ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
- bankniti
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 1
สืบเนื่องจากข่าวต่อไปนี้
สหรัฐเตรียมยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค'
สื่อสหรัฐระบุรัฐบาลเตรียมเข้ายึดกิจการ 'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่สุด มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นสพ.หลายฉบับในสหรัฐทั้งวอชิงตัน โพสต์ นิวยอร์ก ไทมส์ และ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ยืนยันว่าแฟนนี่ เม กับ เฟรดดี้ แมค 2 บริษัทค้ำประกันสินเชื่อบ้านรายใหญ่ในสหรัฐ อาจถูกรัฐบาลสหรัฐเข้าควบคุมกิจการ เพื่อช่วยเหลือ 2 บริษัทให้รอดพ้นจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือซับไพร์ม
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผู้บริหารของทั้ง แฟนนี่ เม และเฟรดดี้ แมค ก็จะต้องถูกปลดออกภายใต้แผนของกระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงของสองบริษัทนี้ยกชุด ถ้ารัฐบาลสหรัฐเตรียมงบประมาณไว้อุ้ม 2 บริษัทนี้จริง ก็จะถือเป็นการช่วยเหลือทางการเงินแก่องค์กรนอกภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา งบประมาณที่ใช้ช่วยเหลืออาจสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หลายฝ่ายคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าท้ายที่สุด บริษัท แฟนนี่ เม และ เฟรดดี้ แมค ต้องถูกโอนให้อยู่ในความควบคุมของรัฐ หลังสภาคองเกรสส์ผ่านความเห็นชอบไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ให้ภาครัฐเข้าอุ้ม 2 บริษัทนี้ได้ เพราะปัญหาทางการเงินที่เผชิญอยู่ยากที่จะรับมือได้โดยลำพัง เนื่องจาก 2 บริษัทได้รับค้ำประกันสินเชื่อบ้านในสหรัฐเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่การกู้เงินซื้อบ้านแล้วเกิดการเบี้ยวหนี้อย่างมโหฬาร ทำให้ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่ค้างเอาไว้ถ้ารัฐบาลไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอาจส่งผลให้ แฟนนี่ เม และ เฟรดดี้ แมค ต้องล้มละลาย และการล้มของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยหนักขึ้น
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/0 ... 292322.php
หากสองบริษัทนี้โดนรัฐบาลสหรัฐ take over หมดจริงๆ กระแสตอบรับเรื่องนี้จะเป็น positive หรือ negative กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนกันครับ และคงต้องถอนออกจากตลาดหุ้นด้วยใช้ไหมครับ
สหรัฐเตรียมยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค'
สื่อสหรัฐระบุรัฐบาลเตรียมเข้ายึดกิจการ 'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นความช่วยเหลือครั้งใหญ่สุด มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นสพ.หลายฉบับในสหรัฐทั้งวอชิงตัน โพสต์ นิวยอร์ก ไทมส์ และ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานอ้างแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ยืนยันว่าแฟนนี่ เม กับ เฟรดดี้ แมค 2 บริษัทค้ำประกันสินเชื่อบ้านรายใหญ่ในสหรัฐ อาจถูกรัฐบาลสหรัฐเข้าควบคุมกิจการ เพื่อช่วยเหลือ 2 บริษัทให้รอดพ้นจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือซับไพร์ม
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผู้บริหารของทั้ง แฟนนี่ เม และเฟรดดี้ แมค ก็จะต้องถูกปลดออกภายใต้แผนของกระทรวงการคลังสหรัฐ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงของสองบริษัทนี้ยกชุด ถ้ารัฐบาลสหรัฐเตรียมงบประมาณไว้อุ้ม 2 บริษัทนี้จริง ก็จะถือเป็นการช่วยเหลือทางการเงินแก่องค์กรนอกภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา งบประมาณที่ใช้ช่วยเหลืออาจสูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หลายฝ่ายคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าท้ายที่สุด บริษัท แฟนนี่ เม และ เฟรดดี้ แมค ต้องถูกโอนให้อยู่ในความควบคุมของรัฐ หลังสภาคองเกรสส์ผ่านความเห็นชอบไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ให้ภาครัฐเข้าอุ้ม 2 บริษัทนี้ได้ เพราะปัญหาทางการเงินที่เผชิญอยู่ยากที่จะรับมือได้โดยลำพัง เนื่องจาก 2 บริษัทได้รับค้ำประกันสินเชื่อบ้านในสหรัฐเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่การกู้เงินซื้อบ้านแล้วเกิดการเบี้ยวหนี้อย่างมโหฬาร ทำให้ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่ค้างเอาไว้ถ้ารัฐบาลไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอาจส่งผลให้ แฟนนี่ เม และ เฟรดดี้ แมค ต้องล้มละลาย และการล้มของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ยิ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยหนักขึ้น
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/0 ... 292322.php
หากสองบริษัทนี้โดนรัฐบาลสหรัฐ take over หมดจริงๆ กระแสตอบรับเรื่องนี้จะเป็น positive หรือ negative กับความเชื่อมั่นของนักลงทุนกันครับ และคงต้องถอนออกจากตลาดหุ้นด้วยใช้ไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 2
คิดว่าคงเข้ามาในลักษณะของ conservatorship มากกกว่าครับคือเข้ามาช่วยอุ้มชั่วคราวและขายคืนนักลงทุนเมื่อปัญหาแก้ไขลุล่วง
ยังไงรัฐคงปล่อยให้ยักษ์สองตัวนี้ล้มไม่ได้ และคงค่อยๆอัดฉีดเงินเข้าไปในแต่ละไตรมาสตามผลประกอบการมากกว่าทุ่มเงินช่วยเหลือในคราวเดียว แน่นอนว่าเงินจำนวนมหาศาลนี้(คาดกันว่าคงราวๆ $800 billion)มาจากภาษีของคนทั้งประเทศ ซึ่งนั่นก็เป็นการย้ำภาพเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่อย่างไรก็ดีคิดว่ามาตรการช่วยเหลือน่าจะถูกประกาศออกมาอย่างชัดเจนภายในคืนวันอาทิตย์นี้ หรือก่อนเวลาที่ตลาด asia จะเปิด เพื่อเป็นการคลายความกังวลของนักลงทุน ดังที่เราเคยได้เห็นตัวอย่างจากเคสพี่หมี Bear Sterns ครับ
ยังไงรัฐคงปล่อยให้ยักษ์สองตัวนี้ล้มไม่ได้ และคงค่อยๆอัดฉีดเงินเข้าไปในแต่ละไตรมาสตามผลประกอบการมากกว่าทุ่มเงินช่วยเหลือในคราวเดียว แน่นอนว่าเงินจำนวนมหาศาลนี้(คาดกันว่าคงราวๆ $800 billion)มาจากภาษีของคนทั้งประเทศ ซึ่งนั่นก็เป็นการย้ำภาพเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่อย่างไรก็ดีคิดว่ามาตรการช่วยเหลือน่าจะถูกประกาศออกมาอย่างชัดเจนภายในคืนวันอาทิตย์นี้ หรือก่อนเวลาที่ตลาด asia จะเปิด เพื่อเป็นการคลายความกังวลของนักลงทุน ดังที่เราเคยได้เห็นตัวอย่างจากเคสพี่หมี Bear Sterns ครับ
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 3
เห็นด้วยกับคุณน้องสามจุดครับ
Fannie กับ Freddie นี่ยิ่งกว่าพี่หมีหลายเท่า เพราะเป็นสถาบันที่เรียกว่า TBTF
ยังไงรัฐก็ต้องเข้ามาช่วย ไม่ช่วยไม่ได้ แต่รัฐจะไม่เข้าไป take over ให้กลายเป็นสถาบันของรัฐ เพียงแต่เอาใส่ตู้ ช่วยหายใจ รักษารอให้ฟื้น จนกว่าจะรอด ออกจากตู้ได้ แล้วค่อยปล่อย
Fannie กับ Freddie นี่ยิ่งกว่าพี่หมีหลายเท่า เพราะเป็นสถาบันที่เรียกว่า TBTF
ยังไงรัฐก็ต้องเข้ามาช่วย ไม่ช่วยไม่ได้ แต่รัฐจะไม่เข้าไป take over ให้กลายเป็นสถาบันของรัฐ เพียงแต่เอาใส่ตู้ ช่วยหายใจ รักษารอให้ฟื้น จนกว่าจะรอด ออกจากตู้ได้ แล้วค่อยปล่อย
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- bankniti
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 4
ที่มา http://biz.yahoo.com/ap/080907/mortgage ... risis.html
Officials announce takeover of mortgage giants
Sunday September 7, 12:34 pm ET
Government assumes control over mortgage giants Fannie Mae and Freddie Mac
WASHINGTON (AP) -- The Bush administration, acting to avert the potential for major financial turmoil, announced Sunday that the federal government was taking control of mortgage giants Fannie Mae and Freddie Mac.
Officials announced that the executives and board of directors of both institutions had been replaced. Herb Allison, a former vice chairman of Merrill Lynch, was selected to head Fannie Mae, and David Moffett, a former vice chairman of US Bancorp, was picked to head Freddie Mac.
Treasury Secretary Henry Paulson says the historic actions were being taken because "Fannie Mae and Freddie Mac are so large and so interwoven in our financial system that a failure of either of them would cause great turmoil in our financial markets here at home and around the globe."
The huge potential liabilities facing each company, as a result of soaring mortgage defaults, could cost taxpayers tens of billions of dollars, but Paulson stressed that the financial impacts if the two companies had been allowed to fail would be far more serious.
"A failure would affect the ability of Americans to get home loans, auto loans and other consumer credit and business finance," Paulson said.
Both companies were placed into a government conservatorship that will be run by the Federal Housing Finance Agency, the new agency created by Congress this summer to regulate Fannie and Freddie.
The Federal Reserve and other federal banking regulators said in a joint statement Sunday that "a limited number of smaller institutions" have significant holdings of common or preferred stock shares in Fannie and Freddie, and that regulators were "prepared to work with these institutions to develop capital-restoration plans."
The two companies had nearly $36 billion in preferred shares outstanding as of June 30, according to filings with the Securities and Exchange Commission.
Paulson said that it would be up to Congress and the next president to figure out the two companies' ultimate structure.
"There is a consensus today ... that they cannot continue in their current form," he said.
Paulson and James Lockhart, director of the Federal Housing Finance Agency, stressed that their actions were designed to strengthen the role of the two mortgage giants in supporting the nation's housing market. Both companies do that by buying mortgage loans from banks and packaging those loans into securities that they either hold or sell to U.S. and foreign investors.
The companies own or guarantee about $5 trillion in home loans, about half the nation's total.
Lockhart said that both Fannie and Freddie would be allowed to increase the size of their holdings of mortgage-backed securities to bolster the housing industry as it undergoes its worst downturn in decades.
Lockhart said in order to conserve about $2 billion in capital the dividend payments on both common and preferred stock would be eliminated. He said that all lobbying activities of both companies would stop immediately. Both companies over the years made extensive efforts to lobby members of Congress in an effort to keep the benefits they enjoyed as government-sponsored enterprises.
Both Paulson and Lockhart were careful not to blame Daniel Mudd, the CEO of Fannie Mae, or Freddie Mac CEO Richard Syron for the companies' current problems. While both men are being removed as the top executives, they have been asked to remain for an unspecified period to help with the transition.
Officials announce takeover of mortgage giants
Sunday September 7, 12:34 pm ET
Government assumes control over mortgage giants Fannie Mae and Freddie Mac
WASHINGTON (AP) -- The Bush administration, acting to avert the potential for major financial turmoil, announced Sunday that the federal government was taking control of mortgage giants Fannie Mae and Freddie Mac.
Officials announced that the executives and board of directors of both institutions had been replaced. Herb Allison, a former vice chairman of Merrill Lynch, was selected to head Fannie Mae, and David Moffett, a former vice chairman of US Bancorp, was picked to head Freddie Mac.
Treasury Secretary Henry Paulson says the historic actions were being taken because "Fannie Mae and Freddie Mac are so large and so interwoven in our financial system that a failure of either of them would cause great turmoil in our financial markets here at home and around the globe."
The huge potential liabilities facing each company, as a result of soaring mortgage defaults, could cost taxpayers tens of billions of dollars, but Paulson stressed that the financial impacts if the two companies had been allowed to fail would be far more serious.
"A failure would affect the ability of Americans to get home loans, auto loans and other consumer credit and business finance," Paulson said.
Both companies were placed into a government conservatorship that will be run by the Federal Housing Finance Agency, the new agency created by Congress this summer to regulate Fannie and Freddie.
The Federal Reserve and other federal banking regulators said in a joint statement Sunday that "a limited number of smaller institutions" have significant holdings of common or preferred stock shares in Fannie and Freddie, and that regulators were "prepared to work with these institutions to develop capital-restoration plans."
The two companies had nearly $36 billion in preferred shares outstanding as of June 30, according to filings with the Securities and Exchange Commission.
Paulson said that it would be up to Congress and the next president to figure out the two companies' ultimate structure.
"There is a consensus today ... that they cannot continue in their current form," he said.
Paulson and James Lockhart, director of the Federal Housing Finance Agency, stressed that their actions were designed to strengthen the role of the two mortgage giants in supporting the nation's housing market. Both companies do that by buying mortgage loans from banks and packaging those loans into securities that they either hold or sell to U.S. and foreign investors.
The companies own or guarantee about $5 trillion in home loans, about half the nation's total.
Lockhart said that both Fannie and Freddie would be allowed to increase the size of their holdings of mortgage-backed securities to bolster the housing industry as it undergoes its worst downturn in decades.
Lockhart said in order to conserve about $2 billion in capital the dividend payments on both common and preferred stock would be eliminated. He said that all lobbying activities of both companies would stop immediately. Both companies over the years made extensive efforts to lobby members of Congress in an effort to keep the benefits they enjoyed as government-sponsored enterprises.
Both Paulson and Lockhart were careful not to blame Daniel Mudd, the CEO of Fannie Mae, or Freddie Mac CEO Richard Syron for the companies' current problems. While both men are being removed as the top executives, they have been asked to remain for an unspecified period to help with the transition.
-
- Verified User
- โพสต์: 393
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 5
หม่อมอุ๋ยพูดไว้ว่า Fund จะไม่ Flow เข้ามาแถบนี้อีกพักใหญ่เลยครับ ถ้า Fed ช่วยสองยักษ์นี่ เด๊วผมหามาแปะให้น่ะครับ หาไม่เจอ........แกพูดเมื่อวีคที่แล้ว
ณ ตอนนี้ที่ผมพูด มัน cfm ข่าวแล้วน่ะครับ ที่ Bloomberg update กันไป 4 ครั้งแล้วครับ
ณ ตอนนี้ที่ผมพูด มัน cfm ข่าวแล้วน่ะครับ ที่ Bloomberg update กันไป 4 ครั้งแล้วครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 6
ดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่รู้ว่างานนี้จะมีกองทุนล้ม หรือผู้จัดการกองทุนตกงานบ้างหรือเปล่า
FNM Major Shareholder
AllianceBernstein L.P. 12.5%
Dodge & Cox 11.2%
Capital Research Global Investors 10.9%
Fidelity Management & Research 5.6%
FRE Major Shareholder
Capital Research Global Investors 10.0%
Legg Mason Capital Management, Inc. 8.2%
AllianceBernstein L.P. 6.3%
Pzena Investment Management, LLC 5.2%
ใครที่คิดว่าลงทุนตลาดหุ้นเมืองไทยลำบาก เจอแบบนี้ทีเดียว ของเราดูดีไปเลย :8)
FNM Major Shareholder
AllianceBernstein L.P. 12.5%
Dodge & Cox 11.2%
Capital Research Global Investors 10.9%
Fidelity Management & Research 5.6%
FRE Major Shareholder
Capital Research Global Investors 10.0%
Legg Mason Capital Management, Inc. 8.2%
AllianceBernstein L.P. 6.3%
Pzena Investment Management, LLC 5.2%
ใครที่คิดว่าลงทุนตลาดหุ้นเมืองไทยลำบาก เจอแบบนี้ทีเดียว ของเราดูดีไปเลย :8)
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 7
หลายกองทุน value investing ก็ยังคงถือหุ้นยักษ์ใหญ่สองตัวนี้อยู่ ไม่รู้ว่าได้มีการปรับลดสัดส่วนลงไปบ้าง หรือว่ายังคงถืออยู่เท่าเดิม (หรืออาจขายทิ้งไม่ทัน )
ถ้าใครได้มาอ่าน one up หรือ beating the street เมื่อเร็วๆนี้แล้วเกิดบ้าจี้ซื้อ S&Ls ตาม ปีเตอร์ ลินซ์ ขึ้นมาคงได้แพ็คเกจเที่ยวดอยเป็นของแถมไปตามๆกัน :roll:
ถ้าใครได้มาอ่าน one up หรือ beating the street เมื่อเร็วๆนี้แล้วเกิดบ้าจี้ซื้อ S&Ls ตาม ปีเตอร์ ลินซ์ ขึ้นมาคงได้แพ็คเกจเที่ยวดอยเป็นของแถมไปตามๆกัน :roll:
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 8
ยอดขาดทุน 4Q ยังไม่หมื่นล้านเลยนี่ครับ (FNM - แต่คิดว่าจะสูงขึ้นไปอีก :lol: ) สถาบันบ้านเค้าเวลาประสบปัญหาผมว่ายังดูดีกว่าแบงก์ทหารบ้านเราตั้งเยอะนะ :lol:
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 9
ไปนั่งฟังหม่อมอุ๋ยพูดมาเหมือนกันA man from the Islay เขียน:หม่อมอุ๋ยพูดไว้ว่า Fund จะไม่ Flow เข้ามาแถบนี้อีกพักใหญ่เลยครับ ถ้า Fed ช่วยสองยักษ์นี่ เด๊วผมหามาแปะให้น่ะครับ หาไม่เจอ........แกพูดเมื่อวีคที่แล้ว
ณ ตอนนี้ที่ผมพูด มัน cfm ข่าวแล้วน่ะครับ ที่ Bloomberg update กันไป 4 ครั้งแล้วครับ
เธอพูดว่า หากเดือนนี้ไม่มีแบงก์ไหนล้มอีก
รับรองปลายปีชาวหุ้นมีสิทธิ์เฮ
ว่าแล้ว Lehman Brothers ก็โผล่ผลุบขึ้นมา
ท่าทางร่อแร่ ขาดทุนไปกว่า 4 พันล้าน
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 10
[quote="mprandy"]ดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่รู้ว่างานนี้จะมีกองทุนล้ม หรือผู้จัดการกองทุนตกงานบ้างหรือเปล่า
FNM Major Shareholder
AllianceBernstein L.P.
FNM Major Shareholder
AllianceBernstein L.P.
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
- bankniti
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 11
ตามไปอ่านบทความคร่าวๆ ได้ที่เว็ปไซด์ของกรุงเทพธุรกิจ http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/1 ... 293089.phpกูรูขอบสนาม เขียน: ไปนั่งฟังหม่อมอุ๋ยพูดมาเหมือนกัน
เธอพูดว่า หากเดือนนี้ไม่มีแบงก์ไหนล้มอีก
รับรองปลายปีชาวหุ้นมีสิทธิ์เฮ
ว่าแล้ว Lehman Brothers ก็โผล่ผลุบขึ้นมา
ท่าทางร่อแร่ ขาดทุนไปกว่า 4 พันล้าน
มีตอนหนึ่งหม่อนอุ๋ยพูดว่า "...หากเดือนก.ย.ไม่มีสถาบันการเงินในสหรัฐถูกปิดอีก เม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชีย เพื่อไปแก้ไขปัญหาจะไหลกลับเข้ามาในเอเชียอีกครั้งรวมทั้งประเทศไทย
แต่หากมีการปิดสถาบันการเงินเกิดขึ้นอีกเม็ดเงินลงทุนที่คาดว่าจะไหลกลับเข้ามาในเอเชียรวมทั้งไทยก็จะไม่ไหลกลับเข้ามาและอาจจะกินระยะเวลาไปอีกนาน..."
เห็นแว่วๆ มาว่าทาง Lehman Brothers จะไม่ยอมรับให้รัฐเทคโอเวอร์แบบ Fannie Mae และ Freddie Mac
ผมเคยคิดอย่างคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องระบบการเงินและเศรษฐศาสตร์ดีนัก ว่าหากสถาบันการเงินในอเมริกาล้มแล้วรัฐบาลเขาเข้าไปอุ้ม(อย่าง Fannie Mae หรือ Freddie Mac) ดูนักลงทุนจะรู้สึกดีที่รัฐบาลไม่ปล่อยให้ล้มและตลาดหุ้นจะตอบรับในเชิงบวก เหมือนกับว่าปัญหาของสถาบันการเงินนั้นได้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ผมก็สงสัยว่าหากมีใครจะล้มอีก แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ก็เข้าไปอุ้มไว้ไม่ให้ล้ม มันเป็นการแก้ปัญหาได้จริงๆ หรือครับ ไม่ค่อยเข้าใจ (ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมานั่งกังวลกันทำไม คิดเสียว่าเดี๋ยวถึงที่สุดแล้ว รัฐบาลก็เข้ามาดูแลไม่ให้ล้มเองแหละ)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 12
เห็นหนังสือพิมพ์ใน LA ลงโฆษณาขายบ้าน ประมาณว่า ราคาก่อนหน้า 300000 เหรียญ ตอนนี้ 200000 บ้านทุกหลังจะเน้นว่า ขายถูก กว่าราคาก่อนหน้านี้กันหมดเลย
แต่ก็ยังลงโฆษณากัน แสดงว่า ต่างคนต่างแย่งกันขาย ณ เวลานี้
และถามแท๊กซี่ ว่า ที่ลาสเวกัส คนมาเที่ยวกันเยอะหรือไม่ แท๊กซี่ตอบว่า น้อยลงไปมาก
เพราะคนไม่มีเงิน
อย่างไรก็ตามสินค้านักท่องเที่ยว ในอเมริกา เท่าที่เห็นก็ made in china กันหมด
ตอนนำเข้า ก็ทำให้ trade defficit แต่ตอนขาย ขายให้นักท่องเที่ยว ไม่มีบันทึก ว่าเท่าไร เพราะไม่ได้ส่งออก
ก็เลยจริงๆ ไม่รู้ว่า ที่อเมริกานำเข้ามาเยอะๆ แล้ว มีนักท่องเที่ยว เข้าไปซื้อเท่าไร และใช้เองเท่าไร
ในเรื่องที่คิดกันว่า fund flow จะเข้ามาน้อยลง ผมคิดไปอีกทางคือ ถ้ารู้แน่ๆ ว่าเศรษฐกิจอเมริกาจะไม่ดี ทำไม ไม่รีบ ขายห้นอเมริกา มาลงทุน แถบเอเชีย
และถ้าค่าเงินดอลล่าจะตกต่ำ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี อย่างนี้ก็ต้องรีบย้ายเงินทุนมาบางส่วนมาอยู่แถบเอเชีย
น่าติดตามดูเหมือนกัน ว่า หากตลาดจีน ล้มเหมือน ตลาดไทย แล้วในที่สุดตลาดจีน กลับขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นว่า เมกา และกองทุนทั่วโลกเป็นเจ้าของจีนอีก
ก็แสดงว่า ข้อมูลทั้งหมด มีไว้เพื่อให้เกิดการขายๆๆ และแล้ว ในที่สุด เมื่อหุ้นตกต่ำสุดขึด ต่างชาติก็ซื้อๆ
ส่วนบ้าน เราผมคิดว่า ไม่ลงมาก เพราะต่างชาติเป็นเจ้าของไปแล้ว ตลาดเรามีสเถียรภาพแล้ว
คิดเล่นๆตอนตี 3.11 หวังว่า หลังจากเหตุการณ์บ้านเมืองสงบ ตลาดหุ้นไป 1000 จุด อิอิ
แต่ก็ยังลงโฆษณากัน แสดงว่า ต่างคนต่างแย่งกันขาย ณ เวลานี้
และถามแท๊กซี่ ว่า ที่ลาสเวกัส คนมาเที่ยวกันเยอะหรือไม่ แท๊กซี่ตอบว่า น้อยลงไปมาก
เพราะคนไม่มีเงิน
อย่างไรก็ตามสินค้านักท่องเที่ยว ในอเมริกา เท่าที่เห็นก็ made in china กันหมด
ตอนนำเข้า ก็ทำให้ trade defficit แต่ตอนขาย ขายให้นักท่องเที่ยว ไม่มีบันทึก ว่าเท่าไร เพราะไม่ได้ส่งออก
ก็เลยจริงๆ ไม่รู้ว่า ที่อเมริกานำเข้ามาเยอะๆ แล้ว มีนักท่องเที่ยว เข้าไปซื้อเท่าไร และใช้เองเท่าไร
ในเรื่องที่คิดกันว่า fund flow จะเข้ามาน้อยลง ผมคิดไปอีกทางคือ ถ้ารู้แน่ๆ ว่าเศรษฐกิจอเมริกาจะไม่ดี ทำไม ไม่รีบ ขายห้นอเมริกา มาลงทุน แถบเอเชีย
และถ้าค่าเงินดอลล่าจะตกต่ำ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี อย่างนี้ก็ต้องรีบย้ายเงินทุนมาบางส่วนมาอยู่แถบเอเชีย
น่าติดตามดูเหมือนกัน ว่า หากตลาดจีน ล้มเหมือน ตลาดไทย แล้วในที่สุดตลาดจีน กลับขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นว่า เมกา และกองทุนทั่วโลกเป็นเจ้าของจีนอีก
ก็แสดงว่า ข้อมูลทั้งหมด มีไว้เพื่อให้เกิดการขายๆๆ และแล้ว ในที่สุด เมื่อหุ้นตกต่ำสุดขึด ต่างชาติก็ซื้อๆ
ส่วนบ้าน เราผมคิดว่า ไม่ลงมาก เพราะต่างชาติเป็นเจ้าของไปแล้ว ตลาดเรามีสเถียรภาพแล้ว
คิดเล่นๆตอนตี 3.11 หวังว่า หลังจากเหตุการณ์บ้านเมืองสงบ ตลาดหุ้นไป 1000 จุด อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 1992
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 13
แป๊บเดียว จาก 5 เสือ Wall Street จะเหลือแค่ 2
พี่หมีก็ไปแล้ว
ตอนนี้ Lehman กำลัง file bankruptcy
ส่วนพี่เบิ้มอันดับ 2 Merill Lynch ก็กำลังชวน Bank of America ให้มาซื้อตัวเอง คาดว่าคงจะโดนกลืนในไม่ช้า (ถ้าจำไม่ผิด งานนี้ Temasek น่าจะขาดทุนไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้อัดฉีดเงินเข้าไปสามสี่พันล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้น แล้วก็ช่วยอัดเสริมสภาพคล่องอีกสามพันล้านดอลลาร์ ไม่รู้โดนกลืนแล้วจะเหลือกี่ตังค์ :roll:)
เหลือแต่ Goldman Sachs กับ Morgan Stanley ไม่รู้จะอยู่รอดได้อีกนานแค่ไหน
พี่หมีก็ไปแล้ว
ตอนนี้ Lehman กำลัง file bankruptcy
ส่วนพี่เบิ้มอันดับ 2 Merill Lynch ก็กำลังชวน Bank of America ให้มาซื้อตัวเอง คาดว่าคงจะโดนกลืนในไม่ช้า (ถ้าจำไม่ผิด งานนี้ Temasek น่าจะขาดทุนไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้อัดฉีดเงินเข้าไปสามสี่พันล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้น แล้วก็ช่วยอัดเสริมสภาพคล่องอีกสามพันล้านดอลลาร์ ไม่รู้โดนกลืนแล้วจะเหลือกี่ตังค์ :roll:)
เหลือแต่ Goldman Sachs กับ Morgan Stanley ไม่รู้จะอยู่รอดได้อีกนานแค่ไหน
ไม่สน return rate เยอะ, ขอแค่ financial freedom ภายใน 14 ปีก็พอ..
------------------------
------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้ารัฐบาลสหรัฐยึด'แฟนนี่ เม-เฟรดดี้ แมค' จะเป็นอย่างไร?
โพสต์ที่ 14
จำได้ตอนที่พี่หมีตายนั้น CEO เลห์แมนบอกบริษัทแข็งแกร่งนี่นา
ส่วน Merill Lynch ก็รีบเอาตัวรอดไปก่อน
อินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 51)--อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ซึ่งกำลังพยายามเอาตัวรอดจากการลดอันดับเครดิต กำลังทำเรื่องขอเงินกู้โดยตรงจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทก็กำลังพยายาที่จะขายสินทรัพย์บางส่วน
บริษัทเอไอจี ไม่ได้ให้ความสนใจกับการลงทุนในหลักทรัพย์ส่วนบุคคล เพราะไม่ต้องการมอบอำนาจในการควบคุมบริษัทให้ใคร นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า เอไอจีคงจะขอเงินกู้จากเฟดเพราะขาดแคลนสภาพคล่องอย่างหนัก
บลูมเบิร์กรายงานว่า โรเบิร์ต วิลลัมสตัด ซีอีโอของเอไอจี ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเรื่องการระดมทุน หลังจากที่บริษัทขาดทุนมาถึง 3 ไตรมาสทั้งหมด 1.85 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นบริษัทก็ร่วงลงไปถึง 79% แล้วในปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเป็นห่วงว่าเอไอจีจะไม่สามารถระดมเงินสดได้เพียงพอที่จะรับมือกับการสำรองหนี้สูญจากการการลงทุนที่ใช้หนี้สินเป็นเครื่องค้ำประกัน ซึ่งเป็นสัญญาที่เอไอจีได้ขายออกไปเพื่อคุ้มครองนักลงทุน
เจเน็ต ทาวาโคลี ประธานทาวาโคลี สตรัคเจอร์ด ไฟแนนซ์ กล่าวว่า แรงผลักดันในขณะนี้คือการระดมทุนเพื่อให้บริษัทมีโอกาสรอดจากการถูกลดอันดับ
สถาบันจัดอันดับสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่า อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอไอจี เนื่องจากหุ้นที่ดิ่งลงอาจจะทำให้บริษัทประกันรายนี้ไม่สามารถระดมเงินทุนได้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เราไม่แปลกใจที่เฟดเปิดทางให้เอไอจีเข้ากู้ และเฟดก็สามารถชี้แจงได้ว่า การให้เงินกู้ครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชน เนื่องจากช่วยคุ้มครองความมั่นคงของเงินกู้เพื่อโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก--จบ--
AIG ประกันก็กำลังแย่ (ไม่แน่ใจว่าใช่ CDS หรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ เพราะจำได้ว่า CDS มีมูลค่ามากกว่า CDO ซับไพร์มซะอีก)
ส่วน Merill Lynch ก็รีบเอาตัวรอดไปก่อน
อินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 51)--อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ซึ่งกำลังพยายามเอาตัวรอดจากการลดอันดับเครดิต กำลังทำเรื่องขอเงินกู้โดยตรงจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทก็กำลังพยายาที่จะขายสินทรัพย์บางส่วน
บริษัทเอไอจี ไม่ได้ให้ความสนใจกับการลงทุนในหลักทรัพย์ส่วนบุคคล เพราะไม่ต้องการมอบอำนาจในการควบคุมบริษัทให้ใคร นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวว่า เอไอจีคงจะขอเงินกู้จากเฟดเพราะขาดแคลนสภาพคล่องอย่างหนัก
บลูมเบิร์กรายงานว่า โรเบิร์ต วิลลัมสตัด ซีอีโอของเอไอจี ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันเรื่องการระดมทุน หลังจากที่บริษัทขาดทุนมาถึง 3 ไตรมาสทั้งหมด 1.85 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นบริษัทก็ร่วงลงไปถึง 79% แล้วในปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเป็นห่วงว่าเอไอจีจะไม่สามารถระดมเงินสดได้เพียงพอที่จะรับมือกับการสำรองหนี้สูญจากการการลงทุนที่ใช้หนี้สินเป็นเครื่องค้ำประกัน ซึ่งเป็นสัญญาที่เอไอจีได้ขายออกไปเพื่อคุ้มครองนักลงทุน
เจเน็ต ทาวาโคลี ประธานทาวาโคลี สตรัคเจอร์ด ไฟแนนซ์ กล่าวว่า แรงผลักดันในขณะนี้คือการระดมทุนเพื่อให้บริษัทมีโอกาสรอดจากการถูกลดอันดับ
สถาบันจัดอันดับสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่า อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอไอจี เนื่องจากหุ้นที่ดิ่งลงอาจจะทำให้บริษัทประกันรายนี้ไม่สามารถระดมเงินทุนได้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เราไม่แปลกใจที่เฟดเปิดทางให้เอไอจีเข้ากู้ และเฟดก็สามารถชี้แจงได้ว่า การให้เงินกู้ครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชน เนื่องจากช่วยคุ้มครองความมั่นคงของเงินกู้เพื่อโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก--จบ--
AIG ประกันก็กำลังแย่ (ไม่แน่ใจว่าใช่ CDS หรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกหน่อยครับ เพราะจำได้ว่า CDS มีมูลค่ามากกว่า CDO ซับไพร์มซะอีก)