โพสต์
เป็นการลงทุนระยะเวลา 4 เดือนกับ 10 วัน ได้ผลตอบแทนที่ 11.76% ต่อปี
สูงกว่า พันธบัตรรัฐบาลที่ 2% กว่าๆ เกือบ 5 เท่า...
:shock: :shock: เงินลงทุนขั้นต่ำ 3,550 บาท สำหรับคนที่รับความเสี่ยงบ้างได้
ผลตอบแทน ทำได้อย่างไร? ตามผมมาทางนี้ครับ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ราคาตลาด ณ ปัจจุบันที่ 35.5 บาท มีความเป็นไปได้ในการรับซื้อคืนที่ 37 บาท ภายในปลายเดือนกันยายน
ส่วนต่าง 1.5/35.5 = 4.2%
ระยะเวลาการลงทุน ณ ปัจจุบัน = 4 เดือน 10 วัน = 365/130 = 2.8
4.2% * 2.8 = 11.76% ต่อปี
ความเสี่ยง คือ Deal นี้ไม่สำเร็จ ด้วยสาเหตุนานาประการ
หากไม่สำเร็จ ก็กินน้ำชาเขียว, น้ำชามะนาว หรือน้ำกาแฟ OISHI เลียแผลนะครับ... :lol: :lol: :lol:
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ตามที่ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (?บริษัทฯ?) ได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์พักการซื้อขาย
หลักทรัพย์ของบริษัทฯ เป็นการชั่วคราวเนื่องจากบริษัทฯ ได้รับแจ้งในเบื้องต้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ บริษัท
ยอดกิจธุรกิจ จำกัด ว่าอยู่ในระหว่างการเจรจาขายหุ้นสามัญในส่วนที่ถืออยู่ในบริษัทฯ ทั้งหมดจำนวน
82,314,537 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 43.9 ของทุนจดทะเบียนชำระ ความละเอียดปรากฏตามหนังสือที่อ้างถึง นั้น
บัดนี้ บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่แล้วว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประสงค์ที่จะขายหุ้นสามัญ
ในส่วนที่ถืออยู่ในบริษัทฯ ทั้งหมดจำนวน 82,314,537 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 43.9 ของทุนจดทะเบียนบริษัทฯ
ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (?ผู้จะซื้อ?) ในราคาหุ้นละ 37 บาท โดยได้มีการลงนามใน
บันทึกความเข้าใจกับผู้จะซื้อแล้วในวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 โดย ณ ปัจจุบัน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเป็นผู้จะซื้อ ถือหุ้นโดยคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี และภรรยา รวมถึงบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี
จำนวนประมาณร้อยละ 60 ของทุนชำระแล้ว และบริษัท ยอดกิจธุรกิจ จำกัดซึ่งเป็นผู้จะขาย ถือหุ้นโดยคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี
และภรรยา โดยทางอ้อมจำนวนร้อยละ 100 ของทุนชำระแล้ว
อนึ่ง ในการจะซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในครั้งนี้จะสำเร็จเสร็จสิ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลายประการ
เช่น การลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะต้องกระทำภายในวันที่ 30 กันยายน 2551 และภายหลัง
จากการพิจารณาอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของผู้ซื้อตามกฎหมายในการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่
และในส่วนของราคาซื้อขายหุ้นสามัญดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากปรากฏว่าภายหลังการตรวจสอบ
สถานะของบริษัทฯ (Due Diligence) แล้วพบว่ากำไรสุทธิของบริษัทฯ หรือมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นที่แท้จริงต่ำกว่ากำไรสุทธิ
ของบริษัทฯ หรือมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นของบริษัทฯ ที่ปรากฏในงบการเงินของบริษัทฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2551 เป็นจำนวนตั้งแต่ร้อยละ 5 ขึ้นไป โดยผู้จะซื้อและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตกลงที่จะเข้าเจรจาราคาซื้อขายหุ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้แจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ของผู้จะซื้อว่าผู้จะซื้อ
มีความประสงค์ที่จะขยายธุรกิจหลักของผู้จะซื้อและเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในสายธุรกิจเครื่องดื่มประเภทปราศจากแอลกอฮอล์
(non - alcoholic) และหากการซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทฯ ในครั้งนี้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ผู้จะซื้อมีหน้าที่ที่จะต้อง
ทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป (General Tender Offer) ตามกฎ ระเบียบ และกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้องต่อไป
บัดนี้ บริษัทฯ ได้เปิดเผยสารสนเทศสำคัญดังกล่าวผ่านทางระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แล้ว
จึงขออนุญาตให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ โดยปลดเครื่องหมาย SP ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าของวันที่
16 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นไป และหากบริษัทฯ ได้รับแจ้งข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นสามัญจำนวน
ดังกล่าวเพิ่มเติมประการใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และผู้ลงทุนทั่วไปทราบโดยพร้อมกัน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
( นายตัน ภาสกรนที )
บันทึกไม่สำเร็จ