Investing in Cylical Stocks
-
- Verified User
- โพสต์: 42
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 61
ขอบคุณคราฟ ที่มาช่วยแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง [/list][/list][/quote][/code]
- krittapon_r
- Verified User
- โพสต์: 156
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 62
ผมขอเอามะพร้าวหาวมาขายสวนหน่อยละกัน
ผมคิดว่า ตัววัดสัญญานขาขึ้น-ลงของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ
การขยายการผลิต
เพราะผมสังเกตุว่า มักจะเริ่มมีการขยายการผลิตมากๆ เมื่อใกล้จุดสูงสุดของวัฎจักร
ส่วนหนึ่งเพราะการนำผลกำไรที่ได้จากวัฏจักรขาขึ้นมาลงทุนต่อ นอกจากนี้ราคาสินค้าก็ดึงดูดให้ผู้เล่นทั้งรายเก่ารายใหม่เข้ามาลงทุน
ซึ่งหลังจากการขยายการลิตเสร็จสมบูรณ์ ก็จะเป็นเริ่มวัฎจักรขาลงของธุรกิจ เพราะมี Supply สินค้าเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กันปริมาณมาก แต่ Demand ยังโตในอัตราเดิม ทำให้เกิด Oversupply และสงครามราคาก็ตามมา
ขณะที่หากผู้ผลิตวัตถุดิบ(Suppler ของธุรกิจ) ไม่มีการขยายกำลังการผลิตล่วงหน้าให้เพียงพอกับความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เท่านี้กำไรก็หายแบบ 2 เด้งไปเลย
ส่วนปัจจัยการเลือกหุ้นที่สำคัญอย่างหนึ่งของผมในหุ้นหุ้นกลุ่มนี้น่าจะเป็น ความเป็นผู้นำด้านต้นทุน(ต้นทุนการผลิตต่ำสุด) และปริมาณเงินสดในมือ
เพราะในช่วงขาลงอัตรากำไรของสินค้าน่าจะลดลงเรื่อยๆ จนว่าผู้ผลิตทนไม่ไหวต้องลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไร หรือเจ้าที่ขาดทุนอาจปิดตัวเองหนีไปเลย คนที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ก็จะเป็นคนสุดท้ายที่ขายของขาดทุนซึ่งเป็นไปได้ยาก
ส่วนเงินสดในมือ นอกจากทำให้กิจการสามารถทนการขาดทุนได้นานกว่า (อึดกว่า) ยังสามารถใช้เงินที่มีกักตุนวัตถุดิบที่มีราคาต่ำในช่วงวัฏจักรขาขึ้นรอบต่อไป
ผมคิดว่า ตัววัดสัญญานขาขึ้น-ลงของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ
การขยายการผลิต
เพราะผมสังเกตุว่า มักจะเริ่มมีการขยายการผลิตมากๆ เมื่อใกล้จุดสูงสุดของวัฎจักร
ส่วนหนึ่งเพราะการนำผลกำไรที่ได้จากวัฏจักรขาขึ้นมาลงทุนต่อ นอกจากนี้ราคาสินค้าก็ดึงดูดให้ผู้เล่นทั้งรายเก่ารายใหม่เข้ามาลงทุน
ซึ่งหลังจากการขยายการลิตเสร็จสมบูรณ์ ก็จะเป็นเริ่มวัฎจักรขาลงของธุรกิจ เพราะมี Supply สินค้าเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กันปริมาณมาก แต่ Demand ยังโตในอัตราเดิม ทำให้เกิด Oversupply และสงครามราคาก็ตามมา
ขณะที่หากผู้ผลิตวัตถุดิบ(Suppler ของธุรกิจ) ไม่มีการขยายกำลังการผลิตล่วงหน้าให้เพียงพอกับความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เท่านี้กำไรก็หายแบบ 2 เด้งไปเลย
ส่วนปัจจัยการเลือกหุ้นที่สำคัญอย่างหนึ่งของผมในหุ้นหุ้นกลุ่มนี้น่าจะเป็น ความเป็นผู้นำด้านต้นทุน(ต้นทุนการผลิตต่ำสุด) และปริมาณเงินสดในมือ
เพราะในช่วงขาลงอัตรากำไรของสินค้าน่าจะลดลงเรื่อยๆ จนว่าผู้ผลิตทนไม่ไหวต้องลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไร หรือเจ้าที่ขาดทุนอาจปิดตัวเองหนีไปเลย คนที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ก็จะเป็นคนสุดท้ายที่ขายของขาดทุนซึ่งเป็นไปได้ยาก
ส่วนเงินสดในมือ นอกจากทำให้กิจการสามารถทนการขาดทุนได้นานกว่า (อึดกว่า) ยังสามารถใช้เงินที่มีกักตุนวัตถุดิบที่มีราคาต่ำในช่วงวัฏจักรขาขึ้นรอบต่อไป
- Rocker
- Verified User
- โพสต์: 4886
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 63
krittapon_r เขียน:ผมขอเอามะพร้าวหาวมาขายสวนหน่อยละกัน
ผมคิดว่า ตัววัดสัญญานขาขึ้น-ลงของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งคือ
การขยายการผลิต
เพราะผมสังเกตุว่า มักจะเริ่มมีการขยายการผลิตมากๆ เมื่อใกล้จุดสูงสุดของวัฎจักร
ส่วนหนึ่งเพราะการนำผลกำไรที่ได้จากวัฏจักรขาขึ้นมาลงทุนต่อ นอกจากนี้ราคาสินค้าก็ดึงดูดให้ผู้เล่นทั้งรายเก่ารายใหม่เข้ามาลงทุน
ซึ่งหลังจากการขยายการลิตเสร็จสมบูรณ์ ก็จะเป็นเริ่มวัฎจักรขาลงของธุรกิจ เพราะมี Supply สินค้าเพิ่มขึ้นพร้อมๆ กันปริมาณมาก แต่ Demand ยังโตในอัตราเดิม ทำให้เกิด Oversupply และสงครามราคาก็ตามมา
ขณะที่หากผู้ผลิตวัตถุดิบ(Suppler ของธุรกิจ) ไม่มีการขยายกำลังการผลิตล่วงหน้าให้เพียงพอกับความต้องการวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เท่านี้กำไรก็หายแบบ 2 เด้งไปเลย
ส่วนปัจจัยการเลือกหุ้นที่สำคัญอย่างหนึ่งของผมในหุ้นหุ้นกลุ่มนี้น่าจะเป็น ความเป็นผู้นำด้านต้นทุน(ต้นทุนการผลิตต่ำสุด) และปริมาณเงินสดในมือ
เพราะในช่วงขาลงอัตรากำไรของสินค้าน่าจะลดลงเรื่อยๆ จนว่าผู้ผลิตทนไม่ไหวต้องลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไร หรือเจ้าที่ขาดทุนอาจปิดตัวเองหนีไปเลย คนที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ก็จะเป็นคนสุดท้ายที่ขายของขาดทุนซึ่งเป็นไปได้ยาก
ส่วนเงินสดในมือ นอกจากทำให้กิจการสามารถทนการขาดทุนได้นานกว่า (อึดกว่า) ยังสามารถใช้เงินที่มีกักตุนวัตถุดิบที่มีราคาต่ำในช่วงวัฏจักรขาขึ้นรอบต่อไป
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ขอเสริมหน่อยครับ คือเรื่อง สินค้าคงคลัง และ รอบการหมุน ต้องสอดคล้อง กับ ยอดขายด้วยครับ เช่น ยอดขายเพิ่ม สินค้าควรลดลงด้วย ประกอบกับ supply ควรลดอย่างมีนัยสําคัญ ข้อมูลทั้งหมดต้อง support กันเป็นเนื้อเดียว 8)
ส่วน demand and supply ในประเทศแทบไม่มีผลเลยหากเป็น commodity
เพราะรอบของมันตามราคาโลก หากไทยอิงไทยเองและมีส่วนต่างก็อาจเกิด
การ Abitrage ราคาสินค้าได้ ส่งผลให้เกิดการ นําเข้า และ ส่งออกโดยไม่จําเป็น
- Doramon007
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 64
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้วครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 65
ขอขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกทีครับ
เป็นกระทู้ที่ ได้ความรู้มากๆ อีกกระทู้นึงที่ผมเคยอ่าน (และหายากมากๆ ด้วยเพราะคนตั้งกะคนสอน คนละคนทำให้สับสน)
เหตุผลที่ขอขุด
พอดี ไปอ่านกระทู้นึงที่ อาจารย์หมอ mprandy และ พี่หมอ Eyore กะ พี่พอใจ คุยกันเรื่อง retrospective analysis ประจวบกับไป อ่านๆ เรื่องหุ้นเรือตัวนึง เพราะสะดุดตาว่า PE ต่ำมาก และ นึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมา พาลพออ่านใหม่อีกรอบ เลย นึกถึงที่เคยถกเรื่อง ATC
เลยมีเรื่องอยากให้พี่น้องช่วยครับ
1. มอง ATC ใหม่ จากจุดนั้นอีกรอบ (ตอน 30+- บาท ตอนนั้นใครๆ ก็ว่าขาลง) ตอนนี้ จะกลับมาที่จุดเดิมอีกแล้วครับ คำถามคือ เกิดอะไรขึ้น?
ช่วยคิดให้ผมฟังดังๆ ให้เป็นวิทยาทานครับ :oops:
2. หุ้นเรือ ตอนนี้ หลายๆ ตัว มี PE อยู่ที่ประมาณ 7-8 เท่า (รวมถึงตัวที่ผมมอง เพราะ PE ในหนังสือพิมพ์ต่ำมาก) พร้อมกับ ค่าระวางเรือที่อยู่ใน ขาขึ้น (รึเปล่า) ช่วงปีที่แล้ว มองกันว่า ปี 50-51 จะเริ่มเป็นขาลง แล้ว ราคาหุ้นกลับหันขึ้น พร้อมค่าระวางเรือที่สูงขึ้น คำถามคือ เกิดอะไรขึ้น
และ ที่ PE เท่านี้ (ไม่สูง ไม่ต่ำ) จะมีอะไรให้เราคาดการณ์ได้หรือเปล่าครับ ว่านี่เป็นขาขึ้นหรือขาลง (เพราะพี่หมอสามัญชนเคยบอกไว้ว่า หุ้นวัฏจักร จะกลับกะหุ้นทั่วไป แต่นี่มันกลางๆ)
เท่าที่อ่านมา เรือที่สั่งต่อใหม่ เมื่อช่วงก่อนก็จะเริ่มออกมาใช้กันได้ ใน ช่วงปี 50-52 (ทำให้คิดว่าน่าจะ oversupply และเป็นขาลง) แล้วน่เกิดอะไรขึ้น?
ช่วยคิดให้ผมฟังดังๆ ให้เป็นวิทยาทานอีกเรื่องครับ 8)
เป็นกระทู้ที่ ได้ความรู้มากๆ อีกกระทู้นึงที่ผมเคยอ่าน (และหายากมากๆ ด้วยเพราะคนตั้งกะคนสอน คนละคนทำให้สับสน)
เหตุผลที่ขอขุด
พอดี ไปอ่านกระทู้นึงที่ อาจารย์หมอ mprandy และ พี่หมอ Eyore กะ พี่พอใจ คุยกันเรื่อง retrospective analysis ประจวบกับไป อ่านๆ เรื่องหุ้นเรือตัวนึง เพราะสะดุดตาว่า PE ต่ำมาก และ นึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมา พาลพออ่านใหม่อีกรอบ เลย นึกถึงที่เคยถกเรื่อง ATC
เลยมีเรื่องอยากให้พี่น้องช่วยครับ
1. มอง ATC ใหม่ จากจุดนั้นอีกรอบ (ตอน 30+- บาท ตอนนั้นใครๆ ก็ว่าขาลง) ตอนนี้ จะกลับมาที่จุดเดิมอีกแล้วครับ คำถามคือ เกิดอะไรขึ้น?
ช่วยคิดให้ผมฟังดังๆ ให้เป็นวิทยาทานครับ :oops:
2. หุ้นเรือ ตอนนี้ หลายๆ ตัว มี PE อยู่ที่ประมาณ 7-8 เท่า (รวมถึงตัวที่ผมมอง เพราะ PE ในหนังสือพิมพ์ต่ำมาก) พร้อมกับ ค่าระวางเรือที่อยู่ใน ขาขึ้น (รึเปล่า) ช่วงปีที่แล้ว มองกันว่า ปี 50-51 จะเริ่มเป็นขาลง แล้ว ราคาหุ้นกลับหันขึ้น พร้อมค่าระวางเรือที่สูงขึ้น คำถามคือ เกิดอะไรขึ้น
และ ที่ PE เท่านี้ (ไม่สูง ไม่ต่ำ) จะมีอะไรให้เราคาดการณ์ได้หรือเปล่าครับ ว่านี่เป็นขาขึ้นหรือขาลง (เพราะพี่หมอสามัญชนเคยบอกไว้ว่า หุ้นวัฏจักร จะกลับกะหุ้นทั่วไป แต่นี่มันกลางๆ)
เท่าที่อ่านมา เรือที่สั่งต่อใหม่ เมื่อช่วงก่อนก็จะเริ่มออกมาใช้กันได้ ใน ช่วงปี 50-52 (ทำให้คิดว่าน่าจะ oversupply และเป็นขาลง) แล้วน่เกิดอะไรขึ้น?
ช่วยคิดให้ผมฟังดังๆ ให้เป็นวิทยาทานอีกเรื่องครับ 8)
ไม่ขอเป็นถึง "กูรู" ขอเป็นแค่ "กูรวย" ก็พอ...
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 68
[quote="nearly_vi"]ขอขุดกระทู้นี้ขึ้นมาอีกทีครับ
เป็นกระทู้ที่ ได้ความรู้มากๆ อีกกระทู้นึงที่ผมเคยอ่าน (และหายากมากๆ ด้วยเพราะคนตั้งกะคนสอน คนละคนทำให้สับสน)
เหตุผลที่ขอขุด
พอดี ไปอ่านกระทู้นึงที่ อาจารย์หมอ mprandy และ พี่หมอ Eyore กะ พี่พอใจ คุยกันเรื่อง retrospective analysis ประจวบกับไป อ่านๆ เรื่องหุ้นเรือตัวนึง เพราะสะดุดตาว่า PE ต่ำมาก และ นึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมา พาลพออ่านใหม่อีกรอบ เลย นึกถึงที่เคยถกเรื่อง ATC
เลยมีเรื่องอยากให้พี่น้องช่วยครับ
1. มอง ATC ใหม่ จากจุดนั้นอีกรอบ (ตอน 30+- บาท ตอนนั้นใครๆ ก็ว่าขาลง) ตอนนี้ จะกลับมาที่จุดเดิมอีกแล้วครับ
เป็นกระทู้ที่ ได้ความรู้มากๆ อีกกระทู้นึงที่ผมเคยอ่าน (และหายากมากๆ ด้วยเพราะคนตั้งกะคนสอน คนละคนทำให้สับสน)
เหตุผลที่ขอขุด
พอดี ไปอ่านกระทู้นึงที่ อาจารย์หมอ mprandy และ พี่หมอ Eyore กะ พี่พอใจ คุยกันเรื่อง retrospective analysis ประจวบกับไป อ่านๆ เรื่องหุ้นเรือตัวนึง เพราะสะดุดตาว่า PE ต่ำมาก และ นึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมา พาลพออ่านใหม่อีกรอบ เลย นึกถึงที่เคยถกเรื่อง ATC
เลยมีเรื่องอยากให้พี่น้องช่วยครับ
1. มอง ATC ใหม่ จากจุดนั้นอีกรอบ (ตอน 30+- บาท ตอนนั้นใครๆ ก็ว่าขาลง) ตอนนี้ จะกลับมาที่จุดเดิมอีกแล้วครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ผมว่านะ..
โพสต์ที่ 70
ขอตอบตามความเห็นตัวเองครับ คนอื่นอาจจะเห็นต่างกันก็ได้นะ
1. ธุรกิจที่ไม่ว่าจะขาไหน ก็มีรายได้แน่นอน เช่นธุรกิจสัมปทานบางอย่าง อย่างโรงไฟฟ้า ซึ่งขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้ กฟฝ.ทั้งหมด มีรายรับแน่นอน รายจ่ายก็มักจะแน่นอน ถ้าทำสัญญาพลังงานระยะยาวไว้แล้ว (ซึ่งก็มักจะทำกันเพราะกิจการมีแผนวางไว้ชัดเจน) หรือจะให้ดีที่สุดต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่ขึ้นกับวัฏจักรแหล่งพลังงาน เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ, พลังลม หรือพลังนิวเคลียร์
คำตอบคือไม่มีนะครับ ธุรกิจที่คุณmprandyว่า มาก็อยู่นะครับ ไฟฟ้า อีกไม่นานก็ต้องเปิดเสรี ตามกรอบ WTO ครับ แต่วัฎจักรธุรกิจประเภทนี่จะยาว อาจยาวมากจนคนคิดว่ามันไม่มีวัฎจักรก็ได้
2. อันนี้ผมเข้าใจว่าหมายถึงอุตสาหกรรมที่ไม่โตแล้วหรือโตไปช้า ๆ มากกว่า (อุตสาหกรรมที่กำลังจะตาย อันนี้ไม่ต้องรอรอบวัฏจักรครับ อาจจะไม่มีรอบหน้าให้เห็น ) ซึ่งธุรกิจตามข้อ 1. ก็มักอยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้เสียด้วย คือ ถ้าไม่หยุดอยู่กับที่ ก็มักโตช้า ๆ ไปตาม GDP ประเทศ เช่นธุรกิจหนังสือพิมพ์, ธุรกิจไฟฟ้า, ธุรกิจทีวี
วัฎจักรธุรกิจ ประกอบด้วย 5 วงจร(บางแห่งอาจมากกว่านี้ หรือน้อยกว่านี้) คือ เริ่มต้น, เติบโต,รุ่งเรือง,ตกต่ำ และสุดท้ายถอนตัว
การวิเคราะห์ธุรกิจต้องดูที่อยู่ในวัฎจักรไหนก่อนครับ ในช่วงรุ่งเรือง เอาใครมาบริหารก็โต คือทำไงก็โต แต่จะรุ่งเรืองนานหรือเปล่า :?: :?: อีกเรืองนึง :idea: ช่วงตกต่ำ หากผู้บริหารเก่ง ก็จะไม่ต้องถอนตัว หรือหากต้องถอนตัวก็จะไม่เจ็บตัว :!: :!:
ยกเว้นว่าบริษัทหรือธุรกิจนั้น จะขยายวงออกไปในด้านอื่น เช่น หนังสือพิมพ์ขยายไปทำสื่อช่องทางอื่น หรือนิตยสารอื่น, ทีวีอาจจะขยายไปทำเคเบิ้ล หรือมัลติมีเดียคอนเทนต์อื่น
เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ท่านอื่นมีความเห็นว่ายังไงมั่งครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 74
ผมคิดได้ตัวอย่างนึงแต่ไม่แน่ใจว่าผมจะเข้าใจถูกต้องไหม
ธุรกิจโชวห่วย ในสมัยก่อนถ้าย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 ปี+ จะเห็นได้ว่าร้านค้าจะมีไม่มาก อาจเปรียบได้ว่ายุคนี้เป็นจุด เริ่มต้นของวัฏจักรของร้านโชวห่วย แต่เมื่อสังคมเริ่มขยายตัวมากขึ้น ประชากรหนาแน่นขึ้นทำให้ความต้องการในสินค้าเริ่มมากขึ้น demand เพิ่มขึ้น คนก็เปิดร้านโชวห่วยมากขึ้น เปรียบเสมือนยุครุ่งเรืองของร้านโชวห่วย ต่อมาเมื่อมีร้านค้าประเภทพวกมินิมาร์ท และห้างสรรพสินค้าที่เรารู้จักกัน ทำให้ผู้คนเริ่มหันไปเดินห้างสรรพสินค้า ทำให้ธุกิจร้านโชวห่วยเริ่มตกต่ำ และหลายร้านต้องปิดตัว ซึ่งก็เป็นยุคตกต่ำของร้านโชวห่วย นี่คือ 1 รอบวัฏจักรของร้านโชวห่วย ซึ่งกินเวลา 15-20 ปี
แต่ถามว่าร้านโชวห่วยจะมีรอบวัฏจักรขึ้นมาใหม่อีกหรือไม่คือตอบคือ มีครับ แต่ได้มีการพัฒนาเป็น ร้านโชวสวย ขึ้นแทน ซึ่งก็คือธุรกิจร้านมินิมาร์ท
ธุรกิจโชวห่วย ในสมัยก่อนถ้าย้อนเวลากลับไปประมาณ 20 ปี+ จะเห็นได้ว่าร้านค้าจะมีไม่มาก อาจเปรียบได้ว่ายุคนี้เป็นจุด เริ่มต้นของวัฏจักรของร้านโชวห่วย แต่เมื่อสังคมเริ่มขยายตัวมากขึ้น ประชากรหนาแน่นขึ้นทำให้ความต้องการในสินค้าเริ่มมากขึ้น demand เพิ่มขึ้น คนก็เปิดร้านโชวห่วยมากขึ้น เปรียบเสมือนยุครุ่งเรืองของร้านโชวห่วย ต่อมาเมื่อมีร้านค้าประเภทพวกมินิมาร์ท และห้างสรรพสินค้าที่เรารู้จักกัน ทำให้ผู้คนเริ่มหันไปเดินห้างสรรพสินค้า ทำให้ธุกิจร้านโชวห่วยเริ่มตกต่ำ และหลายร้านต้องปิดตัว ซึ่งก็เป็นยุคตกต่ำของร้านโชวห่วย นี่คือ 1 รอบวัฏจักรของร้านโชวห่วย ซึ่งกินเวลา 15-20 ปี
แต่ถามว่าร้านโชวห่วยจะมีรอบวัฏจักรขึ้นมาใหม่อีกหรือไม่คือตอบคือ มีครับ แต่ได้มีการพัฒนาเป็น ร้านโชวสวย ขึ้นแทน ซึ่งก็คือธุรกิจร้านมินิมาร์ท
สติมา ปัญญาเกิด
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ผมว่าแล้ว...
โพสต์ที่ 75
นั้น ก็คือจุดอ่อน ไงครับ เมื่อวัฎจักรไม่เด่น ก็ไม่มองเรื่องวัฎจักร ว่าอยู่ช่วงไหน สุดท้ายก็ติดกับดัก คือไปมองว่ามันยาวยังไม่มาถึงหลอก :idea: :idea: และหากท่านอยากรู้ คงต้องคุยกันยาวครับคือทุกอย่างมันเป็นวัฎจักร แต่เด่นชัดรึเปล่า ยาวสั้นแค่ไหน
ถ้ารอบ amplitude การขึ้นลงไม่มาก (demand supply ไม่เปลี่ยนแปลงได้รุนแรง และ สร้าง supply ได้เร็ว เป้นต้น) และ รอบยาวมากๆ หรือ สั้นมากๆพวกนี้ทำให้ วัฏจักรไม่เด่น จึงไม่เรียกกันว่าหุ้นวัฏจักร
เอางี้ ท่านลองเอาหลักของ การวิเคราะห์การแข่งขัน ไปจับ ในแต่ละช่วงดูครับ เอาของ Poter (พิมพ์ผิดเปล่าอ่ะ) ก็ได้
และลองตอบคำถามดูว่า ในทุกช่วง ช่วงไหน ธุรกิจมี Margin สูงสุด :idea: :idea: :idea:
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 76
ส่วนตัว ผมคิดว่า ตอนนั้น คิดว่า supply จะเริ่มพอ
แต่ไปมา demand เพิ่มมากกว่า
คือไม่น่าจะ เป็นเพราะ กะช่วงรอบ ผิดอ่ะครับ
พี่ว่าไงอ่ะครับ เรื่อง ATC และ เดินเรือ น่ะครับ (โดยเฉพาะ เรือเทกอง)
แต่ไปมา demand เพิ่มมากกว่า
คือไม่น่าจะ เป็นเพราะ กะช่วงรอบ ผิดอ่ะครับ
พี่ว่าไงอ่ะครับ เรื่อง ATC และ เดินเรือ น่ะครับ (โดยเฉพาะ เรือเทกอง)
ไม่ขอเป็นถึง "กูรู" ขอเป็นแค่ "กูรวย" ก็พอ...
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 77
เอาไงคืออะไรครับ ไม่เข้าใจอ่ะ :shock: :shock:nearly_vi เขียน:ส่วนตัว ผมคิดว่า ตอนนั้น คิดว่า supply จะเริ่มพอ
แต่ไปมา demand เพิ่มมากกว่า
คือไม่น่าจะ เป็นเพราะ กะช่วงรอบ ผิดอ่ะครับ
พี่ว่าไงอ่ะครับ เรื่อง ATC และ เดินเรือ น่ะครับ (โดยเฉพาะ เรือเทกอง)
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- house
- Verified User
- โพสต์: 683
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 78
ขอลองตอบบ้างครับ
ยุคเริ่มต้น น่าจะเป็นช่วงลองตลาด มาร์จิ้นสูง แต่ฐานน้อย ผมว่ากำไรคงไม่เป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่
ช่วงเติบโต น่าจะมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก คู่แข่งเริ่มเข้ามา แต่ซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ ขยายการลงทุนมาก แต่ตลาดโตเร็วกว่า ผมคิดว่าช่วงนี้ น่าจะได้กำไรเยอะที่สุด
ช่วงรุ่งเรือง ธุรกิจเข้าใกล้จุดอิ่มตัว การลงทุนน้อยลง สภาพน่าจะเรื่อยๆมาเรียงๆ เป็น cash cow
ช่วงตกต่ำ กับถอนตัว คงไม่ต้องดูต่อ
ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่าี่พี่ path กำลังบอกว่า ธุรกิจแข็งแกร่งนั้น แท้จริงแล้วคือธุรกิจที่มีช่วงรุ่งเรืองยาวนาน นานจนเราไม่คิดว่าจะมีคำว่าตกต่ำ ถ้าดันทะลึ่งเข้าไปรับ ตอนมันกำลังจะลง ก็มีหวังมือพอง ถ้าแยกไม่ได้ว่าธุรกิจนั้นอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร การพยากรณ์ก็จะผิดพลาดได้มาก
ดังนั้น เราต้องไปเริ่มกันตั้งแต่ ATC กับกลุ่มเรือ ณ เวลานี้อยู่จุดไหนของวัฏจักรก่อนจะเริ่มวิเคราะห์อย่างอื่น ใช่ไหมครับ?
ยุคเริ่มต้น น่าจะเป็นช่วงลองตลาด มาร์จิ้นสูง แต่ฐานน้อย ผมว่ากำไรคงไม่เป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่
ช่วงเติบโต น่าจะมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก คู่แข่งเริ่มเข้ามา แต่ซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ ขยายการลงทุนมาก แต่ตลาดโตเร็วกว่า ผมคิดว่าช่วงนี้ น่าจะได้กำไรเยอะที่สุด
ช่วงรุ่งเรือง ธุรกิจเข้าใกล้จุดอิ่มตัว การลงทุนน้อยลง สภาพน่าจะเรื่อยๆมาเรียงๆ เป็น cash cow
ช่วงตกต่ำ กับถอนตัว คงไม่ต้องดูต่อ
ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่าี่พี่ path กำลังบอกว่า ธุรกิจแข็งแกร่งนั้น แท้จริงแล้วคือธุรกิจที่มีช่วงรุ่งเรืองยาวนาน นานจนเราไม่คิดว่าจะมีคำว่าตกต่ำ ถ้าดันทะลึ่งเข้าไปรับ ตอนมันกำลังจะลง ก็มีหวังมือพอง ถ้าแยกไม่ได้ว่าธุรกิจนั้นอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร การพยากรณ์ก็จะผิดพลาดได้มาก
ดังนั้น เราต้องไปเริ่มกันตั้งแต่ ATC กับกลุ่มเรือ ณ เวลานี้อยู่จุดไหนของวัฏจักรก่อนจะเริ่มวิเคราะห์อย่างอื่น ใช่ไหมครับ?
ทำให้เต็มที่ เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง
-
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 80
อันนี้ผมพอเข้าใจhouse เขียน:ขอลองตอบบ้างครับ
ยุคเริ่มต้น น่าจะเป็นช่วงลองตลาด มาร์จิ้นสูง แต่ฐานน้อย ผมว่ากำไรคงไม่เป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่
ช่วงเติบโต น่าจะมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก คู่แข่งเริ่มเข้ามา แต่ซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ ขยายการลงทุนมาก แต่ตลาดโตเร็วกว่า ผมคิดว่าช่วงนี้ น่าจะได้กำไรเยอะที่สุด
ช่วงรุ่งเรือง ธุรกิจเข้าใกล้จุดอิ่มตัว การลงทุนน้อยลง สภาพน่าจะเรื่อยๆมาเรียงๆ เป็น cash cow
ช่วงตกต่ำ กับถอนตัว คงไม่ต้องดูต่อ
?
เนี่ยครับ คือผมกะลังสงสัยอันนี้house เขียน: ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่าี่พี่ path กำลังบอกว่า ธุรกิจแข็งแกร่งนั้น แท้จริงแล้วคือธุรกิจที่มีช่วงรุ่งเรืองยาวนาน นานจนเราไม่คิดว่าจะมีคำว่าตกต่ำ ถ้าดันทะลึ่งเข้าไปรับ ตอนมันกำลังจะลง ก็มีหวังมือพอง ถ้าแยกไม่ได้ว่าธุรกิจนั้นอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร การพยากรณ์ก็จะผิดพลาดได้มาก
ดังนั้น เราต้องไปเริ่มกันตั้งแต่ ATC กับกลุ่มเรือ ณ เวลานี้อยู่จุดไหนของวัฏจักรก่อนจะเริ่มวิเคราะห์อย่างอื่น ใช่ไหมครับ?
เพราะตอนนั้นก็คิดว่าเป็นขาลงๆ คือ ช่วงที่ supply กำลังจะเริ่มเกิน demand แต่ไหง ไปมา มันขึ้นต่อได้
ผมเห็นอะไรผิดไปน่ะครับ
เลยอยากให้ คิดให้ดู :?
ไม่ขอเป็นถึง "กูรู" ขอเป็นแค่ "กูรวย" ก็พอ...
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 81
ครับผม ใช่แล้วครับhouse เขียน:ขอลองตอบบ้างครับ
ยุคเริ่มต้น น่าจะเป็นช่วงลองตลาด มาร์จิ้นสูง แต่ฐานน้อย ผมว่ากำไรคงไม่เป็นกอบเป็นกำเท่าไหร่
ช่วงเติบโต น่าจะมีการขยายกำลังการผลิตอย่างมาก คู่แข่งเริ่มเข้ามา แต่ซัพพลายยังน้อยกว่าดีมานด์ ขยายการลงทุนมาก แต่ตลาดโตเร็วกว่า ผมคิดว่าช่วงนี้ น่าจะได้กำไรเยอะที่สุด
ช่วงรุ่งเรือง ธุรกิจเข้าใกล้จุดอิ่มตัว การลงทุนน้อยลง สภาพน่าจะเรื่อยๆมาเรียงๆ เป็น cash cow
ช่วงตกต่ำ กับถอนตัว คงไม่ต้องดูต่อ
ผมเข้าใจ(เอาเอง)ว่าี่พี่ path กำลังบอกว่า ธุรกิจแข็งแกร่งนั้น แท้จริงแล้วคือธุรกิจที่มีช่วงรุ่งเรืองยาวนาน นานจนเราไม่คิดว่าจะมีคำว่าตกต่ำ ถ้าดันทะลึ่งเข้าไปรับ ตอนมันกำลังจะลง ก็มีหวังมือพอง ถ้าแยกไม่ได้ว่าธุรกิจนั้นอยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร การพยากรณ์ก็จะผิดพลาดได้มาก
ดังนั้น เราต้องไปเริ่มกันตั้งแต่ ATC กับกลุ่มเรือ ณ เวลานี้อยู่จุดไหนของวัฏจักรก่อนจะเริ่มวิเคราะห์อย่างอื่น ใช่ไหมครับ?
แล้วก็ไม่ใช่แค่ ATC หรือกลุ่มเรือ มองได้ทุกตัว
มาลองมองกันดูสิครับ ATC ประสบปัญหาอะไรครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 82
ไม่ตอบครับ...
ต้องดูเอง เพราะมีหลายวิธีดู แล้วแต่ใครจะใช่วิธีไหนมาจับ
วิธี ประธานมนต์ ก็ได้
วิธี งบการเงินก็ได้ (แต่ต้องเก่ง)
อีกหลายร้อยวิธี
ต้องดูเอง เพราะมีหลายวิธีดู แล้วแต่ใครจะใช่วิธีไหนมาจับ
วิธี ประธานมนต์ ก็ได้
วิธี งบการเงินก็ได้ (แต่ต้องเก่ง)
อีกหลายร้อยวิธี
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ว่างแล้วมาตอบ....
โพสต์ที่ 84
ว่างแย้ว :D เลยมาตอบเดียวจะหาว่า เปิดประเด็นทิ้งๆๆ ข้างๆๆเนี่ยครับ คือผมกะลังสงสัยอันนี้
เพราะตอนนั้นก็คิดว่าเป็นขาลงๆ คือ ช่วงที่ supply กำลังจะเริ่มเกิน demand แต่ไหง ไปมา มันขึ้นต่อได้
ผมเห็นอะไรผิดไปน่ะครับ
เลยอยากให้ คิดให้ดู
สำหรับ ATC ในความเห็นผมก็อย่างที่ท่านบอกมาล่ะว่า มันเป็นวัฎจักรในช่วงปลายของช่วงการเจริญเติบโตแล้ว จึงเกิดการแข่งที่สูง
และมาดูที่อุตฯ ปิโตกันก่อน
มันคืออุตฯขนาดใหญ่ การแข่งขันด้านตลาดทำได้ยาก แข่งกันเรื่องเดียว ต้นทุน ดังนั้น การประหยัดต่อขนาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
นั้นคือสิ่งที่ทำให้ ATC ขึ้น
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 85
สรุปว่าพี่ ว่า ขึ้นเพราะเค้าควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
ไม่ใช่เพราะ demand เพิ่มต่อเนื่อง หรือ supply เพิ่มไม่ทันตามคาดการณ์ ?
ดูจากงบ ที่รายได้เพิ่ม น้อย กว่า NPM เพิ่ม (ประมาณ 54% กับ 76% ตามลำดับ)
อันนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
แล้วในกรณี หุ้นเดินเรือล่ะครับ
เคยลงไป PE 4 นิดๆ ตอนนี้กลับเด้งมา 8 กว่าๆ อย่างนี้ ตอน PE 4 อยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร และ ตอนนี้อยู่ในช่วงไหนของ วัฏจักร
และด้วยเหตุผล อะไรอ่ะครับ
ไม่ใช่เพราะ demand เพิ่มต่อเนื่อง หรือ supply เพิ่มไม่ทันตามคาดการณ์ ?
ดูจากงบ ที่รายได้เพิ่ม น้อย กว่า NPM เพิ่ม (ประมาณ 54% กับ 76% ตามลำดับ)
อันนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
แล้วในกรณี หุ้นเดินเรือล่ะครับ
เคยลงไป PE 4 นิดๆ ตอนนี้กลับเด้งมา 8 กว่าๆ อย่างนี้ ตอน PE 4 อยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร และ ตอนนี้อยู่ในช่วงไหนของ วัฏจักร
และด้วยเหตุผล อะไรอ่ะครับ
ไม่ขอเป็นถึง "กูรู" ขอเป็นแค่ "กูรวย" ก็พอ...
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 86
[quote="nearly_vi"]สรุปว่าพี่ ว่า ขึ้นเพราะเค้าควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
ไม่ใช่เพราะ demand เพิ่มต่อเนื่อง หรือ supply เพิ่มไม่ทันตามคาดการณ์ ?
ดูจากงบ ที่รายได้เพิ่ม น้อย กว่า NPM เพิ่ม (ประมาณ 54% กับ 76% ตามลำดับ)
อันนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
แล้วในกรณี หุ้นเดินเรือล่ะครับ
เคยลงไป PE 4 นิดๆ ตอนนี้กลับเด้งมา 8 กว่าๆ อย่างนี้ ตอน PE 4 อยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร
ไม่ใช่เพราะ demand เพิ่มต่อเนื่อง หรือ supply เพิ่มไม่ทันตามคาดการณ์ ?
ดูจากงบ ที่รายได้เพิ่ม น้อย กว่า NPM เพิ่ม (ประมาณ 54% กับ 76% ตามลำดับ)
อันนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
แล้วในกรณี หุ้นเดินเรือล่ะครับ
เคยลงไป PE 4 นิดๆ ตอนนี้กลับเด้งมา 8 กว่าๆ อย่างนี้ ตอน PE 4 อยู่ในช่วงไหนของวัฏจักร
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 87
ครับ ผมโง่ :wall:
คนโง่ ต้องใช้ความพยายามสูงกว่าคนฉลาดครับ
ตอนนี้ผมก็รู้ เดาๆ จากงบเฉยๆ ผมไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนรู้ได้ว่าควบคุมต้นทุน ได้ดีขนาดนี้ได้ยังไง
ขอเวลาละกันครับ :twisted:
ชี้แนะก็ดีละครับ
ว่าแต่ไม่มีใครมาออกความเห็นเลยนะ
สงสัยต้องไปถามในห้องมือใหม่สะแล้วสิ
คนโง่ ต้องใช้ความพยายามสูงกว่าคนฉลาดครับ
ตอนนี้ผมก็รู้ เดาๆ จากงบเฉยๆ ผมไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนรู้ได้ว่าควบคุมต้นทุน ได้ดีขนาดนี้ได้ยังไง
ขอเวลาละกันครับ :twisted:
ชี้แนะก็ดีละครับ
ว่าแต่ไม่มีใครมาออกความเห็นเลยนะ
สงสัยต้องไปถามในห้องมือใหม่สะแล้วสิ
ไม่ขอเป็นถึง "กูรู" ขอเป็นแค่ "กูรวย" ก็พอ...
-
- Verified User
- โพสต์: 2126
- ผู้ติดตาม: 1
Investing in Cylical Stocks
โพสต์ที่ 88
โลกนี้มันไม่มีอะไรตายตัว อย่างเรื่องเดินเรือ ทุกคนก็มองตอนนั้นว่าจะเป้นขาลง ก็ทำให้เรื่อมันไม่เพิ่มขึ้นไหม แต่ demand ก็ยังเพิ่มขึ้น ก็เลยอยากคนที่คิดว่าจะลง pe เลยลงไปเหลือ 4 พอตัวเลขมันไม่ลงอย่างนั้น เพราะ demand มีมากกว่าเรื่อใหม่ที่มีไม่พอ ก็เลยกลับกลายเป็นขาขึ้น พอมองเป็นขาขึ้นก็เลยกลับมาให้ pe 7-8 เท่า
-
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
Re: มาแบบนี้ก็ต้องตอบ...
โพสต์ที่ 90
[quote="path2544"]
ผมก็มือใหม่นะ ผมไม่ใช่ VI ด้วย คนล่ะแนวเลยด้วย
ไม่ว่างอ่านงบได้จบซะที ถ้าท่านอ่านแล้วก็อย่าเชื่อผมมากล่ะ ผมก็โม้ไปของผมอ่ะ
การประหยัดต่อขนาด ทำได้โดย
1.การผลิตขนาดใหญ่ ที่เค้าเรียก Economy of scale ไง
2. การผลิตแบบครบวงจร
3. Blue Ocean
(อย่างอื่นผมจำไม่ได้
ผมก็มือใหม่นะ ผมไม่ใช่ VI ด้วย คนล่ะแนวเลยด้วย
ไม่ว่างอ่านงบได้จบซะที ถ้าท่านอ่านแล้วก็อย่าเชื่อผมมากล่ะ ผมก็โม้ไปของผมอ่ะ
การประหยัดต่อขนาด ทำได้โดย
1.การผลิตขนาดใหญ่ ที่เค้าเรียก Economy of scale ไง
2. การผลิตแบบครบวงจร
3. Blue Ocean
(อย่างอื่นผมจำไม่ได้
ไม่ขอเป็นถึง "กูรู" ขอเป็นแค่ "กูรวย" ก็พอ...