http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0212คำเตือน "เศรษฐี" "พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝาก" ประกาศแล้ว แสนล้านหมื่นล้านได้คืนแค่ "ล้านเดียว"
พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ.2551 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2551 พ.ร.บ.ฉบับนี้จะใช้บังคับเมื่อพ้น 180 วัน หรือ 6 เดือน นับจากวันที่ 13 ก.พ.
หลักการและเหตุผล คือ การฝากเงินกับสถาบันการเงินเป็นประโยชน์ ในการออมเงินของผู้ฝากเงินในอนาคต และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน รัฐบาลคุ้มครองเงินฝากในสถาบันการเงินเต็มจำนวน ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นผลให้เกิดภาระการคลังแก่รัฐมากเกินไป อีกทั้งยังไม่มีกลไกดำเนินการที่เหมาะสม
ดังนั้น เพื่อลดภาระการคลัง สมควรนำระบบการคุ้มครองเงินฝากแบบจำกัดวงเงินมาใช้ พร้อมกำหนดกลไกต่างๆ ในการคุ้มครองเงินฝาก อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบ สถาบันการเงิน อันจะเป็นการสนับสนุนการออมเงินของประเทศและเสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินภาพรวม
โครงสร้างของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
(1) การจัดตั้ง กำหนดให้สถาบันมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย และเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น
(2) วัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ วัตถุประสงค์ของสถาบันมี 3 ประการ คือ คุ้มครองเงินฝากในสถาบันการเงิน เสริมสร้างความมั่นคง และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน และดำเนินการกับสถาบันการเงิน ที่ถูกควบคุม และชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน
สถาบันมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด เช่น บริหารจัดการกองทุน ทุนและทรัพย์สินของสถาบัน มีอำนาจกระทำนิติกรรมใดๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักรออกตั๋วเงินหรือตราสารทางการเงินตลอดจนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้และมีอำนาจหน้าที่ประการสำคัญ คือเรียกเก็บเงินที่สถาบันการเงินนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากและจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินหรือจ่ายเงินให้แก่สถาบันการเงินที่ควบหรือรับโอนกิจการหรือสถาบันการเงินที่รับโอนเงินฝาก ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
(3) เงินทุนกำหนดให้รัฐบาลจัดสรรทุนประเดิมให้แก่สถาบันเป็นวงเงิน ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาท และกำหนดทุนของสถาบัน ได้แก่ (ก) เงินทุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ (ข) เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของสถาบัน (ค) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่มีผู้มอบให้ (ง) ดอกผลของกองทุนที่คณะกรรมการจัดสรรให้ (จ) ดอกผลหรือรายได้จากเงินหรือทรัพย์สินของสถาบัน
(4) การเงินและการบัญชี กำหนดให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก สถาบันต้องจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อรัฐมนตรีภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีด้วย
(5) คณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
จำนวนกรรมการและวาระการดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีจำนวนอย่างน้อย 7 คน แต่ไม่เกิน 9 คน ซึ่งประกอบด้วย (1) กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนธนาคารแห่งปรเทศไทย (2) กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของ คณะรัฐมนตรี ได้แก่ ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี โดยในวาระเริ่มแรกเมื่อครบกำหนดสองปีให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิออกจากตำแหน่งเป็นจำนวนกึ่งหนึ่งโดยวิธีจับสลาก และ (3) ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝากเป็นกรรมการและเลขานุการ
องค์ประชุมของคณะกรรมการสถาบัน และการลงคะแนนเสียงในที่ประชุม กำหนดให้กรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการ ที่มีอยู่ทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ได้แก่
- อำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไป ซึ่งกิจการของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เช่น ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการมอบอำนาจ และการทำการแทนหรือการรักษาการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการ ออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล การเงิน การบัญชี การงบประมาณ และการพัสดุ ตลอดจนอนุมัติรายงานประจำปีของสถาบัน
- อำนาจหน้าที่เฉพาะเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เช่น การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการนำส่งเงินเข้ากองทุน การยื่นคำขอรับเงิน การจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงิน กำหนดรายละเอียดของประเภทเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง ตลอดจนการออกข้อบังคับให้สถาบันการเงินใช้เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์เพื่อ แสดงว่าเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับการคุ้มครองเงินฝาก
นอกจากนี้ กำหนดเพิ่มเติมให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการ หรือที่ปรึกษาคณะกรรมการเพื่อดำเนินการใดๆตามที่คณะกรรมการมอบหมายให้
สำหรับผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งโดย คำแนะนำของรัฐมนตรี ทำหน้าที่บริหารงานของสถาบันและเป็นผู้แทนของสถาบันในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก โดยผู้อำนวยการมีวาระการ ดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปี แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้
การคุ้มครองเงินฝาก
แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ กองทุนคุ้มครองเงินฝาก เงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองและการจ่ายเงินแก่ผู้ฝากเงิน
ส่วนที่หนึ่ง กองทุนคุ้มครองเงินฝาก
ประกอบด้วย เงินที่สถาบันการเงินนำส่ง ดอกผลของกองทุน และเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการชำระบัญชี ทั้งนี้สถาบันการเงินมีหน้าที่ต้อง นำส่งเงินเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา แต่ไม่เกินร้อยละหนึ่งต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง และเมื่อนำส่งเงินเข้ากองทุนแล้วสถาบันการเงินจะไม่ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามกฎหมาย ว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป หากสถาบันการเงินใดไม่นำส่ง หรือนำส่งไม่ครบ จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกไม่เกินหนึ่งเท่าของจำนวนเงินดังกล่าว และให้ถือว่าเงินที่ส่งเข้ากองทุนและเงินเพิ่มเป็นหนี้บุริมสิทธิลำดับต่อจากหนี้ภาษีอากรของสถาบันการเงิน
ส่วนที่สอง เงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง ประกอบด้วย
(1) เงินฝากทุกประเภทของสถาบันการเงินที่นำมาคำนวณยอดเงินฝากถัวเฉลี่ย และดอกเบี้ยค้างจ่ายที่เกิดจากเงินฝากนั้นจนถึงวันที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และ
(2) เงินฝากดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือ ต้องเป็นเงินฝากและ ดอกเบี้ยที่เป็นเงินบาท ต้องเป็นเงินฝากในบัญชีเงินฝากภายในประเทศ โดยต้องมิใช่เงินฝากในบัญชีประเภทบัญชีเงินฝากของบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่ นอกประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินและให้ คณะกรรมการประกาศรายละเอียดประเภทเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครอง ในราชกิจจานุเบกษา
ส่วนที่สาม การจ่ายเงินแก่ผู้ฝากเงิน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้น ภายหลังจากที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงินแล้ว จึงเป็นการกำหนดอำนาจหน้าที่ตลอดจนสิทธิของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
(1) กำหนดให้สถาบันในฐานะผู้ชำระบัญชีเป็นผู้ดูแลทรัพย์สินตลอดจนเอกสารทั้งปวงของสถาบันการเงิน และกำหนดให้คณะกรรมการควบคุม หรือผู้แทนนิติบุคคลของสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการทรัพย์สินของสถาบันการเงินมีหน้าที่ต้องส่งมอบเงินและทรัพย์สิน ตลอดจนเอกสาร ทั้งปวงให้แก่สถาบันในฐานะผู้ชำระบัญชีภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่สถาบัน การเงินนั้นถูกเพิกถอนใบอนุญาต
(2) กำหนดหน้าที่ของสถาบันที่จะต้องประกาศกำหนดให้ผู้ฝากเงินมายื่นคำขอรับเงินภายในสี่สิบวันนับแต่วันที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต
(3) กำหนดให้ผู้ฝากเงินมีหน้าที่ที่จะต้องยื่นคำขอรับเงินและแสดงพยานหลักฐานเพื่อขอรับเงินภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่สถาบันประกาศกำหนดให้มายื่นคำขอรับเงิน ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวนี้ หากรัฐมนตรีเห็นว่ามีความจำเป็น รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งขยายได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกินเก้าสิบวัน
(4) กำหนดให้สถาบันต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินแต่ละรายผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีหรือทายาทภายในระยะเวลาไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ฝากเงินยื่นขอรับเงินโดยสถาบันจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินตามจำนวนเงินที่ฝากไว้สำหรับทุกบัญชีรวมกันในแต่ละสถาบันการเงิน แต่หากเงินฝากทุกบัญชีรวมกันดังกล่าวมีจำนวนเกินกว่าหนึ่งล้านบาท ให้จ่ายเงินเป็นจำนวนหนึ่งล้านบาท (มาตรา 53)
ในกรณีที่มีชื่อบุคคลหลายคนร่วมกันเป็นเจ้าของบัญชี ให้สถาบันจ่ายเงินให้แก่ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีแต่ละคนตามส่วนที่บุคคลนั้นมีสิทธิในบัญชีเงินฝาก หากไม่อาจทราบจำนวนเงินฝากที่แต่ละคนมีส่วนในบัญชี ให้ถือว่าผู้ฝากเงินดังกล่าวมีส่วนเท่ากัน
การจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด
(5) เมื่อสถาบันจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินตาม (4) แล้ว ให้สถาบันเข้ารับช่วงสิทธิของผู้ฝากเงินเท่ากับจำนวนเงินที่ได้จ่ายไปแล้ว และมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในจำนวนเงินนั้นจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือผู้ชำระบัญชี โดยมีบุริมสิทธิเหนือเจ้าหนี้สามัญของสถาบันการเงินนั้นทั้งหมด
การชำระบัญชีสถาบันการเงิน
ภายหลังที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต ให้สถาบันเป็นผู้ชำระบัญชีสถาบันการเงิน และการใดที่เป็นอำนาจหน้าที่ของที่ประชุมผู้ถือหุ้น ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสถาบัน
นอกจากนี้ การโอนสินทรัพย์ตามร่างพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้การ โอนสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันของสถาบันการเงิน ให้ตกเป็นของสถาบัน การเงินที่รับโอนกิจการนั้น เว้นแต่เป็นสิทธิตามที่กฎหมายกำหนดให้ตกแก่ผู้รับโอนตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น จำนอง จำนวน หรือค้ำประกัน ซึ่งถ้าในการดำเนินการมีการฟ้องบังคับสิทธิเรียกร้องเป็นคดีอยู่ในศาล ให้สถาบันการเงินที่รับโอนเข้าสวมสิทธิ์เป็น คู่ความแทนในคดีได้ และในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาบังคับตามสิทธิ เรียกร้องนั้นแล้วให้สวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้
กรณีที่สถาบันได้จ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินหรือสถาบันการเงินที่รับโอนเงินฝากให้อำนาจสถาบันจัดการทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้ได้ และภายหลังที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วให้สถาบันยื่นคำร้องขอเพื่อเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย โดยสถาบันพ้นจากอำนาจหน้าที่ในฐานะผู้ชำระบัญชีและให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลายต่อไป นอกจากนี้นับแต่วันที่สถาบันการเงินถูก เพิกถอนใบอนุญาต จนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ห้ามมิให้ผู้ใดฟ้องร้องสถาบันการเงินเป็นคดีล้มละลายหรือฟ้องร้องบังคับคดีเกี่ยวกับ ทรัพย์สินของสถาบันการเงิน รวมทั้งให้ระงับการพิจารณาคดีที่มีผู้ฟ้องสถาบันการเงินนั้นสำหรับสิทธิใดๆ ต่อศาลไว้ก่อน
บทกำหนดโทษ กรณีที่บุคคลใดนอกจากสถาบันการเงินใช้เครื่องหมายเพื่อแสดงว่าธุรกิจของตนเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่ และหากผู้ใดล่วงรู้กิจการของสถาบันการเงิน เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่และนำข้อมูลดังกล่าวไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่นโดยมิชอบต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
บทเฉพาะกาล
เมื่อมีการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝากขึ้นแล้ว ให้ยกเลิกการประกันผู้ฝากเงินของสถาบันการเงิน โดยรัฐบาลที่มีอยู่ก่อนการจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก และใน 4 ปีแรกของการบังคับใช้กฎหมาย ให้จ่ายเงินแก่ ผู้ฝากเงิน ตามหลักเกณฑ์ (มาตรา 53) โดยกำหนดจำนวนเงินที่ให้ความคุ้มครองไม่เกินจำนวน ดังนี้
(1) ปีที่หนึ่ง เต็มตามจำนวนเงินที่ปรากฏในบัญชี
(2) ปีที่สอง หนึ่งร้อยล้าน
(3) ปีที่สาม ห้าสิบล้านบาท
(4) ปีที่สี่ สิบล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วง 4 ปีแรกของการบังคับใช้กฎหมาย หากภาวะเศรษฐกิจ และระบบการเงินเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นเหตุให้ต้องกำหนดจำนวนเงินที่ให้ความคุ้มครองเงินฝากเพิ่มขึ้น จากที่กำหนดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
เงินจะไหลมา ( หรือเปล่า ) !!!!!
- LOSO
- Verified User
- โพสต์: 2512
- ผู้ติดตาม: 0
เงินจะไหลมา ( หรือเปล่า ) !!!!!
โพสต์ที่ 1
ความพยายามไม่มี ปัญญาไม่เกิด
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
เงินจะไหลมา ( หรือเปล่า ) !!!!!
โพสต์ที่ 2
ผมว่าคงเข้ามาตลาดหุ้น เพียงส่วนหนึ่ง
แต่ส่วนใหญ่ จะเทไปธนาคารใหญ่ๆ มากกว่า
แต่ส่วนใหญ่ จะเทไปธนาคารใหญ่ๆ มากกว่า
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
Abraham Lincoln
-
- Verified User
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
เงินจะไหลมา ( หรือเปล่า ) !!!!!
โพสต์ที่ 3
ผมว่าคงไหลไปพวกกองทุนตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาลมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่ยังเห็นว่าหุ้นมีความเสี่ยงสูง บ้างก็ว่าเป็นการพนัน คนไทยที่ฝากเงินส่วนใหญ่คงยังไม่คิดที่จะนำเงินมาซื้อหุ้นหรอกครับ จนกว่าจะมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตลาดหุ้นใหม่ เพราะคนข้างนอกได้รับข่าวจากตลาดหุ้นในแง่ลบมากกว่า เช่น
มีคนเจ๊งหุ้น มีคนฆ่าตัวตาย เวลาหุ้นลง 30 จุดหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าว ทีวีก็อ่านข่าวใหญ่โต พอหุ้นขึ้นมาที่เก่าก็ไม่ออกข่าว เดี๋ยวพอคราวหน้าหุ้นตกหนักอีก คนทั่วไปก็คิดว่าหุ้นลงอย่างเดียว ไม่ได้ขึ้น มีแต่คนเจ๊ง ความเสี่ยงสูงมาก แล้วก็ชอบมาถามว่าหุ้นตกเป็นอย่างไรบ้าง ทั้ง ๆ ที่หลายตัวก็ขึ้นมามากกว่าในช่วงที่ตกเดือนมกราเสียอีก
มีคนเจ๊งหุ้น มีคนฆ่าตัวตาย เวลาหุ้นลง 30 จุดหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าว ทีวีก็อ่านข่าวใหญ่โต พอหุ้นขึ้นมาที่เก่าก็ไม่ออกข่าว เดี๋ยวพอคราวหน้าหุ้นตกหนักอีก คนทั่วไปก็คิดว่าหุ้นลงอย่างเดียว ไม่ได้ขึ้น มีแต่คนเจ๊ง ความเสี่ยงสูงมาก แล้วก็ชอบมาถามว่าหุ้นตกเป็นอย่างไรบ้าง ทั้ง ๆ ที่หลายตัวก็ขึ้นมามากกว่าในช่วงที่ตกเดือนมกราเสียอีก
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
เงินจะไหลมา ( หรือเปล่า ) !!!!!
โพสต์ที่ 4
ผมเห็นว่าเงินไทยยังไม่เข้าแต่เงินต่างชาติเข้าแล้ว พถติกรรมการซื้อ
ของต่างชาติเหมือนการซื้อก่อนที่ SET จะวิ่งจาก 700 ไป900 โดยซื้อ
เรื่อยๆ แต่ SET ไม่ค่อยขึ้น หลังจากซื้อครบสัก 4-5 หมื่นล้าน( 2 เดือน)
ตอนนั้นแหละSET ถึงวิ่งจู้ด ถึงตอนนั้นเงินฝากคนไทยถึงเข้าไปติดดอย
ของต่างชาติเหมือนการซื้อก่อนที่ SET จะวิ่งจาก 700 ไป900 โดยซื้อ
เรื่อยๆ แต่ SET ไม่ค่อยขึ้น หลังจากซื้อครบสัก 4-5 หมื่นล้าน( 2 เดือน)
ตอนนั้นแหละSET ถึงวิ่งจู้ด ถึงตอนนั้นเงินฝากคนไทยถึงเข้าไปติดดอย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
เงินจะไหลมา ( หรือเปล่า ) !!!!!
โพสต์ที่ 5
คนไทยแบบเราถึงตอนนี้ เงินนี้ก็ยังไม่ไหล หรอกครับ
นู้น ต้องรอวันสุดท้าย หรือไม่ก็มีข่าวเยอะๆ นู้นครับ
แต่งานนี้ผมไม่เกี่ยวอยู่แล้วครับ
งานนี้มีแต่คนรวยๆที่ไม่กระจายความเสี่ยงเท่านั้น ที่เดือนร้อน มีไม่ถึง ๑% ด้วยซ้ำครับ
http://dcopywriter.wordpress.com/2008/02/21/
นู้น ต้องรอวันสุดท้าย หรือไม่ก็มีข่าวเยอะๆ นู้นครับ
แต่งานนี้ผมไม่เกี่ยวอยู่แล้วครับ
งานนี้มีแต่คนรวยๆที่ไม่กระจายความเสี่ยงเท่านั้น ที่เดือนร้อน มีไม่ถึง ๑% ด้วยซ้ำครับ
http://dcopywriter.wordpress.com/2008/02/21/
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
เงินจะไหลมา ( หรือเปล่า ) !!!!!
โพสต์ที่ 7
เห็นด้วยคับ
อาจจะมีบางส่วนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น
แต่ก็คงเป็นส่วนน้อย
ผมเห็นด้วยว่าคนส่วนใหญ่จะเทเงินไปฝากกับแบงค์ใหญ่ๆ
หรืออย่างมากก็กองทุนตราสารหนี้ คับ
อาจจะมีบางส่วนที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น
แต่ก็คงเป็นส่วนน้อย
ผมเห็นด้วยว่าคนส่วนใหญ่จะเทเงินไปฝากกับแบงค์ใหญ่ๆ
หรืออย่างมากก็กองทุนตราสารหนี้ คับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.