You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor                            

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพและโภชนาการมักจะพูดว่า  You are what you eat  ความหมายก็คือ   สุขภาพของคุณจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกิน   นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่า  อาหารเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อสุขภาพ    แต่ในด้านของความคิดหรือสมองของเรานั้น   ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ   การอ่าน  เพราะการอ่านเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดเนื่องจากมันทำได้รวดเร็วเท่ากับความเร็วของแสง   ความรู้และความคิดมหาศาลบางทีสามารถบรรจุลงในหนังสือเพียงเล่มเดียว   การค้นคว้าหรือประสบการณ์ของคนทั้งชีวิตสามารถเรียนรู้ได้โดยการอ่านหนังสือที่เขาเขียนเพียงเล่มเดียวหรือไม่กี่เล่ม   ดังนั้น  ถ้าจะให้   สุขภาพทางใจ  หรือสมองของเราดีเยี่ยมและแข็งแกร่งพร้อมที่จะเป็นนักลงทุนชั้นนำ   เราจำเป็นต้องอ่านและอ่านมาก ๆ    อย่าลืมว่าการลงทุนนั้นคือ   การ   รบทางด้านจิตใจ   ถ้าจะพูดให้เท่เป็นภาษาอังกฤษก็คือ  Investment is the battle of the mind   คนที่สมองและจิตใจเหนือกว่าคือผู้ชนะ
 
Value Investor ควรอ่านอะไร?   คำถามนี้เป็นเรื่องที่ตอบได้ยากและเซียนแต่ละคนก็น่าจะอ่านหนังสือที่แตกต่างกันและต่างก็ประสบความสำเร็จได้   สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวที่นักลงทุนอาจนำไปพิจารณาและปรับเข้ากับรสนิยมและความถนัดของตัวเอง   อย่างไรก็ตาม   มีหนังสือหรือเอกสารบางอย่างที่ผมคิดว่านักลงทุนทุกคนจำเป็นต้องอ่านเพราะมันเกี่ยวข้องกับการลงทุนโดยตรง

สำหรับ  Value Investor มือใหม่นั้น   หนังสือกลุ่มแรกที่ต้องอ่านก็คือหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนแบบ  Value Investment   นี่คือหนังสือที่พูดถึงแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าหรือแบบอิงปัจจัยพื้นฐาน   หนังสือเหล่านี้จะพูดถึงการลงทุนในตลาดหุ้นโดยเน้นไปที่การดูตัวบริษัทที่เราจะลงทุนเป็นหลักแม้ว่าราคาหุ้นก็เป็นสิ่งสำคัญแต่เขาก็จะพูดถึงไม่มาก    การอ้างอิงถึงบุคคลที่เป็นตัวอย่างของนักลงทุนก็จะเป็นเซียนที่ยึดแนวทางการลงทุนแบบ  Value Investment  เช่น  เบน เกรแฮม   วอเร็น บัฟเฟตต์   ปีเตอร์ ลินช์    จอห์น เนฟ   และ เซอร์จอห์น  เทมเปิลตัน   เหล่านี้เป็นต้น     การอ่านหนังสือเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญและเป็นก้าวแรกที่จะช่วยปรับความคิดของเราเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น   มันจะช่วงแยกแยะความแตกต่างระหว่างการ   เล่นหุ้น   กับการ   ลงทุน  ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการที่เราจะเข้าสู่การซื้อขายหุ้นในตลาด   ถ้าเราเดินทางผิด    เข้าตลาดเพื่อมา เล่นหุ้น อนาคตเราอาจจะมืดมน   แต่ถ้าเราเดินทางถูก   เข้าตลาดเพื่อมา ลงทุน   ความสำเร็จก็อาจไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว

การเป็นนักลงทุนนั้น   จำเป็นต้องรอบรู้เกี่ยวกับธุรกิจและความเป็นไปของเศรษฐกิจที่บริษัทต่าง ๆ  ต้องเกี่ยวข้องด้วย    ดังนั้น   คนที่จะเป็น  Value Investor  จะต้องอ่านหนังสือพิมพ์แนวธุรกิจรายวันอย่างน้อยหนึ่งฉบับ    นั่นหมายความว่าคนที่อ่านแต่หนังสือพิมพ์  มวลชน   จะต้องหันมาหัดอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเป็นประจำแทน    ส่วนหนังสือพิมพ์มวลชนนั้นจะกลายเป็นหนังสือพิมพ์ ฉบับรอง   ข้อที่ควรคำนึงถึงเวลาอ่านหนังสือพิมพ์ก็คือ  ข้อมูลในหนังสือพิมพ์นั้นมักเป็นข้อมูลหยาบ ๆ  ที่มักจะไม่เที่ยงตรงพอที่จะใช้ในการลงทุนได้    ดังนั้น  เมื่อเราพบอะไรที่น่าสนใจจากหนังสือพิมพ์   เราจะต้องไป  เจาะลึก  อีกทีหนึ่งจากข้อมูลที่ละเอียดและเป็นทางการกว่า    คติของผมก็คือ   ห้ามวิเคราะห์หุ้นจากหนังสือพิมพ์   รวมถึง   ห้ามใช้ตารางข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นรายวันเช่นค่า  PE  จากหนังสือพิมพ์ด้วย  

นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องอ่านข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนด้วยเพื่อหาหุ้นที่จะลงทุน   ข้อมูลเหล่านี้หลัก ๆ จะหาอ่านได้จากเวบไซ้ต์ของตลาดหลักทรัพย์  set.or.th  และของ กลต.   ข้อมูลการวิเคราะห์หุ้นของโบรกเกอร์   นอกจากนั้นอาจจะหาอ่านได้จากเวบไซ้ต์ของ  thaivi.com  ซึ่งเป็นแหล่งรวมของ  Value Investor ไทยที่น่าจะใหญ่ที่สุด   สิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนักก็คือ   เวลาอ่าน   เราอ่านเฉพาะข้อมูล    อย่าไปรับความเห็นมาโดยไม่ได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน   อย่าลืมว่าผู้ที่ให้ข้อมูลนั้น   ส่วนใหญ่มีความขัดแย้งของผลประโยชน์   นั่นคือ  เขาอยากให้เราซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้น

หนังสือชุดต่อมาที่ผมคิดว่าควรจะอ่านอย่างยิ่งก็คือ   หนังสือเกี่ยวกับกลยุทธ์การแข่งขันทางธุรกิจที่จะทำให้เราเข้าใจว่าบริษัทแบบไหนจะชนะหรือแพ้ในการแข่งขันเพราะอะไร   นี่คือหนังสือแนวการตลาดระดับยุทธศาสตร์ไม่ใช่ระดับปฏิบัติการ   ดังนั้น  โดยทั่วไป   ถ้าเราเห็นว่าหนังสือนั้นเล่มโตเกินไปหรืออ่านแล้วมีรายละเอียดมาก   มันก็มักจะไม่ใช่หนังสือที่เราต้องการ   คนที่เขียนเรื่องนี้ได้ดีมากคนหนึ่งก็คือ  แจ็ค  เทร้า   และ ฟิลิป  คอตเลอร์  ปรมาจารย์ทางด้านการตลาดและกลยุทธ์การแข่งขัน

หนังสือที่ควรอ่านเพราะมันช่วยเสริมความคิดและความมั่นใจของเราก็คือหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ  ธุรกิจ  และตลาดหุ้น   ประวัติศาสตร์นั้นน่าสนใจเพราะมันมักจะ   ซ้ำรอย  ซึ่งถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ซ้ำรอยตรง ๆ  แต่มันก็เป็นร่องรอยที่ทำให้เราสามารถทำนายหรือคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงได้    ประวัติศาสตร์ยังสอนให้เราระมัดระวังตัวมากขึ้นเพื่อที่จะทำให้เราสามารถเอาตัวรอดได้ในยามคับขัน

ผมชอบอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ ๆ  ที่ท้าทายความเชื่อเก่า ๆ    โดยเฉพาะทฤษฎีเกี่ยวกับชีวิตและพฤติกรรมของมนุษย์   นี่คือเรื่องของจิตวิทยาต่าง  ๆ  ที่คนทั่วไปอ่านได้ง่ายเข้าใจง่ายไม่ใช่เรื่องจิตวิทยาของนักจิตวิทยาที่รักษาคนป่วย   เรื่องของพฤติกรรมมนุษย์นั้นสำคัญเพราะมันเป็นสิ่งที่กำหนดการกระทำของคนทั้งในเรื่องของการเป็นผู้บริโภคซึ่งจะกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนและการเป็นนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นในตลาดด้วย

นอกจากเรื่องหนัก  ๆ  ทั้งหลายดังกล่าว   ผมยังสนใจดูหรืออ่านเรื่องของดารา  หนุ่มสาวสังคมแบบห่าง  ๆ  ด้วย    ผมคิดว่าคนเหล่านี้คือผู้ที่กำหนดทิศทางของสังคมไม่น้อย   เช่นเดียวกัน   ผมคิดว่าข่าวการเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญที่กระทบกับการลงทุนและชีวิตของเรา   ดังนั้น  ผมจึงติดตามเรื่องของการเมือง   แต่ก็เช่นกัน   ผมมองภาพใหญ่   คือตราบที่การเมืองยังอยู่ในระบอบประชาธิปไตยและใช้ระบอบเศรษฐกิจแบบตลาด   พูดง่าย ๆ  ยังเป็นระบอบทุนนิยมที่เปิดกว้าง   ผมคิดว่านั่นก็เพียงพอสำหรับการทำงานของตลาดและหุ้นต่าง ๆ  ที่เราลงทุน

มองจากการอ่านทั้งหมดที่ผมทำ   จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า   การอ่านเป็นสิ่งที่ผมใช้เวลามากที่สุด   เรียกได้เลยว่าการอ่านคือ  อาชีพ  หรืออาจจะเรียกว่าเป็น  ชีวิต  และถ้าเราอ่านไม่ถูกเรื่อง   เราก็คงเสียเวลาและประสบความสำเร็จได้ยาก  ถ้าเราอ่านถูกเรื่องและอ่านหนังสือที่ดีและอ่านมาก   ความสำเร็จก็น่าจะตามมา   คำที่ผมอยากจะสรุปสำหรับบทความนี้ก็คือ   You Are What You Read   คุณอ่านอะไร  คุณก็เป็นอย่างนั้น  ดังนั้นต้องอ่านหนังสือที่ดีมีประโยชน์สำหรับการลงทุนและต้องอ่านให้มาก
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
mey
Verified User
โพสต์: 359
ผู้ติดตาม: 0

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากค่ะ
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 3

โพสต์

บทความของอาจารย์นิเวศน์ ตอกย้ำความมั่ใจ
เวลาใครถามว่า ประกอบอาชีพอะไร
จะบอกว่า เป็นนักอ่าน (Reader) :lol:

รูปภาพ

ข้างบนนี้คือ หนึ่งในผลงานการเขียนของ Jack Trout
นักเขียนที่เกี่ยวกับกลยุทธ์การแข่งขันธุรกิจ
ผู้ที่อาจารย์นิเวศน์เกริ่นไว้ในบทความ
เลยเอามาแนะนำให้เพื่อนๆดู :wink:
phobenius
Verified User
โพสต์: 1976
ผู้ติดตาม: 0

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ยังรู้สึกว่าตัวเองอ่านน้อยเหมือนกัน

ต้องขยันอ่านซะหน่อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
sorawut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2494
ผู้ติดตาม: 2

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 5

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน:บทความของอาจารย์นิเวศน์ ตอกย้ำความมั่ใจ
เวลาใครถามว่า ประกอบอาชีพอะไร
จะบอกว่า เป็นนักอ่าน (Reader) :lol:

รูปภาพ

ข้างบนนี้คือ หนึ่งในผลงานการเขียนของ Jack Trout
นักเขียนที่เกี่ยวกับกลยุทธ์การแข่งขันธุรกิจ
ผู้ที่อาจารย์นิเวศน์เกริ่นไว้ในบทความ
เลยเอามาแนะนำให้เพื่อนๆดู :wink:
มีหนังสือแปลที่ SE-ED ครับ (ไม่ได้ promote หุ้นนะ  :oops:)

อ่านจบแล้ว เป็นหนังสือที่ดีมาก  :8)
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 1

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 6

โพสต์

บทความนี้โดนใจอีกแล้ว  :D
ผมว่าเป็นบรรทัดฐานสำหรับคนที่อยากจะประสงความสำเร็จเลยนะครับ ต้องอ่านมากๆ และหนังสือคุณแจ็คนั้นดีจริงๆ อ่านง่าย

ผมขอเพิ่มหนังสืออ่านจากอาจารย์บอกอีกเรื่องคือ หนังสือกลุ่มจรรโลงใจ ที่ทำให้เราเย็น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับธรรมะหรือหนังสือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต(ที่ผ่านความเหนื่อยใจแทบขาดมาแล้ว หรือล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ได้) ผมว่าหนังสือกลุ่มนี้ทำให้เราอยู่กับการลงทุนได้ดีครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
surachaichia
Verified User
โพสต์: 601
ผู้ติดตาม: 0

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณทั้ง อ. และ คนที่แนะนำหนังสือนะครับ บางทีก็มองผ่านไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
puthorn
Verified User
โพสต์: 68
ผู้ติดตาม: 0

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 8

โพสต์

เล่มนี้สุดแสนจะคลาสสิกครับ

marketing warfare

http://www.se-ed.com/eShop/Book/BookDet ... odMCode=บธ

link review :

http://www.thaivi.com/webboard/archive. ... index.html[/url]
August
Verified User
โพสต์: 510
ผู้ติดตาม: 0

You Are What You Read/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 30 กันยายน2551

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณครับอาจารย์     :D

บรรยากาศตอนนี้  ไม่สู้ดีเท่าไร  
เหมาะจริงๆที่จะอ่านหนังสือหาความรู้สร้างภูมิ อย่างยิ่งครับ
โพสต์โพสต์