะเวลายาวนานขนาดนั้น ผมเชื่อว่าคุณจะถึงฝั่งฝัน เพราะการลงทุนนอกจากความรู้เรื่องการวิเคราะห์และค้นหาหุ้นที่ดีแล้ว ทักษะในการควบคุมอารมณ์,วินัยและความอดทนก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันครับ(ผมว่า50:50 ด้วยซ้ำ)
4)ข้อเสนอแนะครับ:
4.1)เสาะหาหุ้นเพิ่มในลิสท์ให้มากขึ้นครับ เผื่อว่าจะได้มีตัวเลือกมากขึ้น เพราะหากมีหุ้นที่แข็งแกร่งในลิสท์มากขึ้น โอกาสจะมีหุ้นที่ราคาตกต่ำมาให้เราซื้อย่อมมีมากขึ้น (เทคนิคของผมคือค้นหาหุ้นไว้ในลิสท์ได้ประมาณ30-40ตัวครับ) คือมันต้องมีหล่นมาให้เราซื้อบ้างละนะ ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง หากบางเดือนไม่เจอหุ้นที่ลดราคา ก็อาจเลื่อนการซื้อไปในเดือนต่อๆไป
4.2)หากคิดว่าตัวนักลงทุนเองยังไม่เก่งพอ ไม่จำเป็นต้องเร่งเข้ามาในตลาดครับ เพราะนั้นเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ผมแนะนำให้ลงทุนด้วยจำนวนเงินน้อยๆก่อนและใช้เวลาศึกษาให้มากๆครับ ศึกษาทฤษฏีให้เข้าใจลึกซึ้งก่อน ผมเอง เคยทดลองลงทุนในกระดาษอยู่นานพอสมควร นำเอาสิ่งที่ศึกษาจากหนังสือแล้วทดลองลงทุนในกระดาษเลยครับ แล้วลองปรับและหาสไตล์ของตัวเองจนมั่นใจระดับหนึ่ง แล้วค่อยๆลงสนามจริง ผมยกตัวอย่างให้เห็น เช่นเราไปฝึกว่ายน้ำ หากว่ายน้ำไม่เป็นเราการโดดลงแม่น้ำแล้วฝึกว่ายเสี่ยงมากนะครับ ผมว่าเราควรเกาะขอบสระแล้วฝึกดีดเท้า ฝึกหายใจในน้ำ ฝึกลอยตัวก่อนน่าจะดีกว่าฉันใด การลงทุนก็น่าจะทำแบบเดียวกันฉันนั้น
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ครับ ถึงอย่างไรคุณก็กล้าเสนอไอเดีย และความคิดของคุณ และอย่างน้อยกระทู้ของคุณก็มีส่วนทำให้เกิดการแสดงความคิดความเห็นกัน ขอให้คุณโชคดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 19
ถ้าจะรวยแบบผ่อนส่งแบบนี้ เอาไปซื้อ กองทุน rmf ltf ดีกว่า หักลดหย่อนภาษีได้ อย่างน้อยก็ลดภาษีได้เยอะแล้วครับ ไม่ต้องกังวลว่า จะซื้อได้ไม่ครบ100หุ้น เพราะเงินไม่พอด้วย เลือกกองที่เค้าถือหุ้นที่เราคิดว่าน่าลงทุนก็พอครับ มีให้เลือกเยอะมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 20
ลงทุนพวกนี้ จะได้ซักกี่ % กันล่ะครับ ถ้าไม่ใช่อย่างปี 46 ผมว่า 16% ทบต้น คงเป็นไปได้ยากvivitawin เขียน:ถ้าจะรวยแบบผ่อนส่งแบบนี้ เอาไปซื้อ กองทุน rmf ltf ดีกว่า หักลดหย่อนภาษีได้ อย่างน้อยก็ลดภาษีได้เยอะแล้วครับ ไม่ต้องกังวลว่า จะซื้อได้ไม่ครบ100หุ้น เพราะเงินไม่พอด้วย เลือกกองที่เค้าถือหุ้นที่เราคิดว่าน่าลงทุนก็พอครับ มีให้เลือกเยอะมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 21
ขอเสริมพี่ฉัตรชัยนิดนึงครับ 8)
การซื้อหุ้นแบบ VI จริงๆ นั้น ผมว่า ต้อง "ตีแตก" เหมือนอาจารย์นิเวศน์ และพี่ๆ อีกหลายคนในที่นี้
กล่าวคือ หากบริษัทที่มี Performance ดีเยี่ยมติดต่อกันหลายปี มีธรรมาภิบาล และเราสามารถเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี / ซื้อขายกันในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริงมากๆ อาจเป็นเพราะว่า อยู่ในช่วงตลาดหมี หรือผู้คนเทขายอย่างบ้าคลั่ง โลกจะแตก คิดว่ากอดเงินสดดีกว่า ฯลฯ
เราค่อยซื้อตอนนั้นก้อได้ ครับ ยิงกระสุนหมดแม็กเลย ถ้ามั่นใจ
ประสบการณ์เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา สอนผมว่า ถ้าตลาดหุ้นซบเซามากๆ เมื่อไหร่ และยิ่งวันนั้นเป็นวันแดงเดือด นั่นคือสัญญาณซื้อหุ้น (บางตัว) ครับ
ผิดถูกอย่างไร ชี้แนะด้วยครับพี่ๆ 8) ...
การซื้อหุ้นแบบ VI จริงๆ นั้น ผมว่า ต้อง "ตีแตก" เหมือนอาจารย์นิเวศน์ และพี่ๆ อีกหลายคนในที่นี้
กล่าวคือ หากบริษัทที่มี Performance ดีเยี่ยมติดต่อกันหลายปี มีธรรมาภิบาล และเราสามารถเข้าใจในธุรกิจนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี / ซื้อขายกันในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริงมากๆ อาจเป็นเพราะว่า อยู่ในช่วงตลาดหมี หรือผู้คนเทขายอย่างบ้าคลั่ง โลกจะแตก คิดว่ากอดเงินสดดีกว่า ฯลฯ
เราค่อยซื้อตอนนั้นก้อได้ ครับ ยิงกระสุนหมดแม็กเลย ถ้ามั่นใจ
ประสบการณ์เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา สอนผมว่า ถ้าตลาดหุ้นซบเซามากๆ เมื่อไหร่ และยิ่งวันนั้นเป็นวันแดงเดือด นั่นคือสัญญาณซื้อหุ้น (บางตัว) ครับ
ผิดถูกอย่างไร ชี้แนะด้วยครับพี่ๆ 8) ...
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 22
การลงทุนแบบนี้ เป็นการลงทุนที่แทบจะการันตีว่า
เอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างเด็ดขาดและแน่นอนครับ
อาจจะไม่ดีพอในสายตาวีไอเก่งๆ ในเว็บนี้
แต่ดีพอสำหรับคนทั่วไปที่ไม่สามารถเจาะลึกหุ้น
ธุรกิจ และทำความเข้าใจกับความเสี่ยงได้อย่างละเอียด
การลงทุนแบบกระจายใน "บริษัท" ดีๆ (ไม่ใช่หุ้นนะครับ)
หลายๆ บริษัทตลอดระยะเวลานานๆ ผลตอบแทน
ดีกว่าการลงทุนในตราสารอื่นๆ อย่างแน่นอนครับ
และสามารถตัดความผันผวนระยะสั้นไปได้
ดังนั้น แม้จะไม่ทำให้รวยเหมือน vi ที่ตีแตกได้
การลงทุนวิธีนี้ ก็ยังดีเสียกว่าการเอาเงินไปฝากแบงค์
ซื้อตราสารหนี้ทิ้งไว้นานๆ หรือซื้อทองทิ้งไว้นานๆ
ลองอ่านเรื่อง "หุ้น กับ แมลงวัน" ของท่านแม่ทัพดูครับ
http://api.settrade.com/blog/1001ii/2007/06/12/66
เอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างเด็ดขาดและแน่นอนครับ
อาจจะไม่ดีพอในสายตาวีไอเก่งๆ ในเว็บนี้
แต่ดีพอสำหรับคนทั่วไปที่ไม่สามารถเจาะลึกหุ้น
ธุรกิจ และทำความเข้าใจกับความเสี่ยงได้อย่างละเอียด
การลงทุนแบบกระจายใน "บริษัท" ดีๆ (ไม่ใช่หุ้นนะครับ)
หลายๆ บริษัทตลอดระยะเวลานานๆ ผลตอบแทน
ดีกว่าการลงทุนในตราสารอื่นๆ อย่างแน่นอนครับ
และสามารถตัดความผันผวนระยะสั้นไปได้
ดังนั้น แม้จะไม่ทำให้รวยเหมือน vi ที่ตีแตกได้
การลงทุนวิธีนี้ ก็ยังดีเสียกว่าการเอาเงินไปฝากแบงค์
ซื้อตราสารหนี้ทิ้งไว้นานๆ หรือซื้อทองทิ้งไว้นานๆ
ลองอ่านเรื่อง "หุ้น กับ แมลงวัน" ของท่านแม่ทัพดูครับ
http://api.settrade.com/blog/1001ii/2007/06/12/66
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 23
ดีกว่า ที่ จขกท ถามอ่ะครับ แต่คงไม่ดีกว่าที่พี่ akekarat ลงทุนแน่ๆครับakekarat เขียน: ลงทุนพวกนี้ จะได้ซักกี่ % กันล่ะครับ ถ้าไม่ใช่อย่างปี 46 ผมว่า 16% ทบต้น คงเป็นไปได้ยาก
อย่างท่านดร.นิเวศน์ เองก็ลงทุนใน rmf ltf เพื่อเอาผลประโยชน์ทางภาษี
แต่ซื้อในวันสุดท้ายของทุกปี คือถ้าเสียภาษีใน rate สูงๆ 20%-30% ขึ้นไป
ผมว่าก็คุ้มแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 24
ไม่จริงครับ พอร์ตผมตอนนี้นับจากต้นปียังแดงอยู่เลย กองทุนบางตัว 9-10% เข้าไปแล้ว :lol: :lol:vivitawin เขียน: ดีกว่า ที่ จขกท ถามอ่ะครับ แต่คงไม่ดีกว่าที่พี่ akekarat ลงทุนแน่ๆครับ
อย่างท่านดร.นิเวศน์ เองก็ลงทุนใน rmf ltf เพื่อเอาผลประโยชน์ทางภาษี
แต่ซื้อในวันสุดท้ายของทุกปี คือถ้าเสียภาษีใน rate สูงๆ 20%-30% ขึ้นไป
ผมว่าก็คุ้มแล้ว
- smart_investor
- Verified User
- โพสต์: 131
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 25
ผมคิดว่าการลงทุนใน RMF หรือ LTF นั้นดีครับโดยเฉพาะคนที่ฐานภาษี 20% ขึ้นไปvivitawin เขียน: ดีกว่า ที่ จขกท ถามอ่ะครับ แต่คงไม่ดีกว่าที่พี่ akekarat ลงทุนแน่ๆครับ
อย่างท่านดร.นิเวศน์ เองก็ลงทุนใน rmf ltf เพื่อเอาผลประโยชน์ทางภาษี
แต่ซื้อในวันสุดท้ายของทุกปี คือถ้าเสียภาษีใน rate สูงๆ 20%-30% ขึ้นไป
ผมว่าก็คุ้มแล้ว
แต่ผมไม่ค่อยชอบหลักการที่ซื้อช่วงปลายปีปฏิทินที่1 แล้วไปขายต้นปีปฏิทินที่5 เท่าไรครับ เพราะมันเหมือนกับเราสร้าง pattern ในการซื้อและขายขึ้นมาโดยไม่ได้พิจารณาถึงความถูกและแพงของกองทุนที่ซื้อ
โดยส่วนตัวผมจะไม่ซื้อ LTF ในช่วงตลาดกระทิงครับ แต่ผมจะซื้อในช่วงตลาดเหงาๆ รอจังหวะไปเรื่อยๆครับ เพราะผมมั่นใจในอารมณ์ของนายตลาดว่าแม้วันนี้ผมจะคว้าโอกาสไว้ไม่ทัน แต่ก็ยังจะมีโอกาสให้ผมอีกเรื่อยๆ
ไม่มีใครไม่เคยขาดทุน
แต่เราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต
เพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไป
แต่เราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต
เพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไป
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 28
ลองคิดเล่นๆ ดูครับ ถ้านำเงินไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอเดือนละ 10,000 บาท และทุกครั้งที่ลงทุนไปได้อัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีกลับมาอย่างสม่ำเสมอที่ 5% จะต้องรอจนสิ้นปีที่ 39 กว่าพอร์ตจะไต่ระดับขึ้นแตะ 14 ล้าน และจะขึ้นไปแตะ 15 ล้านก็เมื่อเวลาผ่านไป 40 ปี กับอีก 2 เดือน
หากอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีสูงขึ้นเป็น 12% กว่าจะได้ 15 ล้าน ก็ต้องรอถึง 24 ปีเต็มๆ
ที่อัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีเท่ากับ 16% ได้เห็น 15 ล้านก็เมื่อครบ 20 ปีเต็มพอดี
แต่หากได้อัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีเว่อๆ สัก 23% พอร์ต 15 ล้านจะมาเยือนเมื่อเวลาผ่านไป 15 ปี 11 เดือน
ที่เว่อไปกว่านั้นก็คือหากยังสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีได้ที่ 23% อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบ 40 ปี 2 เดือน พอร์ตท่านผู้นี้จะมีมูลค่าสูงถึง 2,387,834,095.89 บาท แต่เรื่องที่บรมเว่อที่สุดก็คือ ท่านผู้นี้ทำไมจึงยังลงทุนด้วยเงินต่อเดือน เดือนละ 10,000 บาท มาได้เป็นปีที่ 40 (แกน่าจะเพิ่มเงินลงทุนต่อเดือนมาตั้งนานแล้วนะ )
หากอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีสูงขึ้นเป็น 12% กว่าจะได้ 15 ล้าน ก็ต้องรอถึง 24 ปีเต็มๆ
ที่อัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีเท่ากับ 16% ได้เห็น 15 ล้านก็เมื่อครบ 20 ปีเต็มพอดี
แต่หากได้อัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีเว่อๆ สัก 23% พอร์ต 15 ล้านจะมาเยือนเมื่อเวลาผ่านไป 15 ปี 11 เดือน
ที่เว่อไปกว่านั้นก็คือหากยังสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนทบต้นต่อปีได้ที่ 23% อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบ 40 ปี 2 เดือน พอร์ตท่านผู้นี้จะมีมูลค่าสูงถึง 2,387,834,095.89 บาท แต่เรื่องที่บรมเว่อที่สุดก็คือ ท่านผู้นี้ทำไมจึงยังลงทุนด้วยเงินต่อเดือน เดือนละ 10,000 บาท มาได้เป็นปีที่ 40 (แกน่าจะเพิ่มเงินลงทุนต่อเดือนมาตั้งนานแล้วนะ )
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 962
- ผู้ติดตาม: 0
รวยแบบผ่อนส่ง
โพสต์ที่ 29
ผมเข้าใจว่า "รวยผ่อนส่ง" นี้มาจากหนังสือของ ดร.นิเวศน์ นะครับ ในเล่ม "ชนะอย่างเต่า"
ดร.ท่านพูดถึงการออมแบบ Dollar cost average ในการซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีการเติบโตที่ดี โดยที่เราไม่ต้องดูว่าจะซื้อเมื่อไหร่มากกว่าครับ ในกรณีที่ผู้ออมไม่ได้มีความรู้ในการศึกษาในตัวบริษัทที่ดีพอ
แต่หากว่าสนใจที่จะศึกษาบริษัทนั้นๆแล้ว การพิจารณาเรื่อง margin of safety คงจะดีกว่าครับ
ดร.ท่านพูดถึงการออมแบบ Dollar cost average ในการซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีการเติบโตที่ดี โดยที่เราไม่ต้องดูว่าจะซื้อเมื่อไหร่มากกว่าครับ ในกรณีที่ผู้ออมไม่ได้มีความรู้ในการศึกษาในตัวบริษัทที่ดีพอ
แต่หากว่าสนใจที่จะศึกษาบริษัทนั้นๆแล้ว การพิจารณาเรื่อง margin of safety คงจะดีกว่าครับ