การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
-
beammy
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มปิโตรเคมีในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 4% จากไตรมาส 3 ต่ำกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับขึ้น 1.5% เป็นผลมาจากหุ้นใหญ่อย่าง PTTCH (-3%) และ ATC (-13%) ราคาอ่อนตัวลง โดย ATC หยุดซื้อขายเมื่อ 18 ธันวาคม เพื่อทำการควบรวมกับ RRC ทำให้มีการขายออกมาก่อน รวมทั้งนักลงทุนก็กังวลกับการดำเนินงาน หลังราคาปิโตรเลียมขึ้นสูงกดดันการทำกำไรได้
หุ้น IRP โดดเด่นสุดใน Q4 จากข่าวการเข้าซื้อกิจการในยุโรปเข้ามาเพิ่ม 2 แห่ง สำหรับทั้งปี 2550 หุ้นกลุ่มปิโตรฯ +64% ดีกว่าตลาดรวมที่เพิ่มขึ้น 26% เรามองราคาปิโตรเคมียังดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 นี้ ก่อนที่อาจชะลอลงในครึ่งหลัง จากความต้องการใช้ชะลอลงหลังผ่านโอลิมปิกที่จีนไป รวมทั้งเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐแนวโน้มชะลอตัว
สำหรับผลประกอบการปิโตรเคมี 3 บริษัท เราประมาณกำไรรวมใน Q4 จะเพิ่มขึ้นเพียง 2%QoQ จาก Q3 โดยมาจาก PTTCH แต่กำไรรวม +31% YoY โดยทุกบริษัททำได้ดี โดยเฉพาะ TPC ที่กำไรเติบโตมากสุดจาก Q4/06 ผลจากราคา PVC ที่สูงขึ้น รวมทั้งปริมาณขาย
ด้าน PTTCH ก็เพิ่มขึ้นจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ MEG ก็พุ่งขึ้นรุนแรง ด้าน IRP กำไร Q4 เพิ่มขึ้น 36%YoY จากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น ถ้ามองกำไรทั้งปี 2550 แล้ว โดยภาพรวมของกลุ่มชะลอลง ถ่วงโดย PTTCH เป็นหลัก ขณะที่ IRP รับผลจากกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
ปี 2550 ประเมินราคา Ethylene เฉลี่ยไว้สูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย 2% อยู่ที่ 1178 ดอลลาร์/ตัน ส่วนระยะยาวกำลังผลิตใหม่ในตลาดโลกจะเข้ามาล่าช้ากว่าแผน ทำให้ยืดวงจรราคาออกไปอีก ด้านราคา HDPE ทำได้ดีในปี 2550 โดยจะสูงกว่าปีก่อนหน้าราว 9.7% และที่โดดเด่นมากก็คือ MEG ที่ราคาพุ่งขึ้น 24% จากปัญหาด้านอุปทาน ส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่อ้างอิงคือ Naphtha ก็เพิ่มขึ้นแรงถึง 21% ตามราคาน้ำมัน แต่ PTTCH ที่ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบส่วนใหญ่ จึงไม่ได้รับผลกระทบนัก PTTCH ยังมีกำลังผลิตโอเลฟินส์เข้ามาเพิ่มในปี 2550 รวมทั้งยังเดินหน้ารุกทำผลิตภัณฑ์ขั้นปลายเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาปิโตรเคมี
ด้านผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ ปี 2550 ที่ผ่านมา ราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีน PX ทรงตัวจากปี 2550 แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงกว่า 1,100 ดอลลาร์ ขณะที่เบนซีน BZ ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากราว 17% ส่วนราคาวัตถุดิบคอนเดนเสทเพิ่มขึ้น 7% ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ต่อวัตถุดิบก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วยราว 5%
สำหรับแนวโน้มกำไรของกลุ่มในปี 2551 นี้ คาด 3 บริษัทใหญ่จะเติบโตราว 22% นำโดย PTTCH และ IRP หุ้น PTTCH พื้นฐานแข็งแกร่ง กำลังการผลิตเพิ่ม ราคาโอเลฟินส์ยังสูง แม้ปีก่อนจะมีการหยุดโรงงานในครึ่งแรก ทำให้กำไรปี 2550 ลดลงราว 9% แต่คาดจะปรับเพิ่มขึ้นในปี 2551 นี้ถึง 23% สู่ระดับ 1.93 หมื่นล้านบาท เราให้มูลค่าไว้ที่ 155 บาท หุ้น IRP ก็โดดเด่นด้วยการเติบโต รับปัจจัยจากกำลังผลิต PET ที่เพิ่มขึ้น หนุนกำไรเติบโต 31% ในปี 2550 และโตอีก 91% เป็น 1.96 พันล้านบาท ในปี 2551 นี้ เราประเมินราคาหุ้นที่ 12.5 บาท
ส่วนหุ้น TPC ดีขึ้นมากใน 2H/50 หลังราคา PVC พุ่งขึ้น เราคาดกำไรปี 2550 เพิ่มขึ้นราว 5% เป็น 2.59 พันล้านบาท และคาดจะชะลอ 5% ปีนี้ ที่ระดับ 2.46 พันล้านบาท เราประเมินราคา 24.50 บาท จาก DFCF ใช้ WACC 10.5%
หมายเหตุ - บทความนี้ต่อจากวิเคราะห์วันที่ 21 มกราคม 2551
+++
Net profit 4Q06 3Q07 4Q07 F % QoQ % YoY 2006 2007 F % YoY
IRP 187 265 254 (4.4%) 35.8% 784 1,029 31.1%
PTTCH 4,357 5,043 5,300 5.1% 21.6% 17,306 15,752 (9.0%)
TPC 403 1,044 907 (13.1%) 124.8% 2,472 2,592 4.9%
Total 4,947 6,352 6,460 1.7% 30.6% 20,562 19,373 (5.8%)
+++
Net Profit (Bt mil) Growth % PE (x) PBV Yield Price (Bt) Rec.
06 07F 08F 07F 08F 07F 08F (x) (%) Target Market % Dif
IRP 784 1,029 1,962 31.1% 90.8% 12.6 6.6 2.4 2.4% 12.50 9.40 -25% Buy
PTTCH 17,306 15,752 19,308 -9.0% 22.6% 10.2 8.3 1.7 4.2% 155.00 108.00 -30% Buy
TPC 2,472 2,592 2,462 4.9% -5.0% 6.6 6.9 1.4 9.2% 24.50 19.50 -20% Buy
Total 20,562 19,373 23,733 -5.8% 22.5% 9.9 8.1 1.7 4.5%
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ บิสวีค 8) ...