ฟันธง
- กระทิงแดง
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 2
ดูๆยอดขายต่างชาติแล้ว -1,133.97 M
ต่างชาติก็สับขาหลอกขายอีกวันแล้วพี่
ต่างชาติก็สับขาหลอกขายอีกวันแล้วพี่
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 5
ลงเท่าไหร่มิทราบได้เฮีย อ่า
แต่วันนี้ถ้าไม่รีบาวเป็นแท่งเขียว แปลความได้ว่าเซทเราเปื่อยเหลือจะทน แท่งเขียวควรเรียงตัวแบบเปิดต่ำปิดสูงไปอมแท่งแดงล่าสุดให้ได้ก่อนที่ซัก 62X
แล้วอย่างน้อยควรต้องไปจูบแก๊ปที่ 640-650 ในเร็ววัน
ถ้าป้วนเปี้ยนป้วนเปี้ยนอยู่แค่ 600 และไม่ยอมฝ่าด่าน 650++ กลับพ้นน้ำขึ้นไป
ก็...ยังถือว่าอยู่ในระดับน้ำลึก ถ้าว่ายกันจ๋อมแจ๋มๆ ไม่ถึงขึ้นฝั่งเสียที ก็ อ่า อ่า ..
อืม คงขึ้นอยู๋กะเมกาด้วยนะ ที่บอกกันว่า เมกาล้มแล้วยังไม่สเทือนบ้านเราเท่าไหร่ อะไรจิ๊บๆ
ความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่า ไม่น่าจะจิ๊บนะ คือไม่ได้มองทางตรงอ่ะ แต่ลองคิดทางกระทบ มันกระทบทั้งโลก โลกมันไม่มีพรมแดน(การปฏิสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน)
ถ้าเครื่องยนต์การบริโภคของเมกาดับ ถ้าญี่ปุ่นดับ และถ้ายุโรปดับตาม จะเหลืออะไร ก็จะมีจีน กะแขก
แต่จีนนี่เครื่องยนต์ติดอยู่นี่คือ ค้าขายกะเมกาซะเยอะ แต่ก็พึ่งบริโภคภายในด้วย เมกาดับก็คล้ายๆจีนหย่อนไปครึ่งซีก
จริงๆ โลกไม่ได้เผชิญรอบขาลงใหญ่มาก็นานแล้ว นับจากต้มยำกุ้งก็ สิบปีเศษได้แล้ว อ่านตามหนังสือเขาก็ว่ารอบมันก็ราวๆเนี้ย 10-13 ปี แล้วแต่แผลใครรอบไหนจะใหญ่หรือเล็ก
ว่าไปครั้งนี้ จะเข้ารอบลงอีกซักรอบ มันก็เรื่องปกติ ก็วงจรปกติที่น่าจะเป็น
เซทจะเจอหมีใหญ่หรือหมีเล็ก อีกไม่นานก็ได้เห็นกันละ
แต่ก็แอบหวังลึกๆว่าให้สบัดขึ้นได้อีกซักรอบนะอ่า
:lol: :lol: :lol:
แต่วันนี้ถ้าไม่รีบาวเป็นแท่งเขียว แปลความได้ว่าเซทเราเปื่อยเหลือจะทน แท่งเขียวควรเรียงตัวแบบเปิดต่ำปิดสูงไปอมแท่งแดงล่าสุดให้ได้ก่อนที่ซัก 62X
แล้วอย่างน้อยควรต้องไปจูบแก๊ปที่ 640-650 ในเร็ววัน
ถ้าป้วนเปี้ยนป้วนเปี้ยนอยู่แค่ 600 และไม่ยอมฝ่าด่าน 650++ กลับพ้นน้ำขึ้นไป
ก็...ยังถือว่าอยู่ในระดับน้ำลึก ถ้าว่ายกันจ๋อมแจ๋มๆ ไม่ถึงขึ้นฝั่งเสียที ก็ อ่า อ่า ..
อืม คงขึ้นอยู๋กะเมกาด้วยนะ ที่บอกกันว่า เมกาล้มแล้วยังไม่สเทือนบ้านเราเท่าไหร่ อะไรจิ๊บๆ
ความเห็นส่วนตัว ดิฉันว่า ไม่น่าจะจิ๊บนะ คือไม่ได้มองทางตรงอ่ะ แต่ลองคิดทางกระทบ มันกระทบทั้งโลก โลกมันไม่มีพรมแดน(การปฏิสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน)
ถ้าเครื่องยนต์การบริโภคของเมกาดับ ถ้าญี่ปุ่นดับ และถ้ายุโรปดับตาม จะเหลืออะไร ก็จะมีจีน กะแขก
แต่จีนนี่เครื่องยนต์ติดอยู่นี่คือ ค้าขายกะเมกาซะเยอะ แต่ก็พึ่งบริโภคภายในด้วย เมกาดับก็คล้ายๆจีนหย่อนไปครึ่งซีก
จริงๆ โลกไม่ได้เผชิญรอบขาลงใหญ่มาก็นานแล้ว นับจากต้มยำกุ้งก็ สิบปีเศษได้แล้ว อ่านตามหนังสือเขาก็ว่ารอบมันก็ราวๆเนี้ย 10-13 ปี แล้วแต่แผลใครรอบไหนจะใหญ่หรือเล็ก
ว่าไปครั้งนี้ จะเข้ารอบลงอีกซักรอบ มันก็เรื่องปกติ ก็วงจรปกติที่น่าจะเป็น
เซทจะเจอหมีใหญ่หรือหมีเล็ก อีกไม่นานก็ได้เห็นกันละ
แต่ก็แอบหวังลึกๆว่าให้สบัดขึ้นได้อีกซักรอบนะอ่า
:lol: :lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 6
เจอเซียนกราฟ ตัวจริงเข้าให้แล้ว 555 :lol:007-s เขียน:ลงเท่าไหร่มิทราบได้เฮีย อ่า
แต่วันนี้ถ้าไม่รีบาวเป็นแท่งเขียว แปลความได้ว่าเซทเราเปื่อยเหลือจะทน แท่งเขียวควรเรียงตัวแบบเปิดต่ำปิดสูงไปอมแท่งแดงล่าสุดให้ได้ก่อนที่ซัก 62X
แล้วอย่างน้อยควรต้องไปจูบแก๊ปที่ 640-650 ในเร็ววัน
ถ้าป้วนเปี้ยนป้วนเปี้ยนอยู่แค่ 600 และไม่ยอมฝ่าด่าน 650++ กลับพ้นน้ำขึ้นไป
ก็...ยังถือว่าอยู่ในระดับน้ำลึก ถ้าว่ายกันจ๋อมแจ๋มๆ ไม่ถึงขึ้นฝั่งเสียที ก็ อ่า อ่า ..
- Nongki
- Verified User
- โพสต์: 1222
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 7
ลองฟังความเห็นของคนในตลาดดูครับ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ทิสโก้
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัส
ผู้สื่อข่าวรายงานตลาดหุ้นไทยวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ทันทีที่เปิดตลาดดัชนีดิ่งลงแรงถึง 14.84 จุด จากนั้นยังคงทรุดตัวลงรุนแรง โดยเปิดการซื้อขายแค่ชั่วโมงเศษ ดัชนีลงมาต่ำสุดที่ 569.94 จุด ลดลง 35.20 จุด โดยนักลงทุนยังคงอกสั่นขวัญแขวนกับวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯ แต่เมื่อเปิดการซื้อขายภาคบ่ายปรากฏว่ามีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงดัชนี ภายหลังจากที่มีข่าวว่าธนาคารกลางทั่วโลก นำโดยสหรัฐฯ ได้ร่วมหารือและได้ข้อสรุปว่าจะร่วมกันอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อพยุงวิกฤติครั้งนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ กลับเข้ามาซื้อดันตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งไทยให้รีบาวน์กลับมาได้
โดยหุ้นไทยมาปิดตลาดที่ 600.38 จุด ลดลง 4.76 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 18,762 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,134 ล้านบาท ทั้งนี้ นับตั้งแต่วิกฤติซับไพร์มสหรัฐฯปะทุรุนแรงเมื่อเดือน ส.ค.ปี 50 พบว่าต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 195,000 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากข้อมูลย้อนหลัง 9 ปี นับจากปี 42 พบว่าต่างชาติยังเหลือเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นยอดซื้อสุทธิ 150,000 ล้านบาท แม้ปี 51 ต่างชาติจะขายสุทธิออกมามากถึง 120,000 ล้านบาทก็ตาม แต่ในส่วนของการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจหรือการถือหุ้นโดยตรง (FDI) นั้น ยังไม่พบว่าต่างชาติได้มีการถอนทุน โดยยังคงถือหุ้นในบริษัทหุ้นไทยสัดส่วน 30% ของมูลค่ามาร์เก็ตแคป ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4.75 ล้านล้านบาท
ขณะที่นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าถูกถล่มเทขายอย่างหนัก สะท้อนให้ เห็นว่าเป็นการถล่มขายแบบหนีตายของต่างชาติ โดยยอมขายขาดทุนทุกราคา เพราะจากข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่าต้นทุนต่างชาติเฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีระดับ 602 จุด และเมื่อบวกกับกำไรที่ได้จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นแล้ว การเทขายของต่างชาติที่ระดับดัชนีที่ลงลึกมาถึง 570 จุด ในช่วงเช้านั้น ต่ำกว่าราคาต้นทุนที่ต่างชาติถืออยู่มาก และยังพบว่ารายย่อยก็ขาดทุนเจ็บตัวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้บัญชีมาร์จิ้นหรือกู้เงินเพื่อซื้อหุ้น
นอกจากนี้ ดัชนีที่ปรับตัวลงลึกมาที่ 570 จุด ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งครั้งนั้นแค่วันเดียวดัชนีทรุดลงกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องหยุดพักการซื้อขาย 1 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกตั้ง แต่เปิดทำการ แต่ครั้งนั้นดัชนีลงมาต่ำสุดแค่ 586 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ผลจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลหลายบริษัทสูงขึ้นเป็น 8-10% ถือว่าสูงมาก สูงกว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น นักลงทุนหรือกองทุนที่ไม่ตื่นตระหนกและมีสภาพคล่องเหลืออยู่น่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้น
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัสกล่าวว่า วิกฤติการ เงินรอบนี้ถือว่าหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนและรุนแรงกว่าวิกฤติแบล็กมันเดย์ ซึ่งตอนนั้นความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะในตลาดหุ้น แต่ครั้งนี้รุนแรงถึงขั้นที่บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มและปิดกิจการ.
http://www.thairath.com/news.php?sectio ... ent=104692
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ทิสโก้
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัส
ผู้สื่อข่าวรายงานตลาดหุ้นไทยวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ทันทีที่เปิดตลาดดัชนีดิ่งลงแรงถึง 14.84 จุด จากนั้นยังคงทรุดตัวลงรุนแรง โดยเปิดการซื้อขายแค่ชั่วโมงเศษ ดัชนีลงมาต่ำสุดที่ 569.94 จุด ลดลง 35.20 จุด โดยนักลงทุนยังคงอกสั่นขวัญแขวนกับวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯ แต่เมื่อเปิดการซื้อขายภาคบ่ายปรากฏว่ามีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงดัชนี ภายหลังจากที่มีข่าวว่าธนาคารกลางทั่วโลก นำโดยสหรัฐฯ ได้ร่วมหารือและได้ข้อสรุปว่าจะร่วมกันอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อพยุงวิกฤติครั้งนี้ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจ กลับเข้ามาซื้อดันตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งไทยให้รีบาวน์กลับมาได้
โดยหุ้นไทยมาปิดตลาดที่ 600.38 จุด ลดลง 4.76 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 18,762 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,134 ล้านบาท ทั้งนี้ นับตั้งแต่วิกฤติซับไพร์มสหรัฐฯปะทุรุนแรงเมื่อเดือน ส.ค.ปี 50 พบว่าต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 195,000 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากข้อมูลย้อนหลัง 9 ปี นับจากปี 42 พบว่าต่างชาติยังเหลือเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นยอดซื้อสุทธิ 150,000 ล้านบาท แม้ปี 51 ต่างชาติจะขายสุทธิออกมามากถึง 120,000 ล้านบาทก็ตาม แต่ในส่วนของการเป็นหุ้นส่วนธุรกิจหรือการถือหุ้นโดยตรง (FDI) นั้น ยังไม่พบว่าต่างชาติได้มีการถอนทุน โดยยังคงถือหุ้นในบริษัทหุ้นไทยสัดส่วน 30% ของมูลค่ามาร์เก็ตแคป ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4.75 ล้านล้านบาท
ขณะที่นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าถูกถล่มเทขายอย่างหนัก สะท้อนให้ เห็นว่าเป็นการถล่มขายแบบหนีตายของต่างชาติ โดยยอมขายขาดทุนทุกราคา เพราะจากข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่าต้นทุนต่างชาติเฉลี่ยอยู่ที่ดัชนีระดับ 602 จุด และเมื่อบวกกับกำไรที่ได้จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นแล้ว การเทขายของต่างชาติที่ระดับดัชนีที่ลงลึกมาถึง 570 จุด ในช่วงเช้านั้น ต่ำกว่าราคาต้นทุนที่ต่างชาติถืออยู่มาก และยังพบว่ารายย่อยก็ขาดทุนเจ็บตัวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้บัญชีมาร์จิ้นหรือกู้เงินเพื่อซื้อหุ้น
นอกจากนี้ ดัชนีที่ปรับตัวลงลึกมาที่ 570 จุด ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ ถือเป็นระดับที่ต่ำกว่าวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งครั้งนั้นแค่วันเดียวดัชนีทรุดลงกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องหยุดพักการซื้อขาย 1 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกตั้ง แต่เปิดทำการ แต่ครั้งนั้นดัชนีลงมาต่ำสุดแค่ 586 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ผลจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลหลายบริษัทสูงขึ้นเป็น 8-10% ถือว่าสูงมาก สูงกว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น นักลงทุนหรือกองทุนที่ไม่ตื่นตระหนกและมีสภาพคล่องเหลืออยู่น่าจะกลับเข้ามาซื้อหุ้น
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัสกล่าวว่า วิกฤติการ เงินรอบนี้ถือว่าหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนและรุนแรงกว่าวิกฤติแบล็กมันเดย์ ซึ่งตอนนั้นความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะในตลาดหุ้น แต่ครั้งนี้รุนแรงถึงขั้นที่บริษัทยักษ์ใหญ่ล้มและปิดกิจการ.
http://www.thairath.com/news.php?sectio ... ent=104692
เรารักในหลวง เรารักอำมาตย์ เราเกลียดคนขายชาติ เรารักประชาธิปไตย
- Nongki
- Verified User
- โพสต์: 1222
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 8
หลังจากฟังกูรูวิเคราะห์ทิศทางแล้ว กลุ่มที่น่าสนใจลองดู
บทความจาก FORBS อ่านดูเล่นๆพอได้ไอเดีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (19 ก.ย.) อ้างนิตยสาร "ฟอร์บส์" นิตยสารที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดอันดับเศรษฐีทั่วโลก ได้จัดอันดับบรรดามหาเศรษฐีชาวอเมริกัน จำนวน 400 อันดับ เปิดเผยเมื่อ 18 ก.ย. ว่า มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1,300 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ถัวเฉลี่ยทรัพย์สินของเศรษฐีทั้ง 400 รายนี้ อยู่ที่ 3,900 ล้านดอลลาร์ พบว่านายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟ ยังครองแชมป์อันดับ 1 ผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา มีทรัพย์สินมูลค่า 57,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,938,000 ล้านบาท ลดจากปีก่อนที่มี 59,000 ล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า อันดับ 2 คือ นายวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ เจ้าพ่อนักค้าหุ้น มีทรัพย์สิน 50,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,700,000 ล้านบาท) ลดลงจากปีที่แล้ว ที่มี 52,000 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 นายลอว์เรนซ์ เอลลิสัน ผู้ก่อตั้ง "ออราเคิล คอร์ป" มีทรัพย์สิน 27,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 918,000 ล้านบาท) ขณะที่ 4 พี่น้องตระกูล "วอลตัน" ทายาทของแซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งห้างวอลมาร์ท พุ่งขึ้นมาติดอันดับ 4-7 ด้วยทรัพย์สินราว 23,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนนายก-เทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก นายไมเคิล บลูมเบิร์ก ติดอันดับ 8 ด้วยทรัพย์สินรวม 20,000 ล้านดอลลาร์ จากธุรกิจด้านข่าวสารและเครือข่ายข้อมูลการเงิน ด้านอันดับ 9-10 เป็น 2 พี่น้องตระกูลโคช ชาร์ลส และเดวิด ผู้บริหารบริษัทโคช อินดัสทรี ทำธุรกิจด้านการผลิตและพลังงาน มีทรัพย์สินคนละ 19,000 ล้านดอลลาร์
นายแมตธิว มิลเลอร์ บรรณาธิการการจัดอันดับของฟอร์บส์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าบุคคลผู้ร่ำรวย ไม่ได้ ร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเศรษฐกิจถูกล็อกหยุดชะงัก การที่ไม่มีการต่อสินเชื่อ อีกทั้งตลาดมีสภาพคล่องน้อย สัญญาทางธุรกิจก็ไม่เกิด เป็นปัจจัยทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจหดตัว
http://www.thairath.com/online.php?sect ... ent=104695
ปรากฎการณ์ครั้งนี้ ไม่อาจฟันธงจริงๆครับ แค่ไอเดียบวกคาดเดา
บทความจาก FORBS อ่านดูเล่นๆพอได้ไอเดีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (19 ก.ย.) อ้างนิตยสาร "ฟอร์บส์" นิตยสารที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดอันดับเศรษฐีทั่วโลก ได้จัดอันดับบรรดามหาเศรษฐีชาวอเมริกัน จำนวน 400 อันดับ เปิดเผยเมื่อ 18 ก.ย. ว่า มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1,300 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ถัวเฉลี่ยทรัพย์สินของเศรษฐีทั้ง 400 รายนี้ อยู่ที่ 3,900 ล้านดอลลาร์ พบว่านายบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟ ยังครองแชมป์อันดับ 1 ผู้ร่ำรวยที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา มีทรัพย์สินมูลค่า 57,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,938,000 ล้านบาท ลดจากปีก่อนที่มี 59,000 ล้านดอลลาร์
รายงานระบุว่า อันดับ 2 คือ นายวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ เจ้าพ่อนักค้าหุ้น มีทรัพย์สิน 50,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,700,000 ล้านบาท) ลดลงจากปีที่แล้ว ที่มี 52,000 ล้านดอลลาร์ อันดับ 3 นายลอว์เรนซ์ เอลลิสัน ผู้ก่อตั้ง "ออราเคิล คอร์ป" มีทรัพย์สิน 27,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 918,000 ล้านบาท) ขณะที่ 4 พี่น้องตระกูล "วอลตัน" ทายาทของแซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งห้างวอลมาร์ท พุ่งขึ้นมาติดอันดับ 4-7 ด้วยทรัพย์สินราว 23,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนนายก-เทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก นายไมเคิล บลูมเบิร์ก ติดอันดับ 8 ด้วยทรัพย์สินรวม 20,000 ล้านดอลลาร์ จากธุรกิจด้านข่าวสารและเครือข่ายข้อมูลการเงิน ด้านอันดับ 9-10 เป็น 2 พี่น้องตระกูลโคช ชาร์ลส และเดวิด ผู้บริหารบริษัทโคช อินดัสทรี ทำธุรกิจด้านการผลิตและพลังงาน มีทรัพย์สินคนละ 19,000 ล้านดอลลาร์
นายแมตธิว มิลเลอร์ บรรณาธิการการจัดอันดับของฟอร์บส์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าบุคคลผู้ร่ำรวย ไม่ได้ ร่ำรวยมากขึ้นกว่าเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเศรษฐกิจถูกล็อกหยุดชะงัก การที่ไม่มีการต่อสินเชื่อ อีกทั้งตลาดมีสภาพคล่องน้อย สัญญาทางธุรกิจก็ไม่เกิด เป็นปัจจัยทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจหดตัว
http://www.thairath.com/online.php?sect ... ent=104695
ปรากฎการณ์ครั้งนี้ ไม่อาจฟันธงจริงๆครับ แค่ไอเดียบวกคาดเดา
เรารักในหลวง เรารักอำมาตย์ เราเกลียดคนขายชาติ เรารักประชาธิปไตย
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 9
กระทู้นี้น่าสนใจติดตาม (ดูกร๊าฟการซื้อ-ขายของฝาหรั่งจากเฮียร๊อคคห.2)
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 12178.html
ขายเหมือนลักษณะจำเป็นต้องรีบขาย ปักฮวบลงมาเลย
มองแง่ร้าย มันยังเหลือขายอีก 2 :shock:
:lol:
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 12178.html
ขายเหมือนลักษณะจำเป็นต้องรีบขาย ปักฮวบลงมาเลย
มองแง่ดี ขายไปเยอะแล้ว 2ซื้อ 4 ขาย 2 เหลือ 2
มองแง่ร้าย มันยังเหลือขายอีก 2 :shock:
:lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 10
ผมว่าเมื่อวานนี่เหมือนห้าง
sale ลดราคาสินค้าแพงๆ ยี่ห้อดังๆ หลาย % เลยนะครับ :lol:
sale ลดราคาสินค้าแพงๆ ยี่ห้อดังๆ หลาย % เลยนะครับ :lol:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 12
ขึ้นไปเรื่อยๆจนประกาศไตรมาส 3 หลังจากนั้นไม่รู้ครับ และวันนี้ ดาวน์ ฟิวเจอร์ +อีก 200 กว่าจุด ทั่วเอเชียบวกเฉลี่ย 4% จีน + วันเดียว 9% รอดูดาวคืนนี้อีกทีเพื่อคอนเฟิร์ม
"หากท่านคาดการณ์ว่าจะไม่ได้รับประโยชน์เลยแม้แต่น้อยจากการปฏิบัตืการรุก ให้ท่านจงตั้งมั่นอยู่กับที่อย่างสงบ"
"ไม่มีสูตรสำเร็จในชัยชนะ คนทำผิดจะเกิดขึ้นเฉพาะกับฝ่ายที่แพ้เท่านั้น"
- ซุนวู -
"ไม่มีสูตรสำเร็จในชัยชนะ คนทำผิดจะเกิดขึ้นเฉพาะกับฝ่ายที่แพ้เท่านั้น"
- ซุนวู -
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 17
เดาๆจากข้อมูลตอนนี้ คิดว่ายังไม่สะเด็ดน้ำนะครับ
ทางเมืองนอกยังมีปัญหาอยู่ ตอนนี้ช่วยพยุงไม่ให้ landing แรงเกินไป
แล้วรีบาวด์มาขนาดนี้ ตามธรรมดาจะขึ้นต่อ ก็ต้องลงก่อน :evil:
ปล. หมอฟันธงตอนนี้ได้ข่าวว่าโดนเก็บไปแล้ว ไม่รู้จริงป่าวนะครับ เดี๋ยวนี้ก็ไม่เห็นแกออกมาอีกเลย เห็นแต่โหรคอนเฟิร์ม :lol: :lol: :lol:
ทางเมืองนอกยังมีปัญหาอยู่ ตอนนี้ช่วยพยุงไม่ให้ landing แรงเกินไป
แล้วรีบาวด์มาขนาดนี้ ตามธรรมดาจะขึ้นต่อ ก็ต้องลงก่อน :evil:
ปล. หมอฟันธงตอนนี้ได้ข่าวว่าโดนเก็บไปแล้ว ไม่รู้จริงป่าวนะครับ เดี๋ยวนี้ก็ไม่เห็นแกออกมาอีกเลย เห็นแต่โหรคอนเฟิร์ม :lol: :lol: :lol:
+++++++++++++
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
+++++++++++++
รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
+++++++++++++
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ฟันธง
โพสต์ที่ 18
ดาว future +274 จุด ส่วนวันจันทร์จะเป็นไงต้องรอ confirm จากตลาดจริง คืนนี้อีกรอบครับ
"หากท่านคาดการณ์ว่าจะไม่ได้รับประโยชน์เลยแม้แต่น้อยจากการปฏิบัตืการรุก ให้ท่านจงตั้งมั่นอยู่กับที่อย่างสงบ"
"ไม่มีสูตรสำเร็จในชัยชนะ คนทำผิดจะเกิดขึ้นเฉพาะกับฝ่ายที่แพ้เท่านั้น"
- ซุนวู -
"ไม่มีสูตรสำเร็จในชัยชนะ คนทำผิดจะเกิดขึ้นเฉพาะกับฝ่ายที่แพ้เท่านั้น"
- ซุนวู -