ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 76
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 1
ตามแนวทางของคุณ เทพ รุ่งธนาภิรมย์ ...ที่เน้นปันผลมากกว่า
เพราะกระแสเงินสด เป็นสิ่งสำคัญ การซื้อหุ้นดีได้ราคาถูก
เพื่อขายในราคาเกินพื้นฐานในอนาคต ไม่ใช่เป้าหมาย
แต่จุดหมายคือต้องการเงินปันผล เพื่อนำมาเป็นเงินรายได้ของเรา
ผมศึกษาดูพบว่า...หากราคาหุ้น...ขึ้นมาเกิน 100% ถือว่าคุ้มทุน
หลังจากนั้นคุณเทพจะนำเงินต้นออกมา...โดยใช้วิธีคลายเครียด
คือจะขายหุ้นบางส่วน เพื่อนำเงินต้นทุนออก หุ้นที่เหลือถือรับปันผล
ถือว่าเสร็จงานแล้ว...ทีนี้ก็เอาส่วนที่เป็นต้นทุนกลับไปลงทุนใหม่
ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังศึกษาหาความรู้การลงทุนอยู่
...สะสมหุ้นห่านทองคำ เพื่อรวบรวมปันผลเป็นเงินก้อน
เอาไว้ลงทุนครั้งใหญ่เมื่อเรามีความรู้เพิ่มขึ้น
ไม่ทราบว่า ท่านอื่นคิดอย่างไรครับ ใครใช้วิธีนี้บ้างครับ
เพราะกระแสเงินสด เป็นสิ่งสำคัญ การซื้อหุ้นดีได้ราคาถูก
เพื่อขายในราคาเกินพื้นฐานในอนาคต ไม่ใช่เป้าหมาย
แต่จุดหมายคือต้องการเงินปันผล เพื่อนำมาเป็นเงินรายได้ของเรา
ผมศึกษาดูพบว่า...หากราคาหุ้น...ขึ้นมาเกิน 100% ถือว่าคุ้มทุน
หลังจากนั้นคุณเทพจะนำเงินต้นออกมา...โดยใช้วิธีคลายเครียด
คือจะขายหุ้นบางส่วน เพื่อนำเงินต้นทุนออก หุ้นที่เหลือถือรับปันผล
ถือว่าเสร็จงานแล้ว...ทีนี้ก็เอาส่วนที่เป็นต้นทุนกลับไปลงทุนใหม่
ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังศึกษาหาความรู้การลงทุนอยู่
...สะสมหุ้นห่านทองคำ เพื่อรวบรวมปันผลเป็นเงินก้อน
เอาไว้ลงทุนครั้งใหญ่เมื่อเรามีความรู้เพิ่มขึ้น
ไม่ทราบว่า ท่านอื่นคิดอย่างไรครับ ใครใช้วิธีนี้บ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 493
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 2
ผมคิดใช้วิธีนี้กับบัญชี margin ครับ... ซื้อตัวที่อาจจะแนวโน้มโต แล้วปันผลเยอะ... เอาปันผลมาโปะส่วนกู้ แล้วหากพอราคาขึ้นมากๆ ก็ขายบางส่วนทิ้งเพื่อล้างหนี้ เหลือหุ้นฟรีใน port ไว้กิน dividend ตลอดไปครับ
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 3
หุ้นห่านทองคำ เป็นยังไงครับ? ที่ผมเรียนรู้มาคือ
ตามงบกระแสเงินสด Operating Cashflow เป็นบวก Investment CF ไม่มากนัก ทำให้มี Free Cashflow สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Market Cap และสุดท้าย Financial Cashflow ติดลบจากการปันผลเท่านั้นเพราะไม่มีหนี้สินต้องชำระ
ผมชอบหุ้นแบบนี้นะ แต่ใน port มีแค่ 1 ตัวที่น่าจะโตเป็นห่านได้หลังจากชำระหนี้หมดในอีก 5-6 ปีข้างหน้า
ตามงบกระแสเงินสด Operating Cashflow เป็นบวก Investment CF ไม่มากนัก ทำให้มี Free Cashflow สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Market Cap และสุดท้าย Financial Cashflow ติดลบจากการปันผลเท่านั้นเพราะไม่มีหนี้สินต้องชำระ
ผมชอบหุ้นแบบนี้นะ แต่ใน port มีแค่ 1 ตัวที่น่าจะโตเป็นห่านได้หลังจากชำระหนี้หมดในอีก 5-6 ปีข้างหน้า
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 4
ทำไมราคาหุ้นเกิน 100% แล้วต้องขายหุ้นบางส่วนออกด้วยละครับJ o r n เขียน:ผมศึกษาดูพบว่า...หากราคาหุ้น...ขึ้นมาเกิน 100% ถือว่าคุ้มทุน
หลังจากนั้นคุณเทพจะนำเงินต้นออกมา...โดยใช้วิธีคลายเครียด
คือจะขายหุ้นบางส่วน เพื่อนำเงินต้นทุนออก หุ้นที่เหลือถือรับปันผล
ถือว่าเสร็จงานแล้ว...ทีนี้ก็เอาส่วนที่เป็นต้นทุนกลับไปลงทุนใหม่
แล้วถ้ากำไรไม่ถึง 100% แล้วขายหุ้นออกไม่ได้หรือ
ผมว่าเราจะขายหุ้นออกหรือไม่ ควรจะมีเหตุผลที่ดีกว่า
ไม่ควรที่จะยึดติดกับต้นทุนที่เราซื้อเลย
วิธีนี้ คนที่จะประสบความสำเร็จอย่างที่คุณพูดไว้ คงไม่ใช่คนที่กำลังศึกษาหาความรู้แล้วละครับJ o r n เขียน:ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังศึกษาหาความรู้การลงทุนอยู่
...สะสมหุ้นห่านทองคำ เพื่อรวบรวมปันผลเป็นเงินก้อน
เอาไว้ลงทุนครั้งใหญ่เมื่อเรามีความรู้เพิ่มขึ้น
ไม่ทราบว่า ท่านอื่นคิดอย่างไรครับ ใครใช้วิธีนี้บ้างครับ
เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจอย่างมากทีเดียว
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 5
ผมคิดว่าคุณรุ่งท่านต้องการเสนอแนวคิดการลงทุนให้เข้าใจง่ายๆเท่านั้นเอง
เพราะวิธีนี้ง่ายต่อการเข้าใจ มีเหตุมีผล น่าจะเหมาะกับคนที่เริ่มลงทุนใหม่ๆ ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ก็เหมือนอย่างที่ท่านเขียนและนักลงทุนมีประสบการณ์จะรู้ดีคือประเด็นต่อมาต้องดูคุณภาพของปันผล ซึ่งสุดท้ายก็ต้องไปดูพื้นฐาน วิเคราะห์ธุรกิจของบริษัทอยู่ดี
ถ้าดูผลตอบแทนเงินปันผลอย่างเดียวแล้วซื้อ ไม่ได้วิเคราะห์ธุรกิจเราอาจจะมีบทเรียนแบบ cei fancy cpl ก็ได้ หรืออาจจะไปเจอหุ้นที่มีกำไรดีเป็นพิเศษแล้วจ่ายปันผลเยอะบางปีเท่านั้นเช่น cmo chuo pap ซึ่งปีต่อๆมากำไรลดลงฮวบฮาบ ราคาหุ้นก็ลดลง คนถือขาดทุนไม่คุ้มกับเงินปันผล
ส่วนแนวคิดการรับปันผลเพื่อลดต้นทุนหุ้นที่ถือ ผมคิดว่ามันแปลกๆครับ ไม่รู้เหมือนที่เคยอ่านหนังสือจิตวิทยาของคุณเวปที่ว่าเป็นการยึดติดทางจิตวิทยาหรือเปล่า และผมก็ไม่เห็นด้วยในแนวคิดการแยกผลตอบแทนเงินปันผลออกจากกำไรส่วนต่างราคา เพราะเป็นเงินเหมือนกัน กำไรเหมือนกัน ใช้จ่ายได้เหมือนกัน กำไรส่วนต่างก็ลดต้นทุนหุ้นได้เหมือนกัน ทำไมต้องใช้แค่เงินปันผล หรือถ้าเราได้ผลตอบแทนจากปันผลหุ้นตัวนึง 10% แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาจากหุ้นอีกตัว 50% เป็นผมคงไม่รังเกียจที่จะถือตัวที่สองแน่ๆ :lol:
เพราะวิธีนี้ง่ายต่อการเข้าใจ มีเหตุมีผล น่าจะเหมาะกับคนที่เริ่มลงทุนใหม่ๆ ซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ก็เหมือนอย่างที่ท่านเขียนและนักลงทุนมีประสบการณ์จะรู้ดีคือประเด็นต่อมาต้องดูคุณภาพของปันผล ซึ่งสุดท้ายก็ต้องไปดูพื้นฐาน วิเคราะห์ธุรกิจของบริษัทอยู่ดี
ถ้าดูผลตอบแทนเงินปันผลอย่างเดียวแล้วซื้อ ไม่ได้วิเคราะห์ธุรกิจเราอาจจะมีบทเรียนแบบ cei fancy cpl ก็ได้ หรืออาจจะไปเจอหุ้นที่มีกำไรดีเป็นพิเศษแล้วจ่ายปันผลเยอะบางปีเท่านั้นเช่น cmo chuo pap ซึ่งปีต่อๆมากำไรลดลงฮวบฮาบ ราคาหุ้นก็ลดลง คนถือขาดทุนไม่คุ้มกับเงินปันผล
ส่วนแนวคิดการรับปันผลเพื่อลดต้นทุนหุ้นที่ถือ ผมคิดว่ามันแปลกๆครับ ไม่รู้เหมือนที่เคยอ่านหนังสือจิตวิทยาของคุณเวปที่ว่าเป็นการยึดติดทางจิตวิทยาหรือเปล่า และผมก็ไม่เห็นด้วยในแนวคิดการแยกผลตอบแทนเงินปันผลออกจากกำไรส่วนต่างราคา เพราะเป็นเงินเหมือนกัน กำไรเหมือนกัน ใช้จ่ายได้เหมือนกัน กำไรส่วนต่างก็ลดต้นทุนหุ้นได้เหมือนกัน ทำไมต้องใช้แค่เงินปันผล หรือถ้าเราได้ผลตอบแทนจากปันผลหุ้นตัวนึง 10% แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาจากหุ้นอีกตัว 50% เป็นผมคงไม่รังเกียจที่จะถือตัวที่สองแน่ๆ :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 6
ผมใช้ หุ้นห่านทองคำ เหมือนกัน กับหุ้นบ้างตัวนะครับ
หลักการของ อ.เทพ คือ การลดต้นทุนอยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสครับ..
เพื่อเพิ่ม % ปันผล จากหุ้นที่ถืออยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องรอถึง 100% หรือ เกิน 100%
ตัวอย่างเช่น ราคาขึ้นมาถึง 30% อาจจะตัดขายออกไปครึ่งนึง เพื่อให้ต้นทุนที่ถืออยู่ลดลง 30% เป็นต้น
พอราคาลง ก็ซื้อเพิ่ม เพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง และทำให้ %ปันผลสูงขึ้น
จะว่าไปมันก็คือหลักของ VI สายนึงนั่นแหละครับ
ที่ต้องหามูลค่าของหุ้นก่อน แล้วซื้อในราคาที่ต่ำกว่า และดูแนวโน้มการเติบโตควบคู่กันไป
หลักการของ อ.เทพ คือ การลดต้นทุนอยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสครับ..
เพื่อเพิ่ม % ปันผล จากหุ้นที่ถืออยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องรอถึง 100% หรือ เกิน 100%
ตัวอย่างเช่น ราคาขึ้นมาถึง 30% อาจจะตัดขายออกไปครึ่งนึง เพื่อให้ต้นทุนที่ถืออยู่ลดลง 30% เป็นต้น
พอราคาลง ก็ซื้อเพิ่ม เพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง และทำให้ %ปันผลสูงขึ้น
จะว่าไปมันก็คือหลักของ VI สายนึงนั่นแหละครับ
ที่ต้องหามูลค่าของหุ้นก่อน แล้วซื้อในราคาที่ต่ำกว่า และดูแนวโน้มการเติบโตควบคู่กันไป
-
- Verified User
- โพสต์: 52
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 7
เอ แต่ในหนังสือหุ้นห่านทองคำของ คุณ เทพ นั้น เค้าใช้วิธี หามูลค่าหุ้น จาก dividend นะคับ แปลว่าหุ้นที่เราควรจะลงทุนต้องเป็นหุ้นปันผลอย่างเดียวหรือเปล่า?
แต่แล้วถ้าเป็นหุ้นโตเร็วเนี่ย มันจะสะท้อนภาพความจริง เหมือนที่คุณเทพ ทำหรือคับ? แต่ถ้าดูที่หลักการก็น่าจะเหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นะ.
VI มือใหม่คับ ฝากตัวด้วย 8)
แต่แล้วถ้าเป็นหุ้นโตเร็วเนี่ย มันจะสะท้อนภาพความจริง เหมือนที่คุณเทพ ทำหรือคับ? แต่ถ้าดูที่หลักการก็น่าจะเหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นะ.
VI มือใหม่คับ ฝากตัวด้วย 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 8
ผมว่าต้องประยุกต์ใช้อะครับ
ผมชอบถือหุ้นปันผล ที่มีประวัติจ่ายมาต่อเนื่องมายาวนาน
เเละจ่ายจากผลกำไร ไม่ใช่กู้มาจ่าย
ผมเชื่อว่าปันผล มันเหมือน Float อะครับทำให้เรามีเงินสดพอที่จะไปหา กิจการดีๆ ในสถาการณ์เเย่ๆได้
ไม่งั้นเราต้องขายหุ้นตัวเดิมไปซื้อตัวใหม่ อาจจะทำให้เสียโอกาศตัวเดิมได้
8) 8)
ผมชอบถือหุ้นปันผล ที่มีประวัติจ่ายมาต่อเนื่องมายาวนาน
เเละจ่ายจากผลกำไร ไม่ใช่กู้มาจ่าย
ผมเชื่อว่าปันผล มันเหมือน Float อะครับทำให้เรามีเงินสดพอที่จะไปหา กิจการดีๆ ในสถาการณ์เเย่ๆได้
ไม่งั้นเราต้องขายหุ้นตัวเดิมไปซื้อตัวใหม่ อาจจะทำให้เสียโอกาศตัวเดิมได้
8) 8)
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 44
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 9
(ในหนังสือ) อ.เทพ แกจะใช้ข้อมูลในอดีตมาหาแนวโน้มของ EPS ในปีต่อๆไปครับ และดูประวัติการจ่ายปันผลว่าสม่ำเสมอแค่ไหน และประมาณกี่ % ของ EPS ก็คือควรจะเป็นหุ้นที่สามารถจ่ายปันผลได้ค่อยข้างชัวร์แหละครับ.. ถึงจะเจอตัวดีๆแต่ไม่ยอมปันผลแกก็ไม่เอาครับKopprakhun เขียน:เอ แต่ในหนังสือหุ้นห่านทองคำของ คุณ เทพ นั้น เค้าใช้วิธี หามูลค่าหุ้น จาก dividend นะคับ แปลว่าหุ้นที่เราควรจะลงทุนต้องเป็นหุ้นปันผลอย่างเดียวหรือเปล่า?
แต่แล้วถ้าเป็นหุ้นโตเร็วเนี่ย มันจะสะท้อนภาพความจริง เหมือนที่คุณเทพ ทำหรือคับ? แต่ถ้าดูที่หลักการก็น่าจะเหมาะสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่นะ.
VI มือใหม่คับ ฝากตัวด้วย 8)
ถ้าเป็นหุ้นโตเร็ว อ.เทพ แกจะยอมเอา ปันผลน้อยลงไปตามสัดส่วนครับ... จะได้ตามนั้นจริงๆหรือไม่เนี่ยก็คงอยู่ที่มองอนาคตได้แม่นยำแค่ไหนล่ะครับ..
ไม่มีสูตรตายตัวครับ..
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 10
ผมก็อยากจะบอกว่าgehirn เขียน:หลักการของ อ.เทพ คือ การลดต้นทุนอยู่เสมอ ถ้ามีโอกาสครับ..
เพื่อเพิ่ม % ปันผล จากหุ้นที่ถืออยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องรอถึง 100% หรือ เกิน 100%
ตัวอย่างเช่น ราคาขึ้นมาถึง 30% อาจจะตัดขายออกไปครึ่งนึง เพื่อให้ต้นทุนที่ถืออยู่ลดลง 30% เป็นต้น
พอราคาลง ก็ซื้อเพิ่ม เพื่อเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง และทำให้ %ปันผลสูงขึ้น
จะว่าไปมันก็คือหลักของ VI สายนึงนั่นแหละครับ
ที่ต้องหามูลค่าของหุ้นก่อน แล้วซื้อในราคาที่ต่ำกว่า และดูแนวโน้มการเติบโตควบคู่กันไป
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 11
เท่าที่ผมอ่านมาทั้ง2เล่ม
ที่จริงอ.เทพ ท่านไม่ได้เอาเรื่องเงินปันผลมาเกี่ยวกับการลดต้นทุนหุ้นครับ
และท่านก็สอนให้เลือกหุ้นโดยดูส่วนประกอบอื่นๆด้วย โดยเฉพาะงบการเงินในแบบต่างๆ ลองอ่านเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ และพรมวิเศษ ดูอีกทีนะครับ เป็นการเปรียบเทียบเรื่องงบการเงินให้จำหลักการแบบง่ายๆ เช่น กระแสเงินสดแทนด้วยน้ำ ต้นทุนแทนด้วยดิน หนี้แทนด้วยไฟ สินค้าแทนด้วยลม(ที่พัดพาเรือสำเภา)
เรื่องเกี่ยวกับเงินปันผล ท่านอธิบายในทำนองว่าท่านชอบหุ้นที่ทำกำไรได้แล้วนำมาปันผลมากกว่า หุ้นที่ไม่ค่อยยอมปันผล และการปันผลก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการคัดบริษัทที่เราจะลงทุนในเบื้องต้น เล่มที่2ท่านจะอธิบายละเอียดขึ้น ในแง่การวัดผลงานของCEO ของบริษัท เก่งมากหรือน้อย โดยมองผ่านการวัดค่าROE และ ROA ว่าสามารถใช้ประสิทธิภาพจากเงินลงทุนทำกำไรได้มากแค่ไหน ไม่ใช่เก็บเงินกำไรเป็นต้นทุนไปเรื่อยๆโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครเลย หรือไม่ค่อยยอมปันผล และไม่นำไปเพิ่มผลกำไรให้มีประโยชน์กว่านี้ก็ควรนำเงินกำไรนั้นออกมาปันผลให้ผู้ลงทุนจะดีกว่า
ส่วนเรื่องการขายหุ้นบางส่วนออกมาเพื่อลดต้นทุนลงไปเรื่อยๆจนต้นทุนกลายเป็น0 เหมือนได้หุ้นมาเก็บกินปันผลแบบฟรีๆ ....ผมคิดว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่เหมาะสมกับมือใหม่และลักษณะตลาดของเมืองไทยมาก
....คือผมอ่านแล้วคิดตาม อธิบายตามที่ผมพอเข้าใจตามนี้ครับ การได้กำไรในระดับหนึ่งจากราคาหุ้น(อาจจะ30%ขึ้น หรือได้กำไรในเวลาสั้นๆ หรือรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจกับราคาหุ้นในขณะนั้น)ให้ลดความเสี่ยงลงด้วยการขายออกมาบางส่วน ไม่จำเป็นต้องขายทั้งหมด เพราะ ถ้าหลังจากนั้นหุ้นราคาตก ท่านก็ยังมีเงินส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม(แถมกำไรปนมาด้วย) แต่ถ้าหุ้นขึ้นต่อ ท่านก็จะไม่เสียดายว่าขายหุ้นทิ้งไปหมดแล้ว ....ผมว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่ทำให้กล้าที่จะขายและซื้อหุ้นในเวลาหนึ่งๆ แทนที่จะถืออย่างเดียวจนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะขายหรือถือต่อดี ในขณะที่มีเป้าหมายหลักในการซื้อขายหุ้นเพื่อให้ต้นทุนกลายเป็น0ในที่สุด....และสภาพตลาดบ้านเรามักมีจังหวะที่คาดไม่ถึงให้หุ้นตกอยู่เนืองๆ การมีเงินสดเก็บไว้บ้าง ก็จะปลอดภัยกว่า ดีกว่าติดหุ้นทั้งหมดแล้วทำอะไรไม่ได้ตอนที่มีโอกาสจะซื้อเพิ่ม
สำหรับมือเก่าที่มองภาพทะลุปรุโปร่งแล้ว ความจำเป็นในการลดความเสี่ยงแบบนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ก็ได้...เป็นไปตามความถนัดของแต่ละคนไปครับ
ที่จริงอ.เทพ ท่านไม่ได้เอาเรื่องเงินปันผลมาเกี่ยวกับการลดต้นทุนหุ้นครับ
และท่านก็สอนให้เลือกหุ้นโดยดูส่วนประกอบอื่นๆด้วย โดยเฉพาะงบการเงินในแบบต่างๆ ลองอ่านเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ และพรมวิเศษ ดูอีกทีนะครับ เป็นการเปรียบเทียบเรื่องงบการเงินให้จำหลักการแบบง่ายๆ เช่น กระแสเงินสดแทนด้วยน้ำ ต้นทุนแทนด้วยดิน หนี้แทนด้วยไฟ สินค้าแทนด้วยลม(ที่พัดพาเรือสำเภา)
เรื่องเกี่ยวกับเงินปันผล ท่านอธิบายในทำนองว่าท่านชอบหุ้นที่ทำกำไรได้แล้วนำมาปันผลมากกว่า หุ้นที่ไม่ค่อยยอมปันผล และการปันผลก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการคัดบริษัทที่เราจะลงทุนในเบื้องต้น เล่มที่2ท่านจะอธิบายละเอียดขึ้น ในแง่การวัดผลงานของCEO ของบริษัท เก่งมากหรือน้อย โดยมองผ่านการวัดค่าROE และ ROA ว่าสามารถใช้ประสิทธิภาพจากเงินลงทุนทำกำไรได้มากแค่ไหน ไม่ใช่เก็บเงินกำไรเป็นต้นทุนไปเรื่อยๆโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครเลย หรือไม่ค่อยยอมปันผล และไม่นำไปเพิ่มผลกำไรให้มีประโยชน์กว่านี้ก็ควรนำเงินกำไรนั้นออกมาปันผลให้ผู้ลงทุนจะดีกว่า
ส่วนเรื่องการขายหุ้นบางส่วนออกมาเพื่อลดต้นทุนลงไปเรื่อยๆจนต้นทุนกลายเป็น0 เหมือนได้หุ้นมาเก็บกินปันผลแบบฟรีๆ ....ผมคิดว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่เหมาะสมกับมือใหม่และลักษณะตลาดของเมืองไทยมาก
....คือผมอ่านแล้วคิดตาม อธิบายตามที่ผมพอเข้าใจตามนี้ครับ การได้กำไรในระดับหนึ่งจากราคาหุ้น(อาจจะ30%ขึ้น หรือได้กำไรในเวลาสั้นๆ หรือรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจกับราคาหุ้นในขณะนั้น)ให้ลดความเสี่ยงลงด้วยการขายออกมาบางส่วน ไม่จำเป็นต้องขายทั้งหมด เพราะ ถ้าหลังจากนั้นหุ้นราคาตก ท่านก็ยังมีเงินส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม(แถมกำไรปนมาด้วย) แต่ถ้าหุ้นขึ้นต่อ ท่านก็จะไม่เสียดายว่าขายหุ้นทิ้งไปหมดแล้ว ....ผมว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่ทำให้กล้าที่จะขายและซื้อหุ้นในเวลาหนึ่งๆ แทนที่จะถืออย่างเดียวจนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะขายหรือถือต่อดี ในขณะที่มีเป้าหมายหลักในการซื้อขายหุ้นเพื่อให้ต้นทุนกลายเป็น0ในที่สุด....และสภาพตลาดบ้านเรามักมีจังหวะที่คาดไม่ถึงให้หุ้นตกอยู่เนืองๆ การมีเงินสดเก็บไว้บ้าง ก็จะปลอดภัยกว่า ดีกว่าติดหุ้นทั้งหมดแล้วทำอะไรไม่ได้ตอนที่มีโอกาสจะซื้อเพิ่ม
สำหรับมือเก่าที่มองภาพทะลุปรุโปร่งแล้ว ความจำเป็นในการลดความเสี่ยงแบบนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ก็ได้...เป็นไปตามความถนัดของแต่ละคนไปครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 12
ชัดเจนและครบถ้วนมากครับเพื่อน เขียน:เท่าที่ผมอ่านมาทั้ง2เล่ม
ที่จริงอ.เทพ ท่านไม่ได้เอาเรื่องเงินปันผลมาเกี่ยวกับการลดต้นทุนหุ้นครับ
และท่านก็สอนให้เลือกหุ้นโดยดูส่วนประกอบอื่นๆด้วย โดยเฉพาะงบการเงินในแบบต่างๆ ลองอ่านเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ และพรมวิเศษ ดูอีกทีนะครับ เป็นการเปรียบเทียบเรื่องงบการเงินให้จำหลักการแบบง่ายๆ เช่น กระแสเงินสดแทนด้วยน้ำ ต้นทุนแทนด้วยดิน หนี้แทนด้วยไฟ สินค้าแทนด้วยลม(ที่พัดพาเรือสำเภา)
เรื่องเกี่ยวกับเงินปันผล ท่านอธิบายในทำนองว่าท่านชอบหุ้นที่ทำกำไรได้แล้วนำมาปันผลมากกว่า หุ้นที่ไม่ค่อยยอมปันผล และการปันผลก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการคัดบริษัทที่เราจะลงทุนในเบื้องต้น เล่มที่2ท่านจะอธิบายละเอียดขึ้น ในแง่การวัดผลงานของCEO ของบริษัท เก่งมากหรือน้อย โดยมองผ่านการวัดค่าROE และ ROA ว่าสามารถใช้ประสิทธิภาพจากเงินลงทุนทำกำไรได้มากแค่ไหน ไม่ใช่เก็บเงินกำไรเป็นต้นทุนไปเรื่อยๆโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับใครเลย หรือไม่ค่อยยอมปันผล และไม่นำไปเพิ่มผลกำไรให้มีประโยชน์กว่านี้ก็ควรนำเงินกำไรนั้นออกมาปันผลให้ผู้ลงทุนจะดีกว่า
ส่วนเรื่องการขายหุ้นบางส่วนออกมาเพื่อลดต้นทุนลงไปเรื่อยๆจนต้นทุนกลายเป็น0 เหมือนได้หุ้นมาเก็บกินปันผลแบบฟรีๆ ....ผมคิดว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่เหมาะสมกับมือใหม่และลักษณะตลาดของเมืองไทยมาก
....คือผมอ่านแล้วคิดตาม อธิบายตามที่ผมพอเข้าใจตามนี้ครับ การได้กำไรในระดับหนึ่งจากราคาหุ้น(อาจจะ30%ขึ้น หรือได้กำไรในเวลาสั้นๆ หรือรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจกับราคาหุ้นในขณะนั้น)ให้ลดความเสี่ยงลงด้วยการขายออกมาบางส่วน ไม่จำเป็นต้องขายทั้งหมด เพราะ ถ้าหลังจากนั้นหุ้นราคาตก ท่านก็ยังมีเงินส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม(แถมกำไรปนมาด้วย) แต่ถ้าหุ้นขึ้นต่อ ท่านก็จะไม่เสียดายว่าขายหุ้นทิ้งไปหมดแล้ว ....ผมว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่ทำให้กล้าที่จะขายและซื้อหุ้นในเวลาหนึ่งๆ แทนที่จะถืออย่างเดียวจนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะขายหรือถือต่อดี ในขณะที่มีเป้าหมายหลักในการซื้อขายหุ้นเพื่อให้ต้นทุนกลายเป็น0ในที่สุด....และสภาพตลาดบ้านเรามักมีจังหวะที่คาดไม่ถึงให้หุ้นตกอยู่เนืองๆ การมีเงินสดเก็บไว้บ้าง ก็จะปลอดภัยกว่า ดีกว่าติดหุ้นทั้งหมดแล้วทำอะไรไม่ได้ตอนที่มีโอกาสจะซื้อเพิ่ม
สำหรับมือเก่าที่มองภาพทะลุปรุโปร่งแล้ว ความจำเป็นในการลดความเสี่ยงแบบนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ก็ได้...เป็นไปตามความถนัดของแต่ละคนไปครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 13
ผมชอบแนว เน้น ปันผล เป็นส่วนใหญ่.... ผมไม่ได้ทำงานแล้ว เลยรอแต่ปันผลที่ได้รับ มีความสุขในเดือนพฤษภาคม มากที่สุด เพราะปันผลมักจ่ายในเดือนนี้ ส่วนการลดต้นทุนของหุ้น.... ในตอนมีหุ้นที่สนใจในระดับพอใจแล้ว ก็มักชอบทำ trading คือ เอามาทำกำไรสนุก ๆ เท่านั้นเอง......หุ้นที่ให้ปันผลสม่ำเสมอ ก็ มีพวกประกันภัย ซึ่งมีหลายตัวด้วยกัน และเจ้าหุ้นตะวันตกดิน ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ นั่นแหละ ที่ถือตอนราคาสูงกว่านี้มาก ถือจากที่เคยมีกำไร จน ตอนนี้ขาดทุนในราคาหุ้นแล้ว (ถ้าทำลดต้นทุนแบบคุณเทพว่า ไว้ ก็ไม่เจ็บตัวแบบนี้) .... ระดับปันผลส่วนใหญ่จะให้ถึง 6% โดยเฉลี่ย ก็ นับว่า ชนะตลาดเงินฝากในระดับหนึ่ง......ฉะนั้น ลงทุนในหุ้นปันผลก็สร้างความมั่นคงในด้านการเงินให้แก่เรา.....ปีที่ผ่านมานับว่าโชคดีที่หุ้นตีแตกของผม เมื่อสองปีก่อน ได้ทำงานให้เห็น....ปีที่แล้วตีแตกอีกตัวก็ให้ผลงานไม่แพ้กัน ถ้าไม่มีหุ้น 2 ตัวนี้ การลงทุนของผมก็คงจะไม่ดีเป็นแน่ ก็คงได้แค่ปันผลปีละ 6% เท่านั้นเอง.......การลงทุนมีความเสี่ยง แต่เสี่ยงแล้วให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอแถว 6% ก็นับว่า ถูกต้องในช่วงเวลา 3-4 ปี ที่ผ่านมานี้ และคงถูกต้องตลอดไปตราบที่เงินฝากยังให้แค่ 3-4% เท่านั้นเอง :lol: :lol:
หุ้นจะขึ้นหรือลง อยู่ที่ผลประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถของผู้บริหารกับ ธรรมาภิบาล.........ใหญ่ในเล็กย่อม ดีกว่าเล็กในใหญ่
- bboy
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
ในนี้มีท่านใดลงทุนแนว...หุ้นห่านทองคำ...บ้างครับ
โพสต์ที่ 14
ตอนนีมีเล่มสาม ออกมาแล้วนะครับ หนากว่าเล่นเก่าเยอะทีเดียว อ่านดูน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่สนใจอย่างน้อยก็ได้แนวคิด
ผมคิดว่า คุณเทพ อธิบายเรื่องงบการเงินให้เข้าใจง่ายไม่ดูเป็้นวิชาการเกินไป
ผมติดตามมาตั้งแต่เล่มแรกเลยครับ สำหรับการนำไปใช้น่าจะขึ้นกับ
ประสบการณ์และสไตล์การลงทุนของแต่ละคนนะครับ
ผมคิดว่า คุณเทพ อธิบายเรื่องงบการเงินให้เข้าใจง่ายไม่ดูเป็้นวิชาการเกินไป
ผมติดตามมาตั้งแต่เล่มแรกเลยครับ สำหรับการนำไปใช้น่าจะขึ้นกับ
ประสบการณ์และสไตล์การลงทุนของแต่ละคนนะครับ