ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 1
ช่วงนี้ เศรษฐกิจแย่ น้ำมันแพง เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น การใช้จ่ายลดลง ซึ่งเป็นกันทั่วโลกและดูเหมือนว่าจะไม่จบลงง่ายๆ
เราถือว่าพื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยนจนต้องขายหุ้นทิ้งก่อนไหมครับ (กะว่าจะขายตอนที่ราคามันดีดกลับบ้าง)
ผมมีปํญหาว่าตอนนี้ถือหุ้นเกือบเต็มพอร์ต (ส่วนใหญ่เป็กลุ่ม set50)
ตอนนี้ควรถือหลักอย่างไรดีในการถือข้ามช่วงวิกฤตครับ เพราะทุกตัวที่ซื้อเพิ่มตอนนี้ยิ่งซื้อก็ยิ่งลง พื้นฐานกิจการที่ยึดไว้ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ตามภาวะปัญหาปัจจุบัน แม้ว่ามันยังไม่แสดงให้เห็นในงบการเงิน
ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
เราถือว่าพื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยนจนต้องขายหุ้นทิ้งก่อนไหมครับ (กะว่าจะขายตอนที่ราคามันดีดกลับบ้าง)
ผมมีปํญหาว่าตอนนี้ถือหุ้นเกือบเต็มพอร์ต (ส่วนใหญ่เป็กลุ่ม set50)
ตอนนี้ควรถือหลักอย่างไรดีในการถือข้ามช่วงวิกฤตครับ เพราะทุกตัวที่ซื้อเพิ่มตอนนี้ยิ่งซื้อก็ยิ่งลง พื้นฐานกิจการที่ยึดไว้ก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ตามภาวะปัญหาปัจจุบัน แม้ว่ามันยังไม่แสดงให้เห็นในงบการเงิน
ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ด้วยครับ
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 2
ปี 40 เป็นวิกฤตเฉพาะประเทศไทย ผลต่อประเทศเราจึงมากว่างหนักกว่าวิกฤตปัจจุบันมากนัก เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ขอยกตัวอย่างประกอบ ความเลวร้ายเพื่อให้เห็นภาพ คร่าว ๆ ดังนี้
1. รัฐบาลมีหนี้สาธารณะสูงมาก ขณะที่เงินทุนสำรองหมดคลัง จนต้องพึง IMF
2 อัตราแลกเปลี่ยนจากเหรียญละ 25 บาท เป็น 50 บาท ของนำเข้าแพงขึ้นทันที น้ำมันด้วย
3. มีการปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง ลูกหนี้ก็ไถ่ถอนหลักประกันออกไปไม่ได้ โครงการที่ผูกพันเงินกู้ ขาดเงินหมุนเวียน ต้องปิดกิจการไปตามกัน
4. กิจการต้องล้มเป็นหมื่นราย บริษัทเล็กปิดกิจการ บริษัทใหญ่ก็เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้
5. คนตกงานมากมาย แรงงาน ใน กทม ตกงานคาดว่ากลับ ภุมิลำเนาเดิม ใน ตจว กว่า 2 ล้านคน
6. บริษัทที่อยู่ได้ส่วนใหญ่ มีหนี้ D/E สูง ดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 10% เป็นกว่า 20-25 % ขณะที่ยอดรายได้ และการทำกำไรลดลง ทุกเดือนก็ต้องกังวลกับการจ่ายเงินเดือนลูกน้อง เริ่มค้าขายเงินสด งดรับเช็ค เพราะว่าเด้งเป็นแถว
7. ตลาดหุ้นตกจาก 1700 เหลือ เพียง 200 จุด
วิกฤตปัจจุบันถือเป็นวิกฤตโลก ซึ่งทุกคนก็รู้ดี มีต้นเหตุมาจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ผลกระทบเกิดกระจายไปยังทุกคน ทุกประเทศ และกระทบกับบริษัทจดทะเบียนมากบ้างน้อยบ้าง
ผมว่าหลายบริษัทได้รับผลกระทบทางตรงน้อย และยังคงมีผลประกอบที่ดี (อาจลดลงจากประมาณการเดิมบ้าง) แต่หากดูจากราคาหุ้น แล้วพบว่าลดลงในอัตราที่มากกว่ามาก เพราะเล่นขายไม่ดูราคากันเลย ผมจึงเห็นว่า เราน่าจะถือหุ้นไว้ หรือ เพิ่มการลงทุน มากกว่าขายหุ้นออกไปครับ....ซึ่งแย้งกับนักวิเคาะห็บางท่านที่แนะนำให้เลือกลงในพันธบัตรในภาวะนี้ครับ
1. รัฐบาลมีหนี้สาธารณะสูงมาก ขณะที่เงินทุนสำรองหมดคลัง จนต้องพึง IMF
2 อัตราแลกเปลี่ยนจากเหรียญละ 25 บาท เป็น 50 บาท ของนำเข้าแพงขึ้นทันที น้ำมันด้วย
3. มีการปิดสถาบันการเงิน 56 แห่ง ลูกหนี้ก็ไถ่ถอนหลักประกันออกไปไม่ได้ โครงการที่ผูกพันเงินกู้ ขาดเงินหมุนเวียน ต้องปิดกิจการไปตามกัน
4. กิจการต้องล้มเป็นหมื่นราย บริษัทเล็กปิดกิจการ บริษัทใหญ่ก็เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้
5. คนตกงานมากมาย แรงงาน ใน กทม ตกงานคาดว่ากลับ ภุมิลำเนาเดิม ใน ตจว กว่า 2 ล้านคน
6. บริษัทที่อยู่ได้ส่วนใหญ่ มีหนี้ D/E สูง ดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 10% เป็นกว่า 20-25 % ขณะที่ยอดรายได้ และการทำกำไรลดลง ทุกเดือนก็ต้องกังวลกับการจ่ายเงินเดือนลูกน้อง เริ่มค้าขายเงินสด งดรับเช็ค เพราะว่าเด้งเป็นแถว
7. ตลาดหุ้นตกจาก 1700 เหลือ เพียง 200 จุด
วิกฤตปัจจุบันถือเป็นวิกฤตโลก ซึ่งทุกคนก็รู้ดี มีต้นเหตุมาจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ผลกระทบเกิดกระจายไปยังทุกคน ทุกประเทศ และกระทบกับบริษัทจดทะเบียนมากบ้างน้อยบ้าง
ผมว่าหลายบริษัทได้รับผลกระทบทางตรงน้อย และยังคงมีผลประกอบที่ดี (อาจลดลงจากประมาณการเดิมบ้าง) แต่หากดูจากราคาหุ้น แล้วพบว่าลดลงในอัตราที่มากกว่ามาก เพราะเล่นขายไม่ดูราคากันเลย ผมจึงเห็นว่า เราน่าจะถือหุ้นไว้ หรือ เพิ่มการลงทุน มากกว่าขายหุ้นออกไปครับ....ซึ่งแย้งกับนักวิเคาะห็บางท่านที่แนะนำให้เลือกลงในพันธบัตรในภาวะนี้ครับ
- mario
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 720
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 3
[quote="กาละมัง"]ปี 40 เป็นวิกฤตเฉพาะประเทศไทย
The basic ideas of investing are to look at stocks as business,
use the market's fluctuations to your advantage,
and seek a margin of safety.
Investing is not about big returns ,it's about safety of principal and satisfactory returns.
use the market's fluctuations to your advantage,
and seek a margin of safety.
Investing is not about big returns ,it's about safety of principal and satisfactory returns.
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณคุณกะละมังครับ
งั้นในภาวะแบบนี้ คงต้องมามองหาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้อยที่สุดลงทุน (ใครเจอ อย่าลืมมาบอกกันด้วยครับ :P )
คุณ kmphol คงต้องมาดูใหม่ครับว่า ธุรกิจที่เราหุ้นอยู่ ได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ถ้าได้รับผลกระทบมาก แน่นอนว่าคงส่งผลกระทบต่อผลหระกอบการของบริษัทอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องดูนโยบายบริษัทด้วยว่าจะออกนโยบาลช่วยมากน้อยแค่ไหน ลองวิเคราะห์ดูครับ ขอให้โชคดีครับ
งั้นในภาวะแบบนี้ คงต้องมามองหาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้อยที่สุดลงทุน (ใครเจอ อย่าลืมมาบอกกันด้วยครับ :P )
คุณ kmphol คงต้องมาดูใหม่ครับว่า ธุรกิจที่เราหุ้นอยู่ ได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ถ้าได้รับผลกระทบมาก แน่นอนว่าคงส่งผลกระทบต่อผลหระกอบการของบริษัทอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องดูนโยบายบริษัทด้วยว่าจะออกนโยบาลช่วยมากน้อยแค่ไหน ลองวิเคราะห์ดูครับ ขอให้โชคดีครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
จำได้ดีมิเคยลืม
โพสต์ที่ 6
วันนั้นนั่งเครื่องบินกลับไทย เป็นอีกวันนึง ในความทรงจำว่าคนในเครื่องน้อยมาก ๆ แล้วก็หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทยบนเครื่องมาอ่าน พบว่ามีการลอยค่าเงินบาท !!!!!
หลังจากนั้นข่าวร้าย ต่าง ๆ กระหน่ำกันเข้ามา เพื่อน ๆ บอกหุ้นที่กำไรขายทำกำไร กันไปหมด ผมยังไม่ได้ขายซักตัว และเชื่อมั๊ยว่ามีอยู่ตัวนึงถือมาจนถึงวันนี้ รับปันผลไปแล้ว 25 % ของราคาหุ้นตอนซื้อ คิดเป็นราคาทุนของหุ้นตอนนี้
หุ้นที่ผมเป็นกรรมการบริหารอยู่ (อย่ารู้เลยบริษัทอะไร) หล่นกลับหัวกลับหางจากสองหลักเหลือหลักเดียว เฮ้อ
การบังคับขายเกิดขึ้น หนักมาก ๆ NPL เต็มเมือง ตึกที่กะว่าจะเช่า ก็ดันติด NPL ตอนหลังขายไป ฯลฯ อีกมาก ประเทศชาติ ขาดสภาพคล่องกันไปทั้งหมด
หลังจากนั้นข่าวร้าย ต่าง ๆ กระหน่ำกันเข้ามา เพื่อน ๆ บอกหุ้นที่กำไรขายทำกำไร กันไปหมด ผมยังไม่ได้ขายซักตัว และเชื่อมั๊ยว่ามีอยู่ตัวนึงถือมาจนถึงวันนี้ รับปันผลไปแล้ว 25 % ของราคาหุ้นตอนซื้อ คิดเป็นราคาทุนของหุ้นตอนนี้
หุ้นที่ผมเป็นกรรมการบริหารอยู่ (อย่ารู้เลยบริษัทอะไร) หล่นกลับหัวกลับหางจากสองหลักเหลือหลักเดียว เฮ้อ
การบังคับขายเกิดขึ้น หนักมาก ๆ NPL เต็มเมือง ตึกที่กะว่าจะเช่า ก็ดันติด NPL ตอนหลังขายไป ฯลฯ อีกมาก ประเทศชาติ ขาดสภาพคล่องกันไปทั้งหมด
- bankniti
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 7
วิกฤตเมื่อปี 2540 เพิ่งจะเริ่มเรียนมหาลัยครับ ยังไม่รู้จักหุ้นเลย (โทษทีที่ตอบไม่ได้)
เพียงแต่ว่าผมมีข้อสงสัยและข้อคิดเห็นส่วนตัวนิดหน่อย อยากถามท่านอื่นๆ เหมือนกันครับ
1) วิกฤตคราวที่แล้วเกิดจากประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ แล้วก็ลามไปยังย่านเอเซียก่อน ซึ่งผลกระทบต่อเอเซียบางประเทศนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร ผมไม่แน่ใจว่าผลกระทบนี้ไปถึงยุโรปและอเมริกาหรือไม่? แล้วมันรุนแรงกับประเทศเหล่านั้นขนาดไหน? แต่ประเทศไทยนี้ถือว่าโคม่าหรือต้องปั้มหัวใจกันหลายรอบเลยกว่าจะผ่านวิกฤตมาได้
2) คราวนี้ปัญหาเกิดกับอเมริกาก่อน คือ subprime ซึ่งแน่นอนว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อประเทศอื่นๆ แทบทุกประเทศทั่วโลก ผมกระทบครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากประเทศเล็กๆ อย่างไทยเรา แต่เกิดจากประเทศมหาอำนาจ ซึ่งปัญหาย่อมจะส่งผลต่อทุกประเทศทั่วโลกมากกว่า ก็อย่างที่รู้ ตอนนี้เวียดนามก็ฟองสบู่(เกือบจะ)แตกแล้ว ไหนจะประเทศอังกฤษอีกที่เกิด subprime ขึ้นมาเหมือนกัน ผมกระทบดูแล้วน่าจะโดนกันทั่วโลก และน่าจะขยายเป็นวงกว้างมากกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง
3) เมื่อปัญหาเป็นอย่างนี้ นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังในการลงทุนต่างๆ มากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงถอนเงินจากหุ้นไปลงทุนอย่างอื่นที่คิดว่าปลอดภัยมากกว่า จึงเกิดการเทขายหุ้นกันทั่วโลก การที่ต่างชาติขนเงินหนีจากตลาดหุ้นไปลงทุนอย่างอื่น อย่างนี้ถือว่าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนหรือไม่? (โดยส่วนตัว ผมว่าเปลี่ยนนะ) ไม่รู้ว่าท่านอื่นคิดอย่างไร
เพียงแต่ว่าผมมีข้อสงสัยและข้อคิดเห็นส่วนตัวนิดหน่อย อยากถามท่านอื่นๆ เหมือนกันครับ
1) วิกฤตคราวที่แล้วเกิดจากประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ แล้วก็ลามไปยังย่านเอเซียก่อน ซึ่งผลกระทบต่อเอเซียบางประเทศนั้นก็ค่อนข้างรุนแรงพอสมควร ผมไม่แน่ใจว่าผลกระทบนี้ไปถึงยุโรปและอเมริกาหรือไม่? แล้วมันรุนแรงกับประเทศเหล่านั้นขนาดไหน? แต่ประเทศไทยนี้ถือว่าโคม่าหรือต้องปั้มหัวใจกันหลายรอบเลยกว่าจะผ่านวิกฤตมาได้
2) คราวนี้ปัญหาเกิดกับอเมริกาก่อน คือ subprime ซึ่งแน่นอนว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อประเทศอื่นๆ แทบทุกประเทศทั่วโลก ผมกระทบครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากประเทศเล็กๆ อย่างไทยเรา แต่เกิดจากประเทศมหาอำนาจ ซึ่งปัญหาย่อมจะส่งผลต่อทุกประเทศทั่วโลกมากกว่า ก็อย่างที่รู้ ตอนนี้เวียดนามก็ฟองสบู่(เกือบจะ)แตกแล้ว ไหนจะประเทศอังกฤษอีกที่เกิด subprime ขึ้นมาเหมือนกัน ผมกระทบดูแล้วน่าจะโดนกันทั่วโลก และน่าจะขยายเป็นวงกว้างมากกว่าตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง
3) เมื่อปัญหาเป็นอย่างนี้ นักลงทุนต่างก็ระมัดระวังในการลงทุนต่างๆ มากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง นักลงทุนจึงถอนเงินจากหุ้นไปลงทุนอย่างอื่นที่คิดว่าปลอดภัยมากกว่า จึงเกิดการเทขายหุ้นกันทั่วโลก การที่ต่างชาติขนเงินหนีจากตลาดหุ้นไปลงทุนอย่างอื่น อย่างนี้ถือว่าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนหรือไม่? (โดยส่วนตัว ผมว่าเปลี่ยนนะ) ไม่รู้ว่าท่านอื่นคิดอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 8
ปี 40 ตอนนั้นผมทำงานเป็นหลัก เล่นหุ้นเป็นรอง เล่นแบบไม่ถูกหลัก คือ ลงทุ้นตามเขาว่าดี แล้วทิ้งไว้ ไม่ได้ใส่ใจมาก ดังนั้น PE ต่ำสุดของ SET เท่าไรไม่ทราบ รู้แต่ว่าหุ้นตกทั้งกระดานจาก 1700 จุด เหลือ 200 จุด จำได้ว่า KBANK เหลือ 18 บาท SCC เหลือไม่กีสิบบาทsai เขียน:รบกวนสอบถามคุณกาละมังหน่อยครับว่า pe ตลาดตอนปี 40 อยู่ที่เท่าไหรครับ เพราะตอนนั้นยังไม่สนใจเรื่องหุ้นเลยอิอิ ขอบคุณครับ
ช่วงต้นแม้ราคาหุ้นลงมาต่ำมาก แต่ PE อาจยังสูง หรือ ติดลบ ด้วยซ้ำ เพราะว่าผลประกอบส่วนใหญ่แย่หมด อาจยกเว้นหุ้นส่งออกบางตัว ต่อมาเมื่อทุกบริษัทปรับตัวได้ เช่นประมาณปี 43-44 ?? กำไรก็ดีขึ้นมาก PE ที่เคยสูงกลับกลายเป็นต่ำมาก.......จากวันนั้นทำให้คนที่ลงทุนตอน set ต่ำก็ได้กำไรกลับมาอย่างมากมาย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 9
หลายท่านยังมีความเข้าใจว่า วิกฤตปี 2540 ทำให้ดัชนีหุ้นไทยตกจาก 1753 จุด ลงไปเหลือ 207 จุด
จริงๆแล้วช่วงดัชนีขึ้นไปถึง 1753 จุดนั้น เกิดจากกระแสเงินทุนต่างชาติจากกองทุนไหลเข้ามาอย่างมากมายและรวดเร็วก่อนหน้านั้นซัก 3 เดือน หุ้นขึ้นจาก 800 จุดไปถึง 1753 จุด ณ.วันที่ 4 ม.ค. 37 (P/E ตลาดอยู่ที่ 31 เท่า)
แต่แล้ว FED ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินทุนไหลกลับอย่างมาก หุ้นก็เริ่มร่วง แต่ก็ยังแกว่งตัวอยู่ในช่วง 1000 - 1500 จุด เป็นเวลาซัก 2 ปี
หลังจากนั้น ปัญหาเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ก็ส่งผลกระทบให้หุ้นตกจากประมาณ 1400 จุด ในช่วงปี 2539 ตกต่อเนื่องอย่างยาวนาน จนถึงจุดต่ำสุดที่ 207 จุด เมื่อ 4 ก.ย. 41
แต่ช่วงระยะเวลาที่ตลาดหุ้นไทยซบเซายาวนานที่สุด นานถึง 8 ปี เป็นช่วงปี 2521 ถึงปี 2529 หลังจากเกิดวิกฤต ราชาเงินทุน
จริงๆแล้วช่วงดัชนีขึ้นไปถึง 1753 จุดนั้น เกิดจากกระแสเงินทุนต่างชาติจากกองทุนไหลเข้ามาอย่างมากมายและรวดเร็วก่อนหน้านั้นซัก 3 เดือน หุ้นขึ้นจาก 800 จุดไปถึง 1753 จุด ณ.วันที่ 4 ม.ค. 37 (P/E ตลาดอยู่ที่ 31 เท่า)
แต่แล้ว FED ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินทุนไหลกลับอย่างมาก หุ้นก็เริ่มร่วง แต่ก็ยังแกว่งตัวอยู่ในช่วง 1000 - 1500 จุด เป็นเวลาซัก 2 ปี
หลังจากนั้น ปัญหาเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ก็ส่งผลกระทบให้หุ้นตกจากประมาณ 1400 จุด ในช่วงปี 2539 ตกต่อเนื่องอย่างยาวนาน จนถึงจุดต่ำสุดที่ 207 จุด เมื่อ 4 ก.ย. 41
แต่ช่วงระยะเวลาที่ตลาดหุ้นไทยซบเซายาวนานที่สุด นานถึง 8 ปี เป็นช่วงปี 2521 ถึงปี 2529 หลังจากเกิดวิกฤต ราชาเงินทุน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- kmphol
- Verified User
- โพสต์: 417
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเห็นครับ
ผมคิดว่าคงถือหุ้นต่อไป เพราะขายตอนนี้ก็มีแต่ขาดทุน เงินที่ขายได้ก็ไม่รู้จะเอาไปลงทุนอะไร สู้รอปันผลที่คิดว่าพอมีแน่ดีกว่า (ดีกว่าฝากแบงค์ตั้งเยอะ)
ขายเพื่อตัดความกลัว ลดความเครียด ผมคิดว่าไม่มีเหตูผลดีพอที่จะทำ
ยังไงก็เอาใจช่วยเพื่อนVI ทุกคนที่ติดหุ้นเหมือนผมนะครับ
ผมคิดว่าคงถือหุ้นต่อไป เพราะขายตอนนี้ก็มีแต่ขาดทุน เงินที่ขายได้ก็ไม่รู้จะเอาไปลงทุนอะไร สู้รอปันผลที่คิดว่าพอมีแน่ดีกว่า (ดีกว่าฝากแบงค์ตั้งเยอะ)
ขายเพื่อตัดความกลัว ลดความเครียด ผมคิดว่าไม่มีเหตูผลดีพอที่จะทำ
ยังไงก็เอาใจช่วยเพื่อนVI ทุกคนที่ติดหุ้นเหมือนผมนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1116
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามผู้มีประสบการณ์ถือหุ้นผ่านวิกฤตจริงๆที่กินเวลานาน(ปี40-
โพสต์ที่ 11
ผมคิดเองนะครับว่า ในแต่ละรอบตัวนำที่เป็นพระเอกไม่ใช่คนเดิม
และหุ้นที่อยู่ใน set 50 ,set100 มีการเปลี่ยนตัวบ้าง
เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่า มันจะยังคงอยู่และทานภาวะวิกฤติ ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็น 3 5 หรือ 10 ปีครับ (โดยส่วนตัวคิดอย่างนี้ครับ)
และหุ้นที่อยู่ใน set 50 ,set100 มีการเปลี่ยนตัวบ้าง
เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่า มันจะยังคงอยู่และทานภาวะวิกฤติ ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็น 3 5 หรือ 10 ปีครับ (โดยส่วนตัวคิดอย่างนี้ครับ)