ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 1
อิอิ ดีใจ
หลังจากดัชนี ร่วงจาก 884 มา 758
หุ้นหลายตัว ก็แสดงนิสัยของคนถือหุ้นกันไป หลายแบบ
บางตัวลงกระหน่ำ บางตัว ลงแล้วเด้ง แล้วลงต่อ
บางตัวยืนนิ่งๆ
ใครมีประสบการณ์อะไรจะเล่าให้เพื่อนๆฟังบ้าง
อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ ดัชนี จะไป 858 หรือ 658 ก็ไม่มีใครรู้
ได้แต่เดาๆกันไป
จริงๆแล้ว ถ้าพวกเราบางคนโชคดี ยังเหลือเงิน แล้ว ดัชนีลงไปสัก 658
ก็กลับไปซื้อ พวก ตัวใหญ่ๆ อย่าง ptt pttep หรืออื่นๆ ก็น่าจะได้กำไรเมื่อตลาด พลิกกลับมา
แต่ตอนหุ้นลง นี่ทำไม เราไม่กล้าซื้อกันนะ เรามักจะอยากซื้อ ตอนหุ้นขึ่น และมีข่าวดี
ทั้งๆที่ the new buffetology บอกว่า buy on bad new
ตลาด ตก เพราะ subprime จริงหรือ
ผมว่าใช่ครับ
แต่ subprime เป็นปัญหาของประเทศไทยจริงหรือ
ผม่ว่าไม่ใช่ครับ
perfect situation to buy คือ stock market correction
ถ้าหุ้นลงเพราะ มันขึ้นไปเยอะ มันจะดีดกลับอย่างรวดเร็ว
จริงๆแล้ว เราลงเพราะ ก่อนหน้านี้มันขึ้นมาเร็ว ก่อนประกาศผลประกอบการ
ถ้าก่อนหน้านี้ผมเป็นต่างชาติ แล้วไม่มันใจ เมืองไทย ผมก็ซื้อขึ้นแหละ
แล้วเมื่อผลประกาศออกมาไม่ดี ผมก็ขายแหละ ขาย ขาย ขาย ไปเรื่อยๆ
กว่าจะประกาศรอบหน้า ก็อีก ราว 3 เดือน ค่อยมาเก็บของถูกๆ
ไม่ได้มาขู่อะไรนะ
vi หาแต่หุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก หรือ ราคาเหมาะสม เหมาะกับการลงทุนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ราคาที่ลดลง ในขณะที่พื้นฐานยังดีอยู่ ไม่มีไรเปลี่ยนแปลง
เราก็ถือ ไม่ใช่หรือ
แต่พักหลังๆอ่านไป อ่านมา เห็น vi มองว่า ถูก เพราะราคามันลดลง
ราคาที่ลดลง แปลว่าถูกจริงหรือ
หรือ ว่า ในนรก มีนรก
หลังจากดัชนี ร่วงจาก 884 มา 758
หุ้นหลายตัว ก็แสดงนิสัยของคนถือหุ้นกันไป หลายแบบ
บางตัวลงกระหน่ำ บางตัว ลงแล้วเด้ง แล้วลงต่อ
บางตัวยืนนิ่งๆ
ใครมีประสบการณ์อะไรจะเล่าให้เพื่อนๆฟังบ้าง
อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ ดัชนี จะไป 858 หรือ 658 ก็ไม่มีใครรู้
ได้แต่เดาๆกันไป
จริงๆแล้ว ถ้าพวกเราบางคนโชคดี ยังเหลือเงิน แล้ว ดัชนีลงไปสัก 658
ก็กลับไปซื้อ พวก ตัวใหญ่ๆ อย่าง ptt pttep หรืออื่นๆ ก็น่าจะได้กำไรเมื่อตลาด พลิกกลับมา
แต่ตอนหุ้นลง นี่ทำไม เราไม่กล้าซื้อกันนะ เรามักจะอยากซื้อ ตอนหุ้นขึ่น และมีข่าวดี
ทั้งๆที่ the new buffetology บอกว่า buy on bad new
ตลาด ตก เพราะ subprime จริงหรือ
ผมว่าใช่ครับ
แต่ subprime เป็นปัญหาของประเทศไทยจริงหรือ
ผม่ว่าไม่ใช่ครับ
perfect situation to buy คือ stock market correction
ถ้าหุ้นลงเพราะ มันขึ้นไปเยอะ มันจะดีดกลับอย่างรวดเร็ว
จริงๆแล้ว เราลงเพราะ ก่อนหน้านี้มันขึ้นมาเร็ว ก่อนประกาศผลประกอบการ
ถ้าก่อนหน้านี้ผมเป็นต่างชาติ แล้วไม่มันใจ เมืองไทย ผมก็ซื้อขึ้นแหละ
แล้วเมื่อผลประกาศออกมาไม่ดี ผมก็ขายแหละ ขาย ขาย ขาย ไปเรื่อยๆ
กว่าจะประกาศรอบหน้า ก็อีก ราว 3 เดือน ค่อยมาเก็บของถูกๆ
ไม่ได้มาขู่อะไรนะ
vi หาแต่หุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก หรือ ราคาเหมาะสม เหมาะกับการลงทุนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ราคาที่ลดลง ในขณะที่พื้นฐานยังดีอยู่ ไม่มีไรเปลี่ยนแปลง
เราก็ถือ ไม่ใช่หรือ
แต่พักหลังๆอ่านไป อ่านมา เห็น vi มองว่า ถูก เพราะราคามันลดลง
ราคาที่ลดลง แปลว่าถูกจริงหรือ
หรือ ว่า ในนรก มีนรก
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 3
พักหลังผมเห็นแต่ว่า หุ้นตัวนี้ พื้นฐานดี ราคาลงมาเยอะแล้ว น่าซื้อ สุดท้ายลงต่อ
หุ้นตัวนี้พื้นฐานดี ราคาขึ้นไปเยอะแล้ว สุดท้ายขึ้นต่อ
จริงๆแล้ว ราคาที่เคยสูง หรือ เคยต่ำ ไม่เกี่ยวอะไรเลย
ทางที่ดีไม่ต้องจำราคาในอดีตเลย
เรื่องที่สำคัญคือ คำว่าพื้นฐานนั้น เราแต่ละคนตีความไม่เหมือนกัน
ลองทำการบ้านดูครับ
ว่าคุณซื้อหุ้นตัวไหน ด้วยเหตุผลอะไร แล้วสักพัก หากว่า มีใครก็ตามที่จัดว่า เป็นผู้มีระดับ มีชื่อเสียงในวงการ การลงทุนของเมืองไทย มาซื้อตาม
เช่น ดร.นิเวศน์
นั่นแหละ แสดงว่า เหตุผลของคุณ เข้าตานักลงทุนชั่นแนวหน้า
ผมว่าหุ้นขึ้นได้ ด้วยเหตุผล และขึ้นต่อมากๆด้วยอารมณ์
หุ้นลงได้ เพราะราคาสูงเกินพื้นฐานมากๆ ลงได้ทั้งเหตุผล และอารมณ์
หากคุณขุดหุ้น ด้วยเหตุผล ไม่ต้องห่วงเลยว่า ตลาดจะเป็นไง ในที่สุด จะมีคนมาซื้อกันเองแหละ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ในเว็บ หรืออยู่นอกเว็บ
...................................................................
ลองหาราคาน่าซื้อ และราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนั้นๆ โดยไม่ต้องดูราคาในตลาด
หากยัง หาไม่เป็น มีหนังสือเล่มหนึ่ง สอนการหาราคาเป้าหมาย และราคาน่าซื้อ
ชื่อ the new bufettology แปลโดยคุณ web
หรือเล่มอื่นๆก็ได้
เมื่อมีหลักการแล้ว ราคาที่แกว่งขึ้น แกว่งลง จะทำให้ เรามีโอกาสในการซื้อหุ้นพื้นฐาน ดี ในราคาที่น่าซื้อครับ
หุ้นตัวนี้พื้นฐานดี ราคาขึ้นไปเยอะแล้ว สุดท้ายขึ้นต่อ
จริงๆแล้ว ราคาที่เคยสูง หรือ เคยต่ำ ไม่เกี่ยวอะไรเลย
ทางที่ดีไม่ต้องจำราคาในอดีตเลย
เรื่องที่สำคัญคือ คำว่าพื้นฐานนั้น เราแต่ละคนตีความไม่เหมือนกัน
ลองทำการบ้านดูครับ
ว่าคุณซื้อหุ้นตัวไหน ด้วยเหตุผลอะไร แล้วสักพัก หากว่า มีใครก็ตามที่จัดว่า เป็นผู้มีระดับ มีชื่อเสียงในวงการ การลงทุนของเมืองไทย มาซื้อตาม
เช่น ดร.นิเวศน์
นั่นแหละ แสดงว่า เหตุผลของคุณ เข้าตานักลงทุนชั่นแนวหน้า
ผมว่าหุ้นขึ้นได้ ด้วยเหตุผล และขึ้นต่อมากๆด้วยอารมณ์
หุ้นลงได้ เพราะราคาสูงเกินพื้นฐานมากๆ ลงได้ทั้งเหตุผล และอารมณ์
หากคุณขุดหุ้น ด้วยเหตุผล ไม่ต้องห่วงเลยว่า ตลาดจะเป็นไง ในที่สุด จะมีคนมาซื้อกันเองแหละ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ในเว็บ หรืออยู่นอกเว็บ
...................................................................
ลองหาราคาน่าซื้อ และราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนั้นๆ โดยไม่ต้องดูราคาในตลาด
หากยัง หาไม่เป็น มีหนังสือเล่มหนึ่ง สอนการหาราคาเป้าหมาย และราคาน่าซื้อ
ชื่อ the new bufettology แปลโดยคุณ web
หรือเล่มอื่นๆก็ได้
เมื่อมีหลักการแล้ว ราคาที่แกว่งขึ้น แกว่งลง จะทำให้ เรามีโอกาสในการซื้อหุ้นพื้นฐาน ดี ในราคาที่น่าซื้อครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 5
ยกตัวอย่างการคำนวณง่ายๆ เช่น ums
year eps ( fully dilute )
2004 1.13
2005 1.18
2006 1.24
2007 1.70
eps โตเฉลี่ย 14.58 %
อีก 10 ปีข้างหน้า eps จะเท่ากับ 6.63 ( โตเฉลี่ย 14.58 % ) pe 14 ราคาจะเท่ากับ 92.82
หากต้องการผลตอบแทน 20 % ทบต้น ณ ปัจจุบันต้องซื้อราคา 15.00
ปัจจุบัน 20.20 จะซื้อก็ซื้อแบบเก็งกำไรครับ เพราะว่า มีวอร์จะแจก
แต่ถ้าจะซื้อแล้วถือยาว ก็รอราคา 15 บาทครับ
เหตุผลในหนังสือ the buffetology ชัดเจนมาก
ลองคิดตามดูซิ ums eps โตทุกปี ปีละ 14.58 % เป็นเรื่องที่ ดีมากๆ นะ ถ้าทำได้ และผมคิดว่าทำได้แน่ๆ เพราะตลาดถ่านหินกำลังโต สำหรับ ums แต่ไม่ใช่ สำหรับ banpu
eps ที่ได้ คือ 6.63 ถ้าเทรด pe 14 สมมุติไว้สูง เพราะปัจจุบัน เทรด pe 14
นั่นหมายถึง ราคา discount กลับมาที่ ผลตอบแทน 20 %
ปัจจุบัน ต้องซื้อที่ 15 บาท
อันนี้คำนวณแบไม่ต้องสนใจ ราคาในกระดานเลยครับ และให้ลองศึกษาดูว่า ธุรกิจ ของ ums จะโตเฉลี่ยแบบนั้นได้หรือไม่
......................................................................
ลองคำนวณดูแบบนี้กับหุ้นหลายๆตัว เราจะรู้เลยว่า หุ้นตัวไหน แพงเกินพื้นฐาน ตัวไหนถูกเกินพื้นฐาน
year eps ( fully dilute )
2004 1.13
2005 1.18
2006 1.24
2007 1.70
eps โตเฉลี่ย 14.58 %
อีก 10 ปีข้างหน้า eps จะเท่ากับ 6.63 ( โตเฉลี่ย 14.58 % ) pe 14 ราคาจะเท่ากับ 92.82
หากต้องการผลตอบแทน 20 % ทบต้น ณ ปัจจุบันต้องซื้อราคา 15.00
ปัจจุบัน 20.20 จะซื้อก็ซื้อแบบเก็งกำไรครับ เพราะว่า มีวอร์จะแจก
แต่ถ้าจะซื้อแล้วถือยาว ก็รอราคา 15 บาทครับ
เหตุผลในหนังสือ the buffetology ชัดเจนมาก
ลองคิดตามดูซิ ums eps โตทุกปี ปีละ 14.58 % เป็นเรื่องที่ ดีมากๆ นะ ถ้าทำได้ และผมคิดว่าทำได้แน่ๆ เพราะตลาดถ่านหินกำลังโต สำหรับ ums แต่ไม่ใช่ สำหรับ banpu
eps ที่ได้ คือ 6.63 ถ้าเทรด pe 14 สมมุติไว้สูง เพราะปัจจุบัน เทรด pe 14
นั่นหมายถึง ราคา discount กลับมาที่ ผลตอบแทน 20 %
ปัจจุบัน ต้องซื้อที่ 15 บาท
อันนี้คำนวณแบไม่ต้องสนใจ ราคาในกระดานเลยครับ และให้ลองศึกษาดูว่า ธุรกิจ ของ ums จะโตเฉลี่ยแบบนั้นได้หรือไม่
......................................................................
ลองคำนวณดูแบบนี้กับหุ้นหลายๆตัว เราจะรู้เลยว่า หุ้นตัวไหน แพงเกินพื้นฐาน ตัวไหนถูกเกินพื้นฐาน
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 6
งั้นผมก็รอที่ราคาพี่เจ๋งบอกดีกว่า
พูดเอาเคล็ดเหมือน PTTEP เมื่อก่อนโน้น :D :D
ว่าแต่ถ้ามันลงมา ยังจะมีคนกล้าเคาะหรือเปล่านะดิ..
พูดเอาเคล็ดเหมือน PTTEP เมื่อก่อนโน้น :D :D
ว่าแต่ถ้ามันลงมา ยังจะมีคนกล้าเคาะหรือเปล่านะดิ..
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 11
bigc
2000 0.99
2001 1.27
2002 1.61
2003 1.76
2004 2.00
2005 2.35
2006 2.65
2007 3.04
7 ปีที่ผ่านมา eps โต 17.38 %
อีก 10 ปี eps 15.09 pe 18 ราคา 271.62
discount 20 %
ปัจจุบันต้องซื้อราคา 43.86
อืม ใกล้แล้วแฮะ ตอนนี้ 48
2000 0.99
2001 1.27
2002 1.61
2003 1.76
2004 2.00
2005 2.35
2006 2.65
2007 3.04
7 ปีที่ผ่านมา eps โต 17.38 %
อีก 10 ปี eps 15.09 pe 18 ราคา 271.62
discount 20 %
ปัจจุบันต้องซื้อราคา 43.86
อืม ใกล้แล้วแฮะ ตอนนี้ 48
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 12
คร่าวๆนะครับ รายละเอียด ไปอ่าน the new buffetology แล้วทำกันเอง จะได้ชัวร์ๆ
อย่างไรก็ตาม
ธุรกิจที่ดีมากๆอย่าง bigc pttep ptt และอื่นๆ จะต้องมีช่วงที่ perfect ในการซื้อ
แต่ เรา จะกล้าซื้อหรือเปล่า
เพราะช่วงที่ perfect มันจะมากับข่าวร้าย
แต่ปัจจุบัน พวกเราโชคดี เพราะตลาด กำลัง panic
คือ รายใหญ่ โดน force sell
เราก็ได้แต่ทำการบ้าน แล้วรอ ตัวที่เราชอบมักๆ
ขอให้โชคดีครับ
การคำนวณด้านบน ไม่ได้เจตนา ทุบหุ้น หรือบอกว่าหุ้นเหล่านั้นไม่ดี หรือ บอกว่า ราคาหุ้นเหล่านั้นจะลง
เป็นการคำนวณตามหลักในหนังสือครับ
ส่วนตัวเลข ประมาณการ ว่า อีก 10 ปีจะโตเท่าไร การ discount กลับมา โดยใช้เปอร์เซ็นต์เท่าไร
ก็ ต้อง ประมาณกันเอง
ผมชอบ 20 % เพราะว่า วอเรนทำกำไรได้ต่อปี เฉลี่ย 23 %
พวกเราเป็นหลานๆวอเรน เราก็ได้สัก 20 % ก็หรูแล้วครับ
อย่างไรก็ตาม
ธุรกิจที่ดีมากๆอย่าง bigc pttep ptt และอื่นๆ จะต้องมีช่วงที่ perfect ในการซื้อ
แต่ เรา จะกล้าซื้อหรือเปล่า
เพราะช่วงที่ perfect มันจะมากับข่าวร้าย
แต่ปัจจุบัน พวกเราโชคดี เพราะตลาด กำลัง panic
คือ รายใหญ่ โดน force sell
เราก็ได้แต่ทำการบ้าน แล้วรอ ตัวที่เราชอบมักๆ
ขอให้โชคดีครับ
การคำนวณด้านบน ไม่ได้เจตนา ทุบหุ้น หรือบอกว่าหุ้นเหล่านั้นไม่ดี หรือ บอกว่า ราคาหุ้นเหล่านั้นจะลง
เป็นการคำนวณตามหลักในหนังสือครับ
ส่วนตัวเลข ประมาณการ ว่า อีก 10 ปีจะโตเท่าไร การ discount กลับมา โดยใช้เปอร์เซ็นต์เท่าไร
ก็ ต้อง ประมาณกันเอง
ผมชอบ 20 % เพราะว่า วอเรนทำกำไรได้ต่อปี เฉลี่ย 23 %
พวกเราเป็นหลานๆวอเรน เราก็ได้สัก 20 % ก็หรูแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 13
ผมเห็นด้วยกับคุณ jeng นะครับ ผมว่าหลังๆผู้คนที่แสดงความเห็นใน
web จะออกไปในแนวทางเก็งกำไรมากกว่า เพียงแต่เป็นการเก็งกำไร
ที่มี class กว่าแต่ก่อนที่แต่ก่อน ได้มาเป็นโพยแล้วก็ซื้อตาม แต่เดี๋ยวนี้
มี story มาประกอบมากขึ้น ดูบริษัทมากขึ้น คือดูดีขึ้น แต่ก็จะมีพวกซื้อตาม
เป็นพรวน คนเข้าตามที่หลังก็ติด คนมาก่อนออกไปแล้ว ก็ไปหาหุ้นใหม่
มาเล่าเรื่องต่อ พอติดหุ้นก็ท่องคาถา VI ว่า หุ้นดีเดี๋ยวมันก็กลับมาเอง
ผมถึงรู้สึกเป็นห่วงคนที่เข้ามาใหม่ๆมากๆ (เป็นห่วงตัวเองด้วยเช่นกัน)
web จะออกไปในแนวทางเก็งกำไรมากกว่า เพียงแต่เป็นการเก็งกำไร
ที่มี class กว่าแต่ก่อนที่แต่ก่อน ได้มาเป็นโพยแล้วก็ซื้อตาม แต่เดี๋ยวนี้
มี story มาประกอบมากขึ้น ดูบริษัทมากขึ้น คือดูดีขึ้น แต่ก็จะมีพวกซื้อตาม
เป็นพรวน คนเข้าตามที่หลังก็ติด คนมาก่อนออกไปแล้ว ก็ไปหาหุ้นใหม่
มาเล่าเรื่องต่อ พอติดหุ้นก็ท่องคาถา VI ว่า หุ้นดีเดี๋ยวมันก็กลับมาเอง
ผมถึงรู้สึกเป็นห่วงคนที่เข้ามาใหม่ๆมากๆ (เป็นห่วงตัวเองด้วยเช่นกัน)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 14
แถม aeonts
2002 1.41
2003 1.86
2004 2.49
2005 3.14
2006 3.92
2007 4.36
5 ปีที่ผ่านมา eps โต 25.32 %
สมมุติว่า อีก 10 ปีโตเฉลี่ย 15 % พอ ( ตัวอย่างด้านบน ไม่ได้สมมุติ โตมาเท่าไร ก็สมมุติให้โตไปเท่านั้น เกรงใจ เพราะถ้าสมมุติต่ำลง ก็จะทำให้ราคาซื้อต่ำลง เกรงใจ คนถือหุ้น เดี่ยวกลายเป็นเราไปทุบหุ้น )
อีก 10 ปี eps 17.63 pe 10 ราคา 176.30
discount 20 %
ซื้อราคา 28.47
2002 1.41
2003 1.86
2004 2.49
2005 3.14
2006 3.92
2007 4.36
5 ปีที่ผ่านมา eps โต 25.32 %
สมมุติว่า อีก 10 ปีโตเฉลี่ย 15 % พอ ( ตัวอย่างด้านบน ไม่ได้สมมุติ โตมาเท่าไร ก็สมมุติให้โตไปเท่านั้น เกรงใจ เพราะถ้าสมมุติต่ำลง ก็จะทำให้ราคาซื้อต่ำลง เกรงใจ คนถือหุ้น เดี่ยวกลายเป็นเราไปทุบหุ้น )
อีก 10 ปี eps 17.63 pe 10 ราคา 176.30
discount 20 %
ซื้อราคา 28.47
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1063
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 15
คิดแบบนี้ผิดไหมครับพี่เจ๋ง
2006 EPS = 0.32
2007 EPS = 0.54 ( ประเมิณน้อยไว้ก่อนครับ )
คิดเป็นการเติบโต = 68.75%
ถ้าคิดให้อีก 5 ปีข้างหน้า เติบโตสักปีละ 20 % เราจะได้
EPS อีก 5 ปี = 0.54 ( 1+ 0.20 ) ^ 5
= 1.34 bath
PE 10 = 13.4 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 5.39
PE 11 = 14.7 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 5.92
PE 12 = 16.08 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 6.46
PE 13 = 17.42 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 7
PE 14 = 18.76 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 7.53
PE 15 = 20.01 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 8.08
PE 16 = 21.44 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 8.61
PE 17 = 22.78 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 9.15
PE 18 = 24.12 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 9.69
PE 19 = 25.46 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 10.23
PE 20 = 26.8 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 10.77
ถ้าผิดช่วยแนะนำด้วยนะครับ
2006 EPS = 0.32
2007 EPS = 0.54 ( ประเมิณน้อยไว้ก่อนครับ )
คิดเป็นการเติบโต = 68.75%
ถ้าคิดให้อีก 5 ปีข้างหน้า เติบโตสักปีละ 20 % เราจะได้
EPS อีก 5 ปี = 0.54 ( 1+ 0.20 ) ^ 5
= 1.34 bath
PE 10 = 13.4 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 5.39
PE 11 = 14.7 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 5.92
PE 12 = 16.08 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 6.46
PE 13 = 17.42 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 7
PE 14 = 18.76 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 7.53
PE 15 = 20.01 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 8.08
PE 16 = 21.44 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 8.61
PE 17 = 22.78 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 9.15
PE 18 = 24.12 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 9.69
PE 19 = 25.46 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 10.23
PE 20 = 26.8 ต้องการผลตอบแทน 20%/year price = 10.77
ถ้าผิดช่วยแนะนำด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 16
อืมมมม อย่างนี้ต้องลองไปหาหนังสือที่คุณ jeng แนะนำแล้วครับ ... ขอบคุณมากครับ กับแนวทาง
แต่ปัญหาอย่างหนึ่ง ของการวิเคราะห์แบบนี้คือ
เราต้อง speculate ผลประกอบการล่วงหน้าไปหลายปีเลย
ทั้งๆที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนตลอดเวลา
ดังนั้น ผมมองว่า ต้องดูที่โครงสร้างของผู้บริหารและบริษัทดูด้วยครับ ว่ามีฝีมือและจุดยืนอย่างไร ... ไม่ใช่ ธุรกิจทำกำไรมาได้เพราะเพียงภาวะโดยวมเกื้อหนุนเท่านั้น
แต่ปัญหาอย่างหนึ่ง ของการวิเคราะห์แบบนี้คือ
เราต้อง speculate ผลประกอบการล่วงหน้าไปหลายปีเลย
ทั้งๆที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนตลอดเวลา
ดังนั้น ผมมองว่า ต้องดูที่โครงสร้างของผู้บริหารและบริษัทดูด้วยครับ ว่ามีฝีมือและจุดยืนอย่างไร ... ไม่ใช่ ธุรกิจทำกำไรมาได้เพราะเพียงภาวะโดยวมเกื้อหนุนเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 17
century78 เขียน:อืมมมม อย่างนี้ต้องลองไปหาหนังสือที่คุณ jeng แนะนำแล้วครับ ... ขอบคุณมากครับ กับแนวทาง
แต่ปัญหาอย่างหนึ่ง ของการวิเคราะห์แบบนี้คือ
เราต้อง speculate ผลประกอบการล่วงหน้าไปหลายปีเลย
ทั้งๆที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนตลอดเวลา
ดังนั้น ผมมองว่า ต้องดูที่โครงสร้างของผู้บริหารและบริษัทดูด้วยครับ ว่ามีฝีมือและจุดยืนอย่างไร ... ไม่ใช่ ธุรกิจทำกำไรมาได้เพราะเพียงภาวะโดยรวมเกื้อหนุนเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น จะเหมือนหุ้นไอที ของ us ครับ ... ที่ฝันกันไปไกลเลย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 18
โค้ด: เลือกทั้งหมด
คิดแบบนี้ผิดไหมครับพี่เจ๋ง
2006 EPS = 0.32
2007 EPS = 0.54 ( ประเมิณน้อยไว้ก่อนครับ )
คิดเป็นการเติบโต = 68.75%
การคำนวณหา eps growth ต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 7 ปี ดีที่สุดคือ 10 ปี
หากใช้ ต่ำกว่า 7 ปี หนังสือบอกว่า จะทำให้เกิด error ได้ครับ
เพราะฉะนั้น ข้างบน ถามว่าผิดหรือไม่ที่ประมาณการ ว่าจะโต ทุกปี ปีละ 20 %
พี่ตอบม่ายร่าย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 20
โค้ด: เลือกทั้งหมด
อืมมมม อย่างนี้ต้องลองไปหาหนังสือที่คุณ jeng แนะนำแล้วครับ ... ขอบคุณมากครับ กับแนวทาง
แต่ปัญหาอย่างหนึ่ง ของการวิเคราะห์แบบนี้คือ
เราต้อง speculate ผลประกอบการล่วงหน้าไปหลายปีเลย
ทั้งๆที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงและผันผวนตลอดเวลา
ดังนั้น ผมมองว่า ต้องดูที่โครงสร้างของผู้บริหารและบริษัทดูด้วยครับ ว่ามีฝีมือและจุดยืนอย่างไร ... ไม่ใช่ ธุรกิจทำกำไรมาได้เพราะเพียงภาวะโดยรวมเกื้อหนุนเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น จะเหมือนหุ้นไอที ของ us ครับ ... ที่ฝันกันไปไกลเลย
เพราะผมก็หมดปัญญา จะสื่อให้หนังสือทั้งเล่ม มาอยู่บนเว็บได้
ทุกหลักการ มีข้อแย้งทั้งนั้นครับ
แต่ทุกหลักการ ถ้าศึกษาจริงจัง ก็นำมาสู่การดัดแปลง ให้เป็นหลักการของเราได้ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 21
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมเห็นด้วยกับคุณ jeng นะครับ ผมว่าหลังๆผู้คนที่แสดงความเห็นใน
web จะออกไปในแนวทางเก็งกำไรมากกว่า เพียงแต่เป็นการเก็งกำไร
ที่มี class กว่าแต่ก่อนที่แต่ก่อน ได้มาเป็นโพยแล้วก็ซื้อตาม แต่เดี๋ยวนี้
มี story มาประกอบมากขึ้น ดูบริษัทมากขึ้น คือดูดีขึ้น แต่ก็จะมีพวกซื้อตาม
เป็นพรวน คนเข้าตามที่หลังก็ติด คนมาก่อนออกไปแล้ว ก็ไปหาหุ้นใหม่
มาเล่าเรื่องต่อ พอติดหุ้นก็ท่องคาถา VI ว่า หุ้นดีเดี๋ยวมันก็กลับมาเอง
ผมถึงรู้สึกเป็นห่วงคนที่เข้ามาใหม่ๆมากๆ (เป็นห่วงตัวเองด้วยเช่นกัน)
ไม่งั้นไม่ค่อยมีตัวเล่น อิอิ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 22
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมเห็นด้วยกับคุณ jeng นะครับ ผมว่าหลังๆผู้คนที่แสดงความเห็นใน
web จะออกไปในแนวทางเก็งกำไรมากกว่า เพียงแต่เป็นการเก็งกำไร
ที่มี class กว่าแต่ก่อนที่แต่ก่อน ได้มาเป็นโพยแล้วก็ซื้อตาม แต่เดี๋ยวนี้
มี story มาประกอบมากขึ้น ดูบริษัทมากขึ้น คือดูดีขึ้น แต่ก็จะมีพวกซื้อตาม
เป็นพรวน คนเข้าตามที่หลังก็ติด คนมาก่อนออกไปแล้ว ก็ไปหาหุ้นใหม่
มาเล่าเรื่องต่อ พอติดหุ้นก็ท่องคาถา VI ว่า หุ้นดีเดี๋ยวมันก็กลับมาเอง
ผมถึงรู้สึกเป็นห่วงคนที่เข้ามาใหม่ๆมากๆ (เป็นห่วงตัวเองด้วยเช่นกัน)
เช่น brock เขาคุยกัน ผมก็ซื้อ แต่ซื้อเก็งกำไร ถือ 1-2 วันก็ขาย เห็นวิ่งยังกะพายุ
อิอิ
แต่ก็ไม่ได้เล่นมาก เล่นติดตามตลาด
เพราะหุ้นพื้นฐานดีจริงๆ ราคาถูกจริงๆ กว่าจะมาให้ซื้อซักกะที
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 23
เห็นด้วยนะครับJeng เขียน: ลองเขียนเหตุผล สัก 5 ข้อ ว่าหุ้นที่จะซื้อ ณ ราคานั้นๆ น่าซื้อเพราะอะไร
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ถามนิดครับ
โพสต์ที่ 24
สำหรับผม มองว่า การมองอนาคตไกล ขนาด 10 ปี ผมว่ายาวไปแล้วสำหรับปัจจุบัน ในยุคโลกาภิวัฒน์นี้
สำหรับผม มองว่า รอบของธุรกิจจะสั้นลง ซึ่งเหตุผลมาจาก ทั้งเทคโนโลยี, การตลาด, การเงิน, และอื่นๆ อีกหลายอย่าง
ดังนั้น การที่บ.หนึ่งจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทำได้ยากขึ้น และยากที่สุดเมื่อจำรักษาการเจริญเติบโตไว้ได้
การมองที่การเจริญเติบโตเฉลี่ย จึงทำให้เริ่มเห็นความผิดพลาดมากขึ้น สำหรับผมกำลังมองหาวิธีอื่นๆ ที่เหมาะกับ ยุคนี้ ก็ยังไม่พบ ใครพบช่วยชี้แนะด้วยครับ
สำหรับผม มองว่า รอบของธุรกิจจะสั้นลง ซึ่งเหตุผลมาจาก ทั้งเทคโนโลยี, การตลาด, การเงิน, และอื่นๆ อีกหลายอย่าง
ดังนั้น การที่บ.หนึ่งจะเติบโตอย่างต่อเนื่องทำได้ยากขึ้น และยากที่สุดเมื่อจำรักษาการเจริญเติบโตไว้ได้
การมองที่การเจริญเติบโตเฉลี่ย จึงทำให้เริ่มเห็นความผิดพลาดมากขึ้น สำหรับผมกำลังมองหาวิธีอื่นๆ ที่เหมาะกับ ยุคนี้ ก็ยังไม่พบ ใครพบช่วยชี้แนะด้วยครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 25
ยกตัวอย่างการคำนวณง่ายๆ เช่น ums
year eps ( fully dilute )
2004 1.13
2005 1.18
2006 1.24
2007 1.70
eps โตเฉลี่ย 14.58 %
อีก 5 ปีข้างหน้า eps จะเท่ากับ 3.35 ( โตเฉลี่ย 14.58 % ) pe 14 ราคาจะเท่ากับ 46.90
หากต้องการผลตอบแทน 20 % ทบต้น ณ ปัจจุบันต้องซื้อราคา 18.84
.........................................................................
อืมไม่เลวแฮะ มองสัก 3-5 ปีดีเหมือนกัน
year eps ( fully dilute )
2004 1.13
2005 1.18
2006 1.24
2007 1.70
eps โตเฉลี่ย 14.58 %
อีก 5 ปีข้างหน้า eps จะเท่ากับ 3.35 ( โตเฉลี่ย 14.58 % ) pe 14 ราคาจะเท่ากับ 46.90
หากต้องการผลตอบแทน 20 % ทบต้น ณ ปัจจุบันต้องซื้อราคา 18.84
.........................................................................
อืมไม่เลวแฮะ มองสัก 3-5 ปีดีเหมือนกัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 29
หลักจากหนังสือเล่มนี้ ต้องใช้ eps ที่โตขึ้นเรื่อยๆมาคำนวณครับ cp7-11 กำไร ไม่โต
กำไรสุทธิ 1524 ( 6 เดือน ) 1,332.40 1,507.73 1,695.92 1,339.44
แต่ยอดขายโตมาก
รายได้รวม 53,769,404 ( 6 เดือน ) 104,873.44 98,947.55 78,365.80 61,030.27
ไม่สามารถคำนวณตามหนังสือได้ครับ
คือ กำไรไม่ไปกับยอดขาย
ซึ่งจริงๆแล้ว อาจจะเกิดจากการขยายสาขามากๆ จนกระทั่ง มาร์จิ้นลด
แต่จริงๆแล้ว กำไรไปซ่อนอยู่ในสาขาแทน
กำไรสุทธิ 1524 ( 6 เดือน ) 1,332.40 1,507.73 1,695.92 1,339.44
แต่ยอดขายโตมาก
รายได้รวม 53,769,404 ( 6 เดือน ) 104,873.44 98,947.55 78,365.80 61,030.27
ไม่สามารถคำนวณตามหนังสือได้ครับ
คือ กำไรไม่ไปกับยอดขาย
ซึ่งจริงๆแล้ว อาจจะเกิดจากการขยายสาขามากๆ จนกระทั่ง มาร์จิ้นลด
แต่จริงๆแล้ว กำไรไปซ่อนอยู่ในสาขาแทน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์ที่ 30
ตอนคุณ path 2544
2004 1.13
2005 1.18
2006 1.24
2007 1.70
ums มีการแตกพาร์
2004 2.26 ( 70 ล้านหุ้น )
2005 2.35 ( 70 ล้านหุ้น )
2006 2.48 ( 70 ล้านหุ้น )
2007 0.85 ครึ่งปี ( 140 ล้านหุ้น )
ปี 2007 ใช้ 1.70 ก็คิดง่ายๆ ไม่ได้ใช้ประมาณการ คือใช้ .85 คูณ 2
ส่วนใครจะใช้อย่างไรก็ลองดูครับ
2004 1.13
2005 1.18
2006 1.24
2007 1.70
ums มีการแตกพาร์
2004 2.26 ( 70 ล้านหุ้น )
2005 2.35 ( 70 ล้านหุ้น )
2006 2.48 ( 70 ล้านหุ้น )
2007 0.85 ครึ่งปี ( 140 ล้านหุ้น )
ปี 2007 ใช้ 1.70 ก็คิดง่ายๆ ไม่ได้ใช้ประมาณการ คือใช้ .85 คูณ 2
ส่วนใครจะใช้อย่างไรก็ลองดูครับ