มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
webuffet
Verified User
โพสต์: 77
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ข้อดี

1.เป็นผู้นำธุรกิจด้านตลาดชาเขียว และอาหารญี่ปุ่น
2.ผู้บริหารเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ มีไอเดียสำหรับธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
3.ราคาหุ้นมีความผันผวนน้อยกว่าพวก Big Cap หรือมีค่าเบต้าที่ต่ำ
4.ผู้บริหารมีการซื้อหุ้นแบบมีนัยสำคัญ
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 09/02/2550 07/02/2550 17,000 21.60 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/02/2550 12/02/2550 21,000 20.50 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/03/2550 13/03/2550 30,000 18.00 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/03/2550 14/03/2550 30,000 17.50 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/03/2550 15/03/2550 15,000 17.40 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/03/2550 15/03/2550 25,000 17.40 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/03/2550 15/03/2550 20,000 17.40 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 15/03/2550 15/03/2550 30,000 17.40 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/03/2550 20/03/2550 85,000 17.40 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/03/2550 20/03/2550 6,000 17.50 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/03/2550 21/03/2550 60,000 17.50 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 26/03/2550 22/03/2550 50,000 17.40 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 30/03/2550 27/03/2550 20,000 17.40 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 02/04/2550 29/03/2550 30,000 17.20 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 02/04/2550 29/03/2550 30,000 17.00 ซื้อ  
โช เอวี่ย  จิ้ว ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 11/05/2550 11/05/2550 20,000 17.30 ซื้อ

5.คู่แข่งก็เริ่มลดลง ทำให้โออิชิมีส่วนแบ่งตลาดที่สูงขึ้นโดยมี เครื่องดื่มชาเขียวที่ระดับ 67% ได้ ขณะ Market Share  ชารวมก็จะสามารถรักษาอยู่ที่ระดับ 56%
6.สามารถสร้างการเติบโตต่อธุรกิจได้โดยเพิ่มยอดขายและกำไรเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารได้ด้วยการเร่งขยายสาขา โดยเฉพาะที่ต่างจังหวัด โดยสำหรับประเทศไทย Chain Store ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น KFC, Mc, MK, etc. ล้วนแล้วแต่มีสาขามากกว่า 200 สาขาทั้งนั้น ในขณะที่ร้านต่างๆในเครือโออิชิ มีรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 96 สาขาในปี 2007 เท่านั้น สังเกตว่าตอนนี้โออิชิยังไม่ได้ขยายร้านอาหารเข้าไปใน Modern Trade อาทิ Lotus , BigC , Carrefour , Robinson ตจว. (ส่วนใหญ่แล้วจะมีใน Central , The Mall , Major , MBK , ซีคอน , ฟิวเจอร์ ปาร์ค) หากขยายไปยัง Modern Trade เหล่านี้ได้เร็ว ก็เท่ากับสร้าง Value Add ให้กับธุรกิจชาเขียวและ Brand อื่นๆในตัวได้ด้วย
7.Net Profit Margin เฉพาะหมวดเครื่องดื่มดีขึ้น ปัจจุบัน Q1 ที่ ~15.84% เทียบกับทั้งปี 2549 ที่ ~6.54% หากรักษาส่วนนี้ได้ในปี 2550 จะช่วยเพิ่มอัตราการเพิ่มขึ้นของกำไรได้เป็นอย่างดี
8.Net Profit Margin รวม ณ Q1 = ~9.83% ดีขึ้นกว่าทั้งปีของปี 2549 ที่ ~5% หากรักษาส่วนนี้ได้ในปี 2550 จะช่วยเพิ่มอัตราการเพิ่มขึ้นของกำไรได้ โดยจะทำให้กำไรเติบโตขึ้นจากปีที่ตกต่ำในปี 2549 ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นตามมา      
9.มีการบริหารต้นทุนโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบ Q1 50-Q1 49 , Q1 50-Q4 49 หรือ Q1 50-Q 49 รวม
10.ขณะนี้ยังมี Promotion ส่งเสริมการขายอยู่มาก เช่น ร่วมกับ 7-Eleven ,ร่วมกับ Major Movie give me 5 (หมดเขต Q2 นี้) , ยังมีการจัดโปรโมชั่นชุด คอมโบ้ เซ็ท พิเศษ (หมดเขตุสิ้นปี 2550) ซึ่งเป็นการกระตุ้นยอดขายและสร้าง Brand โฆษณาผ่านโรงหนังในเครือ Major ที่มีอยู่หลายสาขา และ Promotion กินฟรีปูยักษ์อลาสก้าผัดจักรพรรดิ์เมื่อมารับประทานอาหาร 4 ท่าน ที่ โออิชิ ภัตตาคารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น และ โออิชิ เอ๊กซ์เพรส ทุกวันจันทร์ อังคาร พุธ (หมด Q2 นี้) และส่วนลดร้านอาหารเฉพาะวันพฤหัสบดี 15% และหมดเขต Q2 นี้เช่นกัน
11.การมีมุมมองขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เช่น ส่งออกเครื่องดื่มที่ 10% ของยอดขายรวม และขยายช่องทางขายอาหารภายในประเทศ เช่น ขายอาหารผ่านสายการบิน โอเรียน ไทย และ Frozen Food ผ่าน 7-eleven ที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ
12.การจัดทำ Re-Packaging ใหม่ เพื่อความสวยงามและกระตุ้นยอดขาย
13.ระบบ Distribution ที่แข็งแกร่งจาก เสริมสุข และดีทแฮม สังเกตจากร้านขายเครื่องดื่มข้างทาง จะพบแบรนด์โออิชิ มากกว่าเครื่องดื่มชาเขียวประเภทอื่นๆ
14.การคาดการณ์เกี่ยวกับร้านอาหารและเครื่องดื่มง่ายกว่าธุรกิจอื่นๆ เช่น พวก Commodity จึงง่ายกว่าในการคำนวณ DCF และประมาณการยอดขายและผลกำไร รวมทั้งกระแสเงินสด และสังเกตจำนวนผู้บริโภคได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่น
15.ธุรกิจแทบจะต้องไม่ต้องลงทุนมากแล้ว ในแง่ของอุปกรณ์และเครื่องจักรต่างๆ เพราะได้ผ่านช่วงนี้มาแล้วในปี 2549
16.หนี้น้อยมากๆ อีกทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายก็น้อยมากเมื่อเทียบกับกำไร และแนวโน้มการเบิก O/D ก็ลดลง
17.มีที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ อยู่ 64% ของสินทรัพย์รวม
18.สินทรัพย์หมุนเวียนสามารถรองรับหนี้สินได้เกือบทั้งหมด
19.จาก Q1 50 พบว่าลูกหนี้การค้าและสินค้าคงเหลือลดลง
20.ราคาที่คุณเจริญซื้อคือ 32.50 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 55% คิดเป็นจำนวน 103 ล้านหุ้น
21.หากขยายฐานไปยังต่างประเทศ โออิชิสามารถหาช่องทางการจำหน่ายผ่านบริษัทคุณเจริญได้
22.บริษัทไม่ได้ลงทุนมาก ดังนั้นโอกาสในการเพิ่มทุนจึงน้อย อีกทั้งจำนวนหุ้นของโออิชิก็ไม่มากนัก ดังนั้นสามารถเพิ่ม EPS ได้ดีกว่า
23.กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกตลอด และไม่เคยขาดทุน
24.หนี้สินต่อทุนต่ำมาก หรือแทบไม่มี และความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูงมากเมื่อเทียบกับผลกำไร
25.เข้าสูตร VI คือ ซื้อธุรกิจที่ดี และเป็นผู้นำในช่วงที่ราคาที่มีส่วนลด และรอการฟื้นตัว
26.ตัวที่สามารถเพิ่มยอดขายและผลกำไรได้เป็นอย่างดี คือ การจัด Promotion เช่น 1 ฝา 1 ล้าน , การขยายตลาด , การลดต้นทุน หรือตัดธุรกิจที่ไม่มีผลกำไรหรือขาดทุนออกไป จะสังเกตว่าโออิชิเริ่มจะทำบ้างแล้ว เช่น Re-branding ร้าน In&Out , การจัดอบรมการปั้นข้าวปั้น รวมทั้งเพิ่มยอดขายทั้งด้านอาหารผ่านร้านค้าปลีก และการส่งออกเครื่องดื่มไปยังต่างประเทศ รวมทั้งการจัด Promotion ส่งเสริมการขายอื่นๆที่มีออกมาเรื่อยๆ
27.จากการเป็นผู้นำตลาดจะพบว่าราคาเครื่องดื่มโออิชินั้นสูงกว่าเจ้าอื่น แต่ก็ยังสามารถรักษา Market Share ได้ และสามารถตีความได้ว่า Product นั้นๆ สามารถครองใจผู้บริโภคได้ดีมากๆ
28.จะสามารถดูความเป็นไปได้อย่างไรสำหรับการเติบโตของธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว จากสมมุติฐานให้ยอดขายของเครื่องดื่ม คือ 3,200 ลบ.ต่อปี , ราคาขายเฉลีย = 12 บาท/ขวด , ประชากร = 65 ล้านคน จะได้อัตราการดื่ม = 4.1 ขวดต่อคนต่อปี ซึ่งน้อยมากๆ หากคิดเป็นวันจะได้จำนวนขวดที่จะต้องขายให้ได้ = 732,000 ขวดต่อวัน และเมื่อเทียบกับประชากรแล้ว พบว่ามีแค่ 1.13% ของประชากรทั้งหมดเท่านั้นที่จะดื่มชาเขียวต่อวัน หากเพิ่มความนิยมและเคมเปญที่ดึงดูดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศอะไรจะเกิดขึ้น?
29.เช่นเดียวกันหากมาดูด้านอาหารกันบ้าง โดยกำหนดยอดขาย = 1,800 ลบ. , ค่าใช้จ่ายต่อคนเฉลี่ย 350 บาท และ ประชากร = 65 ล้านคน หากคิดเป็นวันแล้วจะได้ 16,400 ต่อคนต่อวันต่อ 100 สาขา ซึ่งจะได้จำนวนคนหมุนเวียนต่อวันต่อสาขาโดยเฉลี่ย = 164 คน/สาขา/ต่อวัน และหากคิดเป็นชั่วโมงจาก 11.00-21.00 เป็นเวลา 10 ชม จะได้ อัตราการหมุนเวียน = 16.4 คนต่อชั่วโมงต่อสาขา ซึ่งจะพบว่าจำนวนคนบริโภคต่อชั่วโมงยังน้อยมากๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่ามูลค่ารวมของร้านอาหารนั้นมีขนาดใหญ่มาก และจะพบว่าต่อวันมีคนทานอาหารญี่ปุ่นเพียง 0.025% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งการจะเพิ่มรายได้ในส่วนนี้ได้ คือ ขยายสาขา เพิ่มการหมุนเวียนของลูกค้า และเพิ่มความนิยมด้านอาหารญี่ปุ่น ขณะนี้จะพบว่าการหมุนเวียนยังน้อยอยู่เนื่องจากเป็นร้านอาหาร Buffet
30.Brand ดังๆสำหรับอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขา มีเพียง 3 Brand เท่านั้น ได้แก่ ZEN , FUJI และ OISHI ซึ่งขณะนี้ OISHI มีความได้เปรียบทางด้านสาขา และช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย
31.ซื้อธุรกิจที่ดีขณะที่ผู้คนไม่ให้ความสนใจ สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่า (Out-of-flavor)
32.จะดีมากๆหากขยายร้านอาหารและขายเครื่องดื่มเสริมไปด้วย ซึ่งจะสร้างผลกำไรให้โออิชิอย่างมาก สังเกตได้จากตามห้างจะมีตู้เย็นวางขายเครื่องดื่มหน้าร้านโออิชิ
33.การมีร้านอาหารเพิ่มมากขึ้นก็เหมือนกับการสร้างอาณาจักรและ Brand ของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น
34.จากงบการเงินมาดูการคำนวณอัตราส่วนกัน แนวโน้ม CFO น่าจะได้ประมาณ 700 ล้านบาทซึ่งสูงกว่าปี 2549 ที่ได้เพียง 470 ล้านบาท
35.แนวโน้ม CFI น่าจะลดลงเนื่องจากผ่านการลงทุนหนักๆในปี 2549 มาแล้วที่อมตะ
36.แนวโน้ม CFF น่าจะลดลงเพราะไม่ต้องกู้ในการลงทุนเพิ่ม
37.PE=~14 และ < 15 และ PBV=1.75 ซึ่งเข้าสูตรของเกรแฮม
38.รายได้มากกว่า Market Cap หรือ P/S < 1 เข้าสูตรปีเตอร์ ลินซ์
39.P/CF = 6.38 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถือว่าดี
40.P/FCF = 14.8 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถือว่าดี
41.ROE หรือ ROI , ROA ในปีนี้มีแนวโน้มมากกว่า 15%,และ NPM จะดีขึ้น เนื่องจากปีนี้มีกำไรเพิ่มขึ้น

42.มาดูแนวโน้มทั้งด้านยอดขาย และกำไรต่อหุ้นกัน

Revenue
Periods2004  2005  2006
(Q1)   605  1,192    939
(Q2)   740  1,469    1,096
(Q3)   895  1,082    946
(Q4)   1,043   940    987
Totals  3,283 4,682   3,969
Note: Units in Millions of THB

Earnings Per Share
Periods      2004    2005   2006  2007
(Q1)         0.59     0.91  0.14     0.56
(Q2)         0.64     1.39  0.33
(Q3)         0.83     0.78  0.35
(Q4)         0.88     0.25  0.19
Totals         2.93    3.33 1.01
Note: Units in THB

จะพบว่าในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาแนวโน้มไม่ว่าจะเป็นยอดขายหรือกำไรต่อหุ้นใน Q1 จะสูงกว่า Q2 ตลอดระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นหาก Q2 เพิ่มมากกว่า Q1 จริงในปี 2550 เราจะได้ EPS ที่สูงกว่าปี 2549 ทันที เช่น ในปี 2549 EPS = 1.01 และ Q1 2550 EPS = 0.56 และ Q2 2550 EPS = 0.60 รวม 2 ไตรมาสหรือครึ่งปี EPS 2550 = 1.16 จะพบว่าเพียงครึ่งปีของปี 2550 ก็สามารถทำกำไรได้มากกว่าทั้งปีของปี 2549 แล้ว หากเป็นตามสมุติฐานนี้จริง ราคาหุ้นจะเป็นยังงัยครับ?

43.ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ (ที่ราคาทุน) ที่ 9.06 บาทต่อหุ้น และเงินสดทั้งปีที่คาดประมาณ 300 ล้านบาท = 1.6 บาทต่อหุ้น (Q1 มีเงินสด 164 ล้านบาท) ดังนั้นถ้ารวมทั้งหมดจะได้ 10.66 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาต่อหุ้นโดยรวมนั้นไม่ได้รวมยี่ห้อตราสินค้าที่แข็งแกร่งที่สร้างมาและครองใจผู้บริโภคมากว่า 8 ปี แต่ในขณะที่ราคาตลาดปัจจุบันที่ 18 บาทเท่านั้น หมายเหตุ : ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์นั้นโออิชิเป็นเจ้าของอยู่ คือ สุขุมวิท ย่านทองหล่อ (อย่างที่รู้ว่าที่ดินย่านนี้แพงมากๆและในอนาคตราคาที่ดินแห่งนี้ต้องเพิ่มขึ้นอีก) และนวนคร ปทุมธานี (เมื่อการขยายเมืองโตขึ้น พื้นที่รอบๆกทม.ย่อมได้รับประโยชน์ ราคาก็ต้องสูงขึ้น) ส่วนที่ดินที่อมตะ ชลบุรี เช่าเอาครับ
44.ช่วง IPO ใหญ่ ราคาเทรดกันที่ 19 บาทต่อหุ้น ขณะนี้ถูกว่าราคา IPO แต่สิ่งที่ได้มา คือ งบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น หนี้สินลดลง กำไรสะสมเพิ่มขึ้นจาก 34 ล้านบาท ณ ปี 46 เป็นกว่า 800 ล้านบาทในปัจจุบัน และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้น 609 ล้านบาทแถมมาด้วย สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น สาขาเพิ่มมากขึ้น ผ่านช่วงร้ายๆมาแล้ว ซึ่งทำให้ผู้บริหารรู้จักการปรับกลยุทธ์ และการเรียนรู้กับข้อผิดพลาดที่ผ่านมา
45.ในระยะยาวบริษัทไม่เจ๊ง เพราะว่าแทบไม่มีหนี้เลย
46.Net Profit Margin เทียบกับ SSC , S&P, TIPCO , Malee รวมๆแล้วก้อดูดีกว่า
47.ในปีนี้ประมาณสิงหาคม OISHI จะฉลองวันเกิด 8 ปี เห็นบอกว่าจะเป็น talk of the town น่าจะมีมัดเด็ดๆจากคุณตัน
48. มี product line ออกใหม่ คือ น้ำทับทิม กับชา ตอนนี้หาซื้อได้ที่ 7-eleven
49. มีการไปดูงานที่ไต้หวัน เห็นว่าจะมีผลิตภัณท์ใหม่ออกมาเรื่อยๆ แสดงว่าบริษัทสนใจใน R&D ซึ่งฟิชเชอร์ชอบมากๆ
50.เริ่มมีการเจาะตลาดไปยังสวนอาหารและภัตตาคารบ้างแล้วโดยบริษัทได้จ้างสาวเชียร์ชามาให้แนะนำผลิตภัณท์และเชียร์ให้ลูกค้ากินชาเขียวในสวนอาหารบ้างแล้ว โดยตั้งเป้าทีละ 10 ร้าน จากนั้นจะเริ่มย้ายไปยังที่ใหม่ๆ
51.พบว่าในโรงเรียนบางโรงเรียนไม่อนุญาติให้ขายน้ำอัดลม แต่ชาเขียวยังขายได้ตามปกติ
52.จากการสอบถามยี่ปั้วตามที่ต่างๆ เช่น JJ พบว่า OISHI ขายดีกว่ายี่ห้ออื่น รวมทั้งให้กำไรต่อขวดดีกว่ายี่ห้ออื่นด้วย
53.จากการไปสังเกตที่ห้าง modern trade พบว่า โซนเครื่องดื่มชาเขียวของ OISHI นั้นบุ๋มลงไปเยอะกว่ายี่ห้ออื่นๆมาก แสดงว่าลูกค้าซื้อกันเยอะกว่ายี่ห้ออื่น


มาลองคำนวณมูลค่าหุ้นกันเถอะ
วิธีที่ 1
กำหนดยอดขาย = 4200 ลบ. , จำนวนหุ้น = 188 ล้านหุ้น , PE = 15
NPM = 8% ได้ราคาหุ้น = 26.85 บาทต่อหุ้น (Q1-NPM=9.8% แต่ทั้งปีให้สัก 8% )

วิธีที่ 2
จากวิธีที่ 1 เรารู้ EPS ที่ประมาณการ = 1.79
หากใช้ PE ค่าเฉลี่ยจาก Tipco,S&P,SSC จะได้ PE = 13 ดังนั้นราคาที่ได้ = 23.23 บาทต่อหุ้น

หรือจาก PE รวมของหมวดอาหารและเครื่องดื่ม = 15 ดังนั้นราคาที่ได้ = 26.85 บาทต่อหุ้น

วิธีที่ 3
โดยเรารู้ BV ของ OISHI อยู่แล้ว = 10.22 บาทต่อหุ้น หากใช้วิธี PBV โดยดูจาก PBV เฉลี่ยของ Tipco,Malee,S&P,SSC จะได้ PBV = 1.8
ดังนั้นราคาที่ได้จะ = 18.38 บาทต่อหุ้น

หรือจาก PBV รวมของหมวดอาหารและเครื่องดื่ม = 1.91 ดังนั้นราคาที่ได้ = 19.52 บาทต่อหุ้น


วิธีที่ 4
ใช้ DCF โดยคำนวณ FCF = 450 ล้านบาท โดยFCF ที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนที่อมตะในปีที่แล้ว และในปีนี้ Capex จะลดลง เพราะผ่านการลงทุนหนักๆในปีที่ผ่านๆมา และกำหนด Discount rate = 10% (Conservative สุดๆ เนื่องจากบริษัทมีหนี้น้อยเลยให้ Discount Rate ที่สูง) (อันที่จริง Discount Rate จะต้องน้อยกว่านี้ เนื่องจากดอกเบี้ยลดและค่าเบต้าของโออิชิน้อยกว่า 1 ตาม Model CAPM Cost of Equities) และ Growth ของ FCF ในปีถัดๆไปกำหนดให้โตแค่ = 1% จะได้ราคาหุ้น = 28.06 บาทต่อหุ้น

ขณะนี้เริ่มมี reseach มาปรับราคาเป้าหมายกันแล้ว Target โดย ASP ให้ประมาณ 22.3 , KIMENG ให้ 27.5 และ TISCO ให้ 28 บาท  โดยจะได้ Upside Gain อีกพอควร ไม่นับรวมปันผลอีก 4% (ดูการคำนวณข้างล่าง)

การคำนวณเงินปันผล จากการคำนวณข้างบน หากบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลเท่าเดิม คือ 40% จะได้ปันผลต่อหุ้น = 0.72 บาทเป็นของแถม หรือ = ~4% โดยไม่รวม Capital Gain ที่ได้ข้างบน

หมายเหตุ : ตัวเลขบางตัวเป็นตัวเลขที่คาดการณ์ครับ ซึ่งจะอิงตามข้อมูลที่หามาได้ ยังมีอีกหลายวิธีในการคำนวณครับ เช่น EV/EBITDA , EV/OCF เป็นต้น ส่วนข้อมูลต่างๆสามารถหาได้ใน SET , นสพ , efinance การคำนวณข้างบนเป็นการคำนวนเชิงปริมาณครับ แต่สำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพต้องไปลองสังเกตและดูเองครับ


ข้อเสีย...
webuffet
Verified User
โพสต์: 77
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ข้อดีอีกข้อครับเพิ่งนึกออกว่า

OISHI ไม่มีการออก Warrant หรือ ESOP เลย
เสรี โอ
Verified User
โพสต์: 187
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 3

โพสต์

คุณตันมาเองหรือเปล่าครับเนี่ย
ละเอียดยิบเลย :welcome:  :bow:  :bow:  :bow:  :bow:
joykrab
Verified User
โพสต์: 52
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ในความรู้สึกผม ที่ไม่ได้ตามบริษัทนี้อย่างจริงจังนะครับ ผมเห็นว่ามีการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดบ่อยมาก ทั้งชาเขียวรสชาติต่างๆ น้ำผลไม้ เครื่องดื่มอะมิโน ซึ่งในความรู้สึก เหมือนเป็นการเอายี่ห้อมาเป็นตัวหลักในการลองตลาด ถ้าอันไหนไม่เวิร์ค ก็เลิกขายไป อันไหนติดตลาดก็ขายต่อ ทำให้ยากที่จะคาดการณ์ยอดขายในอนาคต และไม่แน่ใจเรื่องการสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณพ์ใหม่ มีการวางแผนดีแล้วหรือยัง ไม่ใช่เป็นการตามเทรนไปเรื่อยๆ กลัวว่านานๆไป คุณค่าของแบนรด์จะลดลงเรื่อยๆอะครับ
007-s
Verified User
โพสต์: 2496
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 5

โพสต์

โห แน่นปั้ก  :mrgreen:


ข้อเสียนี่ ดิฉันว่า ร้านหนมปัง รึป่าวคะ อินแอนด์เอาท์ บางสาขานี่ ดิฉันว่าของเหลือบาน ท่าทางไม่ค่อยถนัด เทียบผู้นำตลาดอย่าง ยามาซากิไม่ติดฝุ่นเลย
ควรรีบยุบทิ้งซะ หันมาเอาดี ในทางที่ตัวถนัดก็พอ

ชาบูชิ นี่ดิฉันเห็นดีเห็นงามด้วย ควรเร่งขยายสาขา ตีเหล็กตอนร้อน
booklover
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1063
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ข้อเสียที่ผมคิดออกนะครับเอามาแชร์กัน

1.คุณตันไม่ได้ถือหุ้นใหญ่แล้วไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อการ

บริหารมากน้อยแค่ไหน

2.กำไรจากเครื่องดื่มอยู่ในสัดส่วนที่สูง  มีสินค้าทดแทน

มาก ความสำเร็จของสินค้าใหม่ๆมีผลต่อกำไรมากแต่คาด

เดาได้ค่อนข้างยากตอนนี้เซกิขายค่อนข้างดีแต่ไม่รู้

เมื่อไหร่จะเบื่อกันอีก

3.ใช้งบการตลาดค่อนข้างสูง(แต่ผมไม่ค่อย Ad หลังๆเลย

ไม่ค่อยโดนโดยเฉพาะการแยกรสชาติ)

4.ยังบริหาร peak time ของร้านอาหารได้ไม่ดีพอ

สังเกตุง่ายๆว่าคนล้นในช่วงเวลาอาหารหลัก(เปรียบเทียบ

กับ MK :D  )
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

ขอบคุณมากๆครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับสำหรับข้อมูล และความคิดความเห็นครับ ขอสนับสนุนข้อมูลในแนวนี้ ขอให้ช่วยกันเร่งให้มีมากๆขึ้นครับในเว็บของเราครับ ผมเชื่อว่าสิ่งที่เป็นแนวทางของคุณทำจะช่วยเพื่อนๆได้มากที่เดียว
                                                                   ขอแสดงความนับถือ
                                                                    chartchai madman
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดาวหางสีแดง
Verified User
โพสต์: 635
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 8

โพสต์

[quote="007-s"]โห แน่นปั้ก
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดาวหางสีแดง
Verified User
โพสต์: 635
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 9

โพสต์

[quote="hansome"]
3.ใช้งบการตลาดค่อนข้างสูง(แต่ผมไม่ค่อย Ad หลังๆเลย

ไม่ค่อยโดนโดยเฉพาะการแยกรสชาติ)

4.ยังบริหาร peak time ของร้านอาหารได้ไม่ดีพอ

สังเกตุง่ายๆว่าคนล้นในช่วงเวลาอาหารหลัก(เปรียบเทียบ

กับ MK :D
webuffet
Verified User
โพสต์: 77
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 10

โพสต์

เป็นวิธีการคัดเลือกหุ้นอย่างหนึ่งครับ ถ้าเรารวบรวมข้อมูลได้มากเท่าไหร่ ก้อลดความเสี่ยงได้มากขึ้นเท่านั้นครับ โดยวิธีเคราะห์เชิงคุณภาพก่อนและตามด้วยเชิงปริมาณควบคู่กันไป และสามารถเป็น Case study ในการวิเคาระห์บริษัทอื่นๆได้ครับ ตอนนี้ capacity ของ OISHI ก็ยังไม่มาก ซึ่งปัจจุบัน 35% เท่านั้นเองครับ มีโอกาสเพิ่ม capacity ได้อีกโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม อีกทั้งในบางประเทศ เช่น Australia ผมก้อเห็นชาเขียวของ OISHI วางขายครับ ตอนที่ผมวิเคราะห์อยู่ OISHI ประมาณ 17.5-18 เท่านั้นเองครับ แต่ตอนนี้วิ่งไปไวเลย เดี๋ยวว่างๆมาดูข้อเสียครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ล่าสุดนะครับ บล. SICCO  ให้ราคา  OISHI   ที่เหมาะสม  28.11  บาท
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ข้อมูลละเอียดสุดยอดเลยครับคุณ webuffet

ทีนี้ขออนุญาตถามต่อว่า จาก 53 ข้อนี้ ซึ่งตามความเห็นผมๆก็ว่ามีความสำคัญทั้งนั้นเลย

แต่ถ้าจะเรียงลำดับความสำคัญใหม่  เอาที่สำคัญที่สุดอยู่ต้นๆ  ห้าข้อแรกที่อยู่ต้นๆน่าจะเป็นอะไรครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
boom
Verified User
โพสต์: 400
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 13

โพสต์

สุดยอดครับ ผมอยากให้แต่ละคนที่ศึกษาออกมา share แบบนี้ มาก ๆ ส่วนตัวแล้ว กำลังมองตัวนี้อยู่ และสนับสนุน ผลิตภัณฑ์ ของเขาอยู่เนือง ๆ ทำตัวเหมือนเจ้าของบริษัท เลย เวลาออกดูตลาด ไปปั๊ม เห็น ขวดชาเขียว อยู่ลึก ก็ดึงออกมา เวลา จัดประชุม ผมก็เสริฟ ชาเขียว ให้คนในที่ทำงาน พยายาม ยัดเยียด ให้คนอื่น ได้ลองชิม ดู แล้วเขาคงจะอยากดื่ม เอง
Boring Stock Lover
Verified User
โพสต์: 1301
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ข้อที่น่ากังวล

q1 q2 เป็นช่วงที่ดีที่สุดของผลประกอบการ

ความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร

กลัวเจ้าของ
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำครึ่งแก้ว
Verified User
โพสต์: 1098
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ข้อดีตามเจ้าของกระทู้กล่าวครับ

ส่วนข้อเสียที่นึกออก   Oishi   ขายของแพงครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
Verified User
โพสต์: 4886
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ในแง่ของธุรกิจผมมองว่า
Oishi กลายเป็นธุรกิจ CASH COWไปนานแล้วครับ
การที่OISHIจะโตได้ก็ต้องออก productใหม่เพื่อดันให้เป็นstar
ไม่งั้นธุรกิจมีแต่จะเป็น COW ต่อไปหรือ กลายเป็นdog


คุณ webuffet คิดว่าผู้บริหารมีนโยบายอะไรที่จะทําให้บริษัทโตครับ
ปล ผมเคยมีบทเรียนกับธุรกิจที่ ผุ้บริหารเก่ง แต่ ธุรกิจมันไม่workแล้ว


ส่วนเรื่องความถูกหรือแพงของราคาหุ้นนั้นเป็นอีกประเด็นครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
Verified User
โพสต์: 4886
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เป็นหุ้น ก้นบุหรี่ ที่OKตัว 1 นะ

เรื่องคุณตันไม่ได้ถือหุ้นแล้วมีผลมากในแง่แรงจูงใจที่จะบริหารครับเพราะ oishiไม่ใช่Wealth หลักของแกแล้ว ส่วนwealthหลักคือ อสังหา ครับ
Cheng
Verified User
โพสต์: 85
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 18

โพสต์

Rocker เขียน:oishiไม่ใช่Wealth หลักของแกแล้ว ส่วนwealthหลักคือ อสังหา ครับ
"OISHIคือตัน-ตันคือ OISHI"    ถ้าตันลาออก จะมีผลกระทบขนาดไหนครับ..... OISHIจะตันไหมครับ
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news28/06/07

โพสต์ที่ 19

โพสต์

โออิชิชูกลยุทธ์ผู้นำขย่มกรีนที ชี้น้ำส้มแข่งดุ-ลุ้น"เซกิ"ทับทิม

โออิชิมั่นตลาดชาเขียวเสถียรภาพแล้ว เทรนด์ไม่ตกลง เดินหน้ากลยุทธ์ผู้นำหวังกระตุ้นตลาดโตอีกครั้ง หลังแบรนด์มวยรองแห่ถอดใจ ระบุไม่เน้นรสชาติใหม่ แต่มุ่งตอกย้ำรสยอดนิยม "น้ำผึ้งผสมมะนาว-ต้นตำรับ" ปลื้มมาร์เก็ตแชร์ 70% มากที่สุดตั้งแต่ทำตลาด ขณะที่น้องใหม่ "น้ำส้มเซกิ" ยอมรับเข้าตลาดช้า รอลุ้นผลตอบรับก่อนปรับแผนอีกครั้ง

นายตัน ภาสกรนที กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตลาดชาเขียวขณะนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ถือว่าตลาดเสถียรภาพแล้ว ไม่ได้ตกลงตรงกันข้ามมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยหลังจากนี้เชื่อว่าตลาดจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้หวือหวา โดยขณะนี้สภาพการแข่งขันในตลาดชาเขียวลดความรุนแรงลงอย่างมาก โดยมีรายที่ทำกิจกรรมตลาดเพียงไม่กี่ราย สังเกตอย่างชัดเจนในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 15-20% ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นกว่า 200% เพราะต้นทุนในการทำตลาดลดลง ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดเรียกว่ามากที่สุดตั้งแต่โออิชิ กรีนทีอยู่ในตลาด โดยปัจจุบันมีมากกว่า 70% หากเทียบกับช่วงที่มีการทำโปรโมชั่นใน 2 ปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 64-65% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จากการที่หลายค่ายลดการทำตลาดลง ทำให้เป็นหน้าที่ของโออิชิ ในฐานะผู้นำตลาดในการกระตุ้นให้ตลาดเติบโตขึ้น ซึ่งเป็นการปรับกลยุทธ์ที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็น การปรับแพ็กเกจจิ้ง เพื่อขยายฐานลูกค้า ทั้งการเปิดตัวยูเอชที ไซซ์มินิ 160 ม.ล. และไซซ์ 1 ลิตร ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้กรีนทีในส่วน ของยูเอชทีเติบโตขึ้นมาก รวมถึงปรับกลยุทธ์การสื่อสาร การหันมาเน้นรสชาติหลักๆ ด้วยการตอกย้ำกับผู้บริโภค มากกว่าเดินหน้าออกรสชาติใหม่ๆ โดยปัจจุบันรสชาติหลักของโออิชิ คือ รสน้ำผึ้งผสมมะนาว, ต้นตำรับ และข้าวญี่ปุ่น ขณะที่รสชาติอื่นๆ จะเน้นเป็นสีสันในตลาดเท่านั้น

นายตันกล่าวอีกว่า ปัจจุบันคู่แข่งในตลาดเหลือเพียงไม่กี่ค่าย โดยเบอร์ 2 มีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 10% สังเกตได้จากบางร้านค้าที่เป็นเทรดดิชั่นนอลเทรด มีสินค้าเหลือเพียง 2 แบรนด์ แต่ถ้าเป็น ร้านค้าในต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะเหลือเพียงโออิชิ แบรนด์เดียว

สำหรับแบรนด์เซกิ ที่ผ่านมาได้มีการออก รสชาติใหม่ "ทับทิม" ที่เพิ่งมีการโฆษณาไปเกือบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้ต้องรอดูผลตอบรับจากผู้บริโภคว่าเป็นอย่างไร โดยการเลือกออกรสทับทิมนั้น เนื่องจากมีความแตกต่างในตลาด ส่วนรสชาติแรกที่เป็นน้ำส้มนั้น ต้องยอมรับว่าบริษัทเข้าสู่ตลาดค่อนข้างช้า และเนื่องจากวางตำแหน่งสินค้าเป็นพรีเมี่ยมโปรดักต์ ด้วยราคาจำหน่าย 20 บาท ทำให้สินค้าค่อนข้างเป็นนิชมาร์เก็ต ขณะเดียวกันก็มีคู่แข่งอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในตลาดล่าง ซึ่งการแข่งขันในตลาดน้ำส้มเรียกได้ว่าไม่แตกต่างจากครั้งที่ชาเขียวบูม

http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0207
คนเรือ VI
Verified User
โพสต์: 1647
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ผมกลับมองว่าการที่ไม่มีคุณตัน ทำให้ oishi จะดีกว่าในระยะยาวนะครับ

ระบบการออกสินค้าใหม่ หรือ กระบวนการจะชัดเจนขึ้น และอีกต่างๆจะชัดเจนขึ้นเพราะไม่มีเงาคุณตันมาบังตาคนที่มองจากภายนอกครับ

ผมว่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นครับ
. . .
dikdik
Verified User
โพสต์: 129
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ข้อเสียข้อหนึ่งก็คือราคาขี้นไปไวไปหน่อยครับ  :lol:

สำหรับผม ข้อเสียที่ผมต้องจับจ้องบริษัทนี้  ก็คือผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือหุ้นเป็นสัดส่วนที่มาก  ผมยังมีความกลัวว่าเขาจะเอาบริษัทออกจากตลาดไป  ตอนราคาอยู่ที่ 17-18 บาท  ผมซื้อไปก็ต้องลุ้นไป
แต่ตอนนี้ความกลัวเริ่มลดลงเพราะราคาขึ้นมาแล้ว  หวังว่าบริษัทจะอยู่ในตลาดต่อไปนะ  สู้เขา โออิชิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alastor
Verified User
โพสต์: 2590
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ข้อเสียของ OISHI คือ ผู้บริหารเชื่อคำพูดไม่ค่อยได้ บอกแต่เรื่องดีๆ ทำนอง พูดความจริงครึ่งเดียวนะครับ

ตัวนี้สำหรับผมต้องเรียกว่า เข็ด Snake-Bite ครับ  :oops:
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
webuffet
Verified User
โพสต์: 77
ผู้ติดตาม: 0

สาวเชียร์ชา (เขียว)

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ตัน ภาสกรนที เปิดใจยังสู้ไม่ถอยในการคืนชีพตลาดชาเขียว โออิชิ ในฐานะผู้นำนวัตกรรมเป็นสิ่งที่จะต้องสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องเพราะโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเริ่มดื้อยา โดยเขาเลือกใช้ แพ็กเกจจิ้ง เป็นตัวขยายฐานตามแต่ละเซ็กเมนต์ อีกทั้งเดินเกมตามรอยความสำเร็จแบบผสมผสานของทั้งเบียร์และน้ำอัดลมมาใช้ นั่นคือการเข้าไปกินส่วนแบ่งในตลาดร้านอาหารด้วยการมีสาวเชียร์ชาเขียวอีกด้วย

โออิชิวางงบสำหรับทำการตลาดผ่านช่องทางร้านอาหาร สวนอาหาร และร้านหมูกระทะ 5 ล้านบาท ปัจจุบันมีพริตตี้กว่า 20 คนประจำร้านอาหาร 10 แห่ง คอยเชียร์ให้ลูกค้าเลือกดื่มชาเขียวโออิชิขนาด 1 ลิตร ซึ่งเป็นแพ็กเกจจิ้งใหม่ล่าสุด จับกลุ่มครอบครัวและลูกค้าในร้านอาหาร จากแพ็กเกจจิ้งที่มีอยู่จะเน้นการบริโภคเฉพาะบุคคลมากกว่า และเมื่อลูกค้ารับรู้ถึงการมีอยู่ของโออิชิขนาด 1 ลิตรแล้ว จะหมุนเวียนไปโปรโมตยังร้านอื่นๆ ต่อไป เพราะฉะนั้นอย่าได้ตกใจ หากจะมีสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมาเสนอขายโออิชิแทนเบียร์หรือน้ำอัดลมที่คุ้นเคย

แทนที่จะดื่มเบียร์หรือน้ำอัดลม ก็อยากให้หันมาดื่มชาเขียวแทน ก็ไม่รู้ว่ากลยุทธ์นี้ของตันจะทำให้เสริมสุข พันธมิตรที่ช่วยกระจายสินค้าให้กับโออิชิจะปลื้มหรือเปล่า

ตันบอกว่า ผลตอบรับใน 1 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะมียอดขายเฉลี่ย 8 ลังต่อร้านต่อวัน หรือเกือบ 100 กล่องลิตรต่อร้านต่อวัน

นอกจากนี้ ตันยังเบนเข็มตามรอยอีกกลยุทธ์น้ำอัดลม นั่นก็คือ การใช้สื่อเต็มรูปแบบในโรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ ซีเนเพล็กซ์ ทั้งในส่วนของ Box Office เคาน์เตอร์จำหน่ายขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม สื่อในจอภาพยนตร์ เพราะตันเชื่อว่ายังมีคนดูหนังอีกจำนวนมากที่ไม่ดื่มชาเขียว

แคมเปญ Give Me 5 ครั้งนี้ ตันขนเครื่องดื่มในเครือโออิชิ ทั้ง 3 แบรนด์ คือ โออิชิ อะมิโน โอเค และเซกิ มาร่วมทำการตลาด โดยใช้ 5 ฝาของทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ แลกซื้อตั๋วหนังใบที่ 2 ฟรี หวังอาศัยภาพยนตร์ภาคต่อ Summer Hollywood ทั้ง Spiderman 3, Pirates of The Caribbean 3, Fantastic Four 2 และ Shrek The 3rd ดึงดูดคนให้มาชมภาพยนตร์พร้อมร่วมสนุกกับแคมเปญนี้

นับเป็นความพยายามของผู้นำ ในภาวะที่ผู้ตามอ่อนล้า หมดแรง และล้มหายตายจากไปจากสนามรบ จากเดิมมีผู้เล่นกว่า 30 แบรนด์ นับถึงวันนี้เหลือเพียง 5 รายเท่านั้นที่ยังพอมีกำลังร่วมกันผลักดันตลาดชาเขียวไม่ให้ทรุดไปกว่านี้ โดยคาดว่าตลาดชาเขียวมูลค่า 4,000 ล้านบาทจะเติบโต 10% ภายในปีนี้ หลังจากปีที่แล้วซวนเซหนักตกลงไปถึง 30%


Did you know?
หลังเปลี่ยนลวดลายแพ็กเกจจิ้งบนกล่อง UHT ทำให้ยอดขายแบบกล่อง UHT ของโออิชิ ในไตรมาสแรกของปีนี้ เท่ากับยอดขายแบบกล่อง UHT ของปีที่แล้วทั้งปี และทำให้ยอดขายโออิชิโตกว่า 20%


แพ็กเกจจิ้งหรรษาของโออิชิ
ขนาด / ราคา ขวด PET 500 มล. / 20 บาท ใช้ลวดลายแบบเดิมที่คุ้นตา
กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยรุ่นตอนปลาย วัยทำงาน
ช่องทางจำหน่าย ซูเปอร์มาร์เก็ต คอนวีเนียนสโตร์โมเดิร์นเทรด และตู้แช่ทั่วไป

ขนาด / ราคา กล่อง UHT 250 มล. / 10 บาทใช้ลวดลายใหม่เป็นรูปการ์ตูนญี่ปุ่น
กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กมัธยม
ช่องทางจำหน่าย ซูเปอร์มาร์เก็ต โมเดิร์นเทรด คอนวีเนียนสโตร์ ตู้แช่ทั่วไปตามโรงเรียน

ขนาด / ราคา กล่อง UHT 160 มล./ 6 บาท ใช้ลวดลายใหม่เป็นรูปการ์ตูนญี่ปุ่น
กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กประถม และเด็กต่างจังหวัด
ช่องทางจำหน่าย ตู้แช่ทั่วไปตามร้านค้าโชห่วย และห้างค้าส่งอย่างแม็คโคร

ขนาด / ราคา กล่อง UHT 1 ลิตร / 35 บาท ใช้ลวดลายแบบขวด PET
กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มครอบครัวและตามร้านอาหาร
ช่องทางจำหน่าย ร้านอาหาร สวนอาหาร และร้านหมูกระทะ
webuffet
Verified User
โพสต์: 77
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 24

โพสต์

อย่างน้อยก็มีบางคนเห็นคุณค่ากับหุ้นตัวนี้ครับ เช่น NVDR และมาร์ค ฟาเบอร์ ผมคิดว่าธุรกิจนี้ก็ไปได้เรื่อยๆอย่าง Coke แต่ที่สำคัญต้องขยายตลาดไปให้ได้ เพื่อเพิ่มมูลค่าตลาดชาให้สูงขึ้น และเพิ่ม margin ของธุรกิจร้านอาหารให้สูงขึ้น แต่ตอนนี้ผมว่าร้านยี่ปั้วต่างๆก็ happy ครับ ลองคิดดูซื้อชาเขียวมาจาก modern trade ขวดละ 16 บาท (และน่าจะถูกกว่านี้ ถ้าซื้อจากตัวแทนหรือซื้อ lot ใหญ่ๆ) แต่ขาย 20 บาท ได้กำไร (20-16)/16 = 25% ต่อขวดเลยนะครับ ได้กำไรมากพอดู
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดาวหางสีแดง
Verified User
โพสต์: 635
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 25

โพสต์

webuffet เขียน:แต่ตอนนี้ผมว่าร้านยี่ปั้วต่างๆก็ happy ครับ ลองคิดดูซื้อชาเขียวมาจาก modern trade ขวดละ 16 บาท (และน่าจะถูกกว่านี้ ถ้าซื้อจากตัวแทนหรือซื้อ lot ใหญ่ๆ) แต่ขาย 20 บาท ได้กำไร (20-16)/16 = 25% ต่อขวดเลยนะครับ ได้กำไรมากพอดู

ตามที่ผมทราบ การกระจายสินค้าไปร้านยี่ปั้วต่างๆเนี่ย ตามนโยบายแล้ว OISHI เขาจะใช้เครือข่ายของทางเสริมสุข

ขอเรียนถามครับว่า การกระจายสินค้าผ่านทางเสริมสุขเนี่ย เทียบกับทางร้านไปซื้อด้วยตัวเองตาม modern trade เนี่ยมีสัดส่วนอย่างไร พอจะทราบมั้ยครับ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 26

โพสต์

บริษัทนี้พยายามที่จะเข็นสินค้าใหม่ๆตลอดเวลา  ไม่เคยหยุดนิ่ง

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี  แต่ผมว่าอาจจะเป็นการออกที่เร็วเกินไปหน่อย  เหมือนเป็นการเสี่ยงโชค  คือ  ถ้าตลาดต้อนรับก็ดีไป  ถ้าไม่ถูกใจตลาดก็แค่เลิกการผลิต  

ก่อนหน้านี้  คุณตัน  ทำธุรกิจอะไรก็ประสบความสำเร็จติดๆกันอย่างต่อเนื่อง  จาก  ธุรกิจถ่ายภาพชุดแต่งงาน  ธุรกิจร้านอาหาร  จนมาถึงธุรกิจชาเขียว

แต่หลังๆ  ล้มไปซะเยอะมากๆ  เช่น  น้ำลำไย  น้ำอะมิโน โอเค  น้ำส้มเซกิ  รวมทั้งร้าน In&Out  

และตามความรู้สึก  คุณตันทำธุรกิจที่ฉาบฉวยไปหน่อยครับ  เน้นการตลาดมากๆ  และอ้างสุขภาพตามกระแส  แต่สินค้าที่ผลิตจริงๆแล้ว  ไม่ดีต่อสุขภาพซักเท่าไร
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
tae_2323
Verified User
โพสต์: 361
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ที่คุณฉัตรชัยพูดก็ถูกมันเป็นทางโตของธุรกิจ แต่ถ้าไม่ทำเลยละธุรกิจจะโตไหม
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ธุรกิจที่ดีก็สามารถโตได้อย่างยั่งยืนครับ

บางบริษัทกว่าจะเพิ่มสินค้าหรือบริการก็ต้องวิเคราะห์  วิจัยกันมาก  นานๆครั้งก็ค่อยออกสินค้าใหม่

ถ้าขยันออก  แต่ล้มเหลวหมด  จะโตไหมครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 29

โพสต์

Rocker เขียน:เป็นหุ้น ก้นบุหรี่ ที่OKตัว 1 นะ

เรื่องคุณตันไม่ได้ถือหุ้นแล้วมีผลมากในแง่แรงจูงใจที่จะบริหารครับเพราะ oishiไม่ใช่Wealth หลักของแกแล้ว ส่วนwealthหลักคือ อสังหา ครับ
น้องร็อค  oishi เป็นหุ้นก้นบุหรี่ ยังไงครับ

ช่วยชี้แจงให้กับผู้พี่ฟังจั๊กหน่อยครับ......
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดาวหางสีแดง
Verified User
โพสต์: 635
ผู้ติดตาม: 0

มาวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสีย ของ OISHI กันดีกว่า

โพสต์ที่ 30

โพสต์

ระยะยาวไม่รู้

แต่ระยะใกล้ - กลาง  ณ ราคานี้

ถูกเหลือเกินละมังครับ
โพสต์โพสต์