เคล็ดลับความกล้า
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 1
ผมนั่งคิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีหรือไม่ เพราะอาจจะก่อให้เกิดความรู้สึกน่าหมั่นไส้ได้ง่ายๆ แต่ก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิกอยู่บ้าง จึงลองดู
ความกล้าในการซื้อหุ้นที่ราคากำลังลงมากๆหรือแม้แต่ถือหุ้นต่อไปแบบสวนกระแสทั้งๆที่ใครๆก็มองเห็นแต่ปัจจัยลบนั้นต้องใช้ความกล้าไม่น้อยทีเดียว หรือการถือหุ้นตัวเดียวทั้งพอร์ทก็เช่นกัน
ความกล้านั้นมีลักษณะภายนอกคล้ายๆความบ้าบิ่น แต่ที่มาที่ไปนั้นต่างกันลิบลับ และผลของมันก็แตกต่างกันลิบลับ และก่อให้เกิดคุณและโทษในอนาคตต่างกันอย่างมหาศาลเช่นกัน
ความบ้าบิ่นนั้นใช้อารมณ์เป็นแกนกลาง และความบ้าบิ่นจะเติบโตหรือถดถอยในอนาคตก็โดยอารมณ์อีกเช่นกัน เรียกว่ามีบริบทของอารมณ์เป็นหลักใหญ่
แต่ความกล้านั้นใช้ข้อมูลการวิเคราะห์เป็นองค์ประกอบหรือถ้าจะเรียกให้หรูๆสักหน่อยก็คือใช้ปัญญา
มนุษย์เรานั้นมีพฤติกรรมในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลามากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่บุคคล ประสบการณ์ในอดีตจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเราในปัจจุบันและอนาคตโดยที่เรารู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
ดังนั้นความบ้าบิ่นในตอนต้นอาจจกลายเป็นความขี้ขลาดในตอนหลัง ถ้าประสบการณ์ความบ้าบิ่นนั้นทำให้เราเจ็บตัว และย่อมเป็นที่แน่นอนว่าการตัดสินใจโดยอารมณ์ย่อมจะมีทั้งผิดและถูกและมักจะผิดมากกว่าถูกเสียด้วย ความบ้าบิ่นเมื่อเจอกับปัญหาหนักๆ มนุษย์เราก็จะแก้ไขโดยการสอนตัวเองว่า คราวหลังอย่ากล้ามากนัก เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่ในตัวและมีสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้อยู่เต็มไปหมด ดังนั้นบ่อยครั้งที่เราสามารถพยากรณ์ได้คร่าวๆเลยว่า คนที่บ้าบิ่นในตอนต้นๆมักจะลงเอยด้วยความขี้ขลาดในตอนหลัง เนื่องจากการใช้อารมณ์นั้นมักมีความไม่แน่นอนในตัวเองสูงและมีโอกาสผิดพลาดสูงตามไปด้วย
ในขณะที่ความกล้านั้นจะมีวิธีรับมือกับปัญหาที่แตกต่างออกไป คนกล้าที่เจอปัญหาจะไม่แก้ปัญหาโดยการสอนให้ตัวเองหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผล แต่จะสอนตัวเองให้ทบทวนกระบวนการวิเคราะห์ว่าผิดพลาดตรงไหน ลืมวิเคราะห์เรื่องอะไร และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากๆ และเมื่อแก้ปัญหาได้โดยมีผลงานดีขึ้นเรื่อยๆความกล้าก็จะเพิ่มขึ้นเอง
ดังนั้นถ้าอยากจะมีความกล้าในระยะเวลาที่ยาวนานในอนาคตจึงควรหลีกเลี่ยงความบ้าบิ่นตั้งแต่วันนี้
ความกล้าในการซื้อหุ้นที่ราคากำลังลงมากๆหรือแม้แต่ถือหุ้นต่อไปแบบสวนกระแสทั้งๆที่ใครๆก็มองเห็นแต่ปัจจัยลบนั้นต้องใช้ความกล้าไม่น้อยทีเดียว หรือการถือหุ้นตัวเดียวทั้งพอร์ทก็เช่นกัน
ความกล้านั้นมีลักษณะภายนอกคล้ายๆความบ้าบิ่น แต่ที่มาที่ไปนั้นต่างกันลิบลับ และผลของมันก็แตกต่างกันลิบลับ และก่อให้เกิดคุณและโทษในอนาคตต่างกันอย่างมหาศาลเช่นกัน
ความบ้าบิ่นนั้นใช้อารมณ์เป็นแกนกลาง และความบ้าบิ่นจะเติบโตหรือถดถอยในอนาคตก็โดยอารมณ์อีกเช่นกัน เรียกว่ามีบริบทของอารมณ์เป็นหลักใหญ่
แต่ความกล้านั้นใช้ข้อมูลการวิเคราะห์เป็นองค์ประกอบหรือถ้าจะเรียกให้หรูๆสักหน่อยก็คือใช้ปัญญา
มนุษย์เรานั้นมีพฤติกรรมในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลามากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่บุคคล ประสบการณ์ในอดีตจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของเราในปัจจุบันและอนาคตโดยที่เรารู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
ดังนั้นความบ้าบิ่นในตอนต้นอาจจกลายเป็นความขี้ขลาดในตอนหลัง ถ้าประสบการณ์ความบ้าบิ่นนั้นทำให้เราเจ็บตัว และย่อมเป็นที่แน่นอนว่าการตัดสินใจโดยอารมณ์ย่อมจะมีทั้งผิดและถูกและมักจะผิดมากกว่าถูกเสียด้วย ความบ้าบิ่นเมื่อเจอกับปัญหาหนักๆ มนุษย์เราก็จะแก้ไขโดยการสอนตัวเองว่า คราวหลังอย่ากล้ามากนัก เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่ในตัวและมีสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้อยู่เต็มไปหมด ดังนั้นบ่อยครั้งที่เราสามารถพยากรณ์ได้คร่าวๆเลยว่า คนที่บ้าบิ่นในตอนต้นๆมักจะลงเอยด้วยความขี้ขลาดในตอนหลัง เนื่องจากการใช้อารมณ์นั้นมักมีความไม่แน่นอนในตัวเองสูงและมีโอกาสผิดพลาดสูงตามไปด้วย
ในขณะที่ความกล้านั้นจะมีวิธีรับมือกับปัญหาที่แตกต่างออกไป คนกล้าที่เจอปัญหาจะไม่แก้ปัญหาโดยการสอนให้ตัวเองหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผล แต่จะสอนตัวเองให้ทบทวนกระบวนการวิเคราะห์ว่าผิดพลาดตรงไหน ลืมวิเคราะห์เรื่องอะไร และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่คาดการณ์ได้ยากๆ และเมื่อแก้ปัญหาได้โดยมีผลงานดีขึ้นเรื่อยๆความกล้าก็จะเพิ่มขึ้นเอง
ดังนั้นถ้าอยากจะมีความกล้าในระยะเวลาที่ยาวนานในอนาคตจึงควรหลีกเลี่ยงความบ้าบิ่นตั้งแต่วันนี้
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 1
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 2
ส่วนความกล้านั้น องค์ประกอบที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การมีวิจารณญาณที่ถูกต้อง
หรือเจาะจงในเรื่องการซื้อหุ้นก็คือ ต้องวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและ ตีมูลค่า ออกมาให้ได้ การตีมูลค่านี้เป็นปัจจัยหลักของการลงทุนแนววีไอ
การไม่รู้มูลค่าของหุ้น ก็เหมือนคนตาบอดที่เดินบนถนนที่มีรถวิ่งด้วยความเร็วสูงจึงมีโอกาสเจ็บตัวได้ง่ายๆ ซึ่งน่าแปลกว่าคนที่เล่นหุ้นจำนวนไม่น้อยที่เป็นอย่างนั้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก ขนาดคนตาบอดเองก็ยังมีไม้เท้าอยู่ในมือเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง
เมื่อรู้มูลค่าของหุ้นแล้ว การจะตัดสินใจซื้อหรือขายจึงไม่ใช่เรื่องยาก และไม่กี่ยวข้องกับความกล้าหรือความกลัวเท่าไหร่
ดังนั้นที่จริงแล้วตัวผมเองจึงไม่ได้มีความกล้าอะไรเลย ผมเพียงแต่ทำสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง
หรือเจาะจงในเรื่องการซื้อหุ้นก็คือ ต้องวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและ ตีมูลค่า ออกมาให้ได้ การตีมูลค่านี้เป็นปัจจัยหลักของการลงทุนแนววีไอ
การไม่รู้มูลค่าของหุ้น ก็เหมือนคนตาบอดที่เดินบนถนนที่มีรถวิ่งด้วยความเร็วสูงจึงมีโอกาสเจ็บตัวได้ง่ายๆ ซึ่งน่าแปลกว่าคนที่เล่นหุ้นจำนวนไม่น้อยที่เป็นอย่างนั้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก ขนาดคนตาบอดเองก็ยังมีไม้เท้าอยู่ในมือเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง
เมื่อรู้มูลค่าของหุ้นแล้ว การจะตัดสินใจซื้อหรือขายจึงไม่ใช่เรื่องยาก และไม่กี่ยวข้องกับความกล้าหรือความกลัวเท่าไหร่
ดังนั้นที่จริงแล้วตัวผมเองจึงไม่ได้มีความกล้าอะไรเลย ผมเพียงแต่ทำสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้นเอง
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- atsu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 1
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณท่านประธานที่สรุปความคิดที่ตกผลึกแล้วให้
น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับหลายๆกระทู้ในตอนนี้นะครับ
อีกอย่างที่น่าจะช่วยทำให้กล้าขึ้นคือการทำแล้วประสบความสำเร็จบ่อยๆครับ
ในครั้งแรกๆเมื่อวิเคราะห์แล้ว ซื้อเสร็จแต่ราคาหุ้นยังลงต่ออีก
มือใหม่ก็จะเริ่มใจสั่นแล้วว่าเราวิเคราะห์ถูกหรือผิดหว่า
แต่พอผลสุดท้ายหุ้นทำกำไรได้ตามที่เราคาดแล้วราคาขึ้นไปจนทำกำไรให้อย่างงาม
ความมั่นใจในการวิเคราะห์ของเราก็จะตามมาเอง
ยิ่งทำได้บ่อยๆก็ยิ่งมั่นใจ แล้วก็จะยิ่งกล้าครับ
แต่พอกล้ามากๆแล้วก็อย่าประมาทแล้วกันครับ
ถ้าประมาทไม่คอยทบทวนการวิเคราะห์ในหุ้นตัวนั้น
เพราะคิดว่ายังไงเราก็วิเคราะห์ถูก เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง
ท่านอาจจะพบกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตการลงทุนก็ได้ครับ
น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับหลายๆกระทู้ในตอนนี้นะครับ
อีกอย่างที่น่าจะช่วยทำให้กล้าขึ้นคือการทำแล้วประสบความสำเร็จบ่อยๆครับ
ในครั้งแรกๆเมื่อวิเคราะห์แล้ว ซื้อเสร็จแต่ราคาหุ้นยังลงต่ออีก
มือใหม่ก็จะเริ่มใจสั่นแล้วว่าเราวิเคราะห์ถูกหรือผิดหว่า
แต่พอผลสุดท้ายหุ้นทำกำไรได้ตามที่เราคาดแล้วราคาขึ้นไปจนทำกำไรให้อย่างงาม
ความมั่นใจในการวิเคราะห์ของเราก็จะตามมาเอง
ยิ่งทำได้บ่อยๆก็ยิ่งมั่นใจ แล้วก็จะยิ่งกล้าครับ
แต่พอกล้ามากๆแล้วก็อย่าประมาทแล้วกันครับ
ถ้าประมาทไม่คอยทบทวนการวิเคราะห์ในหุ้นตัวนั้น
เพราะคิดว่ายังไงเราก็วิเคราะห์ถูก เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง
ท่านอาจจะพบกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตการลงทุนก็ได้ครับ
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 12
เห็นด้วยกับคุณหมอครับ
แต่สำหรับน้องๆบางคน ต้องค่อยๆพัฒนาด้วยการสังเกตุตัวเองเปรียบเทียบกับคนที่ประสบความสำเร็จด้วยนะครับ ไม่ควรรีบร้อน
บางครั้งความมั่นใจ กลายเป็นดาบ2คมได้
ความมั่นใจในข้อมูล มีประโยชน์กว่าความมั่นใจในตัวเอง และก็ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับสิ่งที่เราไม่ได้คาดไว้ด้วย ยิ่งข้อมูลเยอะขึ้น พื้นที่สำหรับสิ่งที่ไม่ได้คาดก็จะยิ่งน้อยลง
แต่อย่าลืมว่า มันยังไม่ได้หมดไปนะครับ และเราก็มักจะมองไม่เห็นมันเลยจนกว่ามันจะโผล่มาให้เราเห็นเอง ลองถามคนที่เคยถือILinkดูเป็นตัวอย่างครับ ว่าตอนนั้นความรู้สึกกับสิ่งที่ไม่ได้คาดมันเป็นยังไง... 8)
แต่สำหรับน้องๆบางคน ต้องค่อยๆพัฒนาด้วยการสังเกตุตัวเองเปรียบเทียบกับคนที่ประสบความสำเร็จด้วยนะครับ ไม่ควรรีบร้อน
บางครั้งความมั่นใจ กลายเป็นดาบ2คมได้
ความมั่นใจในข้อมูล มีประโยชน์กว่าความมั่นใจในตัวเอง และก็ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับสิ่งที่เราไม่ได้คาดไว้ด้วย ยิ่งข้อมูลเยอะขึ้น พื้นที่สำหรับสิ่งที่ไม่ได้คาดก็จะยิ่งน้อยลง
แต่อย่าลืมว่า มันยังไม่ได้หมดไปนะครับ และเราก็มักจะมองไม่เห็นมันเลยจนกว่ามันจะโผล่มาให้เราเห็นเอง ลองถามคนที่เคยถือILinkดูเป็นตัวอย่างครับ ว่าตอนนั้นความรู้สึกกับสิ่งที่ไม่ได้คาดมันเป็นยังไง... 8)
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 13
ช่วงนี้ข่าวเยอะนะ
ทั้งเพิ่มทุน ทั้งขยายโรงงาน (สาขา) วิเคราะห์กันดีๆ นะครับ
ทั้งเพิ่มทุน ทั้งขยายโรงงาน (สาขา) วิเคราะห์กันดีๆ นะครับ
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 17
พี่หมอคับ ..
แล้วอย่าง ITV นี่มันถ้าวิเคราะห์ราคาดีแล้ว...
มีความกล้าก้อแล้ว.... แต่ เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้อะคับ
ถือว่า กล้า แต่ วิเคราะห์ผิดหรือป่าวคับ
แล้วอย่าง ITV นี่มันถ้าวิเคราะห์ราคาดีแล้ว...
มีความกล้าก้อแล้ว.... แต่ เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้อะคับ
ถือว่า กล้า แต่ วิเคราะห์ผิดหรือป่าวคับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4562
- ผู้ติดตาม: 0
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 18
ปัจจุบันนี้
ยกตัวอย่าง ความกล้าในการคาดเดา เช่น
สมมติ ผมย้อนเวลาไปซื้อ pttep ที่ราคา 120 บาทนั้น
แล้ว ผมประเมิน ว่า ราคาน้ำมันยังไงต้องขึ้นไปอีกแน่ๆ
อาจจะทะลุ 100 เหรียญ/บาร์เรล
แต่ก้อไม่กล้าจะคิดว่า ราคาน้ำมันจะไปแบบ เรื่อยๆได้หรือป่าว
เพราะว่า เขาบอกกันว่า อีกเดี๋ยวพลังงานทางเลือกก้อเข้ามา
ผมอยากได้ความสามารถ ในการคาดเดาอนาคต จัง
แต่ถ้าจะยากแฮะ
ยกตัวอย่าง ความกล้าในการคาดเดา เช่น
สมมติ ผมย้อนเวลาไปซื้อ pttep ที่ราคา 120 บาทนั้น
แล้ว ผมประเมิน ว่า ราคาน้ำมันยังไงต้องขึ้นไปอีกแน่ๆ
อาจจะทะลุ 100 เหรียญ/บาร์เรล
แต่ก้อไม่กล้าจะคิดว่า ราคาน้ำมันจะไปแบบ เรื่อยๆได้หรือป่าว
เพราะว่า เขาบอกกันว่า อีกเดี๋ยวพลังงานทางเลือกก้อเข้ามา
ผมอยากได้ความสามารถ ในการคาดเดาอนาคต จัง
แต่ถ้าจะยากแฮะ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 19
ผมมันพวกหมูไม่กลัวน้ำร้อนครับพี่ ไม่ได้ก้งกล้าอะไรหรอกครับสามัญชน เขียน:น้อง Blueblood ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่นิยมซื้อหุ้นตัวเดียวแถมยังใช้มาร์จิ้นเข้าไปอีก
อยากฟังไอเดียน้องบลูจังเลยครับ
ปกติไม่เคยมีหลักการแต่พี่ถามมาก็เลยลองนั่งแต่งเรื่องดูว่าทำไมถึงได้กล้าทุ่มขนาดนั้นก็ได้ประมาณนี้ครับ
จริงๆแล้วที่ผ่านมาที่กล้าถือตัวเดียวทั้งพอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ประเมินจากปัจจัยสำคัญต่างๆ เช่น
- downside risk ต่ำ พวกนี้จากประสบการณ์ที่ราคาลงยากๆก็พวก p/e ต่ำและต้องมีการเติบโตของกำไรปกติยิ่งสูงยิ่งดี(20% ขึ้นไปอย่างน้อยสองสามปีข้างหน้า p/e ต่ำอันนี้เป็นศิลปะจริงๆผมก็ไม่รู้ว่าจะวัดยังไงว่าแค่ไหนต่ำ แต่ที่ผ่านมาผมจะดูพวกที่โตมากๆก่อนแล้วเลือกตัวที่ p/e ต่ำๆอีกที ได้ผลมากครับ โอกาสแพ้น้อยมากๆ ข้อนี้ต้องดูดีๆ เพราะบางตัว p/e ต่ำมันก็มีเหตุผลของมันเช่น free float ต่ำหรือกำไรมีความผันผวนไม่แน่นอน
- ความเสี่ยงที่จะทำให้บริษัทมีกำไรลดลงมีอะไรบ้าง ถ้าดูแล้วรับได้หรือคงไม่เกิดขึ้นในสองสามปีนี้ก็ไม่น่ากังวลอะไร
- บริษัทมีความแข็งแกร่งและเหนือกว่าคู่แข่งพอสมควรถึงมาก ไม่ใช่ใครจะเข้ามาแข่งด้วยง่ายๆ
- มูลค่าเหมาะสมในใจ อันนี้ก่อนอื่นต้องคิดกำไรออกมาให้ได้เลยว่าได้เท่าไหร่และต้องมั่นใจด้วยว่ามีโอกาสได้สูงมากและต้องเผื่อ MOS เข้าไปด้วย ปกติผมใช้ 20-30% แล้วแต่ความมั่นใจเพราะปกติในประมาณการผมก็ใช้ตัวเลขที่ conservative อยู่แล้ว ถ้ายังคิดไม่ได้แปลว่าข้อมูลยังไม่พอ หุ้นแบบนี้คงไม่สามารถทุ่มทั้งพอร์ตได้
- ถ้าคิดถูก upside ต้องมากกว่า 50% (แน่นอนครับ ถ้าเราทุ่มทั้งพอร์ตแล้วคงไม่ได้หวังว่าจะมาได้แค่ปีละ 10% เพราะเราจะไม่มีเงินเหลือไปนั่งเล่นตัวอื่นแล้ว ดังนั้นความหวังของพอร์ตคือตัวนี้เท่านั้น )
จุดที่ต้องระวังในการกล้าถือแบบตัวเดียวทั้งพอร์ตคือข้อมูลครับ ทั้งส่วนความถูกต้องของข้อมูลเอง และส่วนการวิเคราะห์ข้อมูล ถ้าสองอย่างนี้มองได้ขาดสัก 6-70%(ไม่ใช่ทำไปทำมาหุ้นตัวนั้นมีผลประกอบการกลับหน้ามือเป็นหลังมือหรือขาดทุนซะงั้น) ก็จะได้ผลที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ
มานั่งนึกดูตั้งแต่เล่นหุ้นมาผมก็ไม่เคยมั่นใจตัวไหนมากๆเหมือน psl เมื่อหลายปีก่อน หรือ ums ตอนก่อนประกาศเพิ่มทุนเลยครับ(เสียดาย ผมยึดติดกับจุดเล็กน้อยมากกว่าภาพใหญ่ เลยอดไป) คงอีกนานกว่าจะมีตัวไหนถูกใจอย่างสองตัวนี้
ป.ล. กรณี snc นี่ผมไม่นับว่าฝีมือนะครับ เพราะผมมาซัดเต็มที่ตอนมีข่าวเรื่องโครงการสามพันล้านและราคาไม่ได้ขึ้นไปมาก ออกจะเก็งๆข่าวด้วยซ้ำ ก็ถือว่าโชคช่วยไป
ไม่รู้ตรงประเด็นพี่หมอป่าว ?
It's earnings that count
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 22
ผมว่าขึ้นกับนิสัยเป็นหลักนะพี่
อย่างผมพวกขี้กลัว คงจะขอยึดหลักคำสอนของคนจีนสมัยก่อน ที่เรียกว่าเก้าอี้สามขา ถ้าหักไปหนึ่งก็ยังเหลือสองให้เราประคองตัวนั่งได้ เพราะผมคิดว่าพื้นฐานของบริษัททุกบริษัทก็มีความเสี่ยงทั้งหมด แม้กระทั่งที่เราบริหารเองกับมือ
สรุปว่าถึงแม้นผมจะมั่นใจขนาดไหน ก็จะพยายามเบรกตัวเองให้ถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไม่เกิน50%ของพอร์ตครับ
แบบว่าปลอดภัยไว้ก่อนครับพี่หมอ :lol:
อย่างผมพวกขี้กลัว คงจะขอยึดหลักคำสอนของคนจีนสมัยก่อน ที่เรียกว่าเก้าอี้สามขา ถ้าหักไปหนึ่งก็ยังเหลือสองให้เราประคองตัวนั่งได้ เพราะผมคิดว่าพื้นฐานของบริษัททุกบริษัทก็มีความเสี่ยงทั้งหมด แม้กระทั่งที่เราบริหารเองกับมือ
สรุปว่าถึงแม้นผมจะมั่นใจขนาดไหน ก็จะพยายามเบรกตัวเองให้ถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไม่เกิน50%ของพอร์ตครับ
แบบว่าปลอดภัยไว้ก่อนครับพี่หมอ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- ก้อนหิน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 23
นี่ขนาด Save แล้วนะเนี่ย return ยังขนาดนี้naris เขียน:ผมว่าขึ้นกับนิสัยเป็นหลักนะพี่
อย่างผมพวกขี้กลัว คงจะขอยึดหลักคำสอนของคนจีนสมัยก่อน ที่เรียกว่าเก้าอี้สามขา ถ้าหักไปหนึ่งก็ยังเหลือสองให้เราประคองตัวนั่งได้ เพราะผมคิดว่าพื้นฐานของบริษัททุกบริษัทก็มีความเสี่ยงทั้งหมด แม้กระทั่งที่เราบริหารเองกับมือ
สรุปว่าถึงแม้นผมจะมั่นใจขนาดไหน ก็จะพยายามเบรกตัวเองให้ถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไม่เกิน50%ของพอร์ตครับ
แบบว่าปลอดภัยไว้ก่อนครับพี่หมอ :lol:
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 24
ที่เรียกว่าเก้าอี้สามขา ถ้าหักไปหนึ่งก็ยังเหลือสองให้เราประคองตัวนั่งได้naris เขียน:ผมว่าขึ้นกับนิสัยเป็นหลักนะพี่
อย่างผมพวกขี้กลัว คงจะขอยึดหลักคำสอนของคนจีนสมัยก่อน ที่เรียกว่าเก้าอี้สามขา ถ้าหักไปหนึ่งก็ยังเหลือสองให้เราประคองตัวนั่งได้ เพราะผมคิดว่าพื้นฐานของบริษัททุกบริษัทก็มีความเสี่ยงทั้งหมด แม้กระทั่งที่เราบริหารเองกับมือ
สรุปว่าถึงแม้นผมจะมั่นใจขนาดไหน ก็จะพยายามเบรกตัวเองให้ถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไม่เกิน50%ของพอร์ตครับ
แบบว่าปลอดภัยไว้ก่อนครับพี่หมอ :lol:
แต่ห้ามหลับนะครับ เดียวตกเก้าอี้ :lol: :lol: :lol:
มาป่วนครับ แซวเล่นกลางวันกันง่วงนอน :lol: :lol:
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- Doramon007
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 27
ขอบคุณพี่หมอมากครับ สำหรับผมเองคงยังไม่กล้าขนาดถือตัวเดียวทั้งพอร์ตครับ อาจเป็นเพราะยังไม่มั่นใจในหุ้นที่ตัวเองค้นพบ หรือเพราะทำการบ้านน้อยไปก็ไม่แน่ใจครับ
เมื่อมีสติ ก็จะเกิดปัญญา
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
เคล็ดลับความกล้า
โพสต์ที่ 28
ผมเองก็เคยลงทุนแบบตัวเดียวทั้ง port อยู่ 2 ครั้ง
ครั้งแรกก็ ticon ...
ครั้งที่ 2 ก็ ilink
ตอนซื้อเพราะเห็นว่ามูลค่ามันต่ำกว่าที่ควรอยู่เยอะ
แต่พอซื้อไปแล้วมานั่งคิดว่าถ้าหุ้นมันไปตามเป้าหมายเราแล้วเราจะกำไรเท่าไหร่ ... พอคิดแบบนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งซื้อเพิ่มๆ โชคดีที่ไอ้ 2 ตัวนั้นมันกำไร ถ้าขาดทุนละเจ็บหนักแน่ๆ ไอ้ความคิดแบบนี้ผมไม่ใช่กล้าครับ เป็นบ้าซะมากกว่า
หลังจากนั้นก็มานั่งคิดใหม่ว่าจะไม่ลงทุนหุ้นอะไรเกิน 50% ของ port (เหมือนลอกพี่นริศมาเลยแฮะ) เพราะรู้สึกว่าโอกาสผิดพลาดมันมีอยู่ ... เราคงไม่ต้องรีบรวยเร็วขนาดนั้น ไปแบบช้าๆชัวร์ๆดีกว่า
ครั้งแรกก็ ticon ...
ครั้งที่ 2 ก็ ilink
ตอนซื้อเพราะเห็นว่ามูลค่ามันต่ำกว่าที่ควรอยู่เยอะ
แต่พอซื้อไปแล้วมานั่งคิดว่าถ้าหุ้นมันไปตามเป้าหมายเราแล้วเราจะกำไรเท่าไหร่ ... พอคิดแบบนี้ยิ่งคิดก็ยิ่งซื้อเพิ่มๆ โชคดีที่ไอ้ 2 ตัวนั้นมันกำไร ถ้าขาดทุนละเจ็บหนักแน่ๆ ไอ้ความคิดแบบนี้ผมไม่ใช่กล้าครับ เป็นบ้าซะมากกว่า
หลังจากนั้นก็มานั่งคิดใหม่ว่าจะไม่ลงทุนหุ้นอะไรเกิน 50% ของ port (เหมือนลอกพี่นริศมาเลยแฮะ) เพราะรู้สึกว่าโอกาสผิดพลาดมันมีอยู่ ... เราคงไม่ต้องรีบรวยเร็วขนาดนั้น ไปแบบช้าๆชัวร์ๆดีกว่า
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com