ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 1
นั่งอ่านหนังสือก็เยอะ เขาพูดเรื่องไรกันก็คิดว่าเข้าใจ เข้ามีอบรมที่ไหนก็ไป อะไรที่ไม่เข้าก็ถามเขา พอเขาบอกก็กลับมาทำ ก็ได้ตามเขา แต่พอจะเริ่ม ลงมือจริง ทำไมมันหายไปไหนหมดกลับความรู้ที่มีอยู่ พอมานั่งคิด โอ้...เจ้าอารมณ์ของเราไปเอครอบงำหมดเลย ทั้งความรู้ที่มีและความคิดที่จะทำ ...ทำอย่างดีหนอถึงจะควบคุมได้เจ้าอารมณ์นี้...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 243
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 3
เป็นเหมือนกันเลยครับ อย่าคิดมากเลย
เอาแบบพี่เจ๋งครับ " ถ้าคุณอยู่ในตลาดหุ้น 5 ปีแล้วคุณไม่กำไรหรือขาดทุน ให้ลงทุนต่อ อย่าท้อ เพราะ คุณจะฉลาดขึ้นมาก กับประสบการณ์ 5 ปี "
มองโลกในแง่ดี วันนี้เริ่มลงทุนเร็ว ลงทุนทีละน้อย ก็เป็นหมูตัวน้อย พอมีความรู้ประสบการณ์มาก ได้บทเรียนมาก จะได้เป็นเสือแล้วค่อยลงทุนมากขึ้น จะได้เป็นเสือตัวใหญ่ ถ้าเริ่มลงเยอะเลยตั้งแต่แรก ก็เป็นหมูตัวใหญ่แน่นอนครับ
ผมว่าการควบคุมอารมณ์ต้องใช้ประสบการณ์เป็นหลัก ต้องเจ็บเองถึงจะจำ ใครเตือนใครสอนจำไม่ค่อยแม่น (ประสบการณ์ตรง)
ผมอ่านหนังสือการลงทุนมาประมาณ 1.5 ปี เริ่มซื้อหุ้น ประมาณ 6 เดือน เราก็ว่าเราอ่านเยอะแล้ว ทั้งหนังสือและกระทู้ต่างๆ อบรมก็เยอะ แต่พองบบริษัทออกที่ไรได้เรียนเรื่องใหม่ทุกทีเลยครับ :wall:
มีคนเคยบอกว่า อ่านหนังสือหุ้นเหมือนอ่านวิธีการจีบสาว ซื้อหุ้นจริงเหมือนออกเดท คนละเรื่องเลยครับ
ก็ไม่รู้จะได้ประโยชน์หรือเปล่าแต่เป็นกำลังใจให้ครับ เพราะผมก็รู้สึกเหมือนกัน
เอาแบบพี่เจ๋งครับ " ถ้าคุณอยู่ในตลาดหุ้น 5 ปีแล้วคุณไม่กำไรหรือขาดทุน ให้ลงทุนต่อ อย่าท้อ เพราะ คุณจะฉลาดขึ้นมาก กับประสบการณ์ 5 ปี "
มองโลกในแง่ดี วันนี้เริ่มลงทุนเร็ว ลงทุนทีละน้อย ก็เป็นหมูตัวน้อย พอมีความรู้ประสบการณ์มาก ได้บทเรียนมาก จะได้เป็นเสือแล้วค่อยลงทุนมากขึ้น จะได้เป็นเสือตัวใหญ่ ถ้าเริ่มลงเยอะเลยตั้งแต่แรก ก็เป็นหมูตัวใหญ่แน่นอนครับ
ผมว่าการควบคุมอารมณ์ต้องใช้ประสบการณ์เป็นหลัก ต้องเจ็บเองถึงจะจำ ใครเตือนใครสอนจำไม่ค่อยแม่น (ประสบการณ์ตรง)
ผมอ่านหนังสือการลงทุนมาประมาณ 1.5 ปี เริ่มซื้อหุ้น ประมาณ 6 เดือน เราก็ว่าเราอ่านเยอะแล้ว ทั้งหนังสือและกระทู้ต่างๆ อบรมก็เยอะ แต่พองบบริษัทออกที่ไรได้เรียนเรื่องใหม่ทุกทีเลยครับ :wall:
มีคนเคยบอกว่า อ่านหนังสือหุ้นเหมือนอ่านวิธีการจีบสาว ซื้อหุ้นจริงเหมือนออกเดท คนละเรื่องเลยครับ
ก็ไม่รู้จะได้ประโยชน์หรือเปล่าแต่เป็นกำลังใจให้ครับ เพราะผมก็รู้สึกเหมือนกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 4
"อยู่ที่ใจ จบที่ใจ"
"ความฝันคือ ความหวัง
คนที่ขาดซึ่งความฝัน คือคนที่ตายแล้ว"
คุณเปิดใจให้กว้างแล้วหรือยัง
ถ้าเปิดใจกว้างแล้ว มองย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้นว่าทำอะไรแล้วบ้าง
และอะไรที่ทำให้คุณผิดพลาด
สิ่งเหล่านั้นล่ะเป็นสิ่งที่ช่วยคุณ สอนคุณ
ผิดพลาดครั้งแรกให้อภัยกันได้ แต่ผิดพลาดครั้งสอง ครั้งสาม ก็พิจารณาตัวเอง
ทุกคนใน web นี้ต่างก็ผิดพลาดมาแล้ว แต่ความผิดพลาดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่สอนให้เขารู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เมื่อไร
และสิ่งสุดท้ายคือ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
อย่างเช่น คุณเอดิสัน กว่าจะผลิตหลอดไฟ ดวงแรกสำเร็จ ต้องทดลองแล้วทดลองกับสิ่งที่เขาทำ เป็น พันๆครั้ง แล้วคุณทำแค่ 1-2 ครั้งแล้วเลิกแบบนี้ถูกต้องแล้วหรือ
"ความฝันคือ ความหวัง
คนที่ขาดซึ่งความฝัน คือคนที่ตายแล้ว"
คุณเปิดใจให้กว้างแล้วหรือยัง
ถ้าเปิดใจกว้างแล้ว มองย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้นว่าทำอะไรแล้วบ้าง
และอะไรที่ทำให้คุณผิดพลาด
สิ่งเหล่านั้นล่ะเป็นสิ่งที่ช่วยคุณ สอนคุณ
ผิดพลาดครั้งแรกให้อภัยกันได้ แต่ผิดพลาดครั้งสอง ครั้งสาม ก็พิจารณาตัวเอง
ทุกคนใน web นี้ต่างก็ผิดพลาดมาแล้ว แต่ความผิดพลาดเหล่านั้นเป็นสิ่งที่สอนให้เขารู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เมื่อไร
และสิ่งสุดท้ายคือ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
อย่างเช่น คุณเอดิสัน กว่าจะผลิตหลอดไฟ ดวงแรกสำเร็จ ต้องทดลองแล้วทดลองกับสิ่งที่เขาทำ เป็น พันๆครั้ง แล้วคุณทำแค่ 1-2 ครั้งแล้วเลิกแบบนี้ถูกต้องแล้วหรือ
- ก้อนหิน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 5
เรื่องนี้จริงครับ เจอมากับตัว ต่อให้เตรียมตัวนอกสนามนานเท่าไหร่ก็ตาม
แต่ถ้าไม่ได้มาลงทุนในตลาดจริงๆมันคนละอารมณ์กันเลยทีเดียวครับ
มีคนเปรียบเทียบการเล่นหุ้น กับ การว่ายน้ำ ผมว่าใกล้เคียงดีนะครับ
อ่านหนังสือ ว่ายน้ำล้านเล่ม ก็ไม่ได้การันตีได้ว่าจะว่ายน้ำเป็น
บางคน Sense ดี โดดลงน้ำว่ายเป็นเลยก็มี
แต่เริ่มด้วยหลักการที่ถูกต้องระยะยาวแล้วก็จะสามารถว่ายน้ำได้ดีกว่า
คนที่ลงไปว่ายน้ำแบบมั่วๆๆๆ นะครับ
แล้วที่สำัคัญที่ที่เราว่ายน้ำอยู่นี่ไม่ใช่สระ มันเป็นเหมือนทะเล บางทีก็บ้าคลั่ง บางทีก็เงียบสงบ บางคราวเราก็ว่ายตามน้ำ ก็ว่ายเร็วเลย (จนแอบคิดว่าตัวเองว่ายน้ำเก่ง)
แต่พอว่ายทวนน้ำเยอะเข้า ก็แทบจะหาทางกลับไม่เจอ
ขออวยพรให้ทุกท่านว่ายน้ำไปถึงฝั่งฝันได้นะครับ
8)
แต่ถ้าไม่ได้มาลงทุนในตลาดจริงๆมันคนละอารมณ์กันเลยทีเดียวครับ
มีคนเปรียบเทียบการเล่นหุ้น กับ การว่ายน้ำ ผมว่าใกล้เคียงดีนะครับ
อ่านหนังสือ ว่ายน้ำล้านเล่ม ก็ไม่ได้การันตีได้ว่าจะว่ายน้ำเป็น
บางคน Sense ดี โดดลงน้ำว่ายเป็นเลยก็มี
แต่เริ่มด้วยหลักการที่ถูกต้องระยะยาวแล้วก็จะสามารถว่ายน้ำได้ดีกว่า
คนที่ลงไปว่ายน้ำแบบมั่วๆๆๆ นะครับ
แล้วที่สำัคัญที่ที่เราว่ายน้ำอยู่นี่ไม่ใช่สระ มันเป็นเหมือนทะเล บางทีก็บ้าคลั่ง บางทีก็เงียบสงบ บางคราวเราก็ว่ายตามน้ำ ก็ว่ายเร็วเลย (จนแอบคิดว่าตัวเองว่ายน้ำเก่ง)
แต่พอว่ายทวนน้ำเยอะเข้า ก็แทบจะหาทางกลับไม่เจอ
ขออวยพรให้ทุกท่านว่ายน้ำไปถึงฝั่งฝันได้นะครับ
8)
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 6
อย่าซื้อหุ้นที่ร้อนแรงและอยู่ในธุรกิจที่ร้อนแรง (เซียน?peter lynch สอนไว้) - UMS ช่วงร้อนแรง 32 ปัจจุบัน 24
ซื้อหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่ดี อนาคตไกล PE ไม่เกิน 10-15 ( ท่านด็อกเตอร์สอนไว้ ) snc ปีที่แล้ว 7 ปัจจุบัน 13 และคาดว่าจะวิ่งได้ต่อเมื่อทุกอย่างลงตัว
ต้องมี margin of safty เสมอ ถ้าซื้อแล้วลงต่อต้องมีเงินสดเผื่อไว้เก็บเพิ่ม เมื่อตลาดหาย panic จะมีกำไรเอง ( จากประสบการณ์ ผมซื้อ MCOT ช่วงpanic ปลายปีที่แล้ว ปัจจุบันกำไร 30% และปัจจุบันกำลังกำไรจาก sc 20%)
ประสบการณ์ลงทุน 2 ปี ปีที่แล้วกำไร 10% ปีนีกำไร 40-50% แต่หวังไว้ว่ากำไรโดยเฉลี่ยน่าจะได้ซัก 10-20%ต่อปี
ซื้อหุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่ดี อนาคตไกล PE ไม่เกิน 10-15 ( ท่านด็อกเตอร์สอนไว้ ) snc ปีที่แล้ว 7 ปัจจุบัน 13 และคาดว่าจะวิ่งได้ต่อเมื่อทุกอย่างลงตัว
ต้องมี margin of safty เสมอ ถ้าซื้อแล้วลงต่อต้องมีเงินสดเผื่อไว้เก็บเพิ่ม เมื่อตลาดหาย panic จะมีกำไรเอง ( จากประสบการณ์ ผมซื้อ MCOT ช่วงpanic ปลายปีที่แล้ว ปัจจุบันกำไร 30% และปัจจุบันกำลังกำไรจาก sc 20%)
ประสบการณ์ลงทุน 2 ปี ปีที่แล้วกำไร 10% ปีนีกำไร 40-50% แต่หวังไว้ว่ากำไรโดยเฉลี่ยน่าจะได้ซัก 10-20%ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 7
ผมซื้อหุ้น ไม่เคยดูว่ามันร้อนแรงหรือเปล่า ซื้อเพราะอยากซื้อ ทั้งๆ ที่ก่อนซือ ก็ศึกษามาแล้วควรที่จะซื้อที่ประมาณราคาเท่าไหร่ แต่พอเอาเข้าจริง เจอราคาความอยากของตัวเองเข้าไป ซื้อทุกทีเลย พอมานั่งดูอีกทีหลังจากซื้อ สองสามวันราตกดีจัง อิอิอิอิิอ.... ขอบคุณทุกคำแนะนำนะนครับ
- Minami_Kana
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 8
ตอนอยากซื้อไม่มีตัง ดันไปติดตัวอื่นหมุนมารับไม่ทัน รถไฟก็ไปซะแล้ว
เราเป็นเพียงนักลงทุนธรรมดา ไม่ได้มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ดังนั้นอย่าคาดหวังอะไรที่มันเกินไปนัก
และก็ เวลาดูราคาหลักทรัพย์ กรุณาดูในห้องที่มีแสงสว่างพอเพียงและดูห่างจากหน้าจอ 3 เมตร
และก็ เวลาดูราคาหลักทรัพย์ กรุณาดูในห้องที่มีแสงสว่างพอเพียงและดูห่างจากหน้าจอ 3 เมตร
- กระบี่เก้าสําเนียง
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 9
เจ้าศัตรูตัวร้ายของทุกแขนงในการลงทุนจนถึงการพนันคืออารมณ์เนี่ยแหละ
ผมว่าบางที่ จขกทอาจจะไม่ลืมสิ่งที่ร่ำเรียนมาหรอกครับ
เหมือนได้วิชามาหลายแขนงแต่ไม่สามรถผสมให้กลมกลืนกันได้
ผมว่าบางที่ จขกทอาจจะไม่ลืมสิ่งที่ร่ำเรียนมาหรอกครับ
เหมือนได้วิชามาหลายแขนงแต่ไม่สามรถผสมให้กลมกลืนกันได้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 10
โค้ด: เลือกทั้งหมด
นั่งอ่านหนังสือก็เยอะ เขาพูดเรื่องไรกันก็คิดว่าเข้าใจ เข้ามีอบรมที่ไหนก็ไป อะไรที่ไม่เข้าก็ถามเขา พอเขาบอกก็กลับมาทำ ก็ได้ตามเขา แต่พอจะเริ่ม ลงมือจริง ทำไมมันหายไปไหนหมดกลับความรู้ที่มีอยู่ พอมานั่งคิด โอ้...เจ้าอารมณ์ของเราไปเอครอบงำหมดเลย ทั้งความรู้ที่มีและความคิดที่จะทำ ...ทำอย่างดีหนอถึงจะควบคุมได้เจ้าอารมณ์นี้...
ส่วนใครจะแก้ได้เร็ว หรือช้า ก็ต้องมาดูวิธีแก้กัน
เช่น คนอยากลดน้ำหนัก ก็พยายามลด เมื่อลดได้แล้ว ก็กลับไปกินอีก
สาเหตุคือพยายามลดน้ำหนัก
หากเปลี่ยนแนวคิดเป็น พยายามให้หุ่นดี เมื่อหุ้นดีแล้วก็จะไม่กลับไปอ้วน เวลาส่องกระจกก็จะชอบ หุ่นดี
กลับมาเรื่องหุ้น
อารมณ์ไหน ที่มี ก็ต้องใช้สติ ระมัดระวัง ค่อยๆใช้สติ กำกับ เช่น ตั้งใจไม่ซื้อ พอดูราคาแล้วเกิดอารมณ์ กระสัน ขึ้นมา อยากซื้อ ก็ระมัดระวัง ควบคุมจิตใจ
พอทำได้สักครั้ง จากที่ไม่เคยควบคุมได้เลย ก็ถือว่าดีแล้ว
แล้วก็ค่อยๆ ระมัดระวัง ควบคุมจิตใจ ให้มากขึ้น
สุดท้าย เมื่อค่อยๆ ทำบ่อยๆ ก็จะชนะใจตัวเอง ทำให้ เมื่อเกิดอารมณ์อยากซื้อ
ก็ไม่ซื้อ เพราะมันเป็นแค่อารมณ์
แล้ว เมื่อควบคุมได้ จะนึกสนุก และขำ คือเริ่มเห็นจิตใจตัวเอง ที่กำลังเคลิ้มไปกับอารมณ์ตลาด
และขณะที่จิตใจสั่งให้ซื้อ หรือขาย มือเริ่มจะกด แล้วเราก็รู้ตัว และขำว่า อืม อย่าเพิ่ง แล้วมันจะผ่านไป
สุดท้าย อารมณ์ก็จะหายไป กลับไปเป็น ไม่รู้สึกอยากซื้ออยากขาย
กลายเป็นดูเฉยๆ กับราคาหุ้น ขึ้นๆลงๆ
..........................................................
อีกวิธีคือ การกำหนด เป้าหมายที่ชัดเจน เช่น เราซื้อหุ้น xx กะว่าอย่างไรก็ตาม จะถือสัก 3 เดือน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะเราคำนวณไว้ว่า ไตรมาสหน้า ประกาศมาดีแน่ ๆ เนื่องจากเหตุผลสารพัดที่เราหามา
พอผ่าน 2 ชั่วโมง เราเริ่มดูราคาหุ้น แล้วดันไปเห็นหุ้นอีกตัว ราคาตกมาเยอะ หรือราคาขึ้นมาเยอะ คิดเคลิ้มไปว่า ขายตัวเดิม มาซื้อตัวนี้ก่อน แล้วค่อยกลับไปซื้อตัวเดิมก็ได้ เพราะตัวเดิม มันไม่เห็นขยับไปไหน
ตรงนี้ คือ เราก็ต้องกลับไปที่แผนเดิม ว่า แต่เดิมเราซื้อแล้ววางแผนไว้อย่างไร ท่องไว้ เราตั้งใจไว้แบบนี้ ต่อให้ตัวใหม่ ที่เป็นโอกาสใหม่เข้ามา เราก็จะไม่ไปยุ่ง เนื่องจาก ตัวเดิมของเรายังไม่ส่งผลของการทำกำไร อย่างที่วางแผนไว้ หากเรามัวแต่วิ่งเข้าตัวนั้น ออกตัวนี้ เราก็ขาดทุนร่ำไป
คิดได้แล้ว ก็ปิดจอ เพราะทางเดียวที่เราจะไม่ไปเจอโอกาสใหม่ คือ เราก็ปิดจอไปเลย
แล้วมานั่งอ่าน tvi
ถ้าปิดจอไม่สำเร็จ อยากขายตัวเดิม อีก ไปซื้อตัวใหม่ ก็ให้ซื้อตัวใหม่ไปเลย บนกระดาษ ซื้อแบบทดลองละกัน
เพราะของจริงเราตั้งใจจะถือ ก็จะได้ทำตามความตั้งใจ ถือว่า เราได้ชนะใจตัวเอง ต่อให้หุ้นไม่ขึ้น เราก็ยังชนะ คือได้ทำตามแผน
ถ้าทำตามแผนแล้วยังขาดทุน แต่เราชนะใจตัวเอง แบบนี้ถือว่า เรากำไรแล้ว
ต่อมาเราก็มาปรับแผน เพื่อให้ทำกำไรได้ เพราะว่า แผนของเราที่วางไว้อาจจะผิด
สิ่งที่สำคัญกว่าแผน คือ การชนะใจตัวเองครับ
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
ศึกษาหาความรู้ก็มาก แต่ทำไม
โพสต์ที่ 12
Jeng เขียน:โค้ด: เลือกทั้งหมด
อีกวิธีคือ การกำหนด เป้าหมายที่ชัดเจน เช่น เราซื้อหุ้น xx กะว่าอย่างไรก็ตาม จะถือสัก 3 เดือน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะเราคำนวณไว้ว่า ไตรมาสหน้า ประกาศมาดีแน่ ๆ เนื่องจากเหตุผลสารพัดที่เราหามา พอผ่าน 2 ชั่วโมง เราเริ่มดูราคาหุ้น แล้วดันไปเห็นหุ้นอีกตัว ราคาตกมาเยอะ หรือราคาขึ้นมาเยอะ คิดเคลิ้มไปว่า ขายตัวเดิม มาซื้อตัวนี้ก่อน แล้วค่อยกลับไปซื้อตัวเดิมก็ได้ เพราะตัวเดิม มันไม่เห็นขยับไปไหน ตรงนี้ คือ เราก็ต้องกลับไปที่แผนเดิม ว่า แต่เดิมเราซื้อแล้ววางแผนไว้อย่างไร ท่องไว้ เราตั้งใจไว้แบบนี้ ต่อให้ตัวใหม่ ที่เป็นโอกาสใหม่เข้ามา เราก็จะไม่ไปยุ่ง เนื่องจาก ตัวเดิมของเรายังไม่ส่งผลของการทำกำไร อย่างที่วางแผนไว้ หากเรามัวแต่วิ่งเข้าตัวนั้น ออกตัวนี้ เราก็ขาดทุนร่ำไป คิดได้แล้ว ก็ปิดจอ เพราะทางเดียวที่เราจะไม่ไปเจอโอกาสใหม่ คือ เราก็ปิดจอไปเลย แล้วมานั่งอ่าน tvi ถ้าปิดจอไม่สำเร็จ อยากขายตัวเดิม อีก ไปซื้อตัวใหม่ ก็ให้ซื้อตัวใหม่ไปเลย บนกระดาษ ซื้อแบบทดลองละกัน เพราะของจริงเราตั้งใจจะถือ ก็จะได้ทำตามความตั้งใจ ถือว่า เราได้ชนะใจตัวเอง ต่อให้หุ้นไม่ขึ้น เราก็ยังชนะ คือได้ทำตามแผน ถ้าทำตามแผนแล้วยังขาดทุน แต่เราชนะใจตัวเอง แบบนี้ถือว่า เรากำไรแล้ว ต่อมาเราก็มาปรับแผน เพื่อให้ทำกำไรได้ เพราะว่า แผนของเราที่วางไว้อาจจะผิด สิ่งที่สำคัญกว่าแผน คือ การชนะใจตัวเองครับ[/quote] เยี่ยมมมมมมมมมมากกกกกกกกก