ประสบการณ์เซียน
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์เซียน
โพสต์ที่ 1
ผมเห็นหลายๆท่านเรียกร้องอยากให้พี่ๆผู้ช่ำชองเล่าประสบการณ์การลงทุนในอดีตของผู้อาวุโสเช่น ลุงขวด คุณครรชิต พี่ปรัชญา พี่CK และท่านอื่นๆ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและผมยินดีที่จะโพสลงคอลัมน์ Guru เอ้า..ช่วยเชียร์กันหน่อยครับ
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์เซียน
โพสต์ที่ 2
:lol: ประสพการผมไม่ค่อยจะสู้ดีครับ เล่นหุ้นด้วยเงินอันจำกัด พ่อแม่ผมเป็นเกษตรกรไม่ได้อยู่ในตระกูลที่มีอันจะกิน มาจากบ้านนอกก็ไม่มีทรัพย์สินเงินทองมามากมายอะไร
วันแรกที่มาขอนแก่น เมื่อ19ปีก่อนมีเงินติดกระเป๋ามา180บาทกับเสื้อผ้า2ชุด
มารับจ้างเป็นเถ้าแก่ให้พี่สาวครับ (ปัจจุบันก็ยังรับจ้างเป็นเถ้าแก่ให้ภรรยาครับ)
เป็นคนชอบเล่นการพนันชอบแทงหวย เคยฟลุ๊คได้เงินมาก็เลยเข้าเสี่ยงในตลาดหุ้นเป็นรอบแรกทั้งที่ไม่มีภูมิรู้อะไรเลยสักอย่าง ผลรับหมดเงินไป
รอบที่1.หมดไปกับการเก็งกำไร3แสนบาทแบบที่เคยเล่าในกระทู้นะครับ
รอบที่2.หมดไปกับการเก็งกำไร3แสนบาทเพราะถือหุ้นผิดตัว จนเหลือเพียงเศษเสี้ยวของอดีต
รอบที่3.ผมก็กลับเข้าตลาดด้วยเงิน3แสนบาทเหมือนเดิม แต่รอบหลังนี้ผ่านมา3ปีก่อน โชคดีที่เอาตัวรอดมาครับ ด้วยตั้งใจแบ่งพอท์ตการลงทุน ถือหุ้นVI 70% ถือหุ้นVS 20% สำรอง 10% เลยหลุดรอดปลอดภัยมาครับ
ต้องยกตัวอย่างให้พี่ครรชิตกับลุงขวดละครับเพราะท่านมีเพื่อนเยอะ
ส่วนผมทุกวันนี้ก็เก็บตัวเงียบไม่เคยออกสังคมเลย
ไม่มีเพื่อนเพราะไม่สูบยาไม่กินเหล้า
ไม่เคยไปเที่ยว-ฟังเพลง
ไม่เคยไปอาบน้ำนอกบ้านและไม่เคยนอนกับคนครอบครัวอื่นเลยครับ
วันแรกที่มาขอนแก่น เมื่อ19ปีก่อนมีเงินติดกระเป๋ามา180บาทกับเสื้อผ้า2ชุด
มารับจ้างเป็นเถ้าแก่ให้พี่สาวครับ (ปัจจุบันก็ยังรับจ้างเป็นเถ้าแก่ให้ภรรยาครับ)
เป็นคนชอบเล่นการพนันชอบแทงหวย เคยฟลุ๊คได้เงินมาก็เลยเข้าเสี่ยงในตลาดหุ้นเป็นรอบแรกทั้งที่ไม่มีภูมิรู้อะไรเลยสักอย่าง ผลรับหมดเงินไป
รอบที่1.หมดไปกับการเก็งกำไร3แสนบาทแบบที่เคยเล่าในกระทู้นะครับ
รอบที่2.หมดไปกับการเก็งกำไร3แสนบาทเพราะถือหุ้นผิดตัว จนเหลือเพียงเศษเสี้ยวของอดีต
รอบที่3.ผมก็กลับเข้าตลาดด้วยเงิน3แสนบาทเหมือนเดิม แต่รอบหลังนี้ผ่านมา3ปีก่อน โชคดีที่เอาตัวรอดมาครับ ด้วยตั้งใจแบ่งพอท์ตการลงทุน ถือหุ้นVI 70% ถือหุ้นVS 20% สำรอง 10% เลยหลุดรอดปลอดภัยมาครับ
ต้องยกตัวอย่างให้พี่ครรชิตกับลุงขวดละครับเพราะท่านมีเพื่อนเยอะ
ส่วนผมทุกวันนี้ก็เก็บตัวเงียบไม่เคยออกสังคมเลย
ไม่มีเพื่อนเพราะไม่สูบยาไม่กินเหล้า
ไม่เคยไปเที่ยว-ฟังเพลง
ไม่เคยไปอาบน้ำนอกบ้านและไม่เคยนอนกับคนครอบครัวอื่นเลยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์เซียน
โพสต์ที่ 4
ตอนแรกกะจะขอบาย เพราะหนึ่งยังไม่อาวุโส และสอง ประสพการณ์น่าเบื่อ
แต่เดี๋ยวจะหาว่า play body ก็ขอเล่าสักหน่อยก็แล้วกันครับ
ผมก็เป็นพนักงานบริษัทธรรมดา กินเงินเดือน ไม่มีมรดก ไม่มีเงินก้อน
นโยบายการลงทุนก็แสนจะธรรมดา คือเงินเก็บ 50% ของเงินเดือนทั้งหมด
จากเงินเก็บทั้งหมด มีเป็น cash ประมาณ 10%
ซื้อประกัน 10%
ซื้อพวกอสังหา 40%
ซื้อหุ้น 20%
ฝากแบงก์ (fixed หรือ p/n) อีก 20%
หุ้นก็มีได้มีเสียครับ ไม่ตื่นเต้นนัก
หลังๆเพิ่มการลงทุนในหุ้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีเงินฝากประจำอีก กลายเป็นหุ้น 40% ของเงินออมทั้งหมด
หลักการของผมคือกระจายความเสี่ยงครับ แม้กระทั่งซื้อหุ้นเองก็ไม่เน้น turnaround หรือตีแตก เอาแบบได้ชัวร์ๆ ไม่ต้องมากครับ ขอแค่ดีกว่าฝากแบงก์ก็พอใจแล้ว
ก็เลยซื้อหุ้นหลายตัวหลายอุตสาหกรรมมาก ครบหมดเลยครับ ไม่ว่าบาทอ่อนลงแข็งขึ้น ดอกเบี้ยขึ้นดอกเบี้ยลง ก็จะมีบางตัวได้กำไรเสมอ
ก็มีแบ่งเงินบางส่วนมาเล่นหุ้นแฟชั่นบ้าง เช่น warrant แต่จะจำกัดวงเงินเสมอครับ และจะวงเงินที่ว่าคือสามารถยอมกลายเป็นศูนย์ได้ทั้งก้อน ตอนนี้ตั้งไว้ที่ 3% ครับ
หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ ส่วนผมจะรออ่านของผู้อาวุโสตัวจริง คือลุงขวด พี่ครรชิต เฮีย Mon คุณ THiNK คุณ chatchai คุณ thanwa คุณ Man คุณนักดูดาว และคุณ ayethebing ครับ ถึงจะพึ่งเข้ามา แต่ผมทึ่งในวิธีการอ่านงบคุณ aye มาก
แต่เดี๋ยวจะหาว่า play body ก็ขอเล่าสักหน่อยก็แล้วกันครับ
ผมก็เป็นพนักงานบริษัทธรรมดา กินเงินเดือน ไม่มีมรดก ไม่มีเงินก้อน
นโยบายการลงทุนก็แสนจะธรรมดา คือเงินเก็บ 50% ของเงินเดือนทั้งหมด
จากเงินเก็บทั้งหมด มีเป็น cash ประมาณ 10%
ซื้อประกัน 10%
ซื้อพวกอสังหา 40%
ซื้อหุ้น 20%
ฝากแบงก์ (fixed หรือ p/n) อีก 20%
หุ้นก็มีได้มีเสียครับ ไม่ตื่นเต้นนัก
หลังๆเพิ่มการลงทุนในหุ้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีเงินฝากประจำอีก กลายเป็นหุ้น 40% ของเงินออมทั้งหมด
หลักการของผมคือกระจายความเสี่ยงครับ แม้กระทั่งซื้อหุ้นเองก็ไม่เน้น turnaround หรือตีแตก เอาแบบได้ชัวร์ๆ ไม่ต้องมากครับ ขอแค่ดีกว่าฝากแบงก์ก็พอใจแล้ว
ก็เลยซื้อหุ้นหลายตัวหลายอุตสาหกรรมมาก ครบหมดเลยครับ ไม่ว่าบาทอ่อนลงแข็งขึ้น ดอกเบี้ยขึ้นดอกเบี้ยลง ก็จะมีบางตัวได้กำไรเสมอ
ก็มีแบ่งเงินบางส่วนมาเล่นหุ้นแฟชั่นบ้าง เช่น warrant แต่จะจำกัดวงเงินเสมอครับ และจะวงเงินที่ว่าคือสามารถยอมกลายเป็นศูนย์ได้ทั้งก้อน ตอนนี้ตั้งไว้ที่ 3% ครับ
หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ ส่วนผมจะรออ่านของผู้อาวุโสตัวจริง คือลุงขวด พี่ครรชิต เฮีย Mon คุณ THiNK คุณ chatchai คุณ thanwa คุณ Man คุณนักดูดาว และคุณ ayethebing ครับ ถึงจะพึ่งเข้ามา แต่ผมทึ่งในวิธีการอ่านงบคุณ aye มาก
-
- Verified User
- โพสต์: 777
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์เซียน
โพสต์ที่ 6
ผมคงเป็นนักลงทุนเด็กๆ...คนหนึ่ง แต่ก็มีประสบการณ์ประทับใจ ครั้งหนึ่งในชีวิต ช่วงเรียนจบตรีใหม่ๆ
ตอนเริ่มเล่นหุ้นใหม่ๆ ...ก็ดูหนังสือพิมพ์เห็นประกาศ ซื้อหุ้น Egcomp ก็อยากได้ไม่มีเงินหรอก ยืมเค้ามาซื้อก่อน
เข้าตลาดโชคดี Random ได้มา 3000 หุ้นที่ 22 บาท เสร็จแล้วพอเข้าตลาดขายไปได้ เฉลี่ย 49 บาท เรียกว่า ได้เงินสำรอง
ฟรีๆมาก้อนหนึ่ง
ก็เอาเงินก้อนเล็กๆนี่ ราว 7-8หมื่นกว่า หาเงินมาเพิ่มอีกหน่อย ก่อนไปเปลี่ยนเป็นที่ดินแปลงเล็กๆ 100 ตารางวา ย่านรังสิต คลอง 3 ไว้ เพราะมีคนเอามาขายให้พอดี ทุกวันนี้ ก็ยังคงเก็บที่แปลงนี้ไว้อยู่ครับ
แต่ก็ขาดทุนหลายหนเหมือนกัน เช่น ตอนซื้อหุ้นจอง TPI สมัยก่อนเข้าตลาด 55 บาท หลายปีต่อมาขายไป ขาดทุนหลายหมื่นทีเดียว!!!!
รักจะลงทุน ก็ต้องทำใจได้เหมือนกันครับ
ตอนเริ่มเล่นหุ้นใหม่ๆ ...ก็ดูหนังสือพิมพ์เห็นประกาศ ซื้อหุ้น Egcomp ก็อยากได้ไม่มีเงินหรอก ยืมเค้ามาซื้อก่อน
เข้าตลาดโชคดี Random ได้มา 3000 หุ้นที่ 22 บาท เสร็จแล้วพอเข้าตลาดขายไปได้ เฉลี่ย 49 บาท เรียกว่า ได้เงินสำรอง
ฟรีๆมาก้อนหนึ่ง
ก็เอาเงินก้อนเล็กๆนี่ ราว 7-8หมื่นกว่า หาเงินมาเพิ่มอีกหน่อย ก่อนไปเปลี่ยนเป็นที่ดินแปลงเล็กๆ 100 ตารางวา ย่านรังสิต คลอง 3 ไว้ เพราะมีคนเอามาขายให้พอดี ทุกวันนี้ ก็ยังคงเก็บที่แปลงนี้ไว้อยู่ครับ
แต่ก็ขาดทุนหลายหนเหมือนกัน เช่น ตอนซื้อหุ้นจอง TPI สมัยก่อนเข้าตลาด 55 บาท หลายปีต่อมาขายไป ขาดทุนหลายหมื่นทีเดียว!!!!
รักจะลงทุน ก็ต้องทำใจได้เหมือนกันครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์เซียน
โพสต์ที่ 8
เล่นอสังหากันด้วยเหรอเนี่ย ผมเองก้ออยากจะซื้อเหมือนกัน แต่อ่าน rich dad แล้วก้อเลยกล้าๆ กลัวๆ เพราะกลัวว่ามันจะเป็นหนี้สินที่ก่อให้เกิดค่าใช้จ่าย แต่ไม่ทำให้เกิดรายได้
กำลังเล็งๆ ตึกแถวบ้านอยู่เหมือนกัน น่าจะหาคนเช่าได้พอค่าดอกเบี้ยและรายได้อื่นๆ
ผมก้อกินเงินเดือนเหมือนกัน แต่ก่อนมีสองแรงทั้งแฟนทั้งผม ตอนนี้เหลือผมคนเดียวแล้วที่มีรายได้ประจำ แฟนทำธุรกิจส่วนตัวซึ่งรายได้ยังไม่แน่นอน
ผมชอบอ่านงบการเงินครับ มันมีอะไรฝังอยู่ที่ทำให้เราต้องค้นหา การเลือกหุ้นของผมอาจจะไม่เก่งเท่าพี่ท่านอื่นๆ แต่ก้อพอไปได้นะครับ เชื่อว่าจะทำให้ผมพบหุ้นที่จะอยู่กับมันได้นานๆ ที่ผมดูโดยหลักๆ ก้อคือ
- ROA มากกว่าต้นทุนเฉลี่ยทางการเงิน อันนี้แสดงว่าบริษัทสร้างคุณค่าให้กิจการครับ อันนี้เป็นตัวที่ผมวัดมูลค่าของกิจการเลย
- มูลค่าของเงินสดลบด้วยหนี้ระยะสั้นจะต้องมีเยอะพอสมควร อันนี้จะทำให้เรามั่นใจว่าจะได้ปันผลตอบแทนแน่ๆ หรือซื้อหุ้นคืนซะเลย และมั่นใจได้ว่าเค้่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในการทำกิจการ หุ้นที่ผมชื่นชอบมากคือ ICC เค้ามีเงินสดมาก ในปีที่แล้วและทำการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว
- หนี้ระยะยาวมีบ้างไม่เป็นไร แต่ต้องมีปัญญาจ่ายหนี้เหล่านั้น ดูง่ายๆ ว่า ดอกเบี้ยจ่ายเป็นสัดส่วนยังไงกับกำำไรต่้อปี
- สินค้าคงคลังจะต้องไม่สูง สินค้าคงคลังสูงแสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพของการดำเนินงานครับ ลูกหนี้มีสูงก้อไม่ค่อยดีแต่ไม่ร้ายเท่าสินค้าคงคลัง อย่าง Q1 ของ CFRESH นี่สินค้าคงคลังสูงเหลือเกินครับ ผมขายโลด
- สุดท้ายก้ออื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากงบการเงินครับ เช่น form 56-1, annual report, web site ของบริษัท, etc.
ผมไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ เผอิญชอบทางนี้ ทั้งที่ไม่ได้จบบัญชี จริงๆ ผมว่าคนจบบัญชีทำให้การมองงบเพี้ยนไปด้วย (ขอโทษนักบัญชีนะครับ) เพราะการมองอย่างนักบัญชีเป็นการมองเพื่อเจ้าหนี้ครับ ไม่ใช่เพื่อผู้ถือหุ้น อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับไม่ได้ว่านักบัญชีคนไหน
กำลังเล็งๆ ตึกแถวบ้านอยู่เหมือนกัน น่าจะหาคนเช่าได้พอค่าดอกเบี้ยและรายได้อื่นๆ
ผมก้อกินเงินเดือนเหมือนกัน แต่ก่อนมีสองแรงทั้งแฟนทั้งผม ตอนนี้เหลือผมคนเดียวแล้วที่มีรายได้ประจำ แฟนทำธุรกิจส่วนตัวซึ่งรายได้ยังไม่แน่นอน
ผมชอบอ่านงบการเงินครับ มันมีอะไรฝังอยู่ที่ทำให้เราต้องค้นหา การเลือกหุ้นของผมอาจจะไม่เก่งเท่าพี่ท่านอื่นๆ แต่ก้อพอไปได้นะครับ เชื่อว่าจะทำให้ผมพบหุ้นที่จะอยู่กับมันได้นานๆ ที่ผมดูโดยหลักๆ ก้อคือ
- ROA มากกว่าต้นทุนเฉลี่ยทางการเงิน อันนี้แสดงว่าบริษัทสร้างคุณค่าให้กิจการครับ อันนี้เป็นตัวที่ผมวัดมูลค่าของกิจการเลย
- มูลค่าของเงินสดลบด้วยหนี้ระยะสั้นจะต้องมีเยอะพอสมควร อันนี้จะทำให้เรามั่นใจว่าจะได้ปันผลตอบแทนแน่ๆ หรือซื้อหุ้นคืนซะเลย และมั่นใจได้ว่าเค้่าจะไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในการทำกิจการ หุ้นที่ผมชื่นชอบมากคือ ICC เค้ามีเงินสดมาก ในปีที่แล้วและทำการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว
- หนี้ระยะยาวมีบ้างไม่เป็นไร แต่ต้องมีปัญญาจ่ายหนี้เหล่านั้น ดูง่ายๆ ว่า ดอกเบี้ยจ่ายเป็นสัดส่วนยังไงกับกำำไรต่้อปี
- สินค้าคงคลังจะต้องไม่สูง สินค้าคงคลังสูงแสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพของการดำเนินงานครับ ลูกหนี้มีสูงก้อไม่ค่อยดีแต่ไม่ร้ายเท่าสินค้าคงคลัง อย่าง Q1 ของ CFRESH นี่สินค้าคงคลังสูงเหลือเกินครับ ผมขายโลด
- สุดท้ายก้ออื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากงบการเงินครับ เช่น form 56-1, annual report, web site ของบริษัท, etc.
ผมไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ เผอิญชอบทางนี้ ทั้งที่ไม่ได้จบบัญชี จริงๆ ผมว่าคนจบบัญชีทำให้การมองงบเพี้ยนไปด้วย (ขอโทษนักบัญชีนะครับ) เพราะการมองอย่างนักบัญชีเป็นการมองเพื่อเจ้าหนี้ครับ ไม่ใช่เพื่อผู้ถือหุ้น อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับไม่ได้ว่านักบัญชีคนไหน