คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
- ลุงขวด
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2448
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 31
fancy เป็นหุ้นที่โดนกระทบจากเงินบาทแข็งค่า และ ต้นทุนไม้ยางเพิ่มขึ้น........ผมว่ายอดขายปี46เขาคงทำได้สูงกว่า ปี 45 แต่กำไรลดลงมาก สิ่งที่รู้ล่าสุด เห็นมีโบรคหนึ่งวิเคราะห์ว่า เขาได้เพิ่มค่าสินค้าไป 10% แล้ว ซึ่งคงไม่ค่อยคุ้มกับค่าเงินที่แข็งและต้นทุนที่สูง ทั้งคู่นี่ ผมว่า น่าจะเกิน 10%........โดยรวมแล้ว บริษัทเขาต้องทำงานหนักขึ้นอีก ทั้งเรื่องโรงงานใหม่และการแข่งขันกับมาเลเซียและอินโดนิเซีย (ซึ่งผูกค่ากับเงิน US$ มากกว่าเรา)........ผมไม่ได้ทำอะไรกับหุ้นตัวนี้เลย ตอนนี้ก็ดูเห็นว่าลงไปเรื่อย ๆ ผมต้องรอเดือน พฤษภาคมก่อนจึงจะมีเงินปันผลของหุ้นต่าง ๆ ที่ลงทุนไป ถึงตอนนั้น ถ้า ยังอยู่ในระดับราคาแถวนี้ ผมก็จะเลือกลงทุนเพิ่มครับ เพราะเชื่อว่า เขาคงประสบความสำเร็จในกิจการมากขึ้น
ผมชอบ bki (มีไม่มาก) ส่วนที่มีมาก ผมก็บอกไปแล้ว ลองอ่านดูก็จะรู้ว่าตัวไหนครับ อีกตัวที่เป็นหุ้นรับประกันต่อก็เป็นหุ้นดีมากทีเดียว (THRE) ผมไม่มีเลยสักหุ้น แต่ถ้าใครถือหุ้นประกันตัวไหนก็ได้ เขาก็ไปลงทุนในหุ้น THRE เช่นกัน ก็เหมือนกับเราลงทุนทางอ้อมนั่นเอง
ผมชอบ bki (มีไม่มาก) ส่วนที่มีมาก ผมก็บอกไปแล้ว ลองอ่านดูก็จะรู้ว่าตัวไหนครับ อีกตัวที่เป็นหุ้นรับประกันต่อก็เป็นหุ้นดีมากทีเดียว (THRE) ผมไม่มีเลยสักหุ้น แต่ถ้าใครถือหุ้นประกันตัวไหนก็ได้ เขาก็ไปลงทุนในหุ้น THRE เช่นกัน ก็เหมือนกับเราลงทุนทางอ้อมนั่นเอง
-
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 32
ถ้าคิดว่าจะมาหาเงินจากตลาดหุ้นเป็นรายได้หลัก คิดว่าคุณคงจะคิดผิด
เพราะลงทุนในตลาดไม่จำเป็นต้องได้กำไรเสมอไป บางทีอาจไม่มีกำไร
หลายๆปี ติดต่อกันก็ได้
แต่ถ้าคิดว่าไม่มีรายได้เลยสัก 3-4 ปีก็ไม่เดือดร้อน ถือว่าเงินที่ลงทุนเป็นการหาผลตอบแทนที่ดีกว่าแบงค์ อย่างนั้นก็คงไม่เป็นไรที่คุณจะตัดสินใจทำอย่างนั้น
ตัวผมเองก็คล้ายกับคุณที่เลิกทำงานเร็ว แต่ที่เลิกเพราะตั้งใจมานานว่าจะ
เกษียนตัวเองที่ 40 เพราะรู้สึกว่าพอแล้วทั้งงานและเงิน ภาระก็ไม่มี
เงินลงทุนมีมากพอที่จะทนกับหุ้นตกสัก 3-4ปีได้โดยไม่เดือนร้อน
เลยตัดสินใจทำได้ง่าย
ขอแถมหน่อยว่าการศึกษาของผมสูงกว่าของคุณ มีความมั่นใจในตัวเอง
สูงกว่า เลยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับการตัดสินใจของเรา
อย่างน้อยไม่มีใครกล้าว่าผมโง่หลอก ฮิฮิ....
เพราะถ้าผมโง่แล้วคงหาคนฉลาดในโลกนี้ได้ไม่กี่คนหลอก
ถ้าตัดสินใจทำแล้วตัวเองมีความสุขก็ทำไปเถอะครับ อย่างไปสนใจ
เสียงนกเสียงกาเลย
เพราะลงทุนในตลาดไม่จำเป็นต้องได้กำไรเสมอไป บางทีอาจไม่มีกำไร
หลายๆปี ติดต่อกันก็ได้
แต่ถ้าคิดว่าไม่มีรายได้เลยสัก 3-4 ปีก็ไม่เดือดร้อน ถือว่าเงินที่ลงทุนเป็นการหาผลตอบแทนที่ดีกว่าแบงค์ อย่างนั้นก็คงไม่เป็นไรที่คุณจะตัดสินใจทำอย่างนั้น
ตัวผมเองก็คล้ายกับคุณที่เลิกทำงานเร็ว แต่ที่เลิกเพราะตั้งใจมานานว่าจะ
เกษียนตัวเองที่ 40 เพราะรู้สึกว่าพอแล้วทั้งงานและเงิน ภาระก็ไม่มี
เงินลงทุนมีมากพอที่จะทนกับหุ้นตกสัก 3-4ปีได้โดยไม่เดือนร้อน
เลยตัดสินใจทำได้ง่าย
ขอแถมหน่อยว่าการศึกษาของผมสูงกว่าของคุณ มีความมั่นใจในตัวเอง
สูงกว่า เลยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับการตัดสินใจของเรา
อย่างน้อยไม่มีใครกล้าว่าผมโง่หลอก ฮิฮิ....
เพราะถ้าผมโง่แล้วคงหาคนฉลาดในโลกนี้ได้ไม่กี่คนหลอก
ถ้าตัดสินใจทำแล้วตัวเองมีความสุขก็ทำไปเถอะครับ อย่างไปสนใจ
เสียงนกเสียงกาเลย
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 33
เห็นกระทู้นี้แล้วอดใจไม่ได้ครับ ต้องขอ jam มั่ง ... (ไม่รู้ว่าล่อเป้าหรือเปล่า)
ผมอายุน้อยกว่าพี่ครับ เพิ่งเรียนจบมหาลัยฯ ทำงานได้ซักพัก คงไปเทียบอะไรกับพี่ไม่ได้หรอกครับ แต่เห็นสิ่งที่พี่แสดงความเห็นออกมาแล้ว ผมรู้สึกเสียดายอะ
อายุแค่ 27 ออกมาอยู่กับบ้านเฉยๆ ปล่อยให้เงินทำงานให้ ผมว่าชีวิตมันจะจืดชืดไปหน่อยมั้งครับ ไม่ทราบว่ามีครอบครัวหรือยังครับ (เดาว่ายังไม่มีหรอก-- อย่าโกรธนะ แค่แซวเล่น) ถ้ามีลูกให้เลี้ยงก้อว่าไปอย่าง
น่าจะหาอะไรทำมากกว่าการเล่นหุ้นนะครับ ผมเองไม่ได้มองว่าเป็นการพนันหรอก แต่ผมเสียดายความสามารถและไฟในตัว ที่น่าจะยังทำอะไรให้กับโลกใบนี้ได้อีกมาก(กว่าการบริหารเงินของตัวเอง)
เขาว่ากันว่า ส่วนใหญ่คนที่เรียนเก่งๆ มักจะมี ego สูง เวลาต้องทำงานร่วมกันกับคนมากๆ จะมีปัญหา ไม่รู้ว่า พี่ประสบปัญหาประมาณนี้หรือเปล่า เปลี่ยนงาน หรือมาจับธุรกิจส่วนตัว ก็น่าจะดีนะครับ
ผมขอบ่นแค่นี้แหละครับ ยังไง ก็ขอให้คิดให้ดีๆ แล้วกัน
ผมอายุน้อยกว่าพี่ครับ เพิ่งเรียนจบมหาลัยฯ ทำงานได้ซักพัก คงไปเทียบอะไรกับพี่ไม่ได้หรอกครับ แต่เห็นสิ่งที่พี่แสดงความเห็นออกมาแล้ว ผมรู้สึกเสียดายอะ
อายุแค่ 27 ออกมาอยู่กับบ้านเฉยๆ ปล่อยให้เงินทำงานให้ ผมว่าชีวิตมันจะจืดชืดไปหน่อยมั้งครับ ไม่ทราบว่ามีครอบครัวหรือยังครับ (เดาว่ายังไม่มีหรอก-- อย่าโกรธนะ แค่แซวเล่น) ถ้ามีลูกให้เลี้ยงก้อว่าไปอย่าง
น่าจะหาอะไรทำมากกว่าการเล่นหุ้นนะครับ ผมเองไม่ได้มองว่าเป็นการพนันหรอก แต่ผมเสียดายความสามารถและไฟในตัว ที่น่าจะยังทำอะไรให้กับโลกใบนี้ได้อีกมาก(กว่าการบริหารเงินของตัวเอง)
เขาว่ากันว่า ส่วนใหญ่คนที่เรียนเก่งๆ มักจะมี ego สูง เวลาต้องทำงานร่วมกันกับคนมากๆ จะมีปัญหา ไม่รู้ว่า พี่ประสบปัญหาประมาณนี้หรือเปล่า เปลี่ยนงาน หรือมาจับธุรกิจส่วนตัว ก็น่าจะดีนะครับ
ผมขอบ่นแค่นี้แหละครับ ยังไง ก็ขอให้คิดให้ดีๆ แล้วกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 341
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 34
ลองหาหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก" เรื่อง "เงินสี่ด้าน" มาอ่านดูครับ
ผมว่าเนื้อหาในนั้นน่าจะตอบคำถามให้กับ จขกท. ได้ดีทีเดียว 8)
ผมว่าเนื้อหาในนั้นน่าจะตอบคำถามให้กับ จขกท. ได้ดีทีเดียว 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 36
ได้ข้อคิดมากมายเลย
ขอบคุณคนที่ขุดกระทู้ดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
ขอบคุณมากๆนะครับผม :D
ขอบคุณคนที่ขุดกระทู้ดีๆแบบนี้มาให้อ่าน
ขอบคุณมากๆนะครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- BOONPARUEY
- Verified User
- โพสต์: 184
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 37
.... ผ่านมา ๔ ปี แล้ว .....
... ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้เป็นอย่างไรบ้าง ...
... ก็อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อมีน้อง ๆ ผ่านเข้ามาอ่าน ...
... Early จากการทำงานมาตั้งแต่ปี ๔๐ ....
... ลงทุนในหุ้นมากว่า ๑๐ ปี ได้ปันผลเฉลี่ยมากกว่า ๕ %
... มีรายได้จากธุรกิจส่วนตัวเลี่ยงชีพ สบาย ๆ ทำให้ไม่ต้องกังวลเงินลงทุนในหุ้น
... ชีวิตนี้เป็นของเรา อยากทำอะไร ๆ ก็ทำซะ ....
... ทำในแบบที่คนอื่นเขาเห็นเรามุ่งมั่นจนเขาพูดได้ว่า " เราบ้าไปแล้ว " ....
.... แต่การทำงานนั้น ๆ ต้องเป็นงานที่เรารัก และ เราก็รู้ว่า บ้าแต่ไม่โง่ นะ
..... ความไม่ฉลาดของคนไทยก็คือ พอจะทำอะไรก็ควรกังวลว่าคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรกับเรา
.... ถ้าเราจะต้องเชื่อคนอื่น ๆ หมด แล้วเราจะแบมือขอเงินคนอื่น ๆ ได้ไหมล่ะ
.... " อย่าทำงานเพื่อเงิน....จงทำงานที่เราถนัดและรักที่สุด แล้วเงินจะตามมาเอง....ชีวิตนี้มันสั้นนักที่จะไปเสียเวลาอยู่กับสิ่งน่าเบื่อ...
จะเป็นคนฝันใหญ่ หรือ ฝันเล็ก สุดท้ายก็ต้่องตายทุก ๆ คน ....แต่คนฝันเล็กขาดทุน นะ .....
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
... ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้เป็นอย่างไรบ้าง ...
... ก็อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อมีน้อง ๆ ผ่านเข้ามาอ่าน ...
... Early จากการทำงานมาตั้งแต่ปี ๔๐ ....
... ลงทุนในหุ้นมากว่า ๑๐ ปี ได้ปันผลเฉลี่ยมากกว่า ๕ %
... มีรายได้จากธุรกิจส่วนตัวเลี่ยงชีพ สบาย ๆ ทำให้ไม่ต้องกังวลเงินลงทุนในหุ้น
... ชีวิตนี้เป็นของเรา อยากทำอะไร ๆ ก็ทำซะ ....
... ทำในแบบที่คนอื่นเขาเห็นเรามุ่งมั่นจนเขาพูดได้ว่า " เราบ้าไปแล้ว " ....
.... แต่การทำงานนั้น ๆ ต้องเป็นงานที่เรารัก และ เราก็รู้ว่า บ้าแต่ไม่โง่ นะ
..... ความไม่ฉลาดของคนไทยก็คือ พอจะทำอะไรก็ควรกังวลว่าคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรกับเรา
.... ถ้าเราจะต้องเชื่อคนอื่น ๆ หมด แล้วเราจะแบมือขอเงินคนอื่น ๆ ได้ไหมล่ะ
.... " อย่าทำงานเพื่อเงิน....จงทำงานที่เราถนัดและรักที่สุด แล้วเงินจะตามมาเอง....ชีวิตนี้มันสั้นนักที่จะไปเสียเวลาอยู่กับสิ่งน่าเบื่อ...
จะเป็นคนฝันใหญ่ หรือ ฝันเล็ก สุดท้ายก็ต้่องตายทุก ๆ คน ....แต่คนฝันเล็กขาดทุน นะ .....
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
... " บุญ คือ เสบียงของคนไม่ประมาท " พุทธตรัส ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1288
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 38
ชอบช่วงท้ายจริงๆ :DBOONPARUEY เขียน:.... ผ่านมา ๔ ปี แล้ว .....
... ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้เป็นอย่างไรบ้าง ...
... ก็อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อมีน้อง ๆ ผ่านเข้ามาอ่าน ...
... Early จากการทำงานมาตั้งแต่ปี ๔๐ ....
... ลงทุนในหุ้นมากว่า ๑๐ ปี ได้ปันผลเฉลี่ยมากกว่า ๕ %
... มีรายได้จากธุรกิจส่วนตัวเลี่ยงชีพ สบาย ๆ ทำให้ไม่ต้องกังวลเงินลงทุนในหุ้น
... ชีวิตนี้เป็นของเรา อยากทำอะไร ๆ ก็ทำซะ ....
... ทำในแบบที่คนอื่นเขาเห็นเรามุ่งมั่นจนเขาพูดได้ว่า " เราบ้าไปแล้ว " ....
.... แต่การทำงานนั้น ๆ ต้องเป็นงานที่เรารัก และ เราก็รู้ว่า บ้าแต่ไม่โง่ นะ
..... ความไม่ฉลาดของคนไทยก็คือ พอจะทำอะไรก็ควรกังวลว่าคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรกับเรา
.... ถ้าเราจะต้องเชื่อคนอื่น ๆ หมด แล้วเราจะแบมือขอเงินคนอื่น ๆ ได้ไหมล่ะ
.... " อย่าทำงานเพื่อเงิน....จงทำงานที่เราถนัดและรักที่สุด แล้วเงินจะตามมาเอง....ชีวิตนี้มันสั้นนักที่จะไปเสียเวลาอยู่กับสิ่งน่าเบื่อ...
จะเป็นคนฝันใหญ่ หรือ ฝันเล็ก สุดท้ายก็ต้่องตายทุก ๆ คน ....แต่คนฝันเล็กขาดทุน นะ .....
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
- K o S o L
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 451
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 39
อย่าทำงานเพื่อเงิน....จงทำงานที่เราถนัดและรักที่สุด แล้วเงินจะตามมาเอง....ชีวิตนี้มันสั้นนักที่จะไปเสียเวลาอยู่กับสิ่งน่าเบื่อ...
จะเป็นคนฝันใหญ่ หรือ ฝันเล็ก สุดท้ายก็ต้่องตายทุก ๆ คน ....แต่คนฝันเล็กขาดทุน นะ .....
ชอบตรงนี้จัง
จะเป็นคนฝันใหญ่ หรือ ฝันเล็ก สุดท้ายก็ต้่องตายทุก ๆ คน ....แต่คนฝันเล็กขาดทุน นะ .....
ชอบตรงนี้จัง
ผมมือใหม่ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 41
ว้าววว กระทู้นี้หลายปีแล้วนะเนี่ย :P
ผมว่าการลงทุนไม่ได้รบกวนเวลาในชีวิตของเรามากเลยครับ
พี่ๆ หลายท่านใน thaivi แห่งนี้ ก้อยังทำงานประจำอยู่ และสามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างงดงามทีเดียว
ที่เห็นอย่างชัดเจนครับ เมื่อเราไม่ได้ทำงาน และหวัง "ผลตอบแทน" เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวในแต่ละปีนั้น หาก "ผลตอบแทน" ไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวัง คุณภาพชีวิตของเราจะถอยหลังเข้าคลองทันที ครับ
และที่สำคัญ ความอดทนต่อการขึ้นลงของราคาหลักทรัพย์ เป็นสิ่งพิสูจน์ที่ดีว่า เราพร้อมที่จะออกมาเป็น "นักลงทุนเต็มเวลา" แล้วหรือไม่
เท่าที่ผมสังเกตดูจาก panic ย่อยๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่รู้กี่รอบ นักลงทุนเต็มเวลาอาจเสียเปรียบ "นักลงทุนบางเวลา" ได้ เพราะไม่มีเงินไปช้อนซื้อหุ้นงามๆ แต่ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของบริษัทในอนาคต แต่จำเป็นต้องใช้วิธี "สับเปลี่ยน (SWITCH)" แทน ซึ่งอาจเป็นการเสียโอกาสเมื่อหุ้นตัวเดิมกลับวิ่งขึ้นไป และหุ้นที่เราสับเปลี่ยนไปนั้นกลับไม่เป็นไปตามที่เราคาด
สรุปว่า ทำงาน กินเงินเดือน ใช้จ่ายอย่างพอเพียง เก็บเงินไว้ลงทุน ลงทุนตามที่ตนเองเข้าใจ ซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม รอเวลาให้มูลค่าของเงินลงทุนเติบโต อดทนต่อสิ่งเร้าในตลาดหุ้น น่าจะเป็นคำตอบที่ดี ครับ
พยายามอย่าตั้งเป้าหมายว่าเราจะต้องมีเงินเท่าไหร่จากการลงทุน ควรตั้งเป้าหมายในด้านคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เราจะเห็นภาพใหญ่ของการลงทุนในกรอบตามที่เราตั้งไว้ ครับ 8) ...
ผมว่าการลงทุนไม่ได้รบกวนเวลาในชีวิตของเรามากเลยครับ
พี่ๆ หลายท่านใน thaivi แห่งนี้ ก้อยังทำงานประจำอยู่ และสามารถทำผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างงดงามทีเดียว
ที่เห็นอย่างชัดเจนครับ เมื่อเราไม่ได้ทำงาน และหวัง "ผลตอบแทน" เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวในแต่ละปีนั้น หาก "ผลตอบแทน" ไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวัง คุณภาพชีวิตของเราจะถอยหลังเข้าคลองทันที ครับ
และที่สำคัญ ความอดทนต่อการขึ้นลงของราคาหลักทรัพย์ เป็นสิ่งพิสูจน์ที่ดีว่า เราพร้อมที่จะออกมาเป็น "นักลงทุนเต็มเวลา" แล้วหรือไม่
เท่าที่ผมสังเกตดูจาก panic ย่อยๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่รู้กี่รอบ นักลงทุนเต็มเวลาอาจเสียเปรียบ "นักลงทุนบางเวลา" ได้ เพราะไม่มีเงินไปช้อนซื้อหุ้นงามๆ แต่ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของบริษัทในอนาคต แต่จำเป็นต้องใช้วิธี "สับเปลี่ยน (SWITCH)" แทน ซึ่งอาจเป็นการเสียโอกาสเมื่อหุ้นตัวเดิมกลับวิ่งขึ้นไป และหุ้นที่เราสับเปลี่ยนไปนั้นกลับไม่เป็นไปตามที่เราคาด
สรุปว่า ทำงาน กินเงินเดือน ใช้จ่ายอย่างพอเพียง เก็บเงินไว้ลงทุน ลงทุนตามที่ตนเองเข้าใจ ซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม รอเวลาให้มูลค่าของเงินลงทุนเติบโต อดทนต่อสิ่งเร้าในตลาดหุ้น น่าจะเป็นคำตอบที่ดี ครับ
พยายามอย่าตั้งเป้าหมายว่าเราจะต้องมีเงินเท่าไหร่จากการลงทุน ควรตั้งเป้าหมายในด้านคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เราจะเห็นภาพใหญ่ของการลงทุนในกรอบตามที่เราตั้งไว้ ครับ 8) ...
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 43
ก่อนอื่นขอขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ ที่ post กระทู้นี้ขึ้นมาเพราะกำลังคิดเหมือนกันและตัดสินใจออกจากงานประจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยังไงขอให้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ,ดูภาระรอบตัว ณ ปัจจุบัน-อนาคตประกอบ และวาดภาพของตัวคุณเองในอีกสักหลายๆ ปีต่อจากนี้ว่าอยากให้เป็นอย่างไร
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เอาใจช่วย ไม่ว่าการตัดสินใจของคุณจะเป็นอย่างไร ก็ให้มั่นใจว่าเป็นการตัดสินที่ดีที่สุดแล้วนะครับ
ยังไงขอให้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ,ดูภาระรอบตัว ณ ปัจจุบัน-อนาคตประกอบ และวาดภาพของตัวคุณเองในอีกสักหลายๆ ปีต่อจากนี้ว่าอยากให้เป็นอย่างไร
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เอาใจช่วย ไม่ว่าการตัดสินใจของคุณจะเป็นอย่างไร ก็ให้มั่นใจว่าเป็นการตัดสินที่ดีที่สุดแล้วนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 45
ชอบกระทู้นี้จังเลยค่ะ
เพิ่งหัดเล่นหุ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปีนี้เองนะคะ
เริ่มต้นเข้าเรียนชั้นอนุบาลด้วยหุ้นเก็งกำไรระยะสั้น
ตอนแรกได้กำไรถล่มทลายเชียว
กำไรที่ได้จากการเล่นหุ้นสองสัปดาห์มากกว่าเงินเดือนทั้งปีสมัยเป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งเสียอีก
ยอมรับว่าหวั่นไหวค่ะ
เรื่องโลภนี่ไม่ต้องสงสัย
มองเห็นการเล่นหุ้นเป็นวิธีปั๊มเงินระยะสั้น
ไม่ถึงกับคิดเปลี่ยนอาชีพนะคะ
เพราะงานอาชีพที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือความฝันที่แลกมาด้วยหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต
ทำแล้วมีความสุข แต่ในเชิงธุรกิจก็ยังต้องเหนื่อย มีภาระต้องต่อสู้อีกเยอะ
ช่วงที่ได้กำไรมาใหม่ๆ ตื่นเต้นค่ะ
คนใกล้ตัวบอกว่า ถ้าหาเงินจากหุ้นได้บ้าง อยากให้ดิฉันลดงานบางส่วนที่เหนื่อยหนักลง จะได้มีเวลาไปทำงานศิลปะ คิดสร้างสรรค์ มากขึ้น และเวลาอีกส่วนหนึ่งก็เอาไปศึกษาเรื่องการลงทุนแบบใช้เงินทำงาน แทนที่จะต้องใช้แรงกายแรงใจสุดเหวี่ยงเหมือนที่ผ่านมา
ก็ฟังดูดีนะคะ
ดิฉันก็เลยแบ่งเวลาหันมาใส่ใจกับกระดานเขียวๆแดงๆ อยู่สองสามอาทิตย์
บังเอิญเพื่อนที่สนิทกันเค้านิยมเล่นหุ้นเก็งกำไรระยะสั้น เค้าก็คอยสอนคอยแนะนำแต่หุ้นเก็งกำไร
จากวันที่เริ่มเล่นมาจนถึงสงกรานต์ (ประมาณเดือนนึง) ดิฉันก็เลยหมกมุ่นอยู่แต่หุ้นกลุ่มนี้
เพื่อนที่เล่นด้วยเค้าเก่งค่ะ ให้คำแนะนำที่ทำให้ดิฉันได้กำไรมาตลอด เงินลงทุนเพียงล้านกว่าบาท ได้กำไรมาเกือบเจ็ดแสน
จากที่เล่นตอนแรกได้กำไรก้อนใหญ่ ก็เลยเอาทุนมาเก็บ เอากำไรมาหัดเล่นเองงูๆปลาๆ โดยเพื่อนไม่ได้คอยแนะนำเหมือนเคย (เพราะเพื่อนบอกให้ใจเย็น อย่าโลภอย่ารีบ แต่ดิฉันชักโลภเลยใจร้อนไม่ฟังใคร) คราวนี้เริ่มมีขาดทุนบ้างค่ะ แต่ไม่ถึงกับมากมาย ที่ได้กำไรมาเพิ่มก็พอสมควร
แม้ว่าโดยรวมจะยังกำไร แต่การนั่งเก็งกำไรรายวันอยู่หน้าจอ ทำให้รู้สึกเครียดมากค่ะ ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานศิลปะสลายหายไปไหนหมดไม่รู้ มัวแต่ใจหายใจคว่ำกับราคาขึ้นๆลงๆที่เราควบคุมอะไรไม่ได้
เพื่อนที่เคยสอนให้เล่นหุ้นพอรู้ว่าดิฉันหัดเล่นเองแล้วได้กำไรมากกว่าขาดทุนก็ชมว่าเก่ง น่าจะเอาดีทางนี้ได้ แต่ดิฉันกลับรู้สึกการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรนี่ไม่ต่างกับการพนัน ช่วงที่วุ่นวายใจกับการเก็งกำไรรายวันกลายเป็นช่วงที่ขาดทุนชีวิตยังไงไม่ทราบ
เรื่อง value investor ก็แค่เคยได้ยิน ไม่เคยสนใจ
จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
หุ้นเก็งกำไรตัวหนึ่งที่ดิฉันถือไว้จำนวนมาก ด้วยความมั่นใจว่าจะต้องวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับตกดิ่ง ตายสนิท
ดิฉันผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์มาด้วยความกังวล และโกรธตัวเองที่เอาความสุขในใจไปผูกพันกับเล่นหุ้นเก็งกำไรหรือที่เรียกกันว่าหุ้นปั่น
เนื่องจากเพิ่งมาได้สติว่า
ราคาที่ขึ้นลงของหุ้นพวกนี้แทบไม่มีปัจจัยที่น่าสมเหตุสมผลใดๆ มาเป็นตัวตัดสิน นอกจากการทำราคาของพวกนักปั่นหุ้น หรือขาใหญ่
ผิดกับการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ที่เรายังพอใช้หลักเกณฑ์ต่างๆ มาวิเคราะห์ ได้
ถ้าเลือกเล่นหุ้นปั่น จะได้เงินมากแค่ไหน ก็คงเครียดไม่น้อยกว่าทำงานหนัก
อีกทั้งยังเสียเวลาและอารมณ์ แถมยังเสียสายสัมพันธ์ดีๆ กับ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า คู่ค้า ที่เคยใกล้ชิดกันมา
ไม่ได้เป็นคนธรรมะธรรมโมหรอกนะคะ
แต่ดิฉันมีความเชื่อว่า การรักษาศีล หรือ รักษาความเป็นปกติของกายและใจ เป็นจุดเริ่มต้นของสมาธิและปัญญา
เมื่อชีวิตผิดปกติเสียแล้ว ทำให้ไม่มีสมาธิ ปัญญาก็เลยถดถอย
แต่เพราะยังเห็นว่าการลงทุนในหุ้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ตอนนี้ก็เลยหันมาหาความรู้ของ value inverstor เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมการลงทุนให้ดีขึ้น ไม่ต้องเคร่งเครียดจนเกือบเสียจริตเหมือนที่ผ่านมา
จะได้เอาเวลาและอารมณ์ไปทุ่มเทกับคนที่รักและงานที่รักได้อย่างเต็มที่
การทำงานที่รักทำให้ชีวิตมีคุณค่าค่ะ
เขียนมาซะยาว
จะบอกว่า...ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็น VI น้องใหม่ด้วยคนค่ะ
เพิ่งหัดเล่นหุ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ปีนี้เองนะคะ
เริ่มต้นเข้าเรียนชั้นอนุบาลด้วยหุ้นเก็งกำไรระยะสั้น
ตอนแรกได้กำไรถล่มทลายเชียว
กำไรที่ได้จากการเล่นหุ้นสองสัปดาห์มากกว่าเงินเดือนทั้งปีสมัยเป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งเสียอีก
ยอมรับว่าหวั่นไหวค่ะ
เรื่องโลภนี่ไม่ต้องสงสัย
มองเห็นการเล่นหุ้นเป็นวิธีปั๊มเงินระยะสั้น
ไม่ถึงกับคิดเปลี่ยนอาชีพนะคะ
เพราะงานอาชีพที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือความฝันที่แลกมาด้วยหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต
ทำแล้วมีความสุข แต่ในเชิงธุรกิจก็ยังต้องเหนื่อย มีภาระต้องต่อสู้อีกเยอะ
ช่วงที่ได้กำไรมาใหม่ๆ ตื่นเต้นค่ะ
คนใกล้ตัวบอกว่า ถ้าหาเงินจากหุ้นได้บ้าง อยากให้ดิฉันลดงานบางส่วนที่เหนื่อยหนักลง จะได้มีเวลาไปทำงานศิลปะ คิดสร้างสรรค์ มากขึ้น และเวลาอีกส่วนหนึ่งก็เอาไปศึกษาเรื่องการลงทุนแบบใช้เงินทำงาน แทนที่จะต้องใช้แรงกายแรงใจสุดเหวี่ยงเหมือนที่ผ่านมา
ก็ฟังดูดีนะคะ
ดิฉันก็เลยแบ่งเวลาหันมาใส่ใจกับกระดานเขียวๆแดงๆ อยู่สองสามอาทิตย์
บังเอิญเพื่อนที่สนิทกันเค้านิยมเล่นหุ้นเก็งกำไรระยะสั้น เค้าก็คอยสอนคอยแนะนำแต่หุ้นเก็งกำไร
จากวันที่เริ่มเล่นมาจนถึงสงกรานต์ (ประมาณเดือนนึง) ดิฉันก็เลยหมกมุ่นอยู่แต่หุ้นกลุ่มนี้
เพื่อนที่เล่นด้วยเค้าเก่งค่ะ ให้คำแนะนำที่ทำให้ดิฉันได้กำไรมาตลอด เงินลงทุนเพียงล้านกว่าบาท ได้กำไรมาเกือบเจ็ดแสน
จากที่เล่นตอนแรกได้กำไรก้อนใหญ่ ก็เลยเอาทุนมาเก็บ เอากำไรมาหัดเล่นเองงูๆปลาๆ โดยเพื่อนไม่ได้คอยแนะนำเหมือนเคย (เพราะเพื่อนบอกให้ใจเย็น อย่าโลภอย่ารีบ แต่ดิฉันชักโลภเลยใจร้อนไม่ฟังใคร) คราวนี้เริ่มมีขาดทุนบ้างค่ะ แต่ไม่ถึงกับมากมาย ที่ได้กำไรมาเพิ่มก็พอสมควร
แม้ว่าโดยรวมจะยังกำไร แต่การนั่งเก็งกำไรรายวันอยู่หน้าจอ ทำให้รู้สึกเครียดมากค่ะ ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานศิลปะสลายหายไปไหนหมดไม่รู้ มัวแต่ใจหายใจคว่ำกับราคาขึ้นๆลงๆที่เราควบคุมอะไรไม่ได้
เพื่อนที่เคยสอนให้เล่นหุ้นพอรู้ว่าดิฉันหัดเล่นเองแล้วได้กำไรมากกว่าขาดทุนก็ชมว่าเก่ง น่าจะเอาดีทางนี้ได้ แต่ดิฉันกลับรู้สึกการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรนี่ไม่ต่างกับการพนัน ช่วงที่วุ่นวายใจกับการเก็งกำไรรายวันกลายเป็นช่วงที่ขาดทุนชีวิตยังไงไม่ทราบ
เรื่อง value investor ก็แค่เคยได้ยิน ไม่เคยสนใจ
จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
หุ้นเก็งกำไรตัวหนึ่งที่ดิฉันถือไว้จำนวนมาก ด้วยความมั่นใจว่าจะต้องวิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับตกดิ่ง ตายสนิท
ดิฉันผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์มาด้วยความกังวล และโกรธตัวเองที่เอาความสุขในใจไปผูกพันกับเล่นหุ้นเก็งกำไรหรือที่เรียกกันว่าหุ้นปั่น
เนื่องจากเพิ่งมาได้สติว่า
ราคาที่ขึ้นลงของหุ้นพวกนี้แทบไม่มีปัจจัยที่น่าสมเหตุสมผลใดๆ มาเป็นตัวตัดสิน นอกจากการทำราคาของพวกนักปั่นหุ้น หรือขาใหญ่
ผิดกับการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ที่เรายังพอใช้หลักเกณฑ์ต่างๆ มาวิเคราะห์ ได้
ถ้าเลือกเล่นหุ้นปั่น จะได้เงินมากแค่ไหน ก็คงเครียดไม่น้อยกว่าทำงานหนัก
อีกทั้งยังเสียเวลาและอารมณ์ แถมยังเสียสายสัมพันธ์ดีๆ กับ เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า คู่ค้า ที่เคยใกล้ชิดกันมา
ไม่ได้เป็นคนธรรมะธรรมโมหรอกนะคะ
แต่ดิฉันมีความเชื่อว่า การรักษาศีล หรือ รักษาความเป็นปกติของกายและใจ เป็นจุดเริ่มต้นของสมาธิและปัญญา
เมื่อชีวิตผิดปกติเสียแล้ว ทำให้ไม่มีสมาธิ ปัญญาก็เลยถดถอย
แต่เพราะยังเห็นว่าการลงทุนในหุ้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ตอนนี้ก็เลยหันมาหาความรู้ของ value inverstor เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมการลงทุนให้ดีขึ้น ไม่ต้องเคร่งเครียดจนเกือบเสียจริตเหมือนที่ผ่านมา
จะได้เอาเวลาและอารมณ์ไปทุ่มเทกับคนที่รักและงานที่รักได้อย่างเต็มที่
การทำงานที่รักทำให้ชีวิตมีคุณค่าค่ะ
เขียนมาซะยาว
จะบอกว่า...ขอฝากเนื้อฝากตัวเป็น VI น้องใหม่ด้วยคนค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 46
ชอบกระทู้นี้เหมือนกันครับ อ้อ..ผมก็เป็นนักลงทุนหน้าใหม่เหมือนกันครับเริ่มเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายปีที่ผ่านมานี่เอง ก็เข้ามาทางเก็งกำไรด้วยการเล่นfuture ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเป็นนักลงทุนกลับเข้ามาเหมือนเล่นการพนันซะอย่างงั้น คนในที่ทำงานผมเค้าเล่นทางนี้กันครับ เค้าบอกว่าถ้ารู้technicalอย่างที่เขาทำอยู่จะหาเงินได้ง่ายมากแถมเงินลงทุนก็น้อย ตอนนั้นยอมรับว่าสนุกแต่ก็เครียดมากๆ ตอนที่เก็งถูกก็ได้เงินมาง่ายๆแต่ตอนที่ราคามันไม่ไปตามการวิเคราะห์ของเรามันกลับขาดทุนมหาศาล ก็ยังดีที่มีพี่คนนึงเขาหวังดีก็เตือนมาว่าเล่นแบบนี้มันเหมือนการพนันนะ มันไม่ดี น่าจะซื้อหุ้นสามัญแล้วก็เก็บนานๆน่าจะดีกว่า มันไม่กระทบกับการทำงานด้วย ตอนนั้นผมก็สัญญาว่าผมจะเลิกถ้าขาดทุนถึงจุดหนึ่งหรือได้คืนแต่ใจจริงผมยังไม่เห็นด้วยกับพี่เค้าเลย จนผมเล่าให้เพื่อนฟังมันก็บอกว่าไอ้คำว่า "เอาคืน"มันเป็นนิสัยของคนติดการพนันผมถึงตาสว่าง ว่าผมทำอะไรลงไป
จนทุกวันนี้ผมหันหลังให้futureแล้วกลับมาศึกษาการอ่านงบการเงิน การดูพื้นฐานของบริษัทจริงๆ ผมใช้กลยุทธหุ้นห่านทองคำในการลงทุนครับยอมรับว่าไม่หวือหวาแต่ก็ทำให้เราสงบ(แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ยังหวือหวากับราคาที่วิ่งไปวิ่งมาบนกระดาน เป็นแค่อารมณ์ช่วงสั้นๆครับ) ตอนนี้ผมเรียกตัวเองว่าเป็นนักลงทุนได้เต็มปาก ผมเองเข้าใจว่าการลงทุนในหุ้นคือการลงทุนจริงๆไม่ใช่การพนัน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คนรอบข้างที่เขาอคติกับตลาดหุ้นได้หรือเปล่า (โดยเฉพาะหัวหน้าผมที่เกลียดคนเล่นหุ้นเข้าไส้) แต่ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ เวลางานผมทำงานให้บริษัทเต็มที่ เวลาพักผมจะเอาเวลาไปดูราคาหุ้นหรือorderที่สั่งไว้ก็เป็นสิทธของผม เป้าหมายในชีวิตผมผมก็อยากออกมาทำอาชีพส่วนตัวอยู่กับบ้านแล้วก็ครอบครัวแล้วผมก็จะลงทุนในหุ้นไปด้วย อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ในการลงทุนที่น้อยหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ยั่งยืนนะครับ เราก็ไม่รู้ว่าตลาดหุ้นจะดีได้นานแค่ไหน หุ้นปันผลดีๆที่เราเก็บๆกันอยู่จะจ่ายปันผลให้เราได้นานแค่ไหน ยังไงผมก็มองว่าเราควรมีรายได้จากหลายๆทางครับ หลักการเก็บไข่ใส่ตะกร้าหลายๆใบใช้กับตลาดหุ้นได้ฉันใด ก็ใช้กับชีวิตเราได้ฉันนั้นครับ
ร่ายมาซะยาว ตกลงส่วนที่เกี่ยวกับกระทู้มีตอนท้ายนิดเดียวเอง ถือว่าshareประสบการณ์กันฟังนะครับ แล้วก็อยากรู้จังครับว่าเจ้าของกระทู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้างผ่านมาตั้งสี่ปีแล้วแน่ะ
จนทุกวันนี้ผมหันหลังให้futureแล้วกลับมาศึกษาการอ่านงบการเงิน การดูพื้นฐานของบริษัทจริงๆ ผมใช้กลยุทธหุ้นห่านทองคำในการลงทุนครับยอมรับว่าไม่หวือหวาแต่ก็ทำให้เราสงบ(แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ยังหวือหวากับราคาที่วิ่งไปวิ่งมาบนกระดาน เป็นแค่อารมณ์ช่วงสั้นๆครับ) ตอนนี้ผมเรียกตัวเองว่าเป็นนักลงทุนได้เต็มปาก ผมเองเข้าใจว่าการลงทุนในหุ้นคือการลงทุนจริงๆไม่ใช่การพนัน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คนรอบข้างที่เขาอคติกับตลาดหุ้นได้หรือเปล่า (โดยเฉพาะหัวหน้าผมที่เกลียดคนเล่นหุ้นเข้าไส้) แต่ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ เวลางานผมทำงานให้บริษัทเต็มที่ เวลาพักผมจะเอาเวลาไปดูราคาหุ้นหรือorderที่สั่งไว้ก็เป็นสิทธของผม เป้าหมายในชีวิตผมผมก็อยากออกมาทำอาชีพส่วนตัวอยู่กับบ้านแล้วก็ครอบครัวแล้วผมก็จะลงทุนในหุ้นไปด้วย อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ในการลงทุนที่น้อยหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่ยั่งยืนนะครับ เราก็ไม่รู้ว่าตลาดหุ้นจะดีได้นานแค่ไหน หุ้นปันผลดีๆที่เราเก็บๆกันอยู่จะจ่ายปันผลให้เราได้นานแค่ไหน ยังไงผมก็มองว่าเราควรมีรายได้จากหลายๆทางครับ หลักการเก็บไข่ใส่ตะกร้าหลายๆใบใช้กับตลาดหุ้นได้ฉันใด ก็ใช้กับชีวิตเราได้ฉันนั้นครับ
ร่ายมาซะยาว ตกลงส่วนที่เกี่ยวกับกระทู้มีตอนท้ายนิดเดียวเอง ถือว่าshareประสบการณ์กันฟังนะครับ แล้วก็อยากรู้จังครับว่าเจ้าของกระทู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้างผ่านมาตั้งสี่ปีแล้วแน่ะ
อนาคตที่ดีเป็นของคนขยันทำการบ้านและอดทนต่อสถานะการณ์บนกระดานหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแจมเหมียนกัน
โพสต์ที่ 48
เห็นด้วยกับลุงขวดอย่างแรงครับ เพราะถ้าเรายังไม่มีอิสรภาพทางการเงินจริงๆ เนี่ย ก็เสี่ยงมากเลยครับ ทำงานเรายังได้เงินเดือนในการใช้จ่าย แถมเป็นการทำให้เราไม่มีเวลาว่างมากเกินไปครับ ได้เจอเพื่อนๆ ที่ทำงานอีกด้วย แต่ถ้ามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว (แต่ละคนก็แตกต่างกันนะครับ) ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่คงต้องมองช่วงที่เราชราภาพด้วยครับ เพราะช่วงนั้นคงต้องใช้เงินเยอะนะครับ
ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน
- หมีบึงกุ่ม
- Verified User
- โพสต์: 408
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 49
บังเอิญเพิ่งมาอ่านช้าไป 4-5 ปีนี่นะครับ
ขอมองต่างมุมเผื่อ จะยั้งม้าพยศบางตัวที่จะตัดสินใจทำอะไรโดยไม่รู้จริงได้บ้าง
ขอเริ่มตอบจากหัวข้อก่อน ไม่ใช่อาชญากรหรอกครับแหมคุณก็กล่าวเกินไป ถ้าจะตั้งหน้าออกมาปั่นหุ้นละก็ว่าไปอย่าง
ที่อยากแสดงความคิดเห็นก็คือ นับจากวันที่เจ้าของกระทู้โพสต์จนถึงวันนี้อะไรๆ เปลี่ยนไปเยอะ การลงทุนแบบเน้นคุณค่ามีคนรู้จักมากขึ้น เว็บนี้มีสมาชิกและคนมาดูมากขึ้น นักลงทุนหลายคนในเว็บนี้ (ที่ประสบความสำเร็จ) ได้ออกทีวีและให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างมากขึ้น หลายๆ คนยังไปเขียนหนังสือมีคนรู้จัก มีแฟนคอยติดตามอ่าน รอซื้อมากขึ้น
และที่สำคัญมีผู้ที่เป็นสมาชิกเว็บนี้ ผู้ชม ผู้รับข้อมูลจากสื่อต่างๆ เหล่านั้นที่เกิดความคิดจะออกมาลงทุนเต็มตัวและประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น เพื่ออิสรภาพทางการเงิน เกษียณอายุยังน้อยมากขึ้น ถึงขนาดอาจมีคนจำนวนมากขึ้นที่ยังไม่เคยทำงานอะไรแล้ว จบมาแล้วจะมาลงทุนเลย หรือตัดสินใจจะเป็นนักลงทุนมืออาชีพขณะยังเรียนก็มากขึ้น
ที่ผมชงประเด็นยาวมา 2 ย่อหน้าก็เพื่อจะบอกว่า "คนเราไม่เหมือนกัน" ครับ ถนัดและมีความสุขกับการทำอะไรอย่างหนึ่งไม่เหมือนกัน ลักษณะของคนที่จะเป็นนักลงทุนที่ดีจะต้องเป็นแบบหนึ่ง แล้วเราเองที่ว่าจะออกมาทำเต็มเวลาน่ะมีลักษณะหรือสมบัติเหล่านั้นมั้ย? คุณคิดว่าหาก "ไก่วรายุทธ" ผู้จัดทำละคร "Julia Robert" ดาราฮอลิวู้ด "คุณเจริญ" เจ้าพ่อน้ำเมา และคนดังในสาขาอาชีพอื่นๆ สนใจมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา แทนที่จะทำสิ่งที่ตัวเองถนัด รัก และ ทำได้ดี จะประสบความสำเร็จ และรวยกว่าที่เป็นไหม?
สำหรับการเป็นนักลงทุนเต็มเวลานั้นผมเห็นว่าเหมือนกับ คนขายประกันชีวิต ทำแอมเวย์ หรือไม่ก็ขายมิสทีน ในแง่ที่ว่า มันก็มีไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จและทำได้ดีเพราะถูกโฉลก เพราะความพยายามที่จะทำให้ได้ทุ่มเท ไม่ยอมแพ้ไม่เลิก เห็นว่าถ้าทำได้แล้วคุ้ม แต่คนอีกนับไม่ถ้วน (มากกว่านั้นมากนัก "ล้มเหลว") พวกนี้จะให้ผู้ประสบความสำเร็จมาพูด "โม" คือ motivation น่ะครับ บอกเทคนิคว่าเขาทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จได้ ส่วนคนแพ้ไม่เคยได้พูดว่าทำอย่างไรจึงจะแพ้ได้ เพราะเดี๋ยวก็พาลกลัวไม่ทำกันเสียหมด
ผมจึงอยากให้คนที่อยากออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวฉุกคิดและตรวจสอบตัวเองดูเหมือนประมาณว่าคุณพร้อมแล้วหรือที่จะลุยเป็นนักลงทุนเต็มตัว เพราะหากพลาดพลั้งเจ็บและเสียหายหนักกว่าขายประกันหรือแอมเวย์เยอะครับ
การลงทุนหนึ่งที่น่าทำคือการลงทุนให้กับตัวเองไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเวลา หาให้เจอสิ่งที่เราชอบ มีสุขที่ได้ทำพร้อมกับมีรายได้ด้วย ทำในสิ่งที่รักแล้วรายได้ที่สูงจะมาเอง ทุกสาขาอาชีพมีสุดยอดของมันกันทั้งนั้น จะสุดยอดได้ต้องยึดติดกับมัน ให้เวลากับมันได้นานๆ ไม่เบื่อไม่เลิก จะเป็นยังงั้นได้ต้องรักมัน อีกอย่างคือการลงทุนหาความรู้ให้กับตัวเอง พัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพมากขึ้น ในวันที่เลวร้ายที่สุดที่ต้องสูญเสียทรัพย์เงินทองของนอกกายทั้งหลาย คุณจะได้ยังเหลือทรัพย์สินที่พอกพูนมูลค่ายิ่งเวลาผ่านไปยิ่งมากขึ้น นั่นก็คือตัวเอง หากเรายังมีเราอยู่ก็จะสามารถกู้ฐานะกลับคืนมาได้อีก
อันที่จริงผมเห็นว่าเด็กจบใหม่ไม่เคยทำงาน ควรได้ลองทำงานดูก่อนเพื่อฝึกฝนวิธีการทำงาน การติดต่อสื่อสาร การถ่ายทอดความคิด พัฒนาปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหลายระดับ ฝึกการเรียนรู้ด้วยตัวเองนอกห้องเรียน ฝึกระเบียบวินัย สิ่งเหล่านี้ผมว่าจะช่วยให้เป็นนักลงทุนได้ดีขึ้น นอกจากนี้อาจยังได้มีโอกาสรู้จักตัวเองมากขึ้นว่าเราเหมาะจะเป็นอะไรในสังคม เหมาะจะเอาดีด้านไหน หรือทำอะไรให้รุ่งต่อไป อีกอย่างหากคุณทำงานที่เกี่ยวข้องกับบางอุตสาหกรรมคุณอาจลงทุนในหุ้นกลุ่มนั้นๆ ได้ดีกว่าอย่างที่ปีเตอร์ ลินช์บอกว่าหมอยังควรจะลงทุนในบริษัทผลิตยา มากกว่าที่จะไปลงทุนในบริษัทน้ำมัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอออกตัวก่อนว่าที่กล่าวพาดพิงคนในเว็บนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมก็รู้สึกว่าที่นี่ให้ความรู้ ข้อมูล และความช่วยเหลือแก่ผมเยอะมาก จัดได้ว่าเป็นสังคมเพื่อการเรียนรู้สำหรับผู้รักความเจริญก้าวหน้าได้ ผมรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจที่วันหนึ่งค้นไปค้นมา มาเจอเว็บนี้ได้ คงเพราะมีบุพเพสันนิวาส แหะๆ ฟังดูเว่อร์แต่จริงๆ คืออย่างนี้ครับชั่วชีวิตผมเป็นคนค่อนข้างจะงก ขี้เหนียวเก็บเงินเก่งอะไรประมาณนี้ ที่ผ่านมาเวลามีเพื่อนชวนไปเที่ยว สังสรรค์ ผ่อนคลาย หรือทำอะไรก็ตาม มักคิดอยู่เสมอว่า "ทำไมเรามีแต่เพื่อนชวนไปเสียตังค์นะ" (แต่ก็เฮไปกับเขานะ) "ทำไมไม่มีเพื่อนที่ชวนหาตังค์" บ้าง แต่วันนี้ผมเจอแล้วครับเยอะแยะหลายคนเลยที่นี่ แม้คุณอาจจะคิดว่า "ใครเพื่อนคุณหือ? ไม่เห็นเคยรู้จักซะหน่อย" แต่ผมคิดเหมาเอาทุกคนที่นี่ว่าเป็นเพื่อนผมแล้วครับ อย่างน้อยก็เพื่อนร่วมโลก ร่วมเผ่าพันธุ์ เพราะเราเหมือนกันมากกว่าที่ต่างกันนะ หรือไม่จริง หากคุณอยู่ในฝูงมนุษย์ต่างดาวแล้วเกิดเจอผม คุณจะไม่ดีใจเหรอ?
ที่เขียนมานี้จริงๆ แล้วผมอยากจะใช้เตือนใจตัวเองมากกว่าครับ ว่าให้สนใจงานที่ทำอยู่บ้าง มัวแต่มั่วสุมกับเรื่องหุ้นทุกวันมาเป็นปีๆ แล้ว งานประจำที่ทำก็ไม่ก้าวหน้า แค่พอทรงๆ อยู่ไปวันๆ หนังสือหนังหาก็อ่านแต่หุ้น สงสัยคงต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้มาดู หรือแม้กระทั่งศึกษาหุ้นสักพักแล้วไปเคลียร์งานเก่าค้างปีทั้งหลายก่อนครับ แหมแต่เห็นดัชนีอย่างนี้ ราคาแบบนี้แล้วมันโอกาสจริงๆ นะ น่าจะทุ่มเวลาศึกษาวิเคราะห์แล้วซื้อลงทุนซะตอนนี้ก่อนจะได้สบาย เนี่ยคิดแต่อย่างนี้น่ะครับ แต่งานผมก็วิกฤตแล้วเหมือนกันครับ คงต้องตัดใจไปสะสางก่อน รอบนี้ผมขอบายละกัน ยังไงเสียผมเองก็ยังไม่กล้าตัดสินใจออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวหรอกครับ แล้วคุณล่ะเห็นว่ายังไง?[/b]
ขอมองต่างมุมเผื่อ จะยั้งม้าพยศบางตัวที่จะตัดสินใจทำอะไรโดยไม่รู้จริงได้บ้าง
ขอเริ่มตอบจากหัวข้อก่อน ไม่ใช่อาชญากรหรอกครับแหมคุณก็กล่าวเกินไป ถ้าจะตั้งหน้าออกมาปั่นหุ้นละก็ว่าไปอย่าง
ที่อยากแสดงความคิดเห็นก็คือ นับจากวันที่เจ้าของกระทู้โพสต์จนถึงวันนี้อะไรๆ เปลี่ยนไปเยอะ การลงทุนแบบเน้นคุณค่ามีคนรู้จักมากขึ้น เว็บนี้มีสมาชิกและคนมาดูมากขึ้น นักลงทุนหลายคนในเว็บนี้ (ที่ประสบความสำเร็จ) ได้ออกทีวีและให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างมากขึ้น หลายๆ คนยังไปเขียนหนังสือมีคนรู้จัก มีแฟนคอยติดตามอ่าน รอซื้อมากขึ้น
และที่สำคัญมีผู้ที่เป็นสมาชิกเว็บนี้ ผู้ชม ผู้รับข้อมูลจากสื่อต่างๆ เหล่านั้นที่เกิดความคิดจะออกมาลงทุนเต็มตัวและประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น เพื่ออิสรภาพทางการเงิน เกษียณอายุยังน้อยมากขึ้น ถึงขนาดอาจมีคนจำนวนมากขึ้นที่ยังไม่เคยทำงานอะไรแล้ว จบมาแล้วจะมาลงทุนเลย หรือตัดสินใจจะเป็นนักลงทุนมืออาชีพขณะยังเรียนก็มากขึ้น
ที่ผมชงประเด็นยาวมา 2 ย่อหน้าก็เพื่อจะบอกว่า "คนเราไม่เหมือนกัน" ครับ ถนัดและมีความสุขกับการทำอะไรอย่างหนึ่งไม่เหมือนกัน ลักษณะของคนที่จะเป็นนักลงทุนที่ดีจะต้องเป็นแบบหนึ่ง แล้วเราเองที่ว่าจะออกมาทำเต็มเวลาน่ะมีลักษณะหรือสมบัติเหล่านั้นมั้ย? คุณคิดว่าหาก "ไก่วรายุทธ" ผู้จัดทำละคร "Julia Robert" ดาราฮอลิวู้ด "คุณเจริญ" เจ้าพ่อน้ำเมา และคนดังในสาขาอาชีพอื่นๆ สนใจมาเป็นนักลงทุนเต็มเวลา แทนที่จะทำสิ่งที่ตัวเองถนัด รัก และ ทำได้ดี จะประสบความสำเร็จ และรวยกว่าที่เป็นไหม?
สำหรับการเป็นนักลงทุนเต็มเวลานั้นผมเห็นว่าเหมือนกับ คนขายประกันชีวิต ทำแอมเวย์ หรือไม่ก็ขายมิสทีน ในแง่ที่ว่า มันก็มีไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จและทำได้ดีเพราะถูกโฉลก เพราะความพยายามที่จะทำให้ได้ทุ่มเท ไม่ยอมแพ้ไม่เลิก เห็นว่าถ้าทำได้แล้วคุ้ม แต่คนอีกนับไม่ถ้วน (มากกว่านั้นมากนัก "ล้มเหลว") พวกนี้จะให้ผู้ประสบความสำเร็จมาพูด "โม" คือ motivation น่ะครับ บอกเทคนิคว่าเขาทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จได้ ส่วนคนแพ้ไม่เคยได้พูดว่าทำอย่างไรจึงจะแพ้ได้ เพราะเดี๋ยวก็พาลกลัวไม่ทำกันเสียหมด
ผมจึงอยากให้คนที่อยากออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวฉุกคิดและตรวจสอบตัวเองดูเหมือนประมาณว่าคุณพร้อมแล้วหรือที่จะลุยเป็นนักลงทุนเต็มตัว เพราะหากพลาดพลั้งเจ็บและเสียหายหนักกว่าขายประกันหรือแอมเวย์เยอะครับ
การลงทุนหนึ่งที่น่าทำคือการลงทุนให้กับตัวเองไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเวลา หาให้เจอสิ่งที่เราชอบ มีสุขที่ได้ทำพร้อมกับมีรายได้ด้วย ทำในสิ่งที่รักแล้วรายได้ที่สูงจะมาเอง ทุกสาขาอาชีพมีสุดยอดของมันกันทั้งนั้น จะสุดยอดได้ต้องยึดติดกับมัน ให้เวลากับมันได้นานๆ ไม่เบื่อไม่เลิก จะเป็นยังงั้นได้ต้องรักมัน อีกอย่างคือการลงทุนหาความรู้ให้กับตัวเอง พัฒนาตัวเองให้มีศักยภาพมากขึ้น ในวันที่เลวร้ายที่สุดที่ต้องสูญเสียทรัพย์เงินทองของนอกกายทั้งหลาย คุณจะได้ยังเหลือทรัพย์สินที่พอกพูนมูลค่ายิ่งเวลาผ่านไปยิ่งมากขึ้น นั่นก็คือตัวเอง หากเรายังมีเราอยู่ก็จะสามารถกู้ฐานะกลับคืนมาได้อีก
อันที่จริงผมเห็นว่าเด็กจบใหม่ไม่เคยทำงาน ควรได้ลองทำงานดูก่อนเพื่อฝึกฝนวิธีการทำงาน การติดต่อสื่อสาร การถ่ายทอดความคิด พัฒนาปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหลายระดับ ฝึกการเรียนรู้ด้วยตัวเองนอกห้องเรียน ฝึกระเบียบวินัย สิ่งเหล่านี้ผมว่าจะช่วยให้เป็นนักลงทุนได้ดีขึ้น นอกจากนี้อาจยังได้มีโอกาสรู้จักตัวเองมากขึ้นว่าเราเหมาะจะเป็นอะไรในสังคม เหมาะจะเอาดีด้านไหน หรือทำอะไรให้รุ่งต่อไป อีกอย่างหากคุณทำงานที่เกี่ยวข้องกับบางอุตสาหกรรมคุณอาจลงทุนในหุ้นกลุ่มนั้นๆ ได้ดีกว่าอย่างที่ปีเตอร์ ลินช์บอกว่าหมอยังควรจะลงทุนในบริษัทผลิตยา มากกว่าที่จะไปลงทุนในบริษัทน้ำมัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมขอออกตัวก่อนว่าที่กล่าวพาดพิงคนในเว็บนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมก็รู้สึกว่าที่นี่ให้ความรู้ ข้อมูล และความช่วยเหลือแก่ผมเยอะมาก จัดได้ว่าเป็นสังคมเพื่อการเรียนรู้สำหรับผู้รักความเจริญก้าวหน้าได้ ผมรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจที่วันหนึ่งค้นไปค้นมา มาเจอเว็บนี้ได้ คงเพราะมีบุพเพสันนิวาส แหะๆ ฟังดูเว่อร์แต่จริงๆ คืออย่างนี้ครับชั่วชีวิตผมเป็นคนค่อนข้างจะงก ขี้เหนียวเก็บเงินเก่งอะไรประมาณนี้ ที่ผ่านมาเวลามีเพื่อนชวนไปเที่ยว สังสรรค์ ผ่อนคลาย หรือทำอะไรก็ตาม มักคิดอยู่เสมอว่า "ทำไมเรามีแต่เพื่อนชวนไปเสียตังค์นะ" (แต่ก็เฮไปกับเขานะ) "ทำไมไม่มีเพื่อนที่ชวนหาตังค์" บ้าง แต่วันนี้ผมเจอแล้วครับเยอะแยะหลายคนเลยที่นี่ แม้คุณอาจจะคิดว่า "ใครเพื่อนคุณหือ? ไม่เห็นเคยรู้จักซะหน่อย" แต่ผมคิดเหมาเอาทุกคนที่นี่ว่าเป็นเพื่อนผมแล้วครับ อย่างน้อยก็เพื่อนร่วมโลก ร่วมเผ่าพันธุ์ เพราะเราเหมือนกันมากกว่าที่ต่างกันนะ หรือไม่จริง หากคุณอยู่ในฝูงมนุษย์ต่างดาวแล้วเกิดเจอผม คุณจะไม่ดีใจเหรอ?
ที่เขียนมานี้จริงๆ แล้วผมอยากจะใช้เตือนใจตัวเองมากกว่าครับ ว่าให้สนใจงานที่ทำอยู่บ้าง มัวแต่มั่วสุมกับเรื่องหุ้นทุกวันมาเป็นปีๆ แล้ว งานประจำที่ทำก็ไม่ก้าวหน้า แค่พอทรงๆ อยู่ไปวันๆ หนังสือหนังหาก็อ่านแต่หุ้น สงสัยคงต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้มาดู หรือแม้กระทั่งศึกษาหุ้นสักพักแล้วไปเคลียร์งานเก่าค้างปีทั้งหลายก่อนครับ แหมแต่เห็นดัชนีอย่างนี้ ราคาแบบนี้แล้วมันโอกาสจริงๆ นะ น่าจะทุ่มเวลาศึกษาวิเคราะห์แล้วซื้อลงทุนซะตอนนี้ก่อนจะได้สบาย เนี่ยคิดแต่อย่างนี้น่ะครับ แต่งานผมก็วิกฤตแล้วเหมือนกันครับ คงต้องตัดใจไปสะสางก่อน รอบนี้ผมขอบายละกัน ยังไงเสียผมเองก็ยังไม่กล้าตัดสินใจออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวหรอกครับ แล้วคุณล่ะเห็นว่ายังไง?[/b]
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 50
เห็นด้วยกับคุณหมีบึงกุ่ม คนเราถนัดไม่เหมือนกัน เขาเป็นเซียนหุ้น
ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเซียนหุ้นได้ เหมือนการตีเทนนิส เราฝึกหนักแค่
ไหน พอถึงระดับหนึ่งฝีมือจะคงที่ ไม่ว่าจะฝึกฝนอย่างไรก็คงเก่งไม่เท่า
ภราดรแน่ งานประจำถึงแม้บางครั้งจะเบื่อ แต่ก็เป็นหลักประกันในชีวิต
ได้อย่างดี สำหรับผมแม้จะมีอิสระทางการเงินผมก็ไม่ทิ้งงานประจำแน่
จะทำไปเรื่อยๆจนอายุ ๗๐
ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเซียนหุ้นได้ เหมือนการตีเทนนิส เราฝึกหนักแค่
ไหน พอถึงระดับหนึ่งฝีมือจะคงที่ ไม่ว่าจะฝึกฝนอย่างไรก็คงเก่งไม่เท่า
ภราดรแน่ งานประจำถึงแม้บางครั้งจะเบื่อ แต่ก็เป็นหลักประกันในชีวิต
ได้อย่างดี สำหรับผมแม้จะมีอิสระทางการเงินผมก็ไม่ทิ้งงานประจำแน่
จะทำไปเรื่อยๆจนอายุ ๗๐
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 51
ในฐานะคนๆหนึ่งที่เหมือนๆ ออกมาเล่นหุ้นอย่างเดียวครับ
ผมว่าพิสูจน์ให้ตัวเองมั่นใจด้วยระยะเวลาระดับหนึ่ง ผลตอบแทนระดับหนึ่งก่อน
แล้วก็ต้องตรวจสอบตัวเองด้วย ว่าชอบหรือรัก มันจริงๆ หรือเปล่า
ไม่ใช่เพิ่งเริ่ม เดือนสองเดือนเห็นผลตอบแทนดี แล้วคิดว่าชอบ
เพราะมันอาจเป็นแค่ฮันนีมูน period เท่านั้น
ผมว่าออกมาเป็นนักลงทุนอย่างเดียวไม่น่าใช่คำตอบของคนทุกคน แต่เป็นคำตอบของคนบางคนที่รู้สึกว่า เยสสส นี่แหละคำตอบของชิวิต เราจะอยู่กับมันไปจนตาย เพราะเรารักมัน
ที่สำคัญ นักลงทุนเต็มเวลา ก็เป็นอีกอาชีพนึงที่คนอื่นอาจยังไม่เข้าใจก็เท่านั้นเองครับ
บอกคนอื่นว่าเป็นคนทำงานเกี่ยวกับการเงินก็พอ ถ้ามองดุว่าจะคุยกันไม่รู้เรือง :8)
ผมว่าพิสูจน์ให้ตัวเองมั่นใจด้วยระยะเวลาระดับหนึ่ง ผลตอบแทนระดับหนึ่งก่อน
แล้วก็ต้องตรวจสอบตัวเองด้วย ว่าชอบหรือรัก มันจริงๆ หรือเปล่า
ไม่ใช่เพิ่งเริ่ม เดือนสองเดือนเห็นผลตอบแทนดี แล้วคิดว่าชอบ
เพราะมันอาจเป็นแค่ฮันนีมูน period เท่านั้น
ผมว่าออกมาเป็นนักลงทุนอย่างเดียวไม่น่าใช่คำตอบของคนทุกคน แต่เป็นคำตอบของคนบางคนที่รู้สึกว่า เยสสส นี่แหละคำตอบของชิวิต เราจะอยู่กับมันไปจนตาย เพราะเรารักมัน
ที่สำคัญ นักลงทุนเต็มเวลา ก็เป็นอีกอาชีพนึงที่คนอื่นอาจยังไม่เข้าใจก็เท่านั้นเองครับ
บอกคนอื่นว่าเป็นคนทำงานเกี่ยวกับการเงินก็พอ ถ้ามองดุว่าจะคุยกันไม่รู้เรือง :8)
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 53
เป็นกำลังใจให้คุณ sunrise และ คุณ conseto ครับ
สักวันหนึ่งผมจะร่วมเดินทางในเส้นทางเดียวกับที่พวกคุณกำลังเดิน
สักวันหนึ่งผมจะร่วมเดินทางในเส้นทางเดียวกับที่พวกคุณกำลังเดิน
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 55
ชีวิตมันสั้น อยากทำอะไรก็ทำเถอะครับ (แต่ต้องมีปัจจัยพอยังชีพด้วยนะ)
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 56
จขกท. 31 แล้ว ออิอิ
"หากท่านคาดการณ์ว่าจะไม่ได้รับประโยชน์เลยแม้แต่น้อยจากการปฏิบัตืการรุก ให้ท่านจงตั้งมั่นอยู่กับที่อย่างสงบ"
"ไม่มีสูตรสำเร็จในชัยชนะ คนทำผิดจะเกิดขึ้นเฉพาะกับฝ่ายที่แพ้เท่านั้น"
- ซุนวู -
"ไม่มีสูตรสำเร็จในชัยชนะ คนทำผิดจะเกิดขึ้นเฉพาะกับฝ่ายที่แพ้เท่านั้น"
- ซุนวู -
-
- Verified User
- โพสต์: 79
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 59
[quote="BOONPARUEY"]
....
....
ride ต้นคลื่น fly ปลายคลื่น
-
- Verified User
- โพสต์: 41
- ผู้ติดตาม: 0
คนอยู่บ้านเล่นหุ้นไม่ใช่อาชญากร
โพสต์ที่ 60
"เพราะชีวิตคือการลงทุน"
ดังนั้นการที่เราจะเลือกทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เราเองเป็นคนที่ตัดสินใจดีที่สุด เพราะชีวิตประกอบด้วยทางเลือกมากมาย เลือกทางไหนแล้ว เราก็ต้องรับผลของการเลือกนั้น ไม่ว่าดีหรือร้าย ในความคิดผมก็คือ ศึกษา อ่านเยอะๆ ฟังความคิดคนอื่นเยอะๆ ถึงเวลาที่เราจะเลือกจะได้เลือกได้ดีที่สุดครับ
ดังนั้นการที่เราจะเลือกทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เราเองเป็นคนที่ตัดสินใจดีที่สุด เพราะชีวิตประกอบด้วยทางเลือกมากมาย เลือกทางไหนแล้ว เราก็ต้องรับผลของการเลือกนั้น ไม่ว่าดีหรือร้าย ในความคิดผมก็คือ ศึกษา อ่านเยอะๆ ฟังความคิดคนอื่นเยอะๆ ถึงเวลาที่เราจะเลือกจะได้เลือกได้ดีที่สุดครับ