ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
- awev
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 1
1. เล่นแบบ day Trade ตามที่ผมเข้าใจนะครับ คือซื้อขายกันแบบเก็งกำไร จะถืออยู่ไม่นาน ถ้าหุ้นมีกำไรแค่ 1-5% ก็ขายแล้ว เป็นการเล่นที่ยากมากเพราะจะเดาทางไม่ได้เลย เพราะมันขึ้นกับคนซื้อและคนปั่น ต้องมานั่งเฝ้าตลอดเวลา
2.เล่นแบบ VI คือ ซื้อเพื่อรับเงินปันผล หรือคาดหมายว่าตัวนี้มันจะไปได้ไกล เช่นซื้อที่ 6 บาท คาดว่ามันจะไปได้สูงกว่าอีกหลายเท่า แล้วค่อยขายมันทิ้งใช่มั๊ยครับ หรือว่าถือไปเรื่อยๆ รึยังไงครับ
2.เล่นแบบ VI คือ ซื้อเพื่อรับเงินปันผล หรือคาดหมายว่าตัวนี้มันจะไปได้ไกล เช่นซื้อที่ 6 บาท คาดว่ามันจะไปได้สูงกว่าอีกหลายเท่า แล้วค่อยขายมันทิ้งใช่มั๊ยครับ หรือว่าถือไปเรื่อยๆ รึยังไงครับ
A Knight's Tale
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 128
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 2
1) เท่าที่ผมเข้าใจ เล่นหุ้นแบบ Day Trade คือซื้อขายหุ้นภายในวัน โดยไม่เหลือหุ้นติดกลับบ้านครับ เป็นแขนงหนึ่งของการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร
2) เล่นหุ้นแบบ VI นั้น (จริงๆผมว่าต้องใช้คำว่า ลงทุนในหุ้นแบบ VI มากกว่าครับ เพราะไม่ได้ทำเล่นๆ แต่ทำจริงจัง) ลองหาอ่านกระทู้ในคลังกระทู้คุณค่า ก็จะเข้าใจมากขึ้น ถ้าให้สรุปง่ายๆ คือ การซื้อหุ้นที่ดี ในราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่เหมาะสม จะต่ำกว่าแค่ไหนก็ขึ้นกับการกำหนด Margin of Safety (MOS)ของแต่ละคนครับ นั่นคือเราจะต้องประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมออกมาให้ได้ก่อน (ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่ยากครับ)
ยกตัวอย่างเช่น เราคำนวณมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมได้ 10 บาท/หุ้น เรากำหนด MOS ของเราที่ 40% แปลว่าหากราคาหุ้นต่ำกว่า = 10 x (1-40%) = 6 บาท/หุ้น เราก็จะซื้อหุ้นตัวนี้ครับ
2) เล่นหุ้นแบบ VI นั้น (จริงๆผมว่าต้องใช้คำว่า ลงทุนในหุ้นแบบ VI มากกว่าครับ เพราะไม่ได้ทำเล่นๆ แต่ทำจริงจัง) ลองหาอ่านกระทู้ในคลังกระทู้คุณค่า ก็จะเข้าใจมากขึ้น ถ้าให้สรุปง่ายๆ คือ การซื้อหุ้นที่ดี ในราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่เหมาะสม จะต่ำกว่าแค่ไหนก็ขึ้นกับการกำหนด Margin of Safety (MOS)ของแต่ละคนครับ นั่นคือเราจะต้องประเมินมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมออกมาให้ได้ก่อน (ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่ยากครับ)
ยกตัวอย่างเช่น เราคำนวณมูลค่าหุ้นที่เหมาะสมได้ 10 บาท/หุ้น เรากำหนด MOS ของเราที่ 40% แปลว่าหากราคาหุ้นต่ำกว่า = 10 x (1-40%) = 6 บาท/หุ้น เราก็จะซื้อหุ้นตัวนี้ครับ
"As Above, So Below"
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 3
Value Investment คือ การลงทุนในหลักทรัพย์ ที่ดิน อาคาร หรือทรัพย์สินอื่นใดในราคาต่ำกว่ามูลค่า 100% ของทรัพย์สินนั้น
ส่วนจะต่ำกว่าเท่าใดนั้น ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงในการลงทุนในชนิด และประเภท ของทรัพย์สินด้วย เป็นสำคัญ
ยกตัวอย่าง บ้านเดี่ยวแถบถนนราชพฤกษ์ ตารางวาละ 45,000 บาท (ตามการประเมินราคาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) มีคนเลหลังให้ผมถูกๆ เพราะอาจรีบใช้เงิน หรืออย่างหนึ่งอย่างใด ในราคาตารางวาละ 30,000 บาท
การลงทุนของผมแบบนี้ก้อเรียกว่า VI ครับ
หรือ
หลักทรัพย์ A มีมูลค่า 5 บาทต่อหุ้น แต่นายตลาดให้ราคาเพียง 1 บาทต่อหุ้น
อาจเป็นเพราะตัวธุรกิจที่มีปัญหาติดตัวชั่วคราว หรือกรณีใดก้อตามที่สามารถแก้ไข หรือกลับเป็นดีดังเดิม หรือาจดีกว่าเดิมได้ ในอนาคต ผมพิจารณาซื้อไว้ที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น เพราะเห็นว่าปัญหาดังกล่าวก้อต้องผ่านไป
แบบนี้ก้อเรียกว่า VI เช่นกัน ครับ
ส่วนเรื่องเงินปันผล ผมให้น้ำหนักน้อยกว่า Capital Gain ครับ เพราะผมถือว่าผมลงทุนในทรัพย์สินที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
ดังนั้น เมื่อราคาได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงแล้ว หรืออาจสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้ว ผมก้ออาจ switch ไปหาทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
เงินปันผลไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการลงทุนในช่วงอายุ 25-40 ปี แบบผม ครับ :8) ...
ส่วนจะต่ำกว่าเท่าใดนั้น ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงในการลงทุนในชนิด และประเภท ของทรัพย์สินด้วย เป็นสำคัญ
ยกตัวอย่าง บ้านเดี่ยวแถบถนนราชพฤกษ์ ตารางวาละ 45,000 บาท (ตามการประเมินราคาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) มีคนเลหลังให้ผมถูกๆ เพราะอาจรีบใช้เงิน หรืออย่างหนึ่งอย่างใด ในราคาตารางวาละ 30,000 บาท
การลงทุนของผมแบบนี้ก้อเรียกว่า VI ครับ
หรือ
หลักทรัพย์ A มีมูลค่า 5 บาทต่อหุ้น แต่นายตลาดให้ราคาเพียง 1 บาทต่อหุ้น
อาจเป็นเพราะตัวธุรกิจที่มีปัญหาติดตัวชั่วคราว หรือกรณีใดก้อตามที่สามารถแก้ไข หรือกลับเป็นดีดังเดิม หรือาจดีกว่าเดิมได้ ในอนาคต ผมพิจารณาซื้อไว้ที่ราคา 1 บาทต่อหุ้น เพราะเห็นว่าปัญหาดังกล่าวก้อต้องผ่านไป
แบบนี้ก้อเรียกว่า VI เช่นกัน ครับ
ส่วนเรื่องเงินปันผล ผมให้น้ำหนักน้อยกว่า Capital Gain ครับ เพราะผมถือว่าผมลงทุนในทรัพย์สินที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
ดังนั้น เมื่อราคาได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงแล้ว หรืออาจสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้ว ผมก้ออาจ switch ไปหาทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
เงินปันผลไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการลงทุนในช่วงอายุ 25-40 ปี แบบผม ครับ :8) ...
- awev
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 4
[quote="beammy"]ส่วนเรื่องเงินปันผล ผมให้น้ำหนักน้อยกว่า Capital Gain ครับ เพราะผมถือว่าผมลงทุนในทรัพย์สินที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
ดังนั้น เมื่อราคาได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงแล้ว หรืออาจสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้ว ผมก้ออาจ switch ไปหาทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
เงินปันผลไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการลงทุนในช่วงอายุ 25-40 ปี แบบผม ครับ
ดังนั้น เมื่อราคาได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงแล้ว หรืออาจสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงแล้ว ผมก้ออาจ switch ไปหาทรัพย์สินอื่นที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง
เงินปันผลไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการลงทุนในช่วงอายุ 25-40 ปี แบบผม ครับ
A Knight's Tale
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 5
หุ้นตัวนี้มันน่าจะขึ้นได้ ...awev เขียน:แสดงว่า เราประเมินการว่าหุ้นตัวนี้น่าจะไปได้ไกลกว่านี้อีก แล้วเราก็ถือไว้รอให้มันเป็นไปตามที่เราคาดไว้ เช่นเราซื้อมาที่ 1 บาท แต่เราคาดว่ามันน่าจะเป็น 10 บาทหรือมากกว่านั้น พอมันเป็นไปตามที่เราคาด เราก็ขายมันทิ้งซะ แล้วไปมองหาตัวใหม่ ที่เราถือมันไว้นานๆ ไม่ได้หวังเงินปันผล แต่หวังให้ราคาหุ้นมันขึ้นไปสูงๆ แล้วขาย ที่ผมเข้าใจถูกรึผิดครับ
1. แล้วเราจะถือมันไว้ในกรณีไหนบ้างครับ
2. แล้วเเรจะขายมันทิ้งในกรณีไหนบ้างครับ
เหตุใดถึงขึ้นได้ ต้องดูว่า ตัวเร่ง คืออะไรก่อนครับ
เพราะราคาหุ้นจะขยับสูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ต้องมีตัวเร่งที่ทรงพลัง ครับ
เราซื้อมันเพราะตัวเร่ง ก้อต้องรอให้ตัวเร่งแสดงพลังออกมาก่อนครับ
ถ้าตัวเร่งนั้นเกิดปัญหา ไม่สามารถเร่งได้จริง ก้อพิจารณาตัวอื่นที่มีตัวเร่งที่เห็นได้ชัด ครับ
สำหรับผม ผมจะถือหุ้นไว้ในกรณีที่ผมรอจนกว่าตัวเร่งจะแสดงพลังออกมา ครับ หรืออย่างน้อย ถือไว้จะกว่าจะไม่สบายใจ
และ ผมจะขายหุ้นออกไปในกรณีที่ผมคิดผิด ตัวเร่งนั้นอาจไม่มีจริง หรือมีจริงแต่อาจต้องใช้ระยะเวลานานเกินกว่าที่ผมกำหนดไว้
มีอีกเยอะเลยครับ พิมพ์คงได้หลายหน้าทีเดียว :8) ...
- awev
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 6
ขยายความตัวเร่งให้หน่อยครับ ว่ามันคืออะไร คือณช่วงเวลานั้น แนวของกิจการของเค้าตรงกับความต้องการของตลาด ทำให้ผลประกอบการเยอะขึ้น ใช่มัยครับ รึว่ายังไง ช่วยยกตัวอย่างให้ด้วยหน่อยครับผม จะเป็นพระคุณยิ่งเลยครับ
A Knight's Tale
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 7
ปกติกิจการนึงๆ ก็จะมีมูลค่าที่ควรจะเป็นของมันอยู่ครับ
แต่ตลาดอาจจะกำลังมองข้ามมูลค่านั้นไป หรืออาจจะมองไม่เห็นมูลค่านั้น
หรือจะตีหมายความว่ามีมูลค่าซ่อนอยู่ก็ได้
จนกระทั่งเกิดตัวเร่ง ซึ่งเสมือนทำให้เกิดการปลดปล่อยมูลค่าออกมาให้ตลาดรับรู้
ราคาหุ้นในตลาดก็จะวิ่งไปที่มูลค่าที่ควรจะเป็นของมันครับ ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อ...
คุณรู้ก่อนคนอื่น ซื้อ ถือ และก็รอครับ
ปล.
แต่ปกติผมหาหุ้นโดยไม่ได้มองหาตัวเร่งนะครับ เพราะผมหาตัวเร่งไม่เก่ง
ขนาดทุกวันนี้เมียผมยังหาไม่ได้เลย :lol: :lol: :lol: ...
แต่ตลาดอาจจะกำลังมองข้ามมูลค่านั้นไป หรืออาจจะมองไม่เห็นมูลค่านั้น
หรือจะตีหมายความว่ามีมูลค่าซ่อนอยู่ก็ได้
จนกระทั่งเกิดตัวเร่ง ซึ่งเสมือนทำให้เกิดการปลดปล่อยมูลค่าออกมาให้ตลาดรับรู้
ราคาหุ้นในตลาดก็จะวิ่งไปที่มูลค่าที่ควรจะเป็นของมันครับ ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อ...
คุณรู้ก่อนคนอื่น ซื้อ ถือ และก็รอครับ
ปล.
แต่ปกติผมหาหุ้นโดยไม่ได้มองหาตัวเร่งนะครับ เพราะผมหาตัวเร่งไม่เก่ง
ขนาดทุกวันนี้เมียผมยังหาไม่ได้เลย :lol: :lol: :lol: ...
-
- Verified User
- โพสต์: 912
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 8
ผมเดาเอาว่า ตัวเร่งก็คือกิจการที่ดีมีกำไรของบริษัทนั่นเอง
และมันมักจะเริ่มทำงานจริงๆ จังเมื่อ มีการประกาศงบกำไรรายไตรมาสออกมา
เมื่อคนเห็นบริษัทไหนกำไรกันเยอะๆ ก็จะแห่กันเข้ามาซื้อ
สำหรับหุ้นดังๆ ทั้งหลาย บางทีไม่ต้องรอให้ผลประกอบการออก หลายๆครั้งมีข่าวดีออกมานิดหน่อยราคาก็ขยับ นำหน้า ผลประกอบการไปแล้วด้วยครับ (เนื่องจากนักเล่นหุ้น จะเดา
ว่าผลประกอบการต้องดีแน่นอนสืบเนื่องจากข่าวนั้น)
ผิดถูกยังไง ช่วยแนะนำด้วยนะครับ
และมันมักจะเริ่มทำงานจริงๆ จังเมื่อ มีการประกาศงบกำไรรายไตรมาสออกมา
เมื่อคนเห็นบริษัทไหนกำไรกันเยอะๆ ก็จะแห่กันเข้ามาซื้อ
สำหรับหุ้นดังๆ ทั้งหลาย บางทีไม่ต้องรอให้ผลประกอบการออก หลายๆครั้งมีข่าวดีออกมานิดหน่อยราคาก็ขยับ นำหน้า ผลประกอบการไปแล้วด้วยครับ (เนื่องจากนักเล่นหุ้น จะเดา
ว่าผลประกอบการต้องดีแน่นอนสืบเนื่องจากข่าวนั้น)
ผิดถูกยังไง ช่วยแนะนำด้วยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 912
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 9
ผมคิดว่าเราจะขายหุ้นก็เมื่อ ราคามันขึ้นไปถึงราคาที่แท้จริงที่เราประเมินไว้แล้ว
เมื่อถึงจุดนี้หุ้นตัวนี้ก็ไม่มีอะไรน่าลงทุนอีกต่อไป จึงขาย
เพื่อไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นดีกว่า
คุณ awev เคยอ่านหนังสือ เรื่องเล่าคนล่าห่าน ไหมครับ
นี่ก็เป็นนิยายการลงทุนอีกเล่มที่อ่านสนุก และได้ความรู้
ทีเดียวครับ เป็นนิยายของเสี่ยคนนึงที่มองตลาดหุ้นเป็น
การพนันจนแทบหมดตัว และค่อยๆ เรียนรู้การลงทุนในหุ้นครับ
เมื่อถึงจุดนี้หุ้นตัวนี้ก็ไม่มีอะไรน่าลงทุนอีกต่อไป จึงขาย
เพื่อไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นดีกว่า
คุณ awev เคยอ่านหนังสือ เรื่องเล่าคนล่าห่าน ไหมครับ
นี่ก็เป็นนิยายการลงทุนอีกเล่มที่อ่านสนุก และได้ความรู้
ทีเดียวครับ เป็นนิยายของเสี่ยคนนึงที่มองตลาดหุ้นเป็น
การพนันจนแทบหมดตัว และค่อยๆ เรียนรู้การลงทุนในหุ้นครับ
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 10
ตัวเร่งที่ว่ามีเยอะแยะครับ ไม่ใช่ลำพังแค่กำไร และจะไม่ขออธิบายในที่นี้
แต่จะแนะนำให้ลองไปอ่านจากหนังสือ "The 5 Keys to Value Investing"
ของ Dennis Jean-Jacques ที่พูดถึงตัวเร่งค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน
(แต่เผอิญว่าบ่จั๊ยสไตล์ป๋ม :la: :la: :la: ครับ...)
ปล.
หนังสือที่ว่านี้มีแปลเป็นไทยโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ชื่อหนังสือว่า
"กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า" สนพ.วิสดอมเวิร์คเพรส
ไปถามหาได้ที่ร้าน Se-ed Book ทุกสาขาคร้าบ
แต่จะแนะนำให้ลองไปอ่านจากหนังสือ "The 5 Keys to Value Investing"
ของ Dennis Jean-Jacques ที่พูดถึงตัวเร่งค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน
(แต่เผอิญว่าบ่จั๊ยสไตล์ป๋ม :la: :la: :la: ครับ...)
ปล.
หนังสือที่ว่านี้มีแปลเป็นไทยโดยคุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ชื่อหนังสือว่า
"กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า" สนพ.วิสดอมเวิร์คเพรส
ไปถามหาได้ที่ร้าน Se-ed Book ทุกสาขาคร้าบ
- awev
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 11
ปกติการซื้อหุ้นแต่ละตัวควรใช้เงินเท่าไหร่ครับถึงจะคุ้มต่อการซื้อในแต่ละครั้ง ครั้งของผมคือ ซื้อแนวVI ซื้อแล้วถือไว้รอจนกว่าจะขาย คงจะเป็นเวลานาน เช่นการทำไวน์ เราทำแค่ขวดเดียวแต่ตั้งใจเก็บไว้ซัก 10 ปี พอครบ 10ปีเราก็ได้แค่ 1 ขวด สมมุติเราขายขวดละ 1000 บาท หารต่อปี เราจะมีรายได้ปีละ 100 บาท แต่ถ้าตอนนั้นเราทำไว้ 100 ขวด เราจะมีรายได้ต่อปี 10000 แต่เราแค่ 1 ขวดเอง เทียบกับเวลามันไม่คุ้มเวลาที่เสียไปตั้ง 10 ปี
ผมไม่รู้จริงๆครับว่ามันมีจุดเริ่มต้นที่เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม แนะนำด้วยครับ
1. ผมไม่รู้ว่ามันมีสูตร หรือว่าแล้วแต่มีเงินมากเงินน้อย
2. การซื้อถือไว้ ปกติยาวนานแค่ไหนครับ
ช่วยตอบเป็นข้อๆให้ด้วยครับผม ขอบคุณมากครับผม
ผมไม่รู้จริงๆครับว่ามันมีจุดเริ่มต้นที่เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม แนะนำด้วยครับ
1. ผมไม่รู้ว่ามันมีสูตร หรือว่าแล้วแต่มีเงินมากเงินน้อย
2. การซื้อถือไว้ ปกติยาวนานแค่ไหนครับ
ช่วยตอบเป็นข้อๆให้ด้วยครับผม ขอบคุณมากครับผม
A Knight's Tale
-
- Verified User
- โพสต์: 347
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 13
ผมว่าให้ลองอ่านกระทู้คุณค่าหรือไม่ก็ที่ห้องบทความอาจจะได้แนวคิดดี ๆ ครับ ส่วนตัวยังใหม่ประสบการณ์การลงทุนแบบคุณค่าประมาณ 6 เดือน ตอนนี้ปอดโดยรวมยังบาดเจ็บ แต่ยังคงยึดมั่นในแนวทางนี้ ผมเองก็เป็นเหมือนคุณ awev และมือใหม่ทุกท่านที่อยากได้สูตรสำเร็จ เห็นท่านอื่น ๆ ได้กำไรเยอะก็อยากได้อย่างนั้นบ้าง เลยเข้าไปลุยโดยที่ตัวเองยังไม่มีความรู้ไม่มีความพร้อมบางตัวที่ซื้อก็เพราะกลัวตกรถ ถึงแม้จะเป็นหุ้นดีแต่ถ้าซื้อเกินราคาพื้นฐานก็ขาดทุนได้ ดังนั้นอยากให้ลองศึกษาหาความรู้ ทำความเข้าใจในบริษัทที่คิดว่าน่าสนใจ ประมาณมูลค่าออกมาและซื้อโดยที่มีส่วนลด การที่จะถือยาวหรือสั้นนั้นไม่ใช่ประเด็น บางครั้งเพียงไม่กี่เดือนราคาขึ้นมาตามที่ประมาณไว้ ก็ต้องพิจารณาว่าจะขายหรือถือ หรือลองประมาณราคาใหม่ตามข้อมูลใหม่ที่มี ซึ่งการตัดสินใจนั้นขึ้นกับตัวเราและความรู้ที่มีอยู่
อย่างไรก็ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ มือใหม่เอาใจช่วย
อย่างไรก็ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ มือใหม่เอาใจช่วย
- awev
- Verified User
- โพสต์: 66
- ผู้ติดตาม: 0
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณทุกท่านมากเลยครับ ก็พอเข้าในแนวทาง VI แบบคร่าวๆแล้วครับ แต่ไม่ใช่ไม่อยากอ่านหนังสือนะครับ ตอนนี้ก็อ่านอยู่ ทั้งหนังสือ ทั้งกระทู้เวปนี้ และเวปอื่นด้วย แต่คอนเซฟรวมๆแนวนี้จะหาคำตอบไม่ค่อยได้เพราะ มันไม่มีสูตรตายตัว หนังสือหรือเวปจะไม่บอกส่วนนี้ จะบอกแต่ภาพรวมและแนวทาง
เหมือนแผนที่ ที่บอกรายละเอียดทั้งหมดก็จริง แต่คนดูแผนที่ไม่เป็นก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เพราะยังไม่มีจุดยืนตั้งต้น เหมือนที่ผมไม่เข้าใจแนวทาง VI หลังจากได้อ่านกระทู้คุณค่าบวกกับสอบถาม พอจะเข้าใจจุดตั้งต้นแล้วครับ ที่เหลือก็คือเริ่มเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียด ส่วนเรื่องเวลาศึกษาไม่ซีเรียสครับ ไปเรื่อยๆ สะสมทุนไปด้วย เพราะตราบใดที่ยังไม่รู้จริงความเสี่ยงมันยังคงเป็น 100% อยู่ เงินหามาแสนยากต้องรอบครอบ
เงินทองเป็นของนอกกายไม่ตายก็หาได้ แต่หายากชิปเป๋ง :lol: :lol:
เหมือนแผนที่ ที่บอกรายละเอียดทั้งหมดก็จริง แต่คนดูแผนที่ไม่เป็นก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เพราะยังไม่มีจุดยืนตั้งต้น เหมือนที่ผมไม่เข้าใจแนวทาง VI หลังจากได้อ่านกระทู้คุณค่าบวกกับสอบถาม พอจะเข้าใจจุดตั้งต้นแล้วครับ ที่เหลือก็คือเริ่มเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียด ส่วนเรื่องเวลาศึกษาไม่ซีเรียสครับ ไปเรื่อยๆ สะสมทุนไปด้วย เพราะตราบใดที่ยังไม่รู้จริงความเสี่ยงมันยังคงเป็น 100% อยู่ เงินหามาแสนยากต้องรอบครอบ
เงินทองเป็นของนอกกายไม่ตายก็หาได้ แต่หายากชิปเป๋ง :lol: :lol:
A Knight's Tale
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 15
ลองเข้าไปสร้างพอร์ตลงทุนจำลองดูครับ เอาตามลิงค์ข้างล่างนี่ก็ได้
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... html#vport
แล้วลองเลือกลงทุนตามที่เข้าใจตอนนี้นั่นล่ะ แต่ก่อนจะตัดสินใจให้คิดเสมือนเป็นการลงทุนจริงๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แล้วติดตามผลดูครับ หากมีข้อสงสัยในผลการลงทุนก็ลองหาคำตอบด้วยตนเองดู ถ้าไม่สำเร็จก็ค่อยมาโพสต์ถามที่นี่อีกที
http://www.settrade.com/brokerpage/IPO/ ... html#vport
แล้วลองเลือกลงทุนตามที่เข้าใจตอนนี้นั่นล่ะ แต่ก่อนจะตัดสินใจให้คิดเสมือนเป็นการลงทุนจริงๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แล้วติดตามผลดูครับ หากมีข้อสงสัยในผลการลงทุนก็ลองหาคำตอบด้วยตนเองดู ถ้าไม่สำเร็จก็ค่อยมาโพสต์ถามที่นี่อีกที
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ขอความกระจ่างข้อสงสัยเล่นแนว VI คือยังไงครับ
โพสต์ที่ 16
การลงทุนสำหรับผมแล้ว คือ การที่เราใช้เงินลงทุนซื้อหุ้นเพื่อได้สัดส่วนในการเป็นเจ้าของกิจการนั้นๆ
ผลตอบแทนที่ผมคาดหวัง ก็มาจาก ผลการดำเนินงานของกิจการตามปรกติ ไม่ได้คาดหวังจากการขายหุ้นเป็นหลัก เปรียบเสมือนคนที่ลงทุนทำกิจการนอกตลาดหลักทรัพย์
ราคาหุ้นที่เราจะลงทุนนั้น นอกจากผลตอบแทนที่บริษัทจะให้แก่เราแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่เราคาดหวัง และความเสี่ยงที่เราเผื่อไว้ ดังนั้นราคาหุ้นของแต่ละคนก็ไม่ควรที่จะคำนวณได้เท่ากัน
แต่การที่ผมหวังผลตอบแทนจากกิจการโดยตรงก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ขายหุ้นเลย เพียงแต่ผมมีหลักเกณฑ์ในการขาย ดังนี้
1. มีการลงทุนอื่นที่คาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่า
2. ราคาหุ้นขึ้นสูงมาก จนผลตอบแทนไม่คู้มค่าที่จะลงทุนต่อ
3. ผลการดำเนินงานในระยะยาวมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าที่เราคาดหวังไว้ หรือเราประมาณการผิด
หลายคนลงทุนมักหวังผลตอบแทนจากการขายหุ้นในราคาสูงๆ โดยหวังจากการประมาณการผลการดำเนินงานที่จะเติบโตในระยะเวลาใกล้ๆ
บ่อยครั้งที่ทำให้ผิดหวังและสร้างความทุกข์ใจแก่นักลงทุน ไม่ใช่เพราะผลการดำเนินงานไม่เป็นดังคาด แต่เป็นเพราะราคาหุ้นไม่ขึ้นดังหวัง เพราะราคาหุ้นนั้นมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ซึ่งเป็นการยากที่เราจะเดาใจตลาดออก
ผลตอบแทนที่ผมคาดหวัง ก็มาจาก ผลการดำเนินงานของกิจการตามปรกติ ไม่ได้คาดหวังจากการขายหุ้นเป็นหลัก เปรียบเสมือนคนที่ลงทุนทำกิจการนอกตลาดหลักทรัพย์
ราคาหุ้นที่เราจะลงทุนนั้น นอกจากผลตอบแทนที่บริษัทจะให้แก่เราแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่เราคาดหวัง และความเสี่ยงที่เราเผื่อไว้ ดังนั้นราคาหุ้นของแต่ละคนก็ไม่ควรที่จะคำนวณได้เท่ากัน
แต่การที่ผมหวังผลตอบแทนจากกิจการโดยตรงก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ขายหุ้นเลย เพียงแต่ผมมีหลักเกณฑ์ในการขาย ดังนี้
1. มีการลงทุนอื่นที่คาดหวังผลตอบแทนที่มากกว่า
2. ราคาหุ้นขึ้นสูงมาก จนผลตอบแทนไม่คู้มค่าที่จะลงทุนต่อ
3. ผลการดำเนินงานในระยะยาวมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าที่เราคาดหวังไว้ หรือเราประมาณการผิด
หลายคนลงทุนมักหวังผลตอบแทนจากการขายหุ้นในราคาสูงๆ โดยหวังจากการประมาณการผลการดำเนินงานที่จะเติบโตในระยะเวลาใกล้ๆ
บ่อยครั้งที่ทำให้ผิดหวังและสร้างความทุกข์ใจแก่นักลงทุน ไม่ใช่เพราะผลการดำเนินงานไม่เป็นดังคาด แต่เป็นเพราะราคาหุ้นไม่ขึ้นดังหวัง เพราะราคาหุ้นนั้นมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น ซึ่งเป็นการยากที่เราจะเดาใจตลาดออก
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี