ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
- saleman
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 31
ต่างการต่างวาระ แต่ท้ายสุด และ สุดท้าย............... แล้วมันก็ผ่านไป............. ก็แค่ละครเรื่องเก่า เอานักแสดงมาเล่นใหม่ และ ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ราคาไหนสูงสุดราคาไหนต่ำสุด จนกว่าตลาดจะเฉลยกับเรา ฉะนั้น ท้ายสุด และ สุดท้าย ขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์ การเล่นหุ้นของแต่ละบุคคลล้วน ๆ ว่าจะสามารถเอาตัวรอดได้รึไม่.....
เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คน ครับ
สำหรับผมแล้ว.......ตอนนี้ขอตัวไปแอบ จิก เงินเมียมาก่อน แล้วก็ "รอ" SET เผลอ แล้วเจอกัน โยว ๆๆๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คน ครับ
สำหรับผมแล้ว.......ตอนนี้ขอตัวไปแอบ จิก เงินเมียมาก่อน แล้วก็ "รอ" SET เผลอ แล้วเจอกัน โยว ๆๆๆๆๆ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
L O N G
L O N G
-
- Verified User
- โพสต์: 112
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 32
เจอกันที่ 600 จุดครับ
ครั้งนี้ปัญหา multifactorial ครับ....
ครั้งนี้ปัญหา multifactorial ครับ....
- saleman
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 33
อุ้ย เจอกันซะไกลเลย..... แบบนี้ไม่ต้องไปเที่ยวที่นี้กันหมดเลยเหรอ..... :lol:Quadrifoglio Verde เขียน:เจอกันที่ 600 จุดครับ
ครั้งนี้ปัญหา multifactorial ครับ....
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
L O N G
L O N G
- Akajon
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 532
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 34
ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับปี 40 แล้วก็ไม่เหมือนด้วยครับ สมัยนั้นฟองสบู่จริงๆ จับอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด แบงค์ก็เอาเงินนอกมาปล่อยกู้ ผู้ประกอบการก็กู้มาทำบ้านจัดสรร ซื้อที่ดิน เก็งกำไร เล่นหุ้น เงินมันหาง่ายจนผิดปกติ แล้วความผิดปกติมันก็สะท้อนออกมา ค่าเงินลดลงเกือบเท่าตัว หนี้ ตปท. เพิ่มขึ้นมหาศาล เกิดวิกฤตลามไปทุกส่วน
คนทำมาหากิน ไม่ได้เล่นหุ้น ไม่ได้เก็งกำไรที่ดิน ก็พลอยลำบากตามๆ กันไป เพราะกำลังซื้อมันหายไป ใครสร้างหนี้ไว้ ก็ใช้หนี้กันเป็นปีๆ บางคนเป็นสิบปียังไม่หมด
ช่วงนั้นดอกเบี้ยไม่รวมเงินต้น ซื้อรถ Jazz ได้ทุก 2 เดือน ถ้าไม่ขายตึกมาใช้หนี้ ไม่แน่ว่าจะรอด กว่าจะใช้หนี้หมด ต้องอยู่เฉยๆ เก็บเนื้อเก็บตัว 7-8 ปี
เมื่อมีวิกฤต ย่อมมีโอกาส ผู้แพ้ก็เก็บเล็กผสมน้อย คอยชำระหนี้ ขยับตัวลำบาก
ส่วนผู้ชนะที่มองเห็นโอกาส และพร้อมกว่า เลือกหุ้นพื้นฐานดี ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และแล้วเศรษฐกิจก็ค่อยๆ ฟื้นตัว
เศรษฐกิจเราตอนนี้ค่อนข้างดี มีพื้นฐานรองรับ ไม่ใช่เหมือนช่วงนั้น ที่เป็นฟองสบู่
ปัญหาการเมือง วิกฤตพลังงาน ไม่น่าจะมีผลกระทบมาก หรือน่าจะมีผลเพียงแค่ชั่วคราว ไม่รุนแรงเหมือนปี 40
คนทำมาหากิน ไม่ได้เล่นหุ้น ไม่ได้เก็งกำไรที่ดิน ก็พลอยลำบากตามๆ กันไป เพราะกำลังซื้อมันหายไป ใครสร้างหนี้ไว้ ก็ใช้หนี้กันเป็นปีๆ บางคนเป็นสิบปียังไม่หมด
ช่วงนั้นดอกเบี้ยไม่รวมเงินต้น ซื้อรถ Jazz ได้ทุก 2 เดือน ถ้าไม่ขายตึกมาใช้หนี้ ไม่แน่ว่าจะรอด กว่าจะใช้หนี้หมด ต้องอยู่เฉยๆ เก็บเนื้อเก็บตัว 7-8 ปี
เมื่อมีวิกฤต ย่อมมีโอกาส ผู้แพ้ก็เก็บเล็กผสมน้อย คอยชำระหนี้ ขยับตัวลำบาก
ส่วนผู้ชนะที่มองเห็นโอกาส และพร้อมกว่า เลือกหุ้นพื้นฐานดี ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และแล้วเศรษฐกิจก็ค่อยๆ ฟื้นตัว
เศรษฐกิจเราตอนนี้ค่อนข้างดี มีพื้นฐานรองรับ ไม่ใช่เหมือนช่วงนั้น ที่เป็นฟองสบู่
ปัญหาการเมือง วิกฤตพลังงาน ไม่น่าจะมีผลกระทบมาก หรือน่าจะมีผลเพียงแค่ชั่วคราว ไม่รุนแรงเหมือนปี 40
-
- Verified User
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 35
เห็นด้วยกับทุกท่านที่ว่า ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจเราไม่แย่เหมือนเมื่อปี 40 ที่เป็นฟองสบู่ และก็เห็นด้วยว่าหุ้นไทยโดยรวมแล้วไม่แพง PE ต่ำ 10 หรือ 10 นิด ๆ มีให้เลือกมากมาย ตอนก่อนปี 40 PE 15 เท่ายังหายากเลยครับ ส่วนใหญ่ 20 up ก้อ PE ตลาด 30 เท่านี่ครับ (ต้นปี 37) แต่ตอนนี้ไทยเราเริ่มมีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น (นี่ไม่รวมปัจจัยการเมืองน่ะครับ)
โดยเฉพาะเงินเฟ้อครับ ตอนนี้ชักเชื่อมากขึ้นว่าราคาพลังงานไม่น่าจะลงง่าย ๆ เมื่อวันจันทร์ได้ฟัง อ.นิเวศน์ ท่านก็ว่าอย่างนั้น (ต้องตามพี่ jeng PTTEP :) ) แล้วไทยก็นำเข้าน้ำมัน 100 % ราคาก๊าซก็ผูกราคาน้ำมันอีก ก็เลยไม่รู้จะจัดการเรื่องพลังงานยังไง
แล้วดอกเบี้ยก็ทำท่าจะขึ้นอีก เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ฟังแล้วก็ไม่เห็นเกี่ยวเลย มันขึ้นจากต้นทุน ไม่ใช่ demand เลยสงสัยว่าเราแก้ปัญหาถูกทางหรือเปล่าเนี่ย ถ้าผิดมันจะทำให้เศรษฐกิจแย่มากขึ้นอีก
โดยเฉพาะเงินเฟ้อครับ ตอนนี้ชักเชื่อมากขึ้นว่าราคาพลังงานไม่น่าจะลงง่าย ๆ เมื่อวันจันทร์ได้ฟัง อ.นิเวศน์ ท่านก็ว่าอย่างนั้น (ต้องตามพี่ jeng PTTEP :) ) แล้วไทยก็นำเข้าน้ำมัน 100 % ราคาก๊าซก็ผูกราคาน้ำมันอีก ก็เลยไม่รู้จะจัดการเรื่องพลังงานยังไง
แล้วดอกเบี้ยก็ทำท่าจะขึ้นอีก เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ฟังแล้วก็ไม่เห็นเกี่ยวเลย มันขึ้นจากต้นทุน ไม่ใช่ demand เลยสงสัยว่าเราแก้ปัญหาถูกทางหรือเปล่าเนี่ย ถ้าผิดมันจะทำให้เศรษฐกิจแย่มากขึ้นอีก
- saleman
- Verified User
- โพสต์: 164
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 36
อ่านแล้วชอบจัง .......................
ที่มา : นักลงทุนขั้นเทพ คุณลูกอีกสาน ^_^ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... &start=150สถานการณ์ตลาดหุ้นตอนนี้อยู่ในช่วงไม่ปกติ ดังนั้นอาจจะทำให้หลายท่านไม่สบายใจ พาลคิดไปต่างๆนาๆ (ผมก็คนนึง ) แต่เรื่องอย่างนี้เราควบคุมไม่ไห้เกิดไม่ได้ แต่เราควบคุมตัวเราได้ เราสามารถคิดวางแผนหาประโยชน์เพราะในที่สุดผมฟันธงไปเลยว่าหุ้นจะต้องขึ้นสูงกว่าดัชนีวันนี้ที่ 742 จุดแน่นอน แต่ไม่รู้เมื่อไหร่นะ มันเคยเกิดขึ้นในอดีต มันเกิดขึ้นวันนี้ และแน่นอนว่าจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ทางออกครับ...
1.ผมไม่เห็นด้วยกับการถือเงินสดครับ เวลาหุ้นแพงเราถือ พอหุ้นลดเรากลับเปลี่ยนเป็นเงินสด แล้วแน่ใจได้อย่างไรว่าหุ้นขึ้นเราจะซื้อทัน เล่นอย่างนี้เจ็งลูกเดียว เราไม่มีทางซื้อได้ที่จุดต่ำสุดเพราะเราจะรู้เมื่อมันผ่านไปแล้วครับ
2.ให้เปรียบเทียบกับหุ้นทั้งตลาด หรือหุ้นที่เราสนใจ ถ้าต้วไหนราคาต่ำกว่ามูลค่าที่สุด เปลี่ยนไปถือตัวนั้นครับ อย่าสนใจว่าหุ้นที่เราถือจะขาดทุนไปแล้วกี่เปอร์เซนต์ มีต้นทุนเท่าไหร่ เราขายขาดทุนไปสัก 20-30% ไปซื้อหุ้นที่มีอัพไซด์ 50-100% ไม่ดีกว่าหรือ
3.ทำใจให้สบายครับ ช่วงนี้ต้องอดทน อย่าดูจอหุ้นมากเราจะกลายเป็นนายตลาดซะเอง หาการงานอื่นๆทำหรือหาหุ้นที่ไม่ซื้อไม่ได้แล้วดีกว่า
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
L O N G
L O N G
-
- Verified User
- โพสต์: 63
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 38
เงินเฟ้อแก้ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นวิธีการที่ถูกแล้วครับ ไม่ว่าเงินเฟ้อจะเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการบีบให้ทุกคนประหยัดDimsum เขียน: แล้วดอกเบี้ยก็ทำท่าจะขึ้นอีก เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ฟังแล้วก็ไม่เห็นเกี่ยวเลย มันขึ้นจากต้นทุน ไม่ใช่ demand เลยสงสัยว่าเราแก้ปัญหาถูกทางหรือเปล่าเนี่ย ถ้าผิดมันจะทำให้เศรษฐกิจแย่มากขึ้นอีก
ในสถานการณ์แบบนี้การใช้จ่ายที่มากเกินไปจะเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวครับ
อย่างเช่นเราต้องนำเข้าน้ำมัน 100% + ราคาน้ำมันที่แพงมาก เราไม่ควรไปบีบคอให้รัฐบาลหาเงินมาอุดหนุน
แต่เราควรจะใช้น้ำมันให้น้อยลงและใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมัน และลดภาระให้กับประเทศครับ
ตามความเห็นของผมเรื่องการที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเพราะหวังผลทางการเมืองมากกว่าจะช่วยเหลือประเทศอย่างแท้จริงครับ
(เพราะรู้ตัวว่าอยู่ไม่นานรึเปล่า จึงต้องรีบเซ็น รีบกิน??)
All that is necessary for the triumph of evil is that good men do nothing.
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 40
ไม่ค่อยเห็นด้วย 100% เท่าไหร่กับคำพูดนี้ครับellevoid เขียน:
เงินเฟ้อแก้ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นวิธีการที่ถูกแล้วครับ ไม่ว่าเงินเฟ้อจะเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการบีบให้ทุกคนประหยัด
วว่าอยู่ไม่นานรึเปล่า จึงต้องรีบเซ็น รีบกิน??)
เพราะเงินเฟ้อคราวนี้มาจากปัจจัยพื้นฐานเช่น กลุ่มอาหารและพลังงาน ที่จะประหยัดยังไงก็ยังต้องใช้อยู่ดี
ผมเคย post ว่าผมเห็นด้วยกับการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อปรามเงินเฟ้อ แต่นั่นมัน 4-5 เดือนที่แล้วนะครับ ตอนนั้นถ้าขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นการส่งสัญญาณทางจิตวิทยาที่ดีอย่างนึง แต่ตอนนั้น BOT ไม่แมนพอไม่ยอดขึ้นเพราะกลัวการส่งออกจะกระทบเพราะเงินบาทแข็ง สุดท้ายก็ไม่รอดอยู่ดีเพราะดอลล่าร์มันดันอ่อนยวบ ย้วยซะขนาดนั้น
ตอนนี้มาขึ้นดอกเบี้ย ช่วยอะไรไม่ทันซะแล้วครับ ผมอยากตำหนิแบงก์ชาติว่าทำงานแบบเรื่อยเฉื่อย ไม่บริหารนโยบายทางการเงินให้ดีพอครับ
ในส่วนนโยบายการลดการใช้น้ำมันผมเห็นด้วยทุกประการ
ในส่วนของการซื้อหุ้น ถ้าเห็น ห้างสรรพสินค้าลดราคาเมื่อไหร่ก็ถึงเวลาช๊อปปิ้งเมื่อนั้นครับ (หวังว่าห้างคงไม่ไฟไหม้เสียก่อนแระกัล) ช๊อปปิ้งแต่ของดีๆ ละกันนะครับ แค่นี้นะ ขอตัวไปช๊อปก่อน
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 41
เซียน.....2.ให้เปรียบเทียบกับหุ้นทั้งตลาด หรือหุ้นที่เราสนใจ ถ้าต้วไหนราคาต่ำกว่ามูลค่าที่สุด เปลี่ยนไปถือตัวนั้นครับ อย่าสนใจว่าหุ้นที่เราถือจะขาดทุนไปแล้วกี่เปอร์เซนต์ มีต้นทุนเท่าไหร่ เราขายขาดทุนไปสัก 20-30% ไปซื้อหุ้นที่มีอัพไซด์ 50-100% ไม่ดีกว่าหรือ
ปัญหานี้ ถามกันมาก เห็นขึ้นกระทู้ถามกันค่อนข้างจะเสมอๆ
"ทำไงดี เงินหมด"
ย้ำอีกรอบ...
อยากขยายความอีกนิด สำหรับบางท่านที่ยังขัดข้องบางจุด2.ให้เปรียบเทียบกับหุ้นทั้งตลาด หรือหุ้นที่เราสนใจ ถ้าต้วไหนราคาต่ำกว่ามูลค่าที่สุด เปลี่ยนไปถือตัวนั้นครับ อย่าสนใจว่าหุ้นที่เราถือจะขาดทุนไปแล้วกี่เปอร์เซนต์ มีต้นทุนเท่าไหร่ เราขายขาดทุนไปสัก 20-30% ไปซื้อหุ้นที่มีอัพไซด์ 50-100% ไม่ดีกว่าหรือ
ทำไงเราจะคิดได้ไวพอกะการผันผวน
...ให้ทำตารางไว้เลย
(สำหรับผู้ที่ขยันๆดูหุ้นทุกวัน...ไม่ใช่แค่ดูจอหุ้นนะ...บางทีตารางมันอยู่ในหัวเองโดยธรรมชาติ เพราะสมองก็คือเหมือนเครื่องคอมดีๆนี่เอง มันบันทึกในสิ่งที่เราสนใจไว้หมดแล้ว เวลาตัดสินใจในเหตุการฉุกละหุก สมองจะสั่งการแบบฉับพลันได้)
ตั้งหุ้นแต่ละตัวที่เราสนใจเอาไว้ ตรงนี้ต้องทำการบ้านสม่ำเสมอ
ในตารางต้องปรับปรุงตลอดเวลา
อาจจะใส่ค่าการประเมิน ด้วยการอยากได้อะไรก็ใส่ไป เพื่อประเมินได้ทัน เวลา หุ้น a ลงมาเท่านี้ เมื่อเทียบหุ้น b ราคาเท่านี้ อะไรเหนือกว่า
ควรตีค่า ทั้ง คุณค่า และ ปริมาณ
เช่น อย่าตีดื้อๆว่า เอาแค่พีอีเทียบกันแล้วจบ อย่างนี้ไม่เหมาะ
ง่ายๆ เหมือนเวลาเราจะเลือกคู่อ่ะค่ะ
ขายาวเรียว ให้ 10 คะแนน
ผิวขาวผ่อง ให้ 9
นิสัยใจร้อน ให้ 4
นิสัยสุขุม ให้ 7
หยิ่งเชิด ตัด 5
ถ่อมตัว เพิ่ม 8
อะไรเงี้ย...
:lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
ประสบการณ์ซื้อหุ้น ตอนเกิดพฤษภาทมิฬ เอามาเล่าให้น้องใหม่ฟัง
โพสต์ที่ 42
จีน ขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน-ดีเซล-เชื้อเพลิงเครื่องบิน 17%-25% ปูทางสู่การลอยตัวในcharnengi เขียน:เมื่อไหร่รัฐบาลจีนเลือกอุดหนุนราคาน้ำมัน ผมว่ารอบการเก็งกำไรน่าจะหมด ตอนนี้ มาเล อินโด ลอยกันหมดแล้ว ถึงตอนนั้นคงปรับสู่ จุดสมดุลใหม่
อนาคต
รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า จีน ประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
ประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเชื้อเพลิงอากาศยาน 17%-25% พร้อมขึ้นอัตราค่า
กระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นการประหยัดพลังงาน ลดภาระงบประมาณอุดหนุนราคาน้ำมัน ชะลอความ
ร้อนแรงทางเศรษฐกิจ และเป็นการปูทางสู่การลอยตัวราคาน้ำมันในอนาคต
โดยรายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอม ระบุว่า คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนา
แห่งชาติจีนประกาศผ่านเว็บไซท์วานนี้ว่า ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศจะเพิ่มขึ้น 17% เป็น
6,980 หยวน (1,015 ดอลลาร์) ต่อตัน ขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 18% เป็น 6,520 หยวน และขึ้น
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน 25% เป็น 7,450 หยวน
ขณะเดียวกันคณะกรรมการปฏิรูปฯได้ประกาศขึ้นอัตราค่ากระแสไฟฟ้า 0.025 หยวน/
กิโลวัตต์ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมจนถึงสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ การขึ้นราคาน้ำมันในจีนดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบไลท์ส่งมอบเดือนสิงหาคมที่
ตลาดไนเม็กซ์วานนี้ลดลง 4.75 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 131.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ
ไลท์ส่งมอบเดือนสิงหาคมซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สิงคโปร์ช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวลดลง
60 เซนต์มาอยู่ที่ 131.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 20/06/08 เวลา 9:33:02