richdad
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 1
ผมเองเคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกตอน ม.5 (1ปีที่แล้ว)
อ่านแล้วก็ชอบ concept เกี่ยวกับ การให้เงินทำงานแทน
นี้เป็น file เสียงตอน Robert kiyokazi มาบรรยายเมืองไทย มีคนแปลเป็นไทยให้ด้วย
(ผมเอง)
(ฮา)
http://www.savefile.com/files/1252300
ผมอยาก share ให้เพื่อนๆฟัง
ผมชอบที่เขาบอกว่า คนเราต้องมีความกล้า ในตอนแรกของการเริ่มต้นให้เงินทำงานแทน
มี กฎ 2 ข้อ 1.เริ่มแต่น้อยๆก่อน 2.ต้องทำใจว่าจะเสียค่าโง่ เพราะไม่มีประสบการณ์
ผมคิดว่าการลงทุนเอง สำหรับมือใหม่ก็ควรจะเริ่มแต่น้อย และอย่าเพิ่งหวังจะได้ return สูงๆ
(ทำยากนะผมว่า)
Robert พูดว่า ให้รู้จักหาความรู้ทางการเงิน finance ไว้บ้าง อย่าเอาแต่ไปเรียนหนังสือ
เพราะเวลา ไปขอกู้ธนาคารไม่ได้ขอดูเกรดคุณ แต่เค้าจะขอดูสินทรัพย์ หรือ idea ทางธุรกิจ
ผมเองคิดว่า หนังสือพ่อรวยสอนลูก ประยุกต์กับ vi ได้หลายอย่างเช่น
1.คนที่ไม่ทำธุรกิจแต่อยากมีอิสรภาพทางการเงิน ก็เป็นได้โดยเป็น investors ระยะยาว
จะเงินปันผล cover ค่าใช้จ่าย ก็ให้เงินทำงานให้เหมือนกันแต่ไม่ต้องทำธุรกิจ
2.อย่ากลัวที่จะแพ้ ในการก้าวไปเป็นตัว b และ I เพราะว่าการเป็นลูกจ้างก็มีความเสี่ยงเรื่องการจะถูก
บีบให้ออกเมื่อเราอายุมากขึ้น เราต้องกล้าจะออกมาทำอะไรต่างๆด้วยตัวของเราเอง
3.ใครที่เคยเล่นเกมส์ cash flow (มีขายที่ se-ed) ก็จะเคยหยิบโอกาสเล็ก และโอกาสใหญ่ ผมว่าคนที่เล่นเกมส์นี้บ่อยๆ ก็จะช่วยเรื่องการลงทุนได้ เช่น หยิบ โอกาสเล็กออกมา แล้วเขียนว่า หุ้นยาตกหนักเพราะตลาดมีข่าวร้าย หุ้นเหลือ 10 บาท (ปกติอาจจะขายที่50) เราก็กว้านซื้อหุ้นยาไป และเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะมีโอกาสให้เราได้ขายหุ้นยา แพงๆ อืม เหมือนซื้อแบบ contarian พอเราเล่นเกมส์นี้ไปบ่อยๆเราจะเข้าใจว่า ชีวิต จะรวยได้นั้นต้อง รู้จักฉวยโอกาสของชีวิตให้ดี การคว้าโอกาสได้เพียงครั้งเดียว อาจนำคุณ ไปสู่ อิสรภาพทางการเงิน (เหมือนคนซื้อหุ้นตอนหลังวิกฤติปี 40)
4.ผมไม่เห็นด้วย ที่ Robert บอกว่า เค้าไม่ค่อยชอบหุ้นเพราะว่า เค้าควบคุมความเสี่ยงไม่ได้ เขาสั่งให้ บุช ไม่ทำสงครามไม่ได้ สั่งธนาคารกลางไม่ให้ขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ เค้ามองว่าอสังหริมทรัพย์ให้เช่าดีกว่า
อ่านแล้วก็ชอบ concept เกี่ยวกับ การให้เงินทำงานแทน
นี้เป็น file เสียงตอน Robert kiyokazi มาบรรยายเมืองไทย มีคนแปลเป็นไทยให้ด้วย
(ผมเอง)
(ฮา)
http://www.savefile.com/files/1252300
ผมอยาก share ให้เพื่อนๆฟัง
ผมชอบที่เขาบอกว่า คนเราต้องมีความกล้า ในตอนแรกของการเริ่มต้นให้เงินทำงานแทน
มี กฎ 2 ข้อ 1.เริ่มแต่น้อยๆก่อน 2.ต้องทำใจว่าจะเสียค่าโง่ เพราะไม่มีประสบการณ์
ผมคิดว่าการลงทุนเอง สำหรับมือใหม่ก็ควรจะเริ่มแต่น้อย และอย่าเพิ่งหวังจะได้ return สูงๆ
(ทำยากนะผมว่า)
Robert พูดว่า ให้รู้จักหาความรู้ทางการเงิน finance ไว้บ้าง อย่าเอาแต่ไปเรียนหนังสือ
เพราะเวลา ไปขอกู้ธนาคารไม่ได้ขอดูเกรดคุณ แต่เค้าจะขอดูสินทรัพย์ หรือ idea ทางธุรกิจ
ผมเองคิดว่า หนังสือพ่อรวยสอนลูก ประยุกต์กับ vi ได้หลายอย่างเช่น
1.คนที่ไม่ทำธุรกิจแต่อยากมีอิสรภาพทางการเงิน ก็เป็นได้โดยเป็น investors ระยะยาว
จะเงินปันผล cover ค่าใช้จ่าย ก็ให้เงินทำงานให้เหมือนกันแต่ไม่ต้องทำธุรกิจ
2.อย่ากลัวที่จะแพ้ ในการก้าวไปเป็นตัว b และ I เพราะว่าการเป็นลูกจ้างก็มีความเสี่ยงเรื่องการจะถูก
บีบให้ออกเมื่อเราอายุมากขึ้น เราต้องกล้าจะออกมาทำอะไรต่างๆด้วยตัวของเราเอง
3.ใครที่เคยเล่นเกมส์ cash flow (มีขายที่ se-ed) ก็จะเคยหยิบโอกาสเล็ก และโอกาสใหญ่ ผมว่าคนที่เล่นเกมส์นี้บ่อยๆ ก็จะช่วยเรื่องการลงทุนได้ เช่น หยิบ โอกาสเล็กออกมา แล้วเขียนว่า หุ้นยาตกหนักเพราะตลาดมีข่าวร้าย หุ้นเหลือ 10 บาท (ปกติอาจจะขายที่50) เราก็กว้านซื้อหุ้นยาไป และเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะมีโอกาสให้เราได้ขายหุ้นยา แพงๆ อืม เหมือนซื้อแบบ contarian พอเราเล่นเกมส์นี้ไปบ่อยๆเราจะเข้าใจว่า ชีวิต จะรวยได้นั้นต้อง รู้จักฉวยโอกาสของชีวิตให้ดี การคว้าโอกาสได้เพียงครั้งเดียว อาจนำคุณ ไปสู่ อิสรภาพทางการเงิน (เหมือนคนซื้อหุ้นตอนหลังวิกฤติปี 40)
4.ผมไม่เห็นด้วย ที่ Robert บอกว่า เค้าไม่ค่อยชอบหุ้นเพราะว่า เค้าควบคุมความเสี่ยงไม่ได้ เขาสั่งให้ บุช ไม่ทำสงครามไม่ได้ สั่งธนาคารกลางไม่ให้ขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ เค้ามองว่าอสังหริมทรัพย์ให้เช่าดีกว่า
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
Re: richdad
โพสต์ที่ 2
ผมว่าที่ โรเบริต คิโยซากิ เค้าพูดก็ถูกในส่วน ของเขานะครับ ........เพราะถ้าเค้าไม่สามารถควบคุมความเสี่ยง เค้าก็ไม่ควรที่จะฝืนทำhongvalue เขียน: 4.ผมไม่เห็นด้วย ที่ Robert บอกว่า เค้าไม่ค่อยชอบหุ้นเพราะว่า เค้าควบคุมความเสี่ยงไม่ได้ เขาสั่งให้ บุช ไม่ทำสงครามไม่ได้ สั่งธนาคารกลางไม่ให้ขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ เค้ามองว่าอสังหริมทรัพย์ให้เช่าดีกว่า
ก็เหมือนกับ วอเรน บัฟเฟต ที่ลงทุนในหุ้นเก่งมากๆๆ แต่เค้าก็ไม่สามารถที่จะเสี่ยง เล่นหุ้น เทคโนโลยี ซึ่งเป็นสิ่งที่เค้าไม่ถนัด หรือไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้ครับ
ปล. คนเราถนัดไม่เหมือนกันครับ บางคนเก่งเรื่องอสังหาริมทรัพย์เพราะเค้าคิดว่า ควบคุมความเสี่ยงได้ เช่น โดนัลด์ ทรัมป
เล่นหุ้น อาศัยปัจจัยพื้นฐานพื้นฐาน เช่น บัฟเฟต
เล่นหุ้นปัจจัย เทคนิค เช่น จอส โซรอส
-
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 4
คิโยซากิ เป็นเหมือนเทียนส่องสว่างเลยครับ......เหมือนบอกลายแทงขุมทรัพย์ให้เลย......สอนหมดทุกการลงทุนเลย ที่ผมชอบ หุ้นก็มาจาก คิโยซากิ) แล้วก็วอร์เรน บัตเฟต ด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 139
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 8
เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Robert มานาน อ่านหนังสือแทบทุกเล่มของ
Robert แต่ Robert จะไม่ค่อยแนะนำให้ลงทุนในหุ้น แต่แนะให้ลงทุน
ในอสังหาริมทรัพย์แทน อาจจะเป็นด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. อสังหาริมทรัพย์ Robert มีอำนาจสามารถคำนวณและควบคุมกระแสเงินสด และอนาคตของธุรกิจได้เอง
2. สามารถใช้การกู้ยืม (Leverage) ทำให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น จาก
เงินก้อนเล็กเพิ่มพูนได้เป็นเงินก้อนใหญ่
3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยการใช้ดอกเบี้ยหักเป็นค่าใช้จ่าย และ
ค่าใข้จ่ายบางอย่างส่วนตัว ก็นำเอามาลงเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทซะ
ซึ่งที่บ้านผมที่ดำเนินธุรกิจหอพัก และอพาร์ทเมนท์ ก็ทำในลักษณะนี้
บางทีค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ซื้อรถ ซื้อของบางอย่างก็สามารถเอามาลงเป็นของบริษัทเพื่อหักค่าเสื่อมราคาได้ด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้น เหตุผลที่ Robert ไม่แนะนำอาจเนื่องมาจาก
1. อนาคตของหุ้นจะขึ้นอยู่กับตัวธุรกิจและผู้บริหารของบริษัท เรียก
ว่าฝากความหวังและอนาคตไว้กับมือคนอื่น ซึ่งความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับ
การวิเคราะห์ธุรกิจ และผู้บริหาร
2. เสียภาษีกำไรจากเงินปันผล และใน USA. จะต้องเสียภาษีจาก
Capital Gain ด้วย ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมอาจไม่ได้มากเท่าอสังหาริมทรัพย์
3. Rebert เปรียบหุ้น เสมือนการฝากเงินไว้กับคนอื่น และท้ายที่สุด
จะมี Cowboy มาขโมยเงินก้อนนี้ไป (เวลาตลาดตกต่ำ)
แต่ความจริงที่ผมอ่าน Robert ก็มีการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะหุ้นเล็กๆ
โตเร็ว หรือหุ้นเพิ่งเข้าตลาด IPO ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้รวดเร็ว แต่เขาก็ไม่ได้บอกวิธีการเอาไว้
เทคนิคของ Robert คือพยายามให้เงินเคลื่อนไหวให้รวดเร็วมากที่สุด
และพยายามเพิ่มผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็วที่สุดโดยให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
เนื่องจากอ่านเยอะทั้ง Robert และ Warren Buffet ก็เลยอยากจะทราบความคิดเห็นเพื่อนๆ ถึงแนวทาง VI กับแนวทางของ Robert คือ
1. การลงทุนแบบ VI ของ Warrent Buffet จะช้าเหมือนตัวสล๊อต คือลงทุน
แบบทำธุรกิจ ถือหุ้นอย่างยาวนาน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนทบต้น ไม่ซื้อขายบ่อยครั้งเพื่อไม่เสียค่า Com ซึ่งก็พิสูจน์แล้วครับ แต่ต้องใช้เวลาและความอดทนที่ค่อนข้างยาวนานกว่า อาจจะต้องรอคอยประมาณ 10 ปี กับแนวทางของ Robert ทีเน้นให้เงินเคลื่อนไหวด้วยวิธีการต่างๆ และทำผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว
Robert แต่ Robert จะไม่ค่อยแนะนำให้ลงทุนในหุ้น แต่แนะให้ลงทุน
ในอสังหาริมทรัพย์แทน อาจจะเป็นด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. อสังหาริมทรัพย์ Robert มีอำนาจสามารถคำนวณและควบคุมกระแสเงินสด และอนาคตของธุรกิจได้เอง
2. สามารถใช้การกู้ยืม (Leverage) ทำให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น จาก
เงินก้อนเล็กเพิ่มพูนได้เป็นเงินก้อนใหญ่
3. สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยการใช้ดอกเบี้ยหักเป็นค่าใช้จ่าย และ
ค่าใข้จ่ายบางอย่างส่วนตัว ก็นำเอามาลงเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทซะ
ซึ่งที่บ้านผมที่ดำเนินธุรกิจหอพัก และอพาร์ทเมนท์ ก็ทำในลักษณะนี้
บางทีค่าใช้จ่ายบางอย่าง เช่น ซื้อรถ ซื้อของบางอย่างก็สามารถเอามาลงเป็นของบริษัทเพื่อหักค่าเสื่อมราคาได้ด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้น เหตุผลที่ Robert ไม่แนะนำอาจเนื่องมาจาก
1. อนาคตของหุ้นจะขึ้นอยู่กับตัวธุรกิจและผู้บริหารของบริษัท เรียก
ว่าฝากความหวังและอนาคตไว้กับมือคนอื่น ซึ่งความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับ
การวิเคราะห์ธุรกิจ และผู้บริหาร
2. เสียภาษีกำไรจากเงินปันผล และใน USA. จะต้องเสียภาษีจาก
Capital Gain ด้วย ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมอาจไม่ได้มากเท่าอสังหาริมทรัพย์
3. Rebert เปรียบหุ้น เสมือนการฝากเงินไว้กับคนอื่น และท้ายที่สุด
จะมี Cowboy มาขโมยเงินก้อนนี้ไป (เวลาตลาดตกต่ำ)
แต่ความจริงที่ผมอ่าน Robert ก็มีการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะหุ้นเล็กๆ
โตเร็ว หรือหุ้นเพิ่งเข้าตลาด IPO ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้รวดเร็ว แต่เขาก็ไม่ได้บอกวิธีการเอาไว้
เทคนิคของ Robert คือพยายามให้เงินเคลื่อนไหวให้รวดเร็วมากที่สุด
และพยายามเพิ่มผลตอบแทนได้อย่างรวดเร็วที่สุดโดยให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
เนื่องจากอ่านเยอะทั้ง Robert และ Warren Buffet ก็เลยอยากจะทราบความคิดเห็นเพื่อนๆ ถึงแนวทาง VI กับแนวทางของ Robert คือ
1. การลงทุนแบบ VI ของ Warrent Buffet จะช้าเหมือนตัวสล๊อต คือลงทุน
แบบทำธุรกิจ ถือหุ้นอย่างยาวนาน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนทบต้น ไม่ซื้อขายบ่อยครั้งเพื่อไม่เสียค่า Com ซึ่งก็พิสูจน์แล้วครับ แต่ต้องใช้เวลาและความอดทนที่ค่อนข้างยาวนานกว่า อาจจะต้องรอคอยประมาณ 10 ปี กับแนวทางของ Robert ทีเน้นให้เงินเคลื่อนไหวด้วยวิธีการต่างๆ และทำผลตอบแทนอย่างรวดเร็ว
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 9
ถ้าฟังแล้วดีก็บอกด้วยนะ ว่างๆ จะมา upload ให้ฟังอีกอัน robert เหมือนกัน
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 12
[quote="bikkii"]ผมเองเคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกตอน ม.5 (1ปีที่แล้ว)
10 years ago na krub :lol:
10 years ago na krub :lol:
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- cryptonian_man
- Verified User
- โพสต์: 585
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 13
ผมได้แรงบันดาลใจในการหาอิสรภาพทางการเงินจากหนังสือพ่อรวยเหมือนกันครับ แม้ว่าพ่อรวยจะไม่ได้บอกว่าให้เราทำอะไรเพื่อให้มีเงิน แต่ก้อได้ให้แนวทาง วิธีการหลายแบบที่อาจเหมาะกับบางคนหรือไม่เหมาะกับหลายคน โดยเฉพาะวิธีการที่ดูคล้ายการ arbritage อย่างการซื้อคอนโดที่ถูกขายทอดตลาดด้วยเงินจองแถมเป็นเงินที่ยืมเขามาอีกด้วยแล้วขายต่อให้คนอื่นทันที
เพียงแต่หลายวิธีของพ่อรวยค่อนข้างจะหวือหวาเกินความพร้อมของผม แต่แนวทางการหาโอกาสของเขานั้นน่าสนใจมากครับ อย่างที่เขาบอกว่าเขาสามารถมองหาบ้านที่น่าสนใจ ราคาไม่แพงได้แม้แต่ในที่ๆ ราคาที่ดินสูงมากๆ
ผมว่าการมองหาโอกาสของเขาสามารถนำมาผสานกับแนวทาง VI ได้อย่างดีเลยนะครับ
อ้อ เกือบลืมขอบคุณคุณหงส์ แล้วก้อขอให้อัพไฟล์ตัวต่อๆไปด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณมั่กๆครับ
เพียงแต่หลายวิธีของพ่อรวยค่อนข้างจะหวือหวาเกินความพร้อมของผม แต่แนวทางการหาโอกาสของเขานั้นน่าสนใจมากครับ อย่างที่เขาบอกว่าเขาสามารถมองหาบ้านที่น่าสนใจ ราคาไม่แพงได้แม้แต่ในที่ๆ ราคาที่ดินสูงมากๆ
ผมว่าการมองหาโอกาสของเขาสามารถนำมาผสานกับแนวทาง VI ได้อย่างดีเลยนะครับ
อ้อ เกือบลืมขอบคุณคุณหงส์ แล้วก้อขอให้อัพไฟล์ตัวต่อๆไปด้วยนะครับ จะเป็นพระคุณมั่กๆครับ
เขาว่า "หลังจากปากพองจากการดื่มนมร้อน เราจะเป่าโยเกิร์ตให้เย็นก่อนตักเข้าปาก"
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
แต่ทำไมตรูไม่เข็ด เคาะขวาไวตลอดเนี่ย
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 1
richdad
โพสต์ที่ 16
เป็นหนังสือเล่มแรกที่จุดประกายความคิดเรื่องอิสรภาพทางการเงินสำหรับผมเลยนะทำให้รู้ว่าอันไหนคือทรัพย์สิน กะ หนี้สิน
เพียงแต่ผมมีความสงสัยในเรื่องการทำธุรกิจแบบเค้า (ซื้อ-ขาย ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์) ว่ามันจะใช้ได้กับตลาดบ้านเราหรือป่าว บวกกับกลยุทธ์การใช้วิธีการกู้ยืมด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกไม่เหมาะกับผมเท่าไร จนได้ไปอ่านหนังสือตีแตก เลยหันไปสนใจลงทุนในหุ้นแทน
เพียงแต่ผมมีความสงสัยในเรื่องการทำธุรกิจแบบเค้า (ซื้อ-ขาย ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์) ว่ามันจะใช้ได้กับตลาดบ้านเราหรือป่าว บวกกับกลยุทธ์การใช้วิธีการกู้ยืมด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกไม่เหมาะกับผมเท่าไร จนได้ไปอ่านหนังสือตีแตก เลยหันไปสนใจลงทุนในหุ้นแทน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 19
ชอบแนวความคิดมากๆเลยครับ
รู้สึกว่าเป็นความคิดธรรมดาๆที่ เราๆก็คิดได้
มองว่า เค้าคิดว่าเรายิ่งหาโอกาส หรือ คิดให้มาก
จะทำให้มีโอกาสมากในชีวิต
พวกกราฟทั้งหลายทั้งปวง
จุดประกายชีวิตของผมอย่างมาก
เพราะว่า ทำให้เริ่มคิดถึงว่า เราต้องทำอย่างไร
เพื่อไม่ได้เป็น E หรือ S ตามที่ถูกสั่งสอนมา
ถ้าไม่ได้หนังสือเล่นนี้ ผมอาจยังทำงาน งกๆ ไม่ได้คิดถึงทางเลือกอื่นๆ
มากไปกว่า
เป็นลูกจ้าง แล้วสร้างบริษัท
ทั้งๆที่มันมีทางเลือกอื่นมากกว่านั้น
ทรัพสิน กับ หนี้สิน
ทุกวันนี้ก็ยังใช้นโยบายของ rich dad อยู่เลยครับ
ใครไม่เคยหนังสือเล่มนี้ อยากให้อ่านเลย
เป็นหนังสือในดวงใจเล่นหนึ่งเลยครับ
รู้สึกว่าเป็นความคิดธรรมดาๆที่ เราๆก็คิดได้
มองว่า เค้าคิดว่าเรายิ่งหาโอกาส หรือ คิดให้มาก
จะทำให้มีโอกาสมากในชีวิต
พวกกราฟทั้งหลายทั้งปวง
จุดประกายชีวิตของผมอย่างมาก
เพราะว่า ทำให้เริ่มคิดถึงว่า เราต้องทำอย่างไร
เพื่อไม่ได้เป็น E หรือ S ตามที่ถูกสั่งสอนมา
ถ้าไม่ได้หนังสือเล่นนี้ ผมอาจยังทำงาน งกๆ ไม่ได้คิดถึงทางเลือกอื่นๆ
มากไปกว่า
เป็นลูกจ้าง แล้วสร้างบริษัท
ทั้งๆที่มันมีทางเลือกอื่นมากกว่านั้น
ทรัพสิน กับ หนี้สิน
ทุกวันนี้ก็ยังใช้นโยบายของ rich dad อยู่เลยครับ
ใครไม่เคยหนังสือเล่มนี้ อยากให้อ่านเลย
เป็นหนังสือในดวงใจเล่นหนึ่งเลยครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 0
ครับ
โพสต์ที่ 20
เป็นหนังสือที่ดีมากครับ เป็นการเงินการลงทุนกึ่งๆจิตวิทยาด้วย
ผมคิดว่าวีไอนี่น่าจะอ่านแทบทุกคนแล้วนะครับ ก็ของเค้าดีจริง....
ผมคิดว่าวีไอนี่น่าจะอ่านแทบทุกคนแล้วนะครับ ก็ของเค้าดีจริง....
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 21
[quote="kok2029"]ขอบคุณมากครับ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
- กบนอกกะลา
- Verified User
- โพสต์: 18
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 24
ขอบคูณครับ เดี๋ยวลองไปฟังก่อน
เป็นแฟน richdad เหมือนกัน
อ่านมาเกือบทุกเล่ม ตอนแรกๆก็ๆไม่ค่อยรู้เรื่องแต่กลับมาอ่านซ้ำ
ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอ่านเล่มแรกก่อนเพราะอ่านง่ายและก็ได้แนวคิดดีๆ
ส่วนถ้าอยากได้กำลังใจก็เล่ม Success stories เป็นเรื่องของคนที่ลอง
ดำเนินตามแนวทางพ่อรวยแล้วสำเร็จ อ่านแล้วก็มีกำลังใจดี
:lol:
เป็นแฟน richdad เหมือนกัน
อ่านมาเกือบทุกเล่ม ตอนแรกๆก็ๆไม่ค่อยรู้เรื่องแต่กลับมาอ่านซ้ำ
ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอ่านเล่มแรกก่อนเพราะอ่านง่ายและก็ได้แนวคิดดีๆ
ส่วนถ้าอยากได้กำลังใจก็เล่ม Success stories เป็นเรื่องของคนที่ลอง
ดำเนินตามแนวทางพ่อรวยแล้วสำเร็จ อ่านแล้วก็มีกำลังใจดี
:lol:
::..I wont give up while there's a glimmer of a chance..::
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 25
ผมอ่านหนังสือ series Richdad เกือบจะครบทุกเล่ม คิดว่าบางอย่างดี บางอย่างไม่ดีครับ
แนวคิดเรื่องทรัพย์สิน หนี้สินของ robert ดีครับ
หรือการแบ่งเงิน 4 ด้านก็ดี
เพียงแต่รู้สึกว่าบางแนวคิด จะเกินพอดีไปหน่อยครับ เช่น
1. การให้กู้ยืมเงินมาลงทุนมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ที่แนะนำให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพราะเอามาค้ำประกันเงินกู้ได้ เจ้าหนี้จึงยอมให้กู้ได้ D/E สูงกว่ากู้เงินมาซื้อหุ้น ทำให้ financial risk เพิ่มมหาศาล , Robert เขาโชคดี(หรืออาจจะเก่งจริงก็ไม่อาจทราบได้) ที่ช่วงที่เขากู้เงินมาอย่างมากนั้น ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ยังไม่แตก เท่าที่อ่านมาเขาเหมือนจะเขียนถึงแต่ว่าทรัพย์สินของเขามีมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะที่ดิน หรือ option ไม่ได้พูดถึงว่าที่ดินหรือ option สามารถมีมูลค่าลดลงได้นะครับ และเมื่อมันมีมูลค่าลดลงคูณกับ financial leverage อันมากมายจะเกิดอะไรขึ้น ...
2. ที่สอนว่าคนจะรวยได้ ถ้าอดออม แต่จะต้องใช้ชีวิตอดออมต่อไปเรื่อยๆ เขาจึงแนะนำให้ใช้จ่ายได้ตามปกติ แค่หามากกว่าที่ใช้ก็พอแล้ว ผมว่าแนวคิดนี้ไม่ค่อยจะพอเพียงเท่าไรนะครับ ปัญหามันคือถ้าเราไม่คุมความโลภ ความอยาก ของตัวเอง หามาเท่าไรก็ไม่พอใช้หรอกครับ
3. เขาพยายามบอกว่า เขาและภรรยาทำงานหนักมาก ต้องทนลำบากกว่าจะมีอิสรภาพทางการเงินได้ แล้วสามารถมาใช้ชีวิตสบายๆอย่างเศรษฐีให้คนอ่านอิจฉาเล่น
ผมยังคงถือแนวคิดว่า เดินทางสายกลางดีที่สุด กินอยู่อย่างพอเพียง ใช้จ่ายต่ำกว่าฐานะของตนเอง รู้จักเก็บออม ลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ แบ่งเวลาให้สิ่งอื่นในชีวิตบ้าง ออกกำลังกาย มีเวลาให้กับเพื่อน มีเวลาให้ครอบครัว แม้หนทางสู่อิสระทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราสามารถมุ่งหน้าสู่จุดหมายโดยชื่นชมชีวิตที่ผ่านไประหว่างทางไปพร้อมกันได้ด้วยครับ
แนวคิดเรื่องทรัพย์สิน หนี้สินของ robert ดีครับ
หรือการแบ่งเงิน 4 ด้านก็ดี
เพียงแต่รู้สึกว่าบางแนวคิด จะเกินพอดีไปหน่อยครับ เช่น
1. การให้กู้ยืมเงินมาลงทุนมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ที่แนะนำให้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพราะเอามาค้ำประกันเงินกู้ได้ เจ้าหนี้จึงยอมให้กู้ได้ D/E สูงกว่ากู้เงินมาซื้อหุ้น ทำให้ financial risk เพิ่มมหาศาล , Robert เขาโชคดี(หรืออาจจะเก่งจริงก็ไม่อาจทราบได้) ที่ช่วงที่เขากู้เงินมาอย่างมากนั้น ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ยังไม่แตก เท่าที่อ่านมาเขาเหมือนจะเขียนถึงแต่ว่าทรัพย์สินของเขามีมูลค่าเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะที่ดิน หรือ option ไม่ได้พูดถึงว่าที่ดินหรือ option สามารถมีมูลค่าลดลงได้นะครับ และเมื่อมันมีมูลค่าลดลงคูณกับ financial leverage อันมากมายจะเกิดอะไรขึ้น ...
2. ที่สอนว่าคนจะรวยได้ ถ้าอดออม แต่จะต้องใช้ชีวิตอดออมต่อไปเรื่อยๆ เขาจึงแนะนำให้ใช้จ่ายได้ตามปกติ แค่หามากกว่าที่ใช้ก็พอแล้ว ผมว่าแนวคิดนี้ไม่ค่อยจะพอเพียงเท่าไรนะครับ ปัญหามันคือถ้าเราไม่คุมความโลภ ความอยาก ของตัวเอง หามาเท่าไรก็ไม่พอใช้หรอกครับ
3. เขาพยายามบอกว่า เขาและภรรยาทำงานหนักมาก ต้องทนลำบากกว่าจะมีอิสรภาพทางการเงินได้ แล้วสามารถมาใช้ชีวิตสบายๆอย่างเศรษฐีให้คนอ่านอิจฉาเล่น
ผมยังคงถือแนวคิดว่า เดินทางสายกลางดีที่สุด กินอยู่อย่างพอเพียง ใช้จ่ายต่ำกว่าฐานะของตนเอง รู้จักเก็บออม ลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ แบ่งเวลาให้สิ่งอื่นในชีวิตบ้าง ออกกำลังกาย มีเวลาให้กับเพื่อน มีเวลาให้ครอบครัว แม้หนทางสู่อิสระทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราสามารถมุ่งหน้าสู่จุดหมายโดยชื่นชมชีวิตที่ผ่านไประหว่างทางไปพร้อมกันได้ด้วยครับ
"Many shall be restored that are now fallen and many shall fall that are now in honor."
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
Re: error ครับ T_T
โพสต์ที่ 27
เอายังไงดีครับ คุณก็ช่วยหาเว็บที่ upload ได้มาให้แล้วกัน ผมไม่รู้จะเอาเว็บไหน บางคนก็โหลดได้ รู้สึกบ้านใครใช้ net tot จะโหลดไม่ได้yutarng เขียน:มันขึ้นอย่างนี้ทั้ง 2 ไฟล์เลยครับ แก้ไขยังไงดีขอรับ อยากฟังมาก
"เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือเป็นเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม
จึงขอระงับการเผยแพร่ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น"
เลยไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เหมือนกันนะ
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
-
- Verified User
- โพสต์: 767
- ผู้ติดตาม: 0
richdad
โพสต์ที่ 29
ผมเคยคิดจะอ่านนะ
แต่ว่าเจ้าเพื่อนผม มันทำแอมเวร แล้วมันมายัดเยียดให้อ่านเล่มนี้
ผมเลยไม่อ่านน่ะ เพราะ หลงเข้าใจว่ามันเป็น แนวคิดด้านการขายตรง(ไม่ชอบขายตรงเป็นการส่วนตัว) เลยไม่ได้อ่าน เพราะอคติ
แต่เห็นสมาชิกหลายท่าน พูดๆแล้ว ดูไปก็น่าอ่านเหมือนกันนะครับ คงต้องลองไปหาอ่านดูแล้ว
แต่ว่าเจ้าเพื่อนผม มันทำแอมเวร แล้วมันมายัดเยียดให้อ่านเล่มนี้
ผมเลยไม่อ่านน่ะ เพราะ หลงเข้าใจว่ามันเป็น แนวคิดด้านการขายตรง(ไม่ชอบขายตรงเป็นการส่วนตัว) เลยไม่ได้อ่าน เพราะอคติ
แต่เห็นสมาชิกหลายท่าน พูดๆแล้ว ดูไปก็น่าอ่านเหมือนกันนะครับ คงต้องลองไปหาอ่านดูแล้ว
หุ้นนี่ เรียนรู้ได้ทั้งชีวิต จริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1288
- ผู้ติดตาม: 0
Re: error ครับ T_T
โพสต์ที่ 30
http://www.thupload.com/hongvalue เขียน: เอายังไงดีครับ คุณก็ช่วยหาเว็บที่ upload ได้มาให้แล้วกัน ผมไม่รู้จะเอาเว็บไหน บางคนก็โหลดได้ รู้สึกบ้านใครใช้ net tot จะโหลดไม่ได้
เลยไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เหมือนกันนะ
http://www.uploadtoday.com/
เวบไทย อัพไว โหลดไว
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง