ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

year eps ( fully dilute ) 

2004   1.13 
2005   1.18 
2006   1.24 
2007   1.70 

การคำนวณ eps

pv = -1.13 fv = 1.70 n = 3

i = 14.58 % ครับ

[path2544]

[quote="Jeng"]ตอนคุณ path 2544

2004

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อันนี้คิดง่ายไปเปล่าครับ ซึ่งผมว่าทำให้ผลที่ออกมาโตเกินไปหรือเปล่า     สำหรับปีนี้ 

คิดง่ายๆอย่างนี้แหละ

เห็นในร้อยคนร้อยหุ้น ums โบรกเกอร์ให้ 1.96 นะ ของผมนี่ แค่ 1.70 ยังบอกว่าโตไป

บอกแล้ว เรื่องประมาณการ ไปตั้งตัวเลขกันเอง วิจารณ์หลักการเหอะ เรื่องประมาณการ บ้างว่ามากไป บ้างว่าน้อยไป

สุดแล้วแต่สายตาครับ ว่า ใครสายตาดีกว่ากัน ประมาณแม่นการกว่ากัน

โค้ด: เลือกทั้งหมด

หากอิงสมมุติฐานข้างต้นทำให้คาดว่า UMS จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 144  ล้านบาทในปี 2550 และ 432 ล้านบาทในปี 2551  ดังนั้นจึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 23.50 บาทต่อหุ้น  เนื่องจากทางฝ่ายได้ปรับเพิ่ม P/E เป็น 12 เท่าอิง กำไรต่อหุ้นในปี 2550 ที่ 1.96 บาท 

[path2544]

[quote="Jeng"]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อันนี้คิดง่ายไปเปล่าครับ ซึ่งผมว่าทำให้ผลที่ออกมาโตเกินไปหรือเปล่า

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมว่ามันเป็นวัฎจักร แบบเดียวกับปิโต และน้ำมัน แถมยังอยู่ในตลาดแข่งขันเกือบสมบูรณ์อีก

ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นวัฎจักรนี่ ums เป็นเทรดดิ้ง ซื้อมาก็ขายไป ถ่านหินจะขึ้นจะลง เขาไม่เกียว เขาก็กินส่วนต่าง

เพราะฉะนั้น ums ไม่ใช่ธุรกิจวัฎจักรอย่างที่ว่าหรอก

แต่ช่วงนี้ คงกำไรเยอะจาก ค่าเงิน หรือ ไม่ก็สต๊อกถ่านหินที่มีราคาสูงขึ้น

ชั่วคราว ในระยะยาวแล้ว ยอดขายโตได้เป็น 10 เท่าสบายๆ ลองศึกษาดูละกัน

หาข้อมูล และศึกษาดูก่อนครับ ก่อนนึกว่า จะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ จะได้ไม่เสียเวลานะครับ

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

   ผมไม่เคยอ่านบทวิเคราะห์โปรกเลยอ่ะ     เพราะสมมติฐานมันขัดความีรู้สึกผมมากเลย

โอเคครับ พยายามรู้สึกไปเองให้น้อยๆ แล้วหาข้อมูลให้มากๆ ก็ดีครับ

[Pn3um0n1a]

[path2544]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมว่ามันเป็นวัฎจักร แบบเดียวกับปิโต และน้ำมัน แถมยังอยู่ในตลาดแข่งขันเกือบสมบูรณ์อีก

ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นวัฎจักรนี่ ums เป็นเทรดดิ้ง ซื้อมาก็ขายไป ถ่านหินจะขึ้นจะลง เขาไม่เกียว เขาก็กินส่วนต่าง

เพราะฉะนั้น ums ไม่ใช่ธุรกิจวัฎจักรอย่างที่ว่าหรอก

แต่ช่วงนี้ คงกำไรเยอะจาก ค่าเงิน หรือ ไม่ก็สต๊อกถ่านหินที่มีราคาสูงขึ้น

ชั่วคราว ในระยะยาวแล้ว ยอดขายโตได้เป็น 10 เท่าสบายๆ ลองศึกษาดูละกัน

หาข้อมูล และศึกษาดูก่อนครับ ก่อนนึกว่า จะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ จะได้ไม่เสียเวลานะครับ

เทรดดิ้ง ก็อยู่ในวัฎจักรครับ

ตลาดมีสินค้าทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ อยู่ 2 ตัว (อนาคตไม่แน่อาจมีมากกว่านี้) แถมอยู่ในตลาดแข่งขันเกือบสมบณณ์อีก คู่แข่งขันเข้ามาง่ายมาก

ผมไม่ได้ตามโดยละเอียดและไม่ได้ดูงบย้อนหลัง แต่เดาว่า Margin เริ่มลงลงจากจุดที่ธุรกิจเริ่มพลิกฟื้น (จากการตกต่ำของรอบที่แล้วซึ่งก่อให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้)  ส่วนยอดขาย เทรดดิ้งมองยอดขายก็โตกว่า 10 เท่าได้แน่ๆๆ อยู่แล้ว แต่ margin ล่ะ  :!:  :?:

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เทรดดิ้ง ก็อยู่ในวัฎจักรครับ 

ตลาดมีสินค้าทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ อยู่ 2 ตัว (อนาคตไม่แน่อาจมีมากกว่านี้) แถมอยู่ในตลาดแข่งขันเกือบสมบณณ์อีก คู่แข่งขันเข้ามาง่ายมาก 

ผมไม่ได้ตามโดยละเอียดและไม่ได้ดูงบย้อนหลัง แต่เดาว่า Margin เริ่มลงลงจากจุดที่ธุรกิจเริ่มพลิกฟื้น (จากการตกต่ำของรอบที่แล้วซึ่งก่อให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้)  ส่วนยอดขาย เทรดดิ้งมองยอดขายก็โตกว่า 10 เท่าได้แน่ๆๆ อยู่แล้ว แต่ margin ล่ะ    

ถ้าเทรดดิ้งก็อยู่ในวัฎจักร งั้นบอกมาเลยครับ ว่าบริษัทไหนไม่อยู่ในวัฎจักร

เดี่ยวจะหาเรื่องมาแย้งจนได้หละครับ ว่า มีขึ้นมีลงอย่างไร

ทุกอย่างในโลก และในจักรวาล ไม่ว่าจะอะไรก็ตามก็มีขึ้นมีลงหมด แม้แต่ น้ำตาลในกระแสเลือด ความดันโลหิต อารมณ์ ตลอดจนกระทั่ง เหรียญเงินในกระเป่าตังของเรา

[path2544]

[quote="Jeng"]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เทรดดิ้ง ก็อยู่ในวัฎจักรครับ 

ตลาดมีสินค้าทดแทนได้อย่างสมบูรณ์ อยู่ 2 ตัว (อนาคตไม่แน่อาจมีมากกว่านี้) แถมอยู่ในตลาดแข่งขันเกือบสมบณณ์อีก คู่แข่งขันเข้ามาง่ายมาก 

ผมไม่ได้ตามโดยละเอียดและไม่ได้ดูงบย้อนหลัง แต่เดาว่า Margin เริ่มลงลงจากจุดที่ธุรกิจเริ่มพลิกฟื้น (จากการตกต่ำของรอบที่แล้วซึ่งก่อให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้)

[newbie_12]

Jeng
Regular


Joined: 09 Apr 2003
Posts: 11575
Location: perfect clean & care co.,ltd.

เพิ่งสังเกตครับ

Posts: 11575  :shock:  :shock:  :shock:

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

สำหรับผมแล้ว มองว่าไม่มีธุรกิจไหนหรืออุตสาหกรรมไหนไม่อยู่ในวัฎจักรอยู่แล้ว 

แต่จะหาว่าอยู่ในจุดไหนในวัฎจักรนั้นยากมาก 

จริงๆ ก็กำลังพยายามหาวิธีดูอยู่ พยายามเอาหลายๆ วิธีมาปรับ คงต้องศึกษาต่อไป

โอเคครับ งั้นคุยต่อว่า ในตลาดหุ้น สาเหตุที่มีการพยายามแบ่งคร่าวๆ ว่า

เป็นหรือไม่เป็นวัฎจักร

มีหรือไม่มีแบรนด์

มีความได้เปรียบในการแข่งขันหรือไม่มีนั้น

เราแบ่งคร่าวๆ เพื่ออะไร

เราแบ่งก็เพื่อให้เรา คอยสังเกต ผลกระทบครับ

เช่น หุ้นที่เป็นวัฎจักร อย่าง เรือ ปิโตร พวกนี้ มีกำไรมาก น้อย จะขึ้นอยู่กับ ราคาขาย ที่ขึ่นลง ทำให้ กำไรมาก น้อย หรือขาดทุนได้เลย

ส่วนหุ้นที่ไม่ได้เป็นวัฎจักร แต่ก็ยังอยุ่ในธุรกิจที่ขึ้นๆลงๆ ในอุตสาหกรรมที่ขึ้นๆลงๆ อย่างเช่น ร้านอาหาร s&p ร้านหนังสือ se-ed

กำไรจะเกิดจากยอดขาย ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ กำไรได้มากมหาศาล คือ ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ ราคาอาหาร ขึ้นไป 100-200 % แล้วก็ ลงมา 100-200 %

หากจะมีกำไรอะไรมากมาย ก็ต้องมียอดขายเพิ่มขึ้น แบบนี้ไม่เรียกว่าหุ้นวัฎจักร

..............................................................

ums ซื้อมาขายไป ราคาถ่านหิน ขึ้นหรือลง ทำให้เจ้าของเหมือง หรือหุ้น เจ้าของเหมือง เป็นหุ้น วัฎจักร อย่าง banpu

แต่ ums ซื้อมาขาย ไป ก็มีช่วงขึ้นช่วงลง แต่กำไร ก็ต้องอยู่ที่ยอดขายเป็นหลักครับ เพราะหากว่าราคาถ่านหินขึ้นไป 100-200 % ก็ตาม ums ก็ต้องสั่งซื้อมาในราคาที่ขึ้นไป 100-200 % เหมือนกันครับ

หากราคาถ่านหินลดลงมา 100-200 % ums ก็ต้องขายลดราคาลงมา ไม่งั้นเจ้าอื่นก็ เอาส่วนแบ่งการตลาดไป

[Jeng]

มาต่อเรื่องแบรนเนมครับ

ในหนังสือ the new buffetology

บอกว่า โตโยต้า intel ไม่มีแบรนด์ครับ

เหตุผลคือ

หากว่า ฮอนด้า ผลิตสินค้า ที่พิสูจน์ได้ทันทีว่า ดีกว่า และถูกกว่ามาก ลูกค้าพร้อมจะเปลี่ยนจากการซื้อ โตโยต้า เป็น ฮอนด้าทันที

intel เช่นกัน หาก amd ผลิตชิบ ที่มีความเร็ว สูงกว่า ราคาต่ำกว่ามากๆ ลูกค้าก็พร้อมจะเปลี่ยน จาก intel inside ทันที

และ ไม่นานมานี้ del ก็เปลี่ยน ชิบในคอมทั้งหมดเป็น amd

ในโบชัวร์ ฮิวเลตแพคการ์ด ล่าสุด ผมนั่งอ่าน เออ ปรากฎว่า คอมรุ่นแพงสุด กลับเป็นชิบ amd

แบบนี้เป็นตัวอย่างในหนังสือว่า ไม่มีแบรนด์

คำว่าไม่มีแบรนด์คือ ลูกค้าพร้อมเปลี่ยนใจได้เสมอ

ซึ่งคงไม่ต้องถกเถียงกัน เพราะ ทุกอย่างในโลกใบนี้มีข้อแย้งทั้งนั้น แม้แต่การเมือง ศาสนา

เรื่องที่สำคัญคือ เขาเขียนอย่างนั้น มีมุมมองอย่างนั้น เราอ่านแล้ว เรานำไปใช้ประโยชน์อะไรได้หรือไม่

แล้วคำว่ามีแบรนด์คืออะไร เช่น เราใส่กางเกงยีน levi แล้วเราชอบมักๆ แบบนี้มีแบรนด์ มียีนมากมาย พิสูจน์ได้ ว่า ราคาถูกกว่า เนื้อผ้าการตัดเย็บ ดีกว่า แต่เราก็ยังซื้อ levi

เป็นต้น

[path2544]

นิยามของ วัฎจักร คนล่ะตัวครับ

ของผมมองว่า มัน 5 ช่วง คือ

1. เริ่มต้น
2. เติบโต
3. รุ่งเรือง
4. ถดถอย
5. ตาย

      ซึ่งมองกว้างกว่า เพราะในวัฎจักรของคุณ คือวงจรย่อยในวัฎจักรนี้

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมว่ามันเป็นวัฎจักร แบบเดียวกับปิโต และน้ำมัน แถมยังอยู่ในตลาดแข่งขันเกือบสมบูรณ์อีก 

[กูรูขอบสนาม]

มาต่อเรื่องแบรนเนมครับ

ในหนังสือ the new buffetology

บอกว่า โตโยต้า intel ไม่มีแบรนด์ครับ

เออ..ไม่ทราบว่าโตโยต้า ไม่มีแบรนด์นี้แปลว่าอะไรเอ่ย  หมายถึงคนพร้อมจะสวิทช์แบรนด์ไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น (Honda) หรือเปล่าครับ
อย่างนี้น่าจะเรียกว่า Brand Preference นะครับ คือมีตัวเลือกหลายตัว แต่ถ้ามีตัวใดดีกว่าก็จะหันเหไปเลือกโดยง่าย บนเงื่อนไขที่จะต้องจ่ายราคาของความพอใจไม่ต่างกันมาก (อาจจะสูงกว่านิดหน่อย ถ้าคิดว่าคุณสมบัติใหม่นั้นมีคุณค่าพอกับราคาที่เพิ่มขึ้น)

ส่วน Intel น่าจะเรียกว่าเป็น Complimentary Brand ครับ ( เราเรียกภาษาเล่นๆว่า เป็นแบรนด์ชาวเกาะ) คือตัวมันขายเองเดี่ยวๆไม่ได้ ต้องไปเป็นองค์ประกอบให้กับผลิตภัณฑ์อื่น ทั้งนี้ แล้วอาจจะเพิ่มหรือลด Value ให้กับผลิตภัณฑ์ที่ไปเกาะ

แอร์ Nippon Denso ที่อยู่ในรถยนต์โตโยต้า ก็เช่นกัน
ลำโพง JBL ที่ประกอบมากับคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน

หากชาวเกาะตัวไหนดังมากๆ ก็เป็นจุดขายให้กับผู้ถูกเกาะได้

[path2544]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมว่ามันเป็นวัฎจักร แบบเดียวกับปิโต และน้ำมัน แถมยังอยู่ในตลาดแข่งขันเกือบสมบูรณ์อีก 

ขออภัย ผมอาจพูดสั้นไป และยกตัวอย่างไม่ครอบคลุม ทำให้ท่านเข้าใจผิด  

[Jeng]

หวัดดีท่านกูรู

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เออ..ไม่ทราบว่าโตโยต้า ไม่มีแบรนด์นี้แปลว่าอะไรเอ่ย  

อืม นั่นดิ

แต่ผมก็เห็นด้วยนะว่า ไม่มีแบรนด์ ทุกครั้งที่ผมจะซื้อรถ ผมก็ต้องเลือกทุกครั้ง ไม่ได้เจาะจง ว่าต้องโตโยต้าเท่านั้น

คำว่ามี่แบรนด์คงต้องประมาณ ว่า ต้อง อันนี้เท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ขออภัย ผมอาจพูดสั้นไป และยกตัวอย่างไม่ครอบคลุม ทำให้ท่านเข้าใจผิด    

ขอบคุณ ไม่ต้องขออภัยหรอก เราพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนกัน หากว่าเห็นทางเดียวกันหมด เราก็คงไม่ต้องคุยกัน

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

อืม นั่นดิ 

แต่ผมก็เห็นด้วยนะว่า ไม่มีแบรนด์ ทุกครั้งที่ผมจะซื้อรถ ผมก็ต้องเลือกทุกครั้ง ไม่ได้เจาะจง ว่าต้องโตโยต้าเท่านั้น 

คำว่ามี่แบรนด์คงต้องประมาณ ว่า ต้อง อันนี้เท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น

พูดขาดไปนิดนึง คือมีทางเลือกอื่นครับ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่บอกต้องอันนี้เลย

ชอบมักๆ นั่นแหละ แบรนด์

ต่อให้ราคาสูงขึ้นไปหน่อยก็ต้อง เลือกอันนี้เลย

สินค้าที่มีแบรนด์ถึงกำไรดีครับ

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

นิยามของ วัฎจักร คนล่ะตัวครับ 

ของผมมองว่า มัน 5 ช่วง คือ 

1. เริ่มต้น 
2. เติบโต 
3. รุ่งเรือง 
4. ถดถอย 
5. ตาย 

      ซึ่งมองกว้างกว่า เพราะในวัฎจักรของคุณ คือวงจรย่อยในวัฎจักรนี้

ใช้นิยามตามนี้ ums อยู่ในวัฎจักร 1. ครับ คือเพิ่งเริ่มต้น

เพราะ โรงงานในเมืองไทยที่ต้องเปลี่ยน บอยเลอร์เป็นถ่านหินมี 8000 โรงครับ

แต่ ums เพิ่งขายได้ ไม่ถึง 300 โรงครับ

เพิ่งเริ่ม เพิ่งเริ่ม ลองศึกษาดู

แต่ราคา ถ้าจะซื้อ ก็แล้วแต่ว่า ซื้อเก็งกำไรซื้อราคาไหน ซื้อถือยาว คาดหวังอะไร จากราคาที่ซื้อนั้นๆ

[Jeng]

สมัยก่อน คาวาซากิ โห ใครขับเท่ห์มาก yamaha สุดยอดแต่รองลงมา หากใครขับ มอเตอร์ไซด์ honda นี่ออกจะโบราณ

แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไป เพราะ ตัวธุรกิจ ไม่มีแบรนด์ แข่งขันกันตลอดเวลา

แต่ tvi มีแบรนด์ครับ

ไป เว็บอื่น ก็ไม่เหมือน tvi เห็นด้วยปะ

คริๆ

[Jeng]

ด้วยแนวคิดนี้ หุ้น it ก็เลยไม่มีแบรนด์ เพราะคอมพิวเตอร์ซื้อที่ไหนก็ได้

แต่ bigc กลับคล้ายๆมีแบรนด์ที่เรียกว่า semi-monopoly

คือ เราซื้อสินค้า ในโลตัส หรือ bigc ไม่ต่างกัน

แต่ logistics

ทำให้ บางคนก็ไป bigc บางคนก็ไป โลตัส เพราะใกล้บ้าน

หากว่า บ้านเรารถไม่ติด semi-monopoly อย่าง bigc คงไม่โดดเด่นขนาดนี้

ปัจจุบันผมอยากจะบอกว่า bigc ในเมืองไทย เป็น 50:50 monopoly

ด้วย

1. กฎหมายห้ามขยาย
2. รถติด

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

แต่ bigc กลับคล้ายๆมีแบรนด์ที่เรียกว่า semi-monopoly 

ข้างบนขอแก้เป็น quasi-monopoly

[Jeng]

monopoly ตัวจริงในเมืองไทย คือ cp7-11 ครับ

สุดยอด ทุกครั้งที่เข้า cp7-11 ก็จะมีคนกดรับเงินตลอดเวลา ธุรกิจอะไรจะรับเงินตลอดเวลา

ลูกค้า ทำไมไม่ไปซื้อ lotus bigc

คำตอบ ลูกค้าในย่านนั้นๆ ถ้าซื้อไม่มาก หรือไม่ไม่มีรถ หรือ ต้องการซื้ออย่างรวดเร็ว ก็เลยต้องซื้อจาก ร้านสดวกซื้ออย่าง cp7-11

อย่างไรก็ตาม เรืองราคาต้องดูให้ดูให้ดี ว่าควรซื้อที่ราคาเท่าไรนะครับ และผู้บริหาร เชื่อถือได้ขนาดไหน

[cryptonian_man]

ผมเองก็อ่าน The New Buffettology แต่ไม่ได้มองทะลุเหมือนที่พี่ JENG มองเลยครับ เพิ่งมาเข้าใจ รู้สึกทะลุปรุโปร่งก็ตอนนี้

ว่าแล้วก็ลอกการบ้านดีกว่า อิอิ

ส่วนเรื่องแบรนด์เนี่ย ใน The New Buffettology บอกว่า Coca Cola มีแบรนด์แบ็งแกร่งที่สุด ขนาด Buffett ยังบอกว่าให้ตังเขาเท่ามาร์เก็ตแคปโค้กเพื่อสร้างธุรกิจมาแข่งกับโค้ก เขาทำไม่ได้ แสดงว่าโค้กมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากๆ

บ้านเรามีกิจการไหนบ้างอ่ะครับ ที่พอจะเทียบเคียงได้

PTT ไหวไหมคับ มีคนหนุนหลังดีเหลือเกิน แต่ถ้านอกตลาดเนี่ย สุกี้ MK พอไหวไหมครับ

[กูรูขอบสนาม]

อืม นั่นดิ

แต่ผมก็เห็นด้วยนะว่า ไม่มีแบรนด์ ทุกครั้งที่ผมจะซื้อรถ ผมก็ต้องเลือกทุกครั้ง ไม่ได้เจาะจง ว่าต้องโตโยต้าเท่านั้น

คำว่ามี่แบรนด์คงต้องประมาณ ว่า ต้อง อันนี้เท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่น

อ้อ..เข้าใจล่ะ  คงเป็นประเภท แบรนด์ใต้ถุน ( Basement Brand)
คือเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานขั้นต่ำสุดมาวางเป็นพื้นฐาน ( เกือบจะเป็น Commodity ไปแล้ว) แล้วก็เอาตัวอื่นมาเทียบขึ้น เทียบขึ้น  จนได้ แบรนด์เล่าเต๊ง (Benchmark Brand) แล้วอยู่ที่ผู้บริโภคจะเลือกว่าจะเอาแบรนด์ไหนที่ตัวเองคิดว่าเหมาะด้วย

ขอบคุณครับ

[cryptonian_man]

monopoly ตัวจริงในเมืองไทย คือ cp7-11 ครับ

สุดยอด ทุกครั้งที่เข้า cp7-11 ก็จะมีคนกดรับเงินตลอดเวลา ธุรกิจอะไรจะรับเงินตลอดเวลา

ลูกค้า ทำไมไม่ไปซื้อ lotus bigc

คำตอบ ลูกค้าในย่านนั้นๆ ถ้าซื้อไม่มาก หรือไม่ไม่มีรถ หรือ ต้องการซื้ออย่างรวดเร็ว ก็เลยต้องซื้อจาก ร้านสดวกซื้ออย่าง cp7-11

อย่างไรก็ตาม เรืองราคาต้องดูให้ดูให้ดี ว่าควรซื้อที่ราคาเท่าไรนะครับ และผู้บริหาร เชื่อถือได้ขนาดไหน

ผมเห็นแล้วก็นึกได้ ธุรกิจที่ผูกขาดในเขตย่อยๆ แถมยังเป็นธุรกิจที่รับเงินสดอย่าง 7 เนี่ยน่าจะสุดยอดดีเหมือนกัน ยิ่งขยายสาขายิ่งครอบคลุมแล้วผูกขาดแถมยังสร้างอำนาจต่อรองต่อซัพพลายเออร์อีก

แต่ราคาตอนนี้มันพุ่งยังกะจรวด

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

PTT ไหวไหมคับ มีคนหนุนหลังดีเหลือเกิน แต่ถ้านอกตลาดเนี่ย สุกี้ MK พอไหวไหมครับ

PTT นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในเมืองไทย นี่ก็ต้องเรียกว่า โคตรแบรนด์เลยนะ

และพวกเรามีโอกาสโชคดีมากๆ จากปัจจัยการเมืองไทย ทำให้ PTT ราคาลดลง

อย่างไรก็ตาม PTT ใหญ่เกินไปที่การเมืองจะเข้ามายุ่งมากเกินไป

นอกตลาด MK ถ้าเป็นเรื่องสุกี้นะ ชัวร์เลย ว่าต้อง MK

[Jeng]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมเองก็อ่าน The New Buffettology แต่ไม่ได้มองทะลุเหมือนที่พี่ JENG มองเลยครับ เพิ่งมาเข้าใจ รู้สึกทะลุปรุโปร่งก็ตอนนี้ 

ว่าแล้วก็ลอกการบ้านดีกว่า อิอิ 

ส่วนเรื่องแบรนด์เนี่ย ใน The New Buffettology บอกว่า Coca Cola มีแบรนด์แบ็งแกร่งที่สุด ขนาด Buffett ยังบอกว่าให้ตังเขาเท่ามาร์เก็ตแคปโค้กเพื่อสร้างธุรกิจมาแข่งกับโค้ก เขาทำไม่ได้ แสดงว่าโค้กมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากๆ 

คุณ crytonian อ่านแล้วคิดว่าดีหรือไม่

แต่เท่าที่เจอส่วนใหญ่ได้แต่อ่าน แต่ไม่ได้ลงมือคำนวณ ทำให้อ่านแล้ว เหมือนมีแต่น้ำ ไม่ได้เรื่อง

......................................................................

pttep สมัยก่อน 138 ผมทำตัวเลขไว้ในเว็บว่าให้รอซื้อที่ 88 แต่จะมาพร้อมข่าวร้าย

ปรากฎว่า อีก 1 ปี มันมา 88 จริงๆ

เหอๆ มีน้องๆในนี้หลายคนซื้อตามด้วย