รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 1
Visit Thai Stanly 5/11/2007
ข้อมูลทั่วไปอยู่ในรายงานประจำปีอยู่แล้ว อ่านใน 100 หุ้นก็ได้ ผมคงไม่กล่าวซ้ำเพื่อเป็นการประหยัดเวลา
product
ทำโคมไฟรถยนตร์ บ. นี่เป็นอันดับ 1 ในเอเซีย(ยกเว้นญี่ปุ่น)
แม่พิมพ์ Mold
ตัวที่ทำรายได้หลักคือ โคมไฟรถยนต์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 60%
รองลงมาคือ โคมไฟรถจักรยานยนต์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 90% น่าจะเพิ่มเป็น 95up ในไม่ช้า
ปัจจุบัน ยอดขายรถยนต์ลดลง10-15% ส่วนจักรยานยนลดลงมากกว่า 22% แต่บ.สามารถทำกำไรได้เท่าเดิม
เนื่องจากของเสียในการผลิตลดลง
(เท่าที่ผมสังเกตุ โคมไฟจักรยานยนตร์ใน model ใหม่ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน)
-- โคมไฟซ้ายขวาใช้ แม่พิมพ์คนละตัว และโคมไฟหน้าใช้แม่พิมพ์ประมาณ 3ตัว
-- ดวงกลมๆ กลางโคมเรียกว่าหลอดไฟ ส่วนแผ่นสีเงินที่สะท้อนแสงเรียกรีเฟลกซ์เตอร์ รวมกัน 2 สิ่งเรียกไฟตาเพชร
คู่แข่งขัน
บ.ลูกของโตโยต้า แข่งกันทางด้านต้นทุนเป็นหลักๆ
รายใหม่ เข้ามาในธุรกิจนี้ยากเพราะใช้เงินลงทุนด้านวิจัยมาก
Supply
พลากสติก หลักๆ คือโพลีคาร์บอนเนต อะคิลิก แล้วก็ ABS
ปัจจุบัน ราคาพลาสติกจาก supplyer ยังไม่ได้ขึ้นราคา
ผู้ซื้อ
บ.ผลิดรถยนตร์
ผมเข้าใจว่า Stanly ไม่สามารถขาย parts ที่ผลิตให้กับ บ.ผลิตรถยนตร์ ให้กับลูกค้าทั่วไปได้
ส่วนสินค้าที่ขายให้ลูกค้าทั่วไปใช้อีกแบรด์ (จำชื่อไม่ได้ขออภัย) โดยมากใช้ในรถแข่ง
สินค้าทดแทน
ตัวหลอดไฟ ใช้ไฟฮาโลเจน ส่วนไฟซีนอน มีความสว่างมากขึ้นเป็นตัวที่ทดแทนกันได้
ในอนาคตอาจจะใช้ไฟ led เนื่องจาก ติดได้เร็วกว่า ประหยัดไฟกว่า แต่มีข้อเสียคือแพง
ปัจจุบัน
Toyota ใช้ led ในไฟท้ายแล้วในบางรุ่น
(สังเกตุที่ altis รุ่นเก่าใช้ไฟธรรมดา รุ่นใหม่ใช้ led)
ไฟหน้าส่วนใหญ่ยังเป็น ฮาโลเจนอยู่ ส่วนไฟหน้าที่เป็น led คือ เล็กซัส LS600
(รถหรู ราคาเท่าไหร่ลองค้นดูเองนะครับ)
ไฟเลี้ยว เริ่มใช้แล้ว
Honda ยังไม่ได้ใช้ led
เปรียบเทียบในปัจจุบัน
Led แพงกว่า(+) :หลอดธรรมดา 10 บาท 1 หลอด ส่วน led 15 บาทใช้ ประมาณ 10 หลอด
Led ทนกว่า(-) :หลอด led ตั้งแต่ตัวหลอดแรกผลิตมา 40 ปียังติดอยู่
stanly ทำได้หมดที่กล่าวมา(+)
หันดูมาจักรยานยนตร์บ้าง
หลอดใช้งานมากขึ้นเสียเร็วขึ้น(+) :เมื่อก่อนมีไฟดวงเดียว ปัจจุบันมีไฟ 2 ดวงและเมื่อ Start แล้วไฟจะติดทันที
มีแน้วโนมว่าจักรยานยนตร์จะมีไฟหน้าดวงที่ 3 เป็น led
-------------------------
คำถามที่หลายๆท่านถาม
FTA กับญี่ปุ่นมีผลไหม?
-- ไม่ได้ไม่เสีย เพราะรถที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นรถขนาด 3000 cc ซึ่งไฟหน้าของรถที่ใช้ในญี่ปุ่นกับไทยต่างกัน
ใช้แทนกันไม่ได้
เงินบาทแข็งค่ามีผลไหม?
-- มีผลดีเนื่องจากนำเข้ามากกว่าส่งออก แต่บ.มีการป้อกันความเสี่ยงไว้แล้ว
โรงงานใหม่ ? Factory5
-- ผลิตโคมไฟรถยตร์ มีกำลังการผลิต 25-30% ของทั้งหมด
มีโอกาสเกิดของเสียในการผลิตสูง เนื่องจากเป็นโรงงานใหม่ คนใหม่ (ผู้ถือหุ้นคนใหม่ด้วยอะป่าวไม่แน่ใจ)
โรงงานใหม่ไม่ได้ไปดูเพราะต้องมีกระบวนการทำให้ปลอดฝุ่นซะก่อนเข้า (ท่าทาง hi-tech น่าดู)
Eco Car?
-- Honda เป็นเจ้าแรก และจะทำให้รับรู้รายได้ประมาณปี 52 (รอไหวไหมนะ)
จีน และ อินเดีย?
-- บ.ไม่ได้มีการลงทุนในประเทศจีน แต่มีการลงทุนในประเทศอินเดีย ถ้าจำไม่ผิดบ.ชื่อลูแมกซ์ ถือหุ้นอยู่ 2%
นอกจาก Honda และ Toyota แล้ว....
-- บ.ผลิตโคมไฟให้กับรถญี่ปุ่นแทบจะทุกยี่ห้อ ส่วนจักรยานยนตร์ ครองส่วนแบ่ง 90%
(ไม่ได้บอกแต่ผมทายว่าไม่ได้ผลิตให้ซู)
รถยุโรปไม่จ้างผลิตเนื่องจาก volume ไม่ถึง 800 อีกเรื่องหนึ่ง
ผู้บริหารไม่ปลี้มรถยนตร์ ...(เดาเองนะ) เนื่องจาก volume ไม่ถึง 800 เช่นกัน
เมื่อไปชมโรงงาน
บรรยากาศในโรงงานดีมากๆ สะอาดและเป็นระเบียบดี มีสวนที่สวยมากๆ มีห้องฟิตเนส มีโรงอาหารราคาถูก
มีร้านค้าแบบ 7-11 เปิด 24 ช.ม. (ย้ำอีกครั้งนะครับว่าไปชมโรงงานไม่ได้ไปดูห้องตัวอย่างคอนโดโครงการไหนๆ)
บางโรงติดแอร์ซะด้วย โดยรวมแล้วประทับใจ ผ่านห้อง R&D มีพนักงานร่วมร้อย ทำอะไรกับจอคอมสักอย่าง
ทางโรงงานให้ข้อมูลว่า model ที่ออกแบบในห้องนี้ จะผลิตจริงในอีก 2 ปีข้างหน้า
(รุ่นและยี่ห้อรถก็ไม่ยอมบอก)
ข้อมูลทั่วไปอยู่ในรายงานประจำปีอยู่แล้ว อ่านใน 100 หุ้นก็ได้ ผมคงไม่กล่าวซ้ำเพื่อเป็นการประหยัดเวลา
product
ทำโคมไฟรถยนตร์ บ. นี่เป็นอันดับ 1 ในเอเซีย(ยกเว้นญี่ปุ่น)
แม่พิมพ์ Mold
ตัวที่ทำรายได้หลักคือ โคมไฟรถยนต์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 60%
รองลงมาคือ โคมไฟรถจักรยานยนต์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 90% น่าจะเพิ่มเป็น 95up ในไม่ช้า
ปัจจุบัน ยอดขายรถยนต์ลดลง10-15% ส่วนจักรยานยนลดลงมากกว่า 22% แต่บ.สามารถทำกำไรได้เท่าเดิม
เนื่องจากของเสียในการผลิตลดลง
(เท่าที่ผมสังเกตุ โคมไฟจักรยานยนตร์ใน model ใหม่ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน)
-- โคมไฟซ้ายขวาใช้ แม่พิมพ์คนละตัว และโคมไฟหน้าใช้แม่พิมพ์ประมาณ 3ตัว
-- ดวงกลมๆ กลางโคมเรียกว่าหลอดไฟ ส่วนแผ่นสีเงินที่สะท้อนแสงเรียกรีเฟลกซ์เตอร์ รวมกัน 2 สิ่งเรียกไฟตาเพชร
คู่แข่งขัน
บ.ลูกของโตโยต้า แข่งกันทางด้านต้นทุนเป็นหลักๆ
รายใหม่ เข้ามาในธุรกิจนี้ยากเพราะใช้เงินลงทุนด้านวิจัยมาก
Supply
พลากสติก หลักๆ คือโพลีคาร์บอนเนต อะคิลิก แล้วก็ ABS
ปัจจุบัน ราคาพลาสติกจาก supplyer ยังไม่ได้ขึ้นราคา
ผู้ซื้อ
บ.ผลิดรถยนตร์
ผมเข้าใจว่า Stanly ไม่สามารถขาย parts ที่ผลิตให้กับ บ.ผลิตรถยนตร์ ให้กับลูกค้าทั่วไปได้
ส่วนสินค้าที่ขายให้ลูกค้าทั่วไปใช้อีกแบรด์ (จำชื่อไม่ได้ขออภัย) โดยมากใช้ในรถแข่ง
สินค้าทดแทน
ตัวหลอดไฟ ใช้ไฟฮาโลเจน ส่วนไฟซีนอน มีความสว่างมากขึ้นเป็นตัวที่ทดแทนกันได้
ในอนาคตอาจจะใช้ไฟ led เนื่องจาก ติดได้เร็วกว่า ประหยัดไฟกว่า แต่มีข้อเสียคือแพง
ปัจจุบัน
Toyota ใช้ led ในไฟท้ายแล้วในบางรุ่น
(สังเกตุที่ altis รุ่นเก่าใช้ไฟธรรมดา รุ่นใหม่ใช้ led)
ไฟหน้าส่วนใหญ่ยังเป็น ฮาโลเจนอยู่ ส่วนไฟหน้าที่เป็น led คือ เล็กซัส LS600
(รถหรู ราคาเท่าไหร่ลองค้นดูเองนะครับ)
ไฟเลี้ยว เริ่มใช้แล้ว
Honda ยังไม่ได้ใช้ led
เปรียบเทียบในปัจจุบัน
Led แพงกว่า(+) :หลอดธรรมดา 10 บาท 1 หลอด ส่วน led 15 บาทใช้ ประมาณ 10 หลอด
Led ทนกว่า(-) :หลอด led ตั้งแต่ตัวหลอดแรกผลิตมา 40 ปียังติดอยู่
stanly ทำได้หมดที่กล่าวมา(+)
หันดูมาจักรยานยนตร์บ้าง
หลอดใช้งานมากขึ้นเสียเร็วขึ้น(+) :เมื่อก่อนมีไฟดวงเดียว ปัจจุบันมีไฟ 2 ดวงและเมื่อ Start แล้วไฟจะติดทันที
มีแน้วโนมว่าจักรยานยนตร์จะมีไฟหน้าดวงที่ 3 เป็น led
-------------------------
คำถามที่หลายๆท่านถาม
FTA กับญี่ปุ่นมีผลไหม?
-- ไม่ได้ไม่เสีย เพราะรถที่ได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นรถขนาด 3000 cc ซึ่งไฟหน้าของรถที่ใช้ในญี่ปุ่นกับไทยต่างกัน
ใช้แทนกันไม่ได้
เงินบาทแข็งค่ามีผลไหม?
-- มีผลดีเนื่องจากนำเข้ามากกว่าส่งออก แต่บ.มีการป้อกันความเสี่ยงไว้แล้ว
โรงงานใหม่ ? Factory5
-- ผลิตโคมไฟรถยตร์ มีกำลังการผลิต 25-30% ของทั้งหมด
มีโอกาสเกิดของเสียในการผลิตสูง เนื่องจากเป็นโรงงานใหม่ คนใหม่ (ผู้ถือหุ้นคนใหม่ด้วยอะป่าวไม่แน่ใจ)
โรงงานใหม่ไม่ได้ไปดูเพราะต้องมีกระบวนการทำให้ปลอดฝุ่นซะก่อนเข้า (ท่าทาง hi-tech น่าดู)
Eco Car?
-- Honda เป็นเจ้าแรก และจะทำให้รับรู้รายได้ประมาณปี 52 (รอไหวไหมนะ)
จีน และ อินเดีย?
-- บ.ไม่ได้มีการลงทุนในประเทศจีน แต่มีการลงทุนในประเทศอินเดีย ถ้าจำไม่ผิดบ.ชื่อลูแมกซ์ ถือหุ้นอยู่ 2%
นอกจาก Honda และ Toyota แล้ว....
-- บ.ผลิตโคมไฟให้กับรถญี่ปุ่นแทบจะทุกยี่ห้อ ส่วนจักรยานยนตร์ ครองส่วนแบ่ง 90%
(ไม่ได้บอกแต่ผมทายว่าไม่ได้ผลิตให้ซู)
รถยุโรปไม่จ้างผลิตเนื่องจาก volume ไม่ถึง 800 อีกเรื่องหนึ่ง
ผู้บริหารไม่ปลี้มรถยนตร์ ...(เดาเองนะ) เนื่องจาก volume ไม่ถึง 800 เช่นกัน
เมื่อไปชมโรงงาน
บรรยากาศในโรงงานดีมากๆ สะอาดและเป็นระเบียบดี มีสวนที่สวยมากๆ มีห้องฟิตเนส มีโรงอาหารราคาถูก
มีร้านค้าแบบ 7-11 เปิด 24 ช.ม. (ย้ำอีกครั้งนะครับว่าไปชมโรงงานไม่ได้ไปดูห้องตัวอย่างคอนโดโครงการไหนๆ)
บางโรงติดแอร์ซะด้วย โดยรวมแล้วประทับใจ ผ่านห้อง R&D มีพนักงานร่วมร้อย ทำอะไรกับจอคอมสักอย่าง
ทางโรงงานให้ข้อมูลว่า model ที่ออกแบบในห้องนี้ จะผลิตจริงในอีก 2 ปีข้างหน้า
(รุ่นและยี่ห้อรถก็ไม่ยอมบอก)
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 7
stanly เป็นหุ้น great
ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์สูงถึง 60+% ทิ้งห่างคู่แข่งไม่ใช่น้อย
ยิ่งตลาดรถมอเตอร์ไซค์ยิ่งสูงถึง 95 %
หุ้น great มีข้อดีตรงเรื่อง five force
เราแทบไม่ต้องห่วงเรื่องการแข่งขันเลย
แต่ข้อเสียก็มี
หุ้นเหล่านี้มักจะมีส่วนแบ่งสูงๆ
และเมื่อสูงมากๆแล้ว
ก็จะไม่มีที่ให้ขยายได้อีก
ลองนึกภาพบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาด 90%
แต่ตัวอุตสาหกรรมเติบโตเพียง 5%
บริษัทก็คงเติบโตได้เพียง 5% ใช่ไหมครับ
อาจจะมากกว่านี้หน่อยถ้าสามารถแย่งส่วนแบ่งจากคู่แข่งได้ด้วย
แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าใหญ่แล้ว
ส่วนแบ่งที่เหลือจึงเหลือเพียง 10% ให้แย่งชิงมาเท่านั้นเอง
ถ้าอุตสาหกรรมโตเพียง 5 %
เราไม่ควรเลือกหุ้น great
แต่ควรเลือกหุ้นที่มีส่วนแบ่งยังไม่สูงมากเกินไป
(และในอุตสาหกรรมนั้นต้องไม่มีขาใหญ่ที่เป็นหุ้น great อยู่ด้วย)
เพราะเรายังสามารถหวังการแย่งชิงส่วนแบ่งจากคู่แข่งนั่นเอง
ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์สูงถึง 60+% ทิ้งห่างคู่แข่งไม่ใช่น้อย
ยิ่งตลาดรถมอเตอร์ไซค์ยิ่งสูงถึง 95 %
หุ้น great มีข้อดีตรงเรื่อง five force
เราแทบไม่ต้องห่วงเรื่องการแข่งขันเลย
แต่ข้อเสียก็มี
หุ้นเหล่านี้มักจะมีส่วนแบ่งสูงๆ
และเมื่อสูงมากๆแล้ว
ก็จะไม่มีที่ให้ขยายได้อีก
ลองนึกภาพบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาด 90%
แต่ตัวอุตสาหกรรมเติบโตเพียง 5%
บริษัทก็คงเติบโตได้เพียง 5% ใช่ไหมครับ
อาจจะมากกว่านี้หน่อยถ้าสามารถแย่งส่วนแบ่งจากคู่แข่งได้ด้วย
แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าใหญ่แล้ว
ส่วนแบ่งที่เหลือจึงเหลือเพียง 10% ให้แย่งชิงมาเท่านั้นเอง
ถ้าอุตสาหกรรมโตเพียง 5 %
เราไม่ควรเลือกหุ้น great
แต่ควรเลือกหุ้นที่มีส่วนแบ่งยังไม่สูงมากเกินไป
(และในอุตสาหกรรมนั้นต้องไม่มีขาใหญ่ที่เป็นหุ้น great อยู่ด้วย)
เพราะเรายังสามารถหวังการแย่งชิงส่วนแบ่งจากคู่แข่งนั่นเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 8
เมื่อดูหุ้น great จึงต้องคิดโดยอัตโนมัติว่า
มันมี growth ด้วยหรือไม่
ถ้าไม่มี growth มันจะกลายเป็นหุ้น graeng (หุ้นแกร่งนั่นเอง)
ทีนี้เมื่อย้อนมาดูตัว syanly
สิ่งที่ควรพิจาณาเกี่ยวกับการ growth ได้แก่
แนวโน้มอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งจะแยกเป็น
1. ตลาดรถยนต์ โดยแบ่งย่อยเป็น
1.1 ตลาดส่งออก ตลาดนี้ที่ผ่านมามีการเติบโต 10% โดยประมาณ
ถามว่าจะเติบโตที่ตัวเลขนี้ได้อีกนานเท่าไหร่
จะโตมากกว่านี้ไหม จะถดถอยหรือไม่
ผมคิดว่า "รถยนต์" นั้น เป็นสินค้าที่สอดรับกับพฤติกรรมมนุษย์พอสมควร
เมื่อเทียบกับการเติบโตของ gdp แล้ว
รถยนต์สามารถเติบโตได้ 2-3 เท่าของ gdp
ซึ่งนั่นก็เป็นตัวเลขรวมๆของทุกประเทศ
และแนอนว่าตัวเลขในบางประเทศย่อมจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย
และบางประเทศย่อมจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับผลกระทบด้านลบสูงๆจากราคาน้ำมัน
คำถามจึงอยู่ที่ว่าค่ายรถยนต์ในเมืองไทย
จะสามารถเจาะตลาดประเทศเหล่านั้นได้มากน้อยเพียงใด
แต่โดยรวมๆแล้วตัวเลขการเติบโต 10 % ก็น่าจะพอทำได้
มันมี growth ด้วยหรือไม่
ถ้าไม่มี growth มันจะกลายเป็นหุ้น graeng (หุ้นแกร่งนั่นเอง)
ทีนี้เมื่อย้อนมาดูตัว syanly
สิ่งที่ควรพิจาณาเกี่ยวกับการ growth ได้แก่
แนวโน้มอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งจะแยกเป็น
1. ตลาดรถยนต์ โดยแบ่งย่อยเป็น
1.1 ตลาดส่งออก ตลาดนี้ที่ผ่านมามีการเติบโต 10% โดยประมาณ
ถามว่าจะเติบโตที่ตัวเลขนี้ได้อีกนานเท่าไหร่
จะโตมากกว่านี้ไหม จะถดถอยหรือไม่
ผมคิดว่า "รถยนต์" นั้น เป็นสินค้าที่สอดรับกับพฤติกรรมมนุษย์พอสมควร
เมื่อเทียบกับการเติบโตของ gdp แล้ว
รถยนต์สามารถเติบโตได้ 2-3 เท่าของ gdp
ซึ่งนั่นก็เป็นตัวเลขรวมๆของทุกประเทศ
และแนอนว่าตัวเลขในบางประเทศย่อมจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย
และบางประเทศย่อมจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับผลกระทบด้านลบสูงๆจากราคาน้ำมัน
คำถามจึงอยู่ที่ว่าค่ายรถยนต์ในเมืองไทย
จะสามารถเจาะตลาดประเทศเหล่านั้นได้มากน้อยเพียงใด
แต่โดยรวมๆแล้วตัวเลขการเติบโต 10 % ก็น่าจะพอทำได้
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 9
1.2 ตลาดในประเทศ
ที่ผ่านมานอกจากจะไม่เติบโตแล้วยังหดตัวด้วยซ้ำ
ซึ่งคาดว่าเกิดจากสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่แย่ลง
ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาคการเมือง
ซึ่งก็สอดคล้องกันกับที่ปีเตอร์ ลินช์เคยพูดว่า
อุตสาหกรรมรถยนต์นั้นเป็น economical cyclic
ถามว่าเมื่อเป็นดังนี้ ตลาดรถยนต์ในประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป
คำตอบก็อยู่ที่สภาวะการเมืองซึ่งนำมาสู่การไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยนั้น
สิ้นสุดลงหรือยัง
และถ้าสิ้นสุดแล้วจะมีตัวเลขที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งมาเกี่ยวข้อง
ซึ่งปีเตอร์ ลินช์ เรียกว่า "แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"
รายละเอียดสามารถหาอ่านได้ใน one up of the street ซึ่งดร.นิเวศน์แปลไว้
และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลง
"แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้" ก็จะออกมาปรากฏในยอดปีต่อๆไป
แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปว่า ปีเตอร์ ลินช์ ได้มาอย่างไร
และถ้าดูตัวเลขยอดขายรถในเมืองไทย
ก็จะพบว่ามีการลดลงในปี 2548-2550
นั่นย่อมแปลว่ามียอด "แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้" พอสมควร
แต่เนื่องจากผมไม่ทราบที่มาที่ไปของตัวเลขดังกล่าว
ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงว่าตัวเลขที่เหมาะสมเป็นเท่าไหร่กันแน่
และลามไปสู่ตัวเลขของปี 2541-2547 ด้วยว่า
เป็นตัวเลขแรงซื้อที่มากเกินไปเท่าไหร่
เพราะในช่วงดังกล่าวตัวเลขการซื้อรถยนต์เติบโตในอัตราที่สูงมากมาตลอด
ซึ่งอาจจะแปลว่า "ซื้อมากเกินไป" ก็ได้
และถ้าย้อนอดีตไปอีกก็จะพบว่ามี "แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"
จากวิกฤติเศรฐกิจเมื่อ 2539-2540 ด้วยนั่นเอง
โดยสรุป ตัวเลขรถยนต์ที่ขายในประเทศและส่งออกรวมกันน่าจะมีอัตราการเติบโตต่อไป ที่ตัวเลขแถวๆ 10 %ได้
ที่ผ่านมานอกจากจะไม่เติบโตแล้วยังหดตัวด้วยซ้ำ
ซึ่งคาดว่าเกิดจากสภาพเศรษฐกิจในประเทศที่แย่ลง
ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาคการเมือง
ซึ่งก็สอดคล้องกันกับที่ปีเตอร์ ลินช์เคยพูดว่า
อุตสาหกรรมรถยนต์นั้นเป็น economical cyclic
ถามว่าเมื่อเป็นดังนี้ ตลาดรถยนต์ในประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป
คำตอบก็อยู่ที่สภาวะการเมืองซึ่งนำมาสู่การไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยนั้น
สิ้นสุดลงหรือยัง
และถ้าสิ้นสุดแล้วจะมีตัวเลขที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งมาเกี่ยวข้อง
ซึ่งปีเตอร์ ลินช์ เรียกว่า "แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"
รายละเอียดสามารถหาอ่านได้ใน one up of the street ซึ่งดร.นิเวศน์แปลไว้
และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลง
"แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้" ก็จะออกมาปรากฏในยอดปีต่อๆไป
แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปว่า ปีเตอร์ ลินช์ ได้มาอย่างไร
และถ้าดูตัวเลขยอดขายรถในเมืองไทย
ก็จะพบว่ามีการลดลงในปี 2548-2550
นั่นย่อมแปลว่ามียอด "แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้" พอสมควร
แต่เนื่องจากผมไม่ทราบที่มาที่ไปของตัวเลขดังกล่าว
ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงว่าตัวเลขที่เหมาะสมเป็นเท่าไหร่กันแน่
และลามไปสู่ตัวเลขของปี 2541-2547 ด้วยว่า
เป็นตัวเลขแรงซื้อที่มากเกินไปเท่าไหร่
เพราะในช่วงดังกล่าวตัวเลขการซื้อรถยนต์เติบโตในอัตราที่สูงมากมาตลอด
ซึ่งอาจจะแปลว่า "ซื้อมากเกินไป" ก็ได้
และถ้าย้อนอดีตไปอีกก็จะพบว่ามี "แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"
จากวิกฤติเศรฐกิจเมื่อ 2539-2540 ด้วยนั่นเอง
โดยสรุป ตัวเลขรถยนต์ที่ขายในประเทศและส่งออกรวมกันน่าจะมีอัตราการเติบโตต่อไป ที่ตัวเลขแถวๆ 10 %ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 10
2. ตลาดรถมอเตอร์ไซค์
ที่ผ่านมามีการหดตัวค่อนข้างรุนแรง
"แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"น่าจะมากกว่ารถยนต์เสียอีก
บวกกับนโยบาย เปิดไฟตอนกลางวัน
ก็ย่อมจะทำให้หลอดไฟเสียเร็วขึ้นกว่าเดิม 3-5 เท่า
(คิดจากอัตราส่วนการใช้รถในเวลากลางวัน/กลางคืน ของการใช้รถเดิม)
ซึ่งจะส่งผลบวกกับ stanly ตรงๆ เพราะมีส่วนแบ่งสูงถึง 95%
แต่อย่างไรก็ตาม ยอดขายหลอดไฟนั้น
เมื่อคิดเป็นรายได้ จะอยู่ที่สัดส่วนประมาณ 5% เท่านั้นเอง
โดยสรุป
การซื้อหุ้น stanly ที่ราคา 150 บาทนั้น ก็เป็นเรื่องน่าสนใจมาก
เพราะการจะซื้อหุ้น great ที่มี growth 10%
ที่ราคา pe 10 เท่าก็ไม่ได้หาง่ายๆเท่าไหร่นัก
ที่ผ่านมามีการหดตัวค่อนข้างรุนแรง
"แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"น่าจะมากกว่ารถยนต์เสียอีก
บวกกับนโยบาย เปิดไฟตอนกลางวัน
ก็ย่อมจะทำให้หลอดไฟเสียเร็วขึ้นกว่าเดิม 3-5 เท่า
(คิดจากอัตราส่วนการใช้รถในเวลากลางวัน/กลางคืน ของการใช้รถเดิม)
ซึ่งจะส่งผลบวกกับ stanly ตรงๆ เพราะมีส่วนแบ่งสูงถึง 95%
แต่อย่างไรก็ตาม ยอดขายหลอดไฟนั้น
เมื่อคิดเป็นรายได้ จะอยู่ที่สัดส่วนประมาณ 5% เท่านั้นเอง
โดยสรุป
การซื้อหุ้น stanly ที่ราคา 150 บาทนั้น ก็เป็นเรื่องน่าสนใจมาก
เพราะการจะซื้อหุ้น great ที่มี growth 10%
ที่ราคา pe 10 เท่าก็ไม่ได้หาง่ายๆเท่าไหร่นัก
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 12
8) เพิ่งทราบว่าบริษัทเขาชื่อจริงๆชื่อ
เอากราฟปีนึงมาแปะไว้ดูหน่อย
คิดเห็นเหมือนพี่แผ่วทุกประการ
เลยไม่รู้จะcomment อะไร
ผมขออนุญาติพี่แผ่วและน้องปุ๊ นำข้อความไปแปะไว้ที่ร้อยคนร้อยหุ้นด้วยนะคร้าบ
สนใจและน่าติดตามจริงๆครับ บริษัทนี้
โตแค่10%ก็พอแล้วครับ
เอากราฟปีนึงมาแปะไว้ดูหน่อย
คิดเห็นเหมือนพี่แผ่วทุกประการ
เลยไม่รู้จะcomment อะไร
ผมขออนุญาติพี่แผ่วและน้องปุ๊ นำข้อความไปแปะไว้ที่ร้อยคนร้อยหุ้นด้วยนะคร้าบ
สนใจและน่าติดตามจริงๆครับ บริษัทนี้
โตแค่10%ก็พอแล้วครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 14
ไปคอมวิสิท มาหุ้นขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะครับ
เดือนก่อน 137-140 บาทไม่เห็นคนแย่งซื้อกันเลย
เดือนก่อน 137-140 บาทไม่เห็นคนแย่งซื้อกันเลย
- Qคุง
- Verified User
- โพสต์: 1328
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 16
ไป Com Visit เหมือนกันครับแผ่วเบา เขียน:2. ตลาดรถมอเตอร์ไซค์
ที่ผ่านมามีการหดตัวค่อนข้างรุนแรง
"แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"น่าจะมากกว่ารถยนต์เสียอีก
บวกกับนโยบาย เปิดไฟตอนกลางวัน
ก็ย่อมจะทำให้หลอดไฟเสียเร็วขึ้นกว่าเดิม 3-5 เท่า
(คิดจากอัตราส่วนการใช้รถในเวลากลางวัน/กลางคืน ของการใช้รถเดิม)
ซึ่งจะส่งผลบวกกับ stanly ตรงๆ เพราะมีส่วนแบ่งสูงถึง 95%
แต่อย่างไรก็ตาม ยอดขายหลอดไฟนั้น
เมื่อคิดเป็นรายได้ จะอยู่ที่สัดส่วนประมาณ 5% เท่านั้นเอง
โดยสรุป
การซื้อหุ้น stanly ที่ราคา 150 บาทนั้น ก็เป็นเรื่องน่าสนใจมาก
เพราะการจะซื้อหุ้น great ที่มี growth 10%
ที่ราคา pe 10 เท่าก็ไม่ได้หาง่ายๆเท่าไหร่นัก
ข้อมูลของคุณ MO101 ดีมากเลยครับ ค่อนข้างครบเหมือนไปเองเลย
พี่แผ่งเบาก็มี Comment ที่ตรงกับที่ผมคิดเลยครับ
ซึ่งผมว่า P/E 10 น้อยเกินไป (หากมองในแง่กองทุน)
ต้องดูกันว่าปีหน้าจะไปอย่างไร
มีอีกตัวครับที่น่าสนใจคล้ายๆกัน IRC ไม่ได้เชียร์นะครับ
เศรฐกิจไม่ดีแต่กำไรเพิ่มยอดขายก็เพิ่ม
- zolomon
- Verified User
- โพสต์: 365
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 17
he got it from the car company krubปีเตอร์ ลินช์ เรียกว่า "แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้"
รายละเอียดสามารถหาอ่านได้ใน one up of the street ซึ่งดร.นิเวศน์แปลไว้
และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลง
"แรงซื้อที่ถูกอั้นไว้" ก็จะออกมาปรากฏในยอดปีต่อๆไป
แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่มีที่มาที่ไปว่า ปีเตอร์ ลินช์ ได้มาอย่างไร
“If we wait for the moment when everything, absolutely everything is ready, we shall never begin.”
Ivan Turgenev
Ivan Turgenev
-
- Verified User
- โพสต์: 298
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณมากครับ รู้ข้อมูลดีจริงครับ หุ้นพี่เป็นSTANLY หุ้นน้องเป็นIRC
รักพี่ไม่เสียดายน้อง เพราะซื้อไปทั้ง 2 ตัวเลยนะครับ ได้เปรียบคู่แข่งตรงการวิจัยและพัฒนาครับ เพราะคู่แข่งที่ไม่มีR&D จะตามไม่ทัน
รักพี่ไม่เสียดายน้อง เพราะซื้อไปทั้ง 2 ตัวเลยนะครับ ได้เปรียบคู่แข่งตรงการวิจัยและพัฒนาครับ เพราะคู่แข่งที่ไม่มีR&D จะตามไม่ทัน
- << New >>
- Verified User
- โพสต์: 1147
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 21
Thank you for reply krub.
Speaking of IRC, there is a company visit with SET.
I skipped the class for Stanly company visit so this time I can't go.
Company Visit - บริษัท อิโนเว รับเบอร์(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)-IRC
ข้อมูลบริษัท
บริษัท บริษัท อิโนเว รับเบอร์(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)
Website http://www.ircthailand.com
ประเภทธุรกิจ สินค้าอุตสาหกรรม / ยานยนต์
สถานที่เยี่ยมชม โรงงานของบริษัท วังน้อย อยุธยา
กิจกรรม รับฟังข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทจากผู้บริหารโดยตรง พร้อมชมสถานประกอบการไปกับผู้เชี่ยวชาญ
วันจัดงาน วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2550
เวลา 10.30 18.00 น.
สถานที่นัดพบ
10.30 ณ หน้าอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ.รัชดาภิเษก
**เดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ
จำนวนที่รับทั้งสิ้น 40 คน
เปิด รับสมัคร วัน ที่ 30 ตุลาคม 2550
ปิด รับสมัคร วัน ที่ 20 พฤศจิกายน 2550
ประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมงาน วันที่ 21 พฤศจิกายน 2550
ค่าธรรมเนียม ค่ามัดจำการเดินทาง 500 บาท * คืนเงินเมื่อมาลงทะเบียนวันเดินทาง
Speaking of IRC, there is a company visit with SET.
I skipped the class for Stanly company visit so this time I can't go.
Company Visit - บริษัท อิโนเว รับเบอร์(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)-IRC
ข้อมูลบริษัท
บริษัท บริษัท อิโนเว รับเบอร์(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน)
Website http://www.ircthailand.com
ประเภทธุรกิจ สินค้าอุตสาหกรรม / ยานยนต์
สถานที่เยี่ยมชม โรงงานของบริษัท วังน้อย อยุธยา
กิจกรรม รับฟังข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทจากผู้บริหารโดยตรง พร้อมชมสถานประกอบการไปกับผู้เชี่ยวชาญ
วันจัดงาน วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2550
เวลา 10.30 18.00 น.
สถานที่นัดพบ
10.30 ณ หน้าอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ.รัชดาภิเษก
**เดินทางโดยรถบัสปรับอากาศ
จำนวนที่รับทั้งสิ้น 40 คน
เปิด รับสมัคร วัน ที่ 30 ตุลาคม 2550
ปิด รับสมัคร วัน ที่ 20 พฤศจิกายน 2550
ประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมงาน วันที่ 21 พฤศจิกายน 2550
ค่าธรรมเนียม ค่ามัดจำการเดินทาง 500 บาท * คืนเงินเมื่อมาลงทะเบียนวันเดินทาง
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 710
- ผู้ติดตาม: 1
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 22
ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสินค้าครับ
ดูใน web http://www.thaistanley.com/en/frame.htm
จะเห็นว่าโคมไฟรถยนต์มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น
เลยสงสัยว่ารุ่นที่บริษัทไม่ได้รับทำให้
ใครเป็นผู้ผลิตครับ
แล้วโคมไฟของรถรุ่นเก่าหน่อยเนี่ย บริษัทยังผลิตอยู่มั้ย
หรือว่าผลิตแล้วเลิกไปเลย รอผลิตให้รถรุ่นใหม่ๆ
ดูใน web http://www.thaistanley.com/en/frame.htm
จะเห็นว่าโคมไฟรถยนต์มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น
เลยสงสัยว่ารุ่นที่บริษัทไม่ได้รับทำให้
ใครเป็นผู้ผลิตครับ
แล้วโคมไฟของรถรุ่นเก่าหน่อยเนี่ย บริษัทยังผลิตอยู่มั้ย
หรือว่าผลิตแล้วเลิกไปเลย รอผลิตให้รถรุ่นใหม่ๆ
"Failure is the only way to start again intelligently"
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 23
8) หลอดไฟแพงที่ mouldchansaiw เขียน:ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสินค้าครับ
ดูใน web http://www.thaistanley.com/en/frame.htm
จะเห็นว่าโคมไฟรถยนต์มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น
เลยสงสัยว่ารุ่นที่บริษัทไม่ได้รับทำให้
ใครเป็นผู้ผลิตครับ
แล้วโคมไฟของรถรุ่นเก่าหน่อยเนี่ย บริษัทยังผลิตอยู่มั้ย
หรือว่าผลิตแล้วเลิกไปเลย รอผลิตให้รถรุ่นใหม่ๆ
โมเดลนึงของรถเก๋งคันนึง mouldว่ากันเป็นร้อยล้าน
เป็นสมบัติของโรงงานประกอบรถ
ไม่ใช่ของ สแตนเล่ย์
รุ่นที่บริษัทไม่ได้รับทำให้ ต้องสั่งนอกอย่างเดียว
รุ่นเก่าผลิตได้เสมอ แต่ต้องมีจำนวนเหมือนกัน
เพราะไม่ต้องลงทุน mould แล้วนี่ครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 710
- ผู้ติดตาม: 1
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 24
ขอบคุณครับ
เท่าที่ดูในเวบตอนนี้ที่ทำอยู่ก็มี
HONDA CITY TYPE Z
TOYOTA SOLUNA
ISUZU DRAGON EYE
MIT. STRADA
แต่ดูใน annual re.มีรุ่นใหม่ๆเข้ามาทำหลายรุ่นเหมือนกัน
เท่าที่ดูในเวบตอนนี้ที่ทำอยู่ก็มี
HONDA CITY TYPE Z
TOYOTA SOLUNA
ISUZU DRAGON EYE
MIT. STRADA
แต่ดูใน annual re.มีรุ่นใหม่ๆเข้ามาทำหลายรุ่นเหมือนกัน
"Failure is the only way to start again intelligently"
-
- Verified User
- โพสต์: 298
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 25
สินค้าโคมไฟ หลอดไฟ ทุกอย่างจะผลิตทั้งเก่าและใหม่ครับ ถ้ามีการออกรถรุ่นใหม่ก็จะเปลี่ยนไปด้วย และบริษัทรถยนต์ก็จะไม่เปลี่ยนผู้ผลิตด้วยนะถ้ายังผลิตได้ตามข้อกำหนด ผลิตยาวตลอดเลยอย่างน้อยก็ประมาณ 4 ปี
อาจจะมีการMinor change ทุกๆ2 ปี อะครับ ได้มา1 model กินยาวเลยครับ 4 ปี
อาจจะมีการMinor change ทุกๆ2 ปี อะครับ ได้มา1 model กินยาวเลยครับ 4 ปี
-
- Verified User
- โพสต์: 298
- ผู้ติดตาม: 0
รายงานการไป Visit Thai Stanly 5/11/2007
โพสต์ที่ 26
ชิ้นส่วนยานยนต์ที่บริษัทผมผลิตนะตั้งแต่ต้นปี 49 ถึงปัจจุบัน ยอดผลิตยังไม่ตกเลยครับมีแต่เพิ่ม คิดว่าเขาคงส่งออกเยอะนะครับ ยอดผลิตสูงมากจน
Mould จะหมดอายุแล้ว ผลิตมา 4 ปีแล้ว แต่ลูกค้าบอกว่าจะเพิ่มอีก 3 ปี รวมเป็น 7 ปี คุ้มค่าครับ
Mould จะหมดอายุแล้ว ผลิตมา 4 ปีแล้ว แต่ลูกค้าบอกว่าจะเพิ่มอีก 3 ปี รวมเป็น 7 ปี คุ้มค่าครับ