สะใจดีครับ :lol: :lol:Muffin เขียน:Ben Stein มันดีครับ ชอบ
The subprime and private equity and hedge fund dogs may bark, but the stock market caravan moves on.
Subprime Scenario: What Smart Money Say!! อ่านดูครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Ben Stein
โพสต์ที่ 31
รักในหลวงครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Ben Stein
โพสต์ที่ 32
สะใจดีครับ :lol:Raphin Phraiwal เขียน:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Yoyo ช่วยหน่อยสิ
โพสต์ที่ 34
เดี๋ยวจัดให้ครับ Dr.Muffin เขียน:Yoyo ช่วยแปลของตาลุง Ben หน่อยสิ
ชาวบ้านจะได้อ่าน version ภาษาไทยกัน
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Yoyo ช่วยหน่อยสิ
โพสต์ที่ 35
Ben Stein ถ้าใครเคยดู Comedy Central จะจำแกได้จากพิธีกรรายการ "Win Ben Stein's Money." เป้นรายการตอบคำถามคนชนะจะได้เงินส่วนของแกไป หน้าตาแกจะออกแนวครูเซื่องๆ เฉยๆ เล่นหนังก็จะประมาณว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง หรือคนคิดเงิน เป็นพวกตัวประกอบแบบที่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าทำอาชีพอะไร
นักลงทุนฉลาดน้อยเริงร่า
Ben Stein
นักเศรษฐศาสตร์ นักเขียน ทนาย และนักแสดง
ไม่มีใครที่โง่เกินไปที่จะทำเงินได้จากตลาดหุ้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่ฉลาดเกินไปที่จะได้เงินจากตลาด
ถ้าคุณจะให้ได้เงินจากตลาด อย่างน้อยตั้งแต่หลังสงครามโลกเป็นต้นมา ก็เพียงแค่ซื้อกองทุนดัชนีทีมีขายกันในประเทศนี่แหละ มีทั้งประเทศที่เริ่มโตและประเทศที่กำลังพัฒนา- และเพื่อให้มั่นใจตอนแก่ก็ซื้อประกันชีวิตไปด้วยก็ได้ (some annuities???)
ถ้าจะให้เสียเงิน ก็แค่แกล้งทำเป็นว่าคุณเนี่ยฉลาดมากๆๆๆด้วยการอ่านนิตยสารการเงิน และดูรายการเคเบิ้ลทีวีที่เกี่ยวกับตลาดหุ้นอย่าง CNBC คุณคิดว่าจะสามารถชนะตลาดด้วยการเดาทิศทางตลาด พร้อมๆกับที่ไม่ได้รู้เรื่องสัดส่วนของขนาดเงินหรือ อะไรต่อมิอะไรในโลกเลย
ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้เรากำลังมึนกันกับที่เขาเรียกว่า ปัญหาซับไพร์ม ที่กำลังเป็นบ้ากันไปใหญ่โต -กลุ้มอก กลุ้มใจอย่างกับว่ามันจะทำให้อะไรดีขึ้นมาได้ อย่างที่Evitaพูด ผมเขียนบทความนี้ตอนวันที่ 13 สิงหาคม 2007 ในช่วง4-5 อาทิตย์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐมีมูลค่าลดลง 7% หรือประมาณ 1 ล้านๆดอลล่าร์
อ่านต่อไปอีกหน่อยนะ เงินกู้ซื้อบ้านที่เป็นซับไพร์มมีค่าประมาณ 15% ของเงินกู้อสังหาริมทรัพย์รวมทั้งหมดที่มีค่าประมาณๆ 1.5 ล้านๆดอลล่าร์ ในจำนวนนี้ประมาณ 10%หรือ 150,000 ล้านที่มีปัญหา จากที่มีปัญหานี้ครึ่งหนึ่งงดจ่ายเงินไปแล้วและคงกำลังจะถูกยึดเพื่อขายทอดตลาดก็ประมาณ 75,000 ล้านดอลล่าร์ และคงจะได้มูลค่าคืนมาที่ประมาณสองในสาม หรือมูลค่าที่หายไปไปประมาณ 37,000 ล้าน จำนวนนี้ไม่ใช่เศษเงินแน่ๆ ไม่มากไม่น้อย เพียงหนึ่งส่วนสิบสามของมูลค่าที่ลดหายจากตลาดหุ้นเพราะเรื่องนี้
นักลงทุนผู้ฉลาดเกินก็ได้อ่านหนังสือพิมพ์ก็รีบหนีกระโดดออกจากตลาดตุนของกินหนีขึ้นเนินไปเลย เขารู้ข่าวมาว่าจะมีปัญหาว่าการควบรวมกิจการในตลาดจะไม่เป็นไปตามคาด เพราะมีปัญหาในการระดมทุนจากตราสารพวกหุ้นกู้ เขาไม่ได้รู้ว่ามูลค่าทั้งหมดของตลาดหุ้นในสหรัฐ (the Wilshire 5000)มีค่าประมาณ 18 ล้านๆดอลล่าร์ แต่มูลค่าของการออกหุ้นกู้ที่มีปัญหามีค่าประมาณ 10,000ล้านหรือน้อยกว่านั้น การขาดทุนของนักลงทุน-เมื่อเทียบกับราคาถ้าการควบรวมเป้นไปตามคาด กับราคาก่อนการควบรวม- อยู่ที่ประมาณพันล้าน เอาละมันเป็นมูลค่าเงินจริงๆที่ผมสามารถเอาไปซื้อจิวเวลลี่สวยๆให้ภรรยาผมได้ แต่มันเป็นแค่เศษสตางค์ถ้าเทียบกันกับเงินใรระบบของประเทศหรือของโลก
นักลงทุนผู้ฉลาดเกินก็อ่านเจออีกว่า ธนาคารกลางสหรัฐได้เพิ่มเงินอีกประมาณ 100,000 ล้านเข้าสู่ระบบประมาณ7-10 วันที่แล้ว เลยคิดได้ว่า เฮ้ย ประเทศนี้กำลังจะล่มแล้ว ดูสิระบบมันต้องอัดเงินไปอีกตั้งเท่าไหร่ แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือธนาคารกลางอัดฉีดหรือดูดซับสภาพคล่องจากระบบตลอดเวลา และที่พึ่งจะทำไปนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเงินในระบบโดยประมาณของประเทศที่ราวๆ 12 ล้านๆดอลล่าร์ ไม่เลยนักลงทุนผู้ฉลาดเกิน มัวแต่ยุ่งอยู่กับการหาเหตุผลเพื่อเอาตัวรอด และหาทางเอาชนะแนวโน้มระยะยาวให้ได้
นักลงทุนผู้ฉลาดน้อย รู้ความจริงพื้นฐานสองสามข้อ: เศรษฐกิจสหรัฐไม่เคยเจอกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างแท้จริงมาตั้งแต่ปี 1941 ยาวนานมากๆ ถึง 66 ปี โดยประมาณต่อเนื่องมาถึง 60 กว่าปีนี้ S&P 500 ให้ผลตอบแทนโดยรวมมากกว่าผลตอบแทน ปลอดความเสี่ยง ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10ปี ยกเว้นในปี 1974, 1977, 1978,และ 2002 สามปีแรก เป็นเพราะระเบียบการควาบคุมดูแลที่ผิดพลาด ปีสุดท้ายเป็นเพราะการล่มของหุ้นไฮเทคและการโจมตีของการก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตก
นักลงทุนเฉื่อย ขี้เกียจ นั่งดูแต่ทีวี (to use a phrase from my guru, Phil DeMuth, investment manager and friend par excellence) รู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นสงคราม เงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย น้ำมันขาดตลาด บ้านราคาตกในภาคต่างๆ ของประเทศ จราจล ควบคุมค่าจ้าง S&P 500 และเงินปันผลไปลงทุนต่อ หุ้นได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสิบปีที่ 243% เที่ยบกับ 86% จากตราสารหนี้ชั้นดี นั่นฟังดูดีมากๆ
นักลงทุนผู้ฉลาดเกิน ที่ซ่อนตัวอยู่ในชายป่าแถวมอนตาน่า เลือกที่จะเก็บทองคำแท่ง เพราะว่าเขาได้ยินว่าราคาอสังหากำลังตกลงนิดหน่อยทั่วประเทศ บางที่ราคาก็ตกมากหน่อย (เขาไม่ได้สนใจบางที่อย่างซานฟรานซิสโก หรือนิวยอร์กที่ราคามีแต่สูงขึ้น) เขาบอกว่านั่นไงผู้บริโภคไม่มั่นใจ กลัวไม่กล้าใช้เงิน แล้วสภาวะเศรษฐกิจถดถอยตกต่ำสุดๆ ก็จะมา เขายังได้ยินคนหัวล้านในทีวีบอกว่าเขาคิดถูกแล้วที่ต้องกังวล
นักลงทุนฉลาดน้อย คนที่เอาแต่นอนนั่นอีกแหละ รู้ว่าผู้บริโภคนะ ได้แต่คิดที่จะหยุดใช้เงิน แต่ก็ไม่เคยหยุดสำเร็จซักที บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเพื่อนในชมรมโบว์ลิ่งบอกเขาว่า มีเพียงปีเดียวเท่านั้นตั้งแต่ 1959 เป็นต้นมาที่ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลงเพียงนิดเดียวตอนปี 1980 ยังไงก็ไม่รู้นะแต่ผู้บริโภคยังคงใช้เงิน หลังจากที่หุ้นบริษัทไฮเทคเจ๊งไป 7 ล้านๆดอลล่าร์ คราวที่แล้ว คราวนี้ผู้บริโภคคงยังใช้จ่ายต่อถึงแม้ว่า ซับไพร์มทำให้มูลค่าในตลาดหุ้นหายไปเพียง 1% ของมูลค่าที่หุ้นไฮเทคเจ๊งไป แล้วก็บางทีเขายังรู้อีกว่าถ้ามีสภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสองไตรมาสติดต่อกัน เศรษฐกิจและตลาดหุ้นก็จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมและการซื้อหุ้นในช่วงราคาตกต่ำเป็นความคิดที่เข้าท่ามากกว่า
มาถึงตอนนี้ผู้อ่านที่ติดตามสนใจมาตลอดคงคิดได้ว่า เฮ้ย ไอ้เจ้านักลงทุนฉลาดน้อย ที่จริงๆแล้วฉลาดกว่าเยอะเนี่ยเป็นพวกนักลงทุนระยะยาวนี่น่า ถึงว่าทำไมถึงทำได้ดีอย่างนี้ ถูกกก..ต้องนะครับ ผู้อ่าน เคยมีคำพูดว่า กระทิงก็ได้เงิน หมีก็ได้เงิน มีแต่หมูเท่านั้นที่ถูกเชือด ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ เรื่องจริงก็คือว่านักลงทุนระยะยาวที่พอจะเข้าใจเรื่องสัดส่วนของเงินถึงจะได้เงิน นักลงทุนระยะสั้นที่เป็นหรือตายภายในช่วงเวลาของเข็มวินาทีจากนาฬิกาข้อมือเรือนละสามแสนดอลล่าร์ รวยเร็ว จนเร็วและถูกเชือดเร็วกว่า ผมไม่มีคำแนะนำให้เขาครับ แต่จะบอกว่ารถไฟขบวนถัดไปจะมีคนที่หนุ่มกว่า รวดเร็วกว่า กรหายมากกว่า เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ขอให้สนุกกับเครื่องบินส่วนตัว ตอนที่ยังมีอยู่ก็แล้วกัน
ส่วนพวกเราที่เหลือ ตลาดหุ้นตอนนี้ราคาถูกเมื่อเทียบกับ ราคาต่อกำไรสุทธิผลตอบแทนก็ยอดเยี่ยม คุณนายคลินตันและนายจูลิอานี่ห่างไกลกว่าที่จะเป็นพวกสังคมนิยม และในระยะยาวทั้งในและนอกประเทศ หุ้นยังน่าพิศมัยอยู่ ผมไม่รู้ว่า S&P จะเป็นอย่างไรในอีกสิบวันข้างหน้า แต่ผมมั่นใจว่าราคามั่นจะต้องสู.ขึ้นแน่ๆอีกสิบปีข้างหน้า และนั่นคือสิ่งที่คนอเมริกันควรจะคิดถึง ซับไพร์ม หุ้นกู้ พวกหมาน้อยเฮ็ดฟันด์คงจะเห่าต่อ แต่กองเกวียนหุ้นก็ยังคงเดินหน้าต่อไป
นักลงทุนฉลาดน้อยเริงร่า
Ben Stein
นักเศรษฐศาสตร์ นักเขียน ทนาย และนักแสดง
ไม่มีใครที่โง่เกินไปที่จะทำเงินได้จากตลาดหุ้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่ฉลาดเกินไปที่จะได้เงินจากตลาด
ถ้าคุณจะให้ได้เงินจากตลาด อย่างน้อยตั้งแต่หลังสงครามโลกเป็นต้นมา ก็เพียงแค่ซื้อกองทุนดัชนีทีมีขายกันในประเทศนี่แหละ มีทั้งประเทศที่เริ่มโตและประเทศที่กำลังพัฒนา- และเพื่อให้มั่นใจตอนแก่ก็ซื้อประกันชีวิตไปด้วยก็ได้ (some annuities???)
ถ้าจะให้เสียเงิน ก็แค่แกล้งทำเป็นว่าคุณเนี่ยฉลาดมากๆๆๆด้วยการอ่านนิตยสารการเงิน และดูรายการเคเบิ้ลทีวีที่เกี่ยวกับตลาดหุ้นอย่าง CNBC คุณคิดว่าจะสามารถชนะตลาดด้วยการเดาทิศทางตลาด พร้อมๆกับที่ไม่ได้รู้เรื่องสัดส่วนของขนาดเงินหรือ อะไรต่อมิอะไรในโลกเลย
ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้เรากำลังมึนกันกับที่เขาเรียกว่า ปัญหาซับไพร์ม ที่กำลังเป็นบ้ากันไปใหญ่โต -กลุ้มอก กลุ้มใจอย่างกับว่ามันจะทำให้อะไรดีขึ้นมาได้ อย่างที่Evitaพูด ผมเขียนบทความนี้ตอนวันที่ 13 สิงหาคม 2007 ในช่วง4-5 อาทิตย์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐมีมูลค่าลดลง 7% หรือประมาณ 1 ล้านๆดอลล่าร์
อ่านต่อไปอีกหน่อยนะ เงินกู้ซื้อบ้านที่เป็นซับไพร์มมีค่าประมาณ 15% ของเงินกู้อสังหาริมทรัพย์รวมทั้งหมดที่มีค่าประมาณๆ 1.5 ล้านๆดอลล่าร์ ในจำนวนนี้ประมาณ 10%หรือ 150,000 ล้านที่มีปัญหา จากที่มีปัญหานี้ครึ่งหนึ่งงดจ่ายเงินไปแล้วและคงกำลังจะถูกยึดเพื่อขายทอดตลาดก็ประมาณ 75,000 ล้านดอลล่าร์ และคงจะได้มูลค่าคืนมาที่ประมาณสองในสาม หรือมูลค่าที่หายไปไปประมาณ 37,000 ล้าน จำนวนนี้ไม่ใช่เศษเงินแน่ๆ ไม่มากไม่น้อย เพียงหนึ่งส่วนสิบสามของมูลค่าที่ลดหายจากตลาดหุ้นเพราะเรื่องนี้
นักลงทุนผู้ฉลาดเกินก็ได้อ่านหนังสือพิมพ์ก็รีบหนีกระโดดออกจากตลาดตุนของกินหนีขึ้นเนินไปเลย เขารู้ข่าวมาว่าจะมีปัญหาว่าการควบรวมกิจการในตลาดจะไม่เป็นไปตามคาด เพราะมีปัญหาในการระดมทุนจากตราสารพวกหุ้นกู้ เขาไม่ได้รู้ว่ามูลค่าทั้งหมดของตลาดหุ้นในสหรัฐ (the Wilshire 5000)มีค่าประมาณ 18 ล้านๆดอลล่าร์ แต่มูลค่าของการออกหุ้นกู้ที่มีปัญหามีค่าประมาณ 10,000ล้านหรือน้อยกว่านั้น การขาดทุนของนักลงทุน-เมื่อเทียบกับราคาถ้าการควบรวมเป้นไปตามคาด กับราคาก่อนการควบรวม- อยู่ที่ประมาณพันล้าน เอาละมันเป็นมูลค่าเงินจริงๆที่ผมสามารถเอาไปซื้อจิวเวลลี่สวยๆให้ภรรยาผมได้ แต่มันเป็นแค่เศษสตางค์ถ้าเทียบกันกับเงินใรระบบของประเทศหรือของโลก
นักลงทุนผู้ฉลาดเกินก็อ่านเจออีกว่า ธนาคารกลางสหรัฐได้เพิ่มเงินอีกประมาณ 100,000 ล้านเข้าสู่ระบบประมาณ7-10 วันที่แล้ว เลยคิดได้ว่า เฮ้ย ประเทศนี้กำลังจะล่มแล้ว ดูสิระบบมันต้องอัดเงินไปอีกตั้งเท่าไหร่ แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือธนาคารกลางอัดฉีดหรือดูดซับสภาพคล่องจากระบบตลอดเวลา และที่พึ่งจะทำไปนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของเงินในระบบโดยประมาณของประเทศที่ราวๆ 12 ล้านๆดอลล่าร์ ไม่เลยนักลงทุนผู้ฉลาดเกิน มัวแต่ยุ่งอยู่กับการหาเหตุผลเพื่อเอาตัวรอด และหาทางเอาชนะแนวโน้มระยะยาวให้ได้
นักลงทุนผู้ฉลาดน้อย รู้ความจริงพื้นฐานสองสามข้อ: เศรษฐกิจสหรัฐไม่เคยเจอกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างแท้จริงมาตั้งแต่ปี 1941 ยาวนานมากๆ ถึง 66 ปี โดยประมาณต่อเนื่องมาถึง 60 กว่าปีนี้ S&P 500 ให้ผลตอบแทนโดยรวมมากกว่าผลตอบแทน ปลอดความเสี่ยง ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10ปี ยกเว้นในปี 1974, 1977, 1978,และ 2002 สามปีแรก เป็นเพราะระเบียบการควาบคุมดูแลที่ผิดพลาด ปีสุดท้ายเป็นเพราะการล่มของหุ้นไฮเทคและการโจมตีของการก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตก
นักลงทุนเฉื่อย ขี้เกียจ นั่งดูแต่ทีวี (to use a phrase from my guru, Phil DeMuth, investment manager and friend par excellence) รู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นสงคราม เงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย น้ำมันขาดตลาด บ้านราคาตกในภาคต่างๆ ของประเทศ จราจล ควบคุมค่าจ้าง S&P 500 และเงินปันผลไปลงทุนต่อ หุ้นได้ผลตอบแทนเฉลี่ยสิบปีที่ 243% เที่ยบกับ 86% จากตราสารหนี้ชั้นดี นั่นฟังดูดีมากๆ
นักลงทุนผู้ฉลาดเกิน ที่ซ่อนตัวอยู่ในชายป่าแถวมอนตาน่า เลือกที่จะเก็บทองคำแท่ง เพราะว่าเขาได้ยินว่าราคาอสังหากำลังตกลงนิดหน่อยทั่วประเทศ บางที่ราคาก็ตกมากหน่อย (เขาไม่ได้สนใจบางที่อย่างซานฟรานซิสโก หรือนิวยอร์กที่ราคามีแต่สูงขึ้น) เขาบอกว่านั่นไงผู้บริโภคไม่มั่นใจ กลัวไม่กล้าใช้เงิน แล้วสภาวะเศรษฐกิจถดถอยตกต่ำสุดๆ ก็จะมา เขายังได้ยินคนหัวล้านในทีวีบอกว่าเขาคิดถูกแล้วที่ต้องกังวล
นักลงทุนฉลาดน้อย คนที่เอาแต่นอนนั่นอีกแหละ รู้ว่าผู้บริโภคนะ ได้แต่คิดที่จะหยุดใช้เงิน แต่ก็ไม่เคยหยุดสำเร็จซักที บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเพื่อนในชมรมโบว์ลิ่งบอกเขาว่า มีเพียงปีเดียวเท่านั้นตั้งแต่ 1959 เป็นต้นมาที่ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลงเพียงนิดเดียวตอนปี 1980 ยังไงก็ไม่รู้นะแต่ผู้บริโภคยังคงใช้เงิน หลังจากที่หุ้นบริษัทไฮเทคเจ๊งไป 7 ล้านๆดอลล่าร์ คราวที่แล้ว คราวนี้ผู้บริโภคคงยังใช้จ่ายต่อถึงแม้ว่า ซับไพร์มทำให้มูลค่าในตลาดหุ้นหายไปเพียง 1% ของมูลค่าที่หุ้นไฮเทคเจ๊งไป แล้วก็บางทีเขายังรู้อีกว่าถ้ามีสภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างมากก็ไม่น่าจะเกินสองไตรมาสติดต่อกัน เศรษฐกิจและตลาดหุ้นก็จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมและการซื้อหุ้นในช่วงราคาตกต่ำเป็นความคิดที่เข้าท่ามากกว่า
มาถึงตอนนี้ผู้อ่านที่ติดตามสนใจมาตลอดคงคิดได้ว่า เฮ้ย ไอ้เจ้านักลงทุนฉลาดน้อย ที่จริงๆแล้วฉลาดกว่าเยอะเนี่ยเป็นพวกนักลงทุนระยะยาวนี่น่า ถึงว่าทำไมถึงทำได้ดีอย่างนี้ ถูกกก..ต้องนะครับ ผู้อ่าน เคยมีคำพูดว่า กระทิงก็ได้เงิน หมีก็ได้เงิน มีแต่หมูเท่านั้นที่ถูกเชือด ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ เรื่องจริงก็คือว่านักลงทุนระยะยาวที่พอจะเข้าใจเรื่องสัดส่วนของเงินถึงจะได้เงิน นักลงทุนระยะสั้นที่เป็นหรือตายภายในช่วงเวลาของเข็มวินาทีจากนาฬิกาข้อมือเรือนละสามแสนดอลล่าร์ รวยเร็ว จนเร็วและถูกเชือดเร็วกว่า ผมไม่มีคำแนะนำให้เขาครับ แต่จะบอกว่ารถไฟขบวนถัดไปจะมีคนที่หนุ่มกว่า รวดเร็วกว่า กรหายมากกว่า เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ขอให้สนุกกับเครื่องบินส่วนตัว ตอนที่ยังมีอยู่ก็แล้วกัน
ส่วนพวกเราที่เหลือ ตลาดหุ้นตอนนี้ราคาถูกเมื่อเทียบกับ ราคาต่อกำไรสุทธิผลตอบแทนก็ยอดเยี่ยม คุณนายคลินตันและนายจูลิอานี่ห่างไกลกว่าที่จะเป็นพวกสังคมนิยม และในระยะยาวทั้งในและนอกประเทศ หุ้นยังน่าพิศมัยอยู่ ผมไม่รู้ว่า S&P จะเป็นอย่างไรในอีกสิบวันข้างหน้า แต่ผมมั่นใจว่าราคามั่นจะต้องสู.ขึ้นแน่ๆอีกสิบปีข้างหน้า และนั่นคือสิ่งที่คนอเมริกันควรจะคิดถึง ซับไพร์ม หุ้นกู้ พวกหมาน้อยเฮ็ดฟันด์คงจะเห่าต่อ แต่กองเกวียนหุ้นก็ยังคงเดินหน้าต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
Subprime Scenario: What Smart Money Say!! อ่านดูครับ
โพสต์ที่ 41
ไม่มีใครที่โง่เกินไปที่จะทำเงินได้จากตลาดหุ้น แต่ก็มีอีกหลายคนที่ฉลาดเกินไปที่จะได้เงินจากตลาด
ชอบประโยคนี้อันเดียว... :lol:
เอาล่ะ ฉันมีแววรวยแล้ว เพราะจัดเป็นจำพวกโง่มาโดยตลอด :ep:
...................................
ขอบคุณทั้งต้นฉบับ และฉบับแปลค่ะ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
Re: Yoyo ช่วยหน่อยสิ
โพสต์ที่ 42
ท่านพี่นินจามาช่วยชีวิตผมไว้ทัน ... :oops:NinjaTurtle เขียน: เดี๋ยวจัดให้ครับ Dr.
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
Subprime Scenario: What Smart Money Say!! อ่านดูครับ
โพสต์ที่ 44
แฮะๆ บางคนผมเองก็อ่านแล้วงง เหมือนกันนะครับ ไม่ได้รู้เรื่องหมดหรอก แต่คุณมัฟแปลไปให้หลายคนแล้วลองไปอ่านดูก่อน แต่ที่อ่านแล้วชอบมันดีก็ของตาเบนเนี่ยแหละเลยอาสาแปลให้
ถ้าเจออันไหนมันๆก็แนะนำมาดูนะ แต่ไม่สัญญานะเพื่อขี้เกียจ :lol:
ถ้าเจออันไหนมันๆก็แนะนำมาดูนะ แต่ไม่สัญญานะเพื่อขี้เกียจ :lol: