+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 1
ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่มันอึดอัด และรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่เห็น
พอร์ตของตัวเอง ที่ตั้งใจสร้างเพื่อความมั่งคั่งของครอบครัวในระยะยาวต้องมาลดลงทุกวัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ
ไม่ทราบว่าหลังจากครั้งนี้ จะถือว่าผมผ่านตลาดหมีมาแล้วได้หรือเปล่าครับ
อยากขอบอกข้อผิดพลาดของการลงทุนในปีนี้ ซึ่งขาดทุนไปแล้วประมาณ 20% จากพอร์ตเงินต้นกว่า 5 ล้านบาท
1 ไม่มี MOS เพียงพอ
ผมซื้อหุ้นค้าปลีกทั้ง bigC, MAKRO ที่ PE ประมาณ 15 เท่า ซึ่งกิจการก็ยังดูดีมาตลอด ปีนี้กำไรก็เพิ่มขึ้น ตามสาขาที่เปิดมากขึ้น ราคาก็เคยวิ่งขึ้นไปจนผมกำไรตัวละ 10 กว่าเปอร์เซนต์ แต่ผมก็ไม่ได้ขาย จนตอนนี้ ขาดทุนตัวละ 20 กว่าเปอร์เซนต์
ผมได้บทเรียนเลยว่า เราคาดกำไรพอได้ แต่เราคาดราคาหุ้นไม่ได้ เพราะราคาหุ้นคือ E*P/E เมื่อตลาดเป็นแบบนี้ ต่อให้ E เพิ่มยังไง ราคาก็ร่วงลงได้มาก เพราะฉะนั้น ควรมี MOS มากกว่านี้
จริงๆ พี่ JENG เคยเตือนผมไว้แล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ฟังเอง ขายเจ้ามังกร 30 กว่าบาท มาซื้อมิตรแท้โชว์ห่วย ดอยเลย
2 อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน
โดยเฉพาะในสภาวะที่ sentiment ของตลาดแย่มาก บางทีเรามัวแต่อ้างว่าเป็นผลจากนายตลาด บางทีนายตลาดอาจจะถูกก็ได้ บางที PE ตลาดเราอาจจะเหลือสองสามเท่าไปอีก สิบปีก็เป็นได้
หุ้นผมในพอร์ตตอนนี้ ทุกตัวเคยบวกเมือต้นปี ทำให้พอร์ตกำไรอยู่กว่าสิบเปอร์เซนต์ แต่มันก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ทั้ง bigc, se-ed, mcs, makro, dcc, wg ผมก็ยังถือโดยคิดว่ากิจการยังดี PE ยังสมเหตุสมผล ผลประกอบการณ์ยังดีขึ้นทุกไตรมาส
แต่ถึงวันนี้ กลับขาดทุนอย่างหนัก คิดย้อนกลับไป ไม่แน่ใจว่าหลอกตัวเองหรือเปล่า ถ้ายอมคัทตั้งแต่ยังกำไรอยู่ ป่านนี้คงไม่ต้องมานั่งกลุ้ม
อย่างพี่พอใจบอก รู้อะไรไม่สู้รู้งี้จริงๆ
จะมาคัทตอนนี้ ก็ไม่ทันแล้ว คงต้องทำใจรอรับปันผลไปก่อน อีกสองสามปี ค่อยว่ากัน
3 ผมเห็นพี่น้องในเวบ ชอบบอกว่าจะขายบ้านขายรถมาซื้อ โดยเฉพาะน้องใหม่บางคน โดยให้เหตุผลว่าหุ้นถูกมากแล้ว
ผมว่าต่อให้หุ้นถูกแค่ไหน ถ้าต้องขายปัจจัยสี่มาซื้อนี่ มันก็ไม่ถูกนะครับ อย่าชะล่าใจ ถ้าตลาดมันตกอีกสองปีจะทำยังไง อย่าให้ความโลภบังตาครับ อย่าคิดว่าจะเอาคืน เพราะถ้าทำอย่างนั้น จะเป็นการทำลายกฏของ vi เลยครับ คือเราต้องเป็นเพื่อนกับเวลา ถ้าเราเอาเงินร้อนมาเล่น กำไรก็ดีไป แต่ถ้าขาดทุน ดูไม่จืดแน่ครับ
ผมเองก็เอาเงินที่เคยตั้งใจว่าจะไม่ลงหุ้น มาลงไปก่อนหน้านี้ ความโลภมันบังตาครับ ตอนนี้หุ้นถูกมาก แต่ผมหมดตังค์
ดีว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน ยังพอมีเงินเหลือบ้าง ยังมีรายได้ทุกเดือน ตอนนี้กะว่าจะเก็บเงินไว้ก่อน fund flow กลับมาเมื่อไหร่ ค่อยเจอกัน ผมยอมเป็นหนูตัวที่สองครับ
อาจยาวไปหน่อย แต่หวังว่าจะให้ข้อคิดกับพวกเราได้บ้าง อันนี้ผมไม่ได้บอกเซียนทั้งหลายในเวบนี้ ที่ผมเชื่อว่า ตลาดแบบนี้ ก็คงยังกำไรกันอยู่ดีนะครับ
ใครมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม share กันได้นะครับ ขอบคุณล่วงหน้า
จริงๆต้องโพสต์ในห้องมือใหม่หรือเปล่าครับเนี่ย :roll:
พอร์ตของตัวเอง ที่ตั้งใจสร้างเพื่อความมั่งคั่งของครอบครัวในระยะยาวต้องมาลดลงทุกวัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ
ไม่ทราบว่าหลังจากครั้งนี้ จะถือว่าผมผ่านตลาดหมีมาแล้วได้หรือเปล่าครับ
อยากขอบอกข้อผิดพลาดของการลงทุนในปีนี้ ซึ่งขาดทุนไปแล้วประมาณ 20% จากพอร์ตเงินต้นกว่า 5 ล้านบาท
1 ไม่มี MOS เพียงพอ
ผมซื้อหุ้นค้าปลีกทั้ง bigC, MAKRO ที่ PE ประมาณ 15 เท่า ซึ่งกิจการก็ยังดูดีมาตลอด ปีนี้กำไรก็เพิ่มขึ้น ตามสาขาที่เปิดมากขึ้น ราคาก็เคยวิ่งขึ้นไปจนผมกำไรตัวละ 10 กว่าเปอร์เซนต์ แต่ผมก็ไม่ได้ขาย จนตอนนี้ ขาดทุนตัวละ 20 กว่าเปอร์เซนต์
ผมได้บทเรียนเลยว่า เราคาดกำไรพอได้ แต่เราคาดราคาหุ้นไม่ได้ เพราะราคาหุ้นคือ E*P/E เมื่อตลาดเป็นแบบนี้ ต่อให้ E เพิ่มยังไง ราคาก็ร่วงลงได้มาก เพราะฉะนั้น ควรมี MOS มากกว่านี้
จริงๆ พี่ JENG เคยเตือนผมไว้แล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ฟังเอง ขายเจ้ามังกร 30 กว่าบาท มาซื้อมิตรแท้โชว์ห่วย ดอยเลย
2 อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน
โดยเฉพาะในสภาวะที่ sentiment ของตลาดแย่มาก บางทีเรามัวแต่อ้างว่าเป็นผลจากนายตลาด บางทีนายตลาดอาจจะถูกก็ได้ บางที PE ตลาดเราอาจจะเหลือสองสามเท่าไปอีก สิบปีก็เป็นได้
หุ้นผมในพอร์ตตอนนี้ ทุกตัวเคยบวกเมือต้นปี ทำให้พอร์ตกำไรอยู่กว่าสิบเปอร์เซนต์ แต่มันก็ค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ทั้ง bigc, se-ed, mcs, makro, dcc, wg ผมก็ยังถือโดยคิดว่ากิจการยังดี PE ยังสมเหตุสมผล ผลประกอบการณ์ยังดีขึ้นทุกไตรมาส
แต่ถึงวันนี้ กลับขาดทุนอย่างหนัก คิดย้อนกลับไป ไม่แน่ใจว่าหลอกตัวเองหรือเปล่า ถ้ายอมคัทตั้งแต่ยังกำไรอยู่ ป่านนี้คงไม่ต้องมานั่งกลุ้ม
อย่างพี่พอใจบอก รู้อะไรไม่สู้รู้งี้จริงๆ
จะมาคัทตอนนี้ ก็ไม่ทันแล้ว คงต้องทำใจรอรับปันผลไปก่อน อีกสองสามปี ค่อยว่ากัน
3 ผมเห็นพี่น้องในเวบ ชอบบอกว่าจะขายบ้านขายรถมาซื้อ โดยเฉพาะน้องใหม่บางคน โดยให้เหตุผลว่าหุ้นถูกมากแล้ว
ผมว่าต่อให้หุ้นถูกแค่ไหน ถ้าต้องขายปัจจัยสี่มาซื้อนี่ มันก็ไม่ถูกนะครับ อย่าชะล่าใจ ถ้าตลาดมันตกอีกสองปีจะทำยังไง อย่าให้ความโลภบังตาครับ อย่าคิดว่าจะเอาคืน เพราะถ้าทำอย่างนั้น จะเป็นการทำลายกฏของ vi เลยครับ คือเราต้องเป็นเพื่อนกับเวลา ถ้าเราเอาเงินร้อนมาเล่น กำไรก็ดีไป แต่ถ้าขาดทุน ดูไม่จืดแน่ครับ
ผมเองก็เอาเงินที่เคยตั้งใจว่าจะไม่ลงหุ้น มาลงไปก่อนหน้านี้ ความโลภมันบังตาครับ ตอนนี้หุ้นถูกมาก แต่ผมหมดตังค์
ดีว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน ยังพอมีเงินเหลือบ้าง ยังมีรายได้ทุกเดือน ตอนนี้กะว่าจะเก็บเงินไว้ก่อน fund flow กลับมาเมื่อไหร่ ค่อยเจอกัน ผมยอมเป็นหนูตัวที่สองครับ
อาจยาวไปหน่อย แต่หวังว่าจะให้ข้อคิดกับพวกเราได้บ้าง อันนี้ผมไม่ได้บอกเซียนทั้งหลายในเวบนี้ ที่ผมเชื่อว่า ตลาดแบบนี้ ก็คงยังกำไรกันอยู่ดีนะครับ
ใครมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม share กันได้นะครับ ขอบคุณล่วงหน้า
จริงๆต้องโพสต์ในห้องมือใหม่หรือเปล่าครับเนี่ย :roll:
จงทนอด และอดทน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 393
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 3
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
สำหรับผมแล้ว เป็นโอกาสสำหรับการปรับสัดส่วนการลงทุนโดยรวมครับ
โดยผมย้ายเงินที่เคยลงทุนในตลาดตราสารต่างๆ ลดสัดส่วนเงินสดในมือลง แล้วย้ายมาลงในหุ้น
เช่น เงินที่เคยซื้อหุ้นกู้ SCC สมมุติ 1 ล้านบาท พอครบกำหนด แทนที่จะไปซื้อหุ้นกู้รุ่นใหม่ก็เอาไปซื้อหุ้น SCC ในตลาดหลักทรัพย์ฯแทนครับ ผมคิดว่าอีก 4 ปี น่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น SCC ได้ดีกว่าปีละ 5.35% (ก่อนหักภาษี) ที่จะได้จากหุ้นกู้ SCC ครับ
ไม่ถึงกับขายบ้าน ขายรถหรอกครับ
แต่ยินดีขายภรรยา ในราคาที่เหมาะสม :lol: :lol: :lol:
สำหรับผมแล้ว เป็นโอกาสสำหรับการปรับสัดส่วนการลงทุนโดยรวมครับ
โดยผมย้ายเงินที่เคยลงทุนในตลาดตราสารต่างๆ ลดสัดส่วนเงินสดในมือลง แล้วย้ายมาลงในหุ้น
เช่น เงินที่เคยซื้อหุ้นกู้ SCC สมมุติ 1 ล้านบาท พอครบกำหนด แทนที่จะไปซื้อหุ้นกู้รุ่นใหม่ก็เอาไปซื้อหุ้น SCC ในตลาดหลักทรัพย์ฯแทนครับ ผมคิดว่าอีก 4 ปี น่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น SCC ได้ดีกว่าปีละ 5.35% (ก่อนหักภาษี) ที่จะได้จากหุ้นกู้ SCC ครับ
ไม่ถึงกับขายบ้าน ขายรถหรอกครับ
แต่ยินดีขายภรรยา ในราคาที่เหมาะสม :lol: :lol: :lol:
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 4
ชอบครับ
มีเพิ่มนิดหน่อยครับว่า
บางทีราคาลงอย่าคิดว่า เป็นอารมณ์นายตลาดทุกครั้ง
เพราะบางครั้งนายตลาดอาจถูกก็ได้
และเมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อคุณรู้ว่า ตลาดถูก เมื่อนั้นก็อาจสายเกินไป
และทำใจไม่ได้ที่จะขายราคานั้น
เพราะฉะนั้น ดูดี ๆ ว่า เป็นอารมณ์นายตลาดจริง ๆ หรือ ปลอบตัวเอง
มีเพิ่มนิดหน่อยครับว่า
บางทีราคาลงอย่าคิดว่า เป็นอารมณ์นายตลาดทุกครั้ง
เพราะบางครั้งนายตลาดอาจถูกก็ได้
และเมื่อถึงจุดหนึ่งเมื่อคุณรู้ว่า ตลาดถูก เมื่อนั้นก็อาจสายเกินไป
และทำใจไม่ได้ที่จะขายราคานั้น
เพราะฉะนั้น ดูดี ๆ ว่า เป็นอารมณ์นายตลาดจริง ๆ หรือ ปลอบตัวเอง
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 8
ผมไม่เห็นด้วยครับ
1. MOS ไม่เพียงพอ
- ผมมีความคิดอยู่เสมอว่า เมื่อเราซื้อหุ้น 1 ตัว ณ ราคาที่ซื้อนั้น สิ่งที่เราคาดหวังได้คือ Capital Gain แหละ Dividend ถ้าตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา อีกตัวหนึ่งต้อง support ให้ได้ ถ้าพังทั้ง 2 ตัว แสดงว่าอาจจะมีปัญหากับผลประกอบการ คงต้องตัดสินใจว่าจะ Cut ไปดีหรือเปล่า
2. อย่าปล่อยให้กำไรเป็นขาดทุน
- เห็นด้วยครับ แต่ใครจะทราบว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น พอหุ้นลง ก็มาคิดว่า รู้งี้ขายตั้งแต่ยอดดอยดีกว่า รู้งี้ไม่ซื้อดีกว่า รู้งี้เก็บเงินสดดีกว่า ไม่มีใครบอกได้หรอกครับ อย่าเครียดเลย
3. ไม่มีความเห็นครับ
ผมว่าข้อ 1 มีความสำคัญสุด
ถ้า Capital Gain มีปัญหา เราก็มี Dividend มาสร้าง Cashflow ให้
ไม่น่าจะต้องซีเรียสอะไร เพราะถ้าหุ้นขึ้น เราก็ไม่ได้ขาย
หุ้นลง เราก็ไม่ได้ขาย
ถ้าผลประกอบการไม่เปลี่ยน ปันผลได้เหมือนเดิม
เครียดไปเสียสุขภาพเปล่าครับ เอาเวลาคิด ไปทำงานหาเงินเพิ่มมาเก็บของถูก ๆ ดีกว่า
ที่พูดนี่คือ ต้องชัวร์นะว่า บริษัทที่เราถือ ไม่ได้รับผลกระทบมาถึงการดำเนินงาน
กับแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่จำเป็นต้องขายหุ้น มันแค่ปัจจัยทางจิตวิทยา
1. MOS ไม่เพียงพอ
- ผมมีความคิดอยู่เสมอว่า เมื่อเราซื้อหุ้น 1 ตัว ณ ราคาที่ซื้อนั้น สิ่งที่เราคาดหวังได้คือ Capital Gain แหละ Dividend ถ้าตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา อีกตัวหนึ่งต้อง support ให้ได้ ถ้าพังทั้ง 2 ตัว แสดงว่าอาจจะมีปัญหากับผลประกอบการ คงต้องตัดสินใจว่าจะ Cut ไปดีหรือเปล่า
2. อย่าปล่อยให้กำไรเป็นขาดทุน
- เห็นด้วยครับ แต่ใครจะทราบว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น พอหุ้นลง ก็มาคิดว่า รู้งี้ขายตั้งแต่ยอดดอยดีกว่า รู้งี้ไม่ซื้อดีกว่า รู้งี้เก็บเงินสดดีกว่า ไม่มีใครบอกได้หรอกครับ อย่าเครียดเลย
3. ไม่มีความเห็นครับ
ผมว่าข้อ 1 มีความสำคัญสุด
ถ้า Capital Gain มีปัญหา เราก็มี Dividend มาสร้าง Cashflow ให้
ไม่น่าจะต้องซีเรียสอะไร เพราะถ้าหุ้นขึ้น เราก็ไม่ได้ขาย
หุ้นลง เราก็ไม่ได้ขาย
ถ้าผลประกอบการไม่เปลี่ยน ปันผลได้เหมือนเดิม
เครียดไปเสียสุขภาพเปล่าครับ เอาเวลาคิด ไปทำงานหาเงินเพิ่มมาเก็บของถูก ๆ ดีกว่า
ที่พูดนี่คือ ต้องชัวร์นะว่า บริษัทที่เราถือ ไม่ได้รับผลกระทบมาถึงการดำเนินงาน
กับแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่จำเป็นต้องขายหุ้น มันแค่ปัจจัยทางจิตวิทยา
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 876
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 9
หมอ poppo ครับ ผมว่าหมอ poppo อย่าเพิ่งเสียกำลังใจนะครับ หุ้นที่หมอถือเป็นหุ้นที่ผมว่าแข็งแรงกว่าตลาดมากมายทีเดียว ธุรกิจก็ยังดีอยู่มาก เพียงแต่ว่า สภาพตลาด crash แบบนี้คงไม่มีใครคาดเดาได้มังครับ ผมก็ตกที่นั่งเดียวกะหมอแหละถือหุ้นค้าปลีกอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรเพราะผมยังเห็นธุรกิจของผมยังดีอยู่ ความสามารถในการแข่งขันก็แข็งแรงเหมือนเดิม อนาคตอาจจะมียอดขาย drop บ้าง แต่วันนึงมันก็ต้องกลับมาครับ คนยังต้องกินต้องใช้ เศรษฐกิจยังต้องการการขยายตัวครับ
การที่จะมานั่งเสียดายว่า รู้งี้ขายไปก่อนดีกว่าผมว่าอย่าเลยครับ ไม่มีใครรู้อนาคต เราพอใจในราคาที่เราซื้อ คิดว่าปันผลมีอยู่เป็นตาข่ายรองรับความผันผวนได้ แล้วก็ธุรกิจยังแข็งแกร่ง ถ้ามันยังราคาถูกๆอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวปันผลใหม่มา เราก็เอามาซื้อมันเพิ่มก็ได้ครับ
แล้วก็เห็นด้วยครับที่ต้องเตือนมือใหม่ว่าอย่าเพิ่งขายบ้านขายรถมาซื้อหุ้นเลย อย่าเพิ่ง "โลภเกินความรู้" ดีกว่าครับ
การที่จะมานั่งเสียดายว่า รู้งี้ขายไปก่อนดีกว่าผมว่าอย่าเลยครับ ไม่มีใครรู้อนาคต เราพอใจในราคาที่เราซื้อ คิดว่าปันผลมีอยู่เป็นตาข่ายรองรับความผันผวนได้ แล้วก็ธุรกิจยังแข็งแกร่ง ถ้ามันยังราคาถูกๆอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวปันผลใหม่มา เราก็เอามาซื้อมันเพิ่มก็ได้ครับ
แล้วก็เห็นด้วยครับที่ต้องเตือนมือใหม่ว่าอย่าเพิ่งขายบ้านขายรถมาซื้อหุ้นเลย อย่าเพิ่ง "โลภเกินความรู้" ดีกว่าครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 11
โค้ด: เลือกทั้งหมด
1 ไม่มี MOS เพียงพอ
ผมซื้อหุ้นค้าปลีกทั้ง bigC, MAKRO ที่ PE ประมาณ 15 เท่า ซึ่งกิจการก็ยังดูดีมาตลอด ปีนี้กำไรก็เพิ่มขึ้น ตามสาขาที่เปิดมากขึ้น ราคาก็เคยวิ่งขึ้นไปจนผมกำไรตัวละ 10 กว่าเปอร์เซนต์ แต่ผมก็ไม่ได้ขาย จนตอนนี้ ขาดทุนตัวละ 20 กว่าเปอร์เซนต์
ผมได้บทเรียนเลยว่า เราคาดกำไรพอได้ แต่เราคาดราคาหุ้นไม่ได้ เพราะราคาหุ้นคือ E*P/E เมื่อตลาดเป็นแบบนี้ ต่อให้ E เพิ่มยังไง ราคาก็ร่วงลงได้มาก เพราะฉะนั้น ควรมี MOS มากกว่านี้
จริงๆ พี่ JENG เคยเตือนผมไว้แล้วล่ะครับ แต่ผมไม่ฟังเอง ขายเจ้ามังกร 30 กว่าบาท มาซื้อมิตรแท้โชว์ห่วย ดอยเลย
อิอิ
แต่โดยส่วนตัว ไม่ค่อยชอบ pe 15 เท่าไร หากไม่มี g มหาศาล อย่างต่อเนือง เช่น g 15-20 % ทุกปี
อย่างไรก็ตามหุ้นก็งี้แหละ เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ราคาก็เปลี่ยนไป
แล้วถ้าเรามาสรุปตอนที่เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว พี่ก็ไม่แน่ใจนะ ว่าจะสรุปได้ถูกต้องหรือไม่
แต่ตัวพี่เอง ชอบ bigc makro มาก แต่ขอต่อราคาเท่านั้นเอง
สมัยปี 2540 นะ หุ้นทั้งตลาด ที่จ่ายปันผลได้ มีเพียง 10 ตัว makro เป็นหนึ่งในนั้นนะ แสดงว่า เป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 12
คือตอนนี้ ผมก็เครียดนิดหน่อยน่ะครับ
แต่หุ้นตก ๆ แบบนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน จะปรับพอร์ตอย่างไร เพราะว่าก็มองว่ายังดีทุกตัว ปันผลพอควร
ขายตัวลงน้อย ไปซื้อตัวลงมาก แต่มันก็ลงทุกตัวนะครับ
โดยส่วนตัว ซื้อหุ้นแล้วไม่ค่อยอยากขาย อยากให้กิจการเติบโต กำไรเติบโต ปันผลเติบโต โดยเราไม่ต้องขาย
ตอนนี้ ก็อยู่นิ่งครับ กลัวเหมือนคนจมน้ำ ยิ่งดิ้น ยิ่งจมเร็ว
ถ้าอยู่นิ่งๆ มีสติ อาจลอยได้ ถ้าคลื่นมันไม่แรงเกินไป
ก้มหน้า ก้มตา เก็บตังค์ครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านนะครับ
ปล
พี่ Noonino ครับ ผมว่า ไม่ตายก็ใกล้แล้วล่ะครับ อาทิตย์นี้อาทิตย์เดียวนี่ หน้าเขียวแล้วครับ ไม่กล้าให้ ผบ ทบ ดูพอร์ตเลย
แต่เผอิญ ยังดี มีสูตรอมตะ หาตังค์ได้เรื่อยๆ เพราะยังทำงานอยู่
จงทนอด และอดทนครับ
แต่หุ้นตก ๆ แบบนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน จะปรับพอร์ตอย่างไร เพราะว่าก็มองว่ายังดีทุกตัว ปันผลพอควร
ขายตัวลงน้อย ไปซื้อตัวลงมาก แต่มันก็ลงทุกตัวนะครับ
โดยส่วนตัว ซื้อหุ้นแล้วไม่ค่อยอยากขาย อยากให้กิจการเติบโต กำไรเติบโต ปันผลเติบโต โดยเราไม่ต้องขาย
ตอนนี้ ก็อยู่นิ่งครับ กลัวเหมือนคนจมน้ำ ยิ่งดิ้น ยิ่งจมเร็ว
ถ้าอยู่นิ่งๆ มีสติ อาจลอยได้ ถ้าคลื่นมันไม่แรงเกินไป
ก้มหน้า ก้มตา เก็บตังค์ครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกๆ ท่านนะครับ
ปล
พี่ Noonino ครับ ผมว่า ไม่ตายก็ใกล้แล้วล่ะครับ อาทิตย์นี้อาทิตย์เดียวนี่ หน้าเขียวแล้วครับ ไม่กล้าให้ ผบ ทบ ดูพอร์ตเลย
แต่เผอิญ ยังดี มีสูตรอมตะ หาตังค์ได้เรื่อยๆ เพราะยังทำงานอยู่
จงทนอด และอดทนครับ
จงทนอด และอดทน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 14
ดูปันผลซิครับ ว่าหุ้นแต่ละตัว ปันผลปีละเท่าไร กำไรปีละเท่าไร แล้วรายงาน ผบ ว่าหุ้นตัวนี้นะ ลงทุน 100 กำไร เท่านี้ ปันผลประมาณเท่านี้
ดีกว่าแบงค์อีก อิอิ
จะได้ไม่เครียด โดยการหันมาดูกำไร ดูปันผล ดีปะ
การค้าธรรมดา อย่างที่พี่ทำอยู่ ถึงไม่โตขึ้น ได้กำไรทุกปี กำไรทุกเดือน ก็โอนะ
คลินิค หลายคลีนิค ยอดก็ไม่ได้โตขึ้น มีกำไรทุกเดือน ก็โอเค
แล้วหุ้นหละ จะให้กำไรโตตลอด ดีตลอด คงไม่ได้
เอาแค่ไม่เจ๊งแน่ๆ อย่าง bigc makro ถือไปเรื่อยๆตลอดชีวิตก็พอไหว นะ ถ้าหมอมีรายได้ประจำอยู่แล้ว
ดีกว่าแบงค์อีก อิอิ
จะได้ไม่เครียด โดยการหันมาดูกำไร ดูปันผล ดีปะ
การค้าธรรมดา อย่างที่พี่ทำอยู่ ถึงไม่โตขึ้น ได้กำไรทุกปี กำไรทุกเดือน ก็โอนะ
คลินิค หลายคลีนิค ยอดก็ไม่ได้โตขึ้น มีกำไรทุกเดือน ก็โอเค
แล้วหุ้นหละ จะให้กำไรโตตลอด ดีตลอด คงไม่ได้
เอาแค่ไม่เจ๊งแน่ๆ อย่าง bigc makro ถือไปเรื่อยๆตลอดชีวิตก็พอไหว นะ ถ้าหมอมีรายได้ประจำอยู่แล้ว
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 15
มาเป็นกำลังใจให้ครับ
ผมเองตอนนี้ก็ร่วม 20% ได้เช่นกัน มีส่วนร่วมกับมังกรมาเหมือนพี่ แต่ก็ขายไปแล้วในราคาหลังแตกพาร์ ตอนนี้ก็ถือหุ้นเต็มปอดอยู่เช่นกัน
อย่างที่พี่akekarat บอกครับ ชอบมาเลย
"ถ้า Capital Gain มีปัญหา เราก็มี Dividend มาสร้าง Cashflow ให้
ไม่น่าจะต้องซีเรียสอะไร เพราะถ้าหุ้นขึ้น เราก็ไม่ได้ขาย
หุ้นลง เราก็ไม่ได้ขาย
ถ้าผลประกอบการไม่เปลี่ยน ปันผลได้เหมือนเดิม
เครียดไปเสียสุขภาพเปล่าครับ เอาเวลาคิด ไปทำงานหาเงินเพิ่มมาเก็บของถูก ๆ ดีกว่า
ที่พูดนี่คือ ต้องชัวร์นะว่า บริษัทที่เราถือ ไม่ได้รับผลกระทบมาถึงการดำเนินงาน
กับแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่จำเป็นต้องขายหุ้น มันแค่ปัจจัยทางจิตวิทยา"
สำหรับผมคิดเหมือนกับว่า ถ้าเราเห็นร้านโจ๊กที่ขายดีมากๆร้านนึงใกล้ๆบ้าน แล้วสนใจจะซื้อมาขายเอง หลังจากเราคำนวนยอดขายต่อวัน กำไรต่างๆแล้วตัดสินใจว่าจะซื้อร้านโจ๊กนี้ในราคาที่เหมาะสมคือ 1 ล้านบาทแล้วจะได้ทุนคืนภายใน 10ปี (P/E ปัจจุบัน =10) ซึ่งหลังจากซื้อมากลับขายดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน
แต่จู่ๆเกิดปัญหาตุลาทมิษ ทหารออกมากราดยิงพันธมิตรตายเกลื่อน ในขณะนั้นก็มีนายทุนแถวๆบ้านเรามาเสนอซื้อร้านโจ๊กต่อจากเราในราคา 4 แสนบ้าง 5 แสนบ้าง มันมีเหตผลอะไรที่เราจะไปเครียด หรือต้องขายร้านโจ๊กนี้ทิ้งครับ:?: (ถ้าเทียบกะหุ้นเราก็ขาดทุนร่วม 50%)
ซึ่งแน่นอนที่ผมเปรียบเทียบมา ต้องอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า "บริษัทที่เราถือไม่ได้รับผลกระทบมาถึงการดำเนินงาน" ซึ่งดูจากหุ้นของพี่แล้วต้องถือว่าคงเป้นเรื่องเหนือความคาดหมายครับ ถ้าวิกฤตที่ทั่วโลกเจอตอนนี้มีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทเหล่านี้อย่างมีนัยสำคัญ
ผมเองตอนนี้ก็ร่วม 20% ได้เช่นกัน มีส่วนร่วมกับมังกรมาเหมือนพี่ แต่ก็ขายไปแล้วในราคาหลังแตกพาร์ ตอนนี้ก็ถือหุ้นเต็มปอดอยู่เช่นกัน
อย่างที่พี่akekarat บอกครับ ชอบมาเลย
"ถ้า Capital Gain มีปัญหา เราก็มี Dividend มาสร้าง Cashflow ให้
ไม่น่าจะต้องซีเรียสอะไร เพราะถ้าหุ้นขึ้น เราก็ไม่ได้ขาย
หุ้นลง เราก็ไม่ได้ขาย
ถ้าผลประกอบการไม่เปลี่ยน ปันผลได้เหมือนเดิม
เครียดไปเสียสุขภาพเปล่าครับ เอาเวลาคิด ไปทำงานหาเงินเพิ่มมาเก็บของถูก ๆ ดีกว่า
ที่พูดนี่คือ ต้องชัวร์นะว่า บริษัทที่เราถือ ไม่ได้รับผลกระทบมาถึงการดำเนินงาน
กับแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่จำเป็นต้องขายหุ้น มันแค่ปัจจัยทางจิตวิทยา"
สำหรับผมคิดเหมือนกับว่า ถ้าเราเห็นร้านโจ๊กที่ขายดีมากๆร้านนึงใกล้ๆบ้าน แล้วสนใจจะซื้อมาขายเอง หลังจากเราคำนวนยอดขายต่อวัน กำไรต่างๆแล้วตัดสินใจว่าจะซื้อร้านโจ๊กนี้ในราคาที่เหมาะสมคือ 1 ล้านบาทแล้วจะได้ทุนคืนภายใน 10ปี (P/E ปัจจุบัน =10) ซึ่งหลังจากซื้อมากลับขายดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน
แต่จู่ๆเกิดปัญหาตุลาทมิษ ทหารออกมากราดยิงพันธมิตรตายเกลื่อน ในขณะนั้นก็มีนายทุนแถวๆบ้านเรามาเสนอซื้อร้านโจ๊กต่อจากเราในราคา 4 แสนบ้าง 5 แสนบ้าง มันมีเหตผลอะไรที่เราจะไปเครียด หรือต้องขายร้านโจ๊กนี้ทิ้งครับ:?: (ถ้าเทียบกะหุ้นเราก็ขาดทุนร่วม 50%)
ซึ่งแน่นอนที่ผมเปรียบเทียบมา ต้องอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า "บริษัทที่เราถือไม่ได้รับผลกระทบมาถึงการดำเนินงาน" ซึ่งดูจากหุ้นของพี่แล้วต้องถือว่าคงเป้นเรื่องเหนือความคาดหมายครับ ถ้าวิกฤตที่ทั่วโลกเจอตอนนี้มีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทเหล่านี้อย่างมีนัยสำคัญ
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
-
- Verified User
- โพสต์: 1088
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 16
หวัดดีคับ
ผมโดดเข้ามาในกองไฟนึกว่าไฟมันคงไกล้มอดแล้วแต่ดันโดนเผาไปด้วยคับหึๆ
ซื้อ CPN ไปตอน 19 บาท แล้วก็ 14 บาท ตอนนี้ 12 บาทแล้วคับ หึๆๆ
ผมว่ารอบนี้ลงไป 8 บาท แน่ๆเยย
นี่ผมรอเดือนหน้าจะซื้ออีกรอบ อยากให้มันขึ้นเร็วๆจังคับ ลุ้นเหนื่อยแระ
ผมโดดเข้ามาในกองไฟนึกว่าไฟมันคงไกล้มอดแล้วแต่ดันโดนเผาไปด้วยคับหึๆ
ซื้อ CPN ไปตอน 19 บาท แล้วก็ 14 บาท ตอนนี้ 12 บาทแล้วคับ หึๆๆ
ผมว่ารอบนี้ลงไป 8 บาท แน่ๆเยย
นี่ผมรอเดือนหน้าจะซื้ออีกรอบ อยากให้มันขึ้นเร็วๆจังคับ ลุ้นเหนื่อยแระ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 393
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 17
นี่ก็เป็นอีกตัวที่อยากได้chaichat เขียน:หวัดดีคับ
ผมโดดเข้ามาในกองไฟนึกว่าไฟมันคงไกล้มอดแล้วแต่ดันโดนเผาไปด้วยคับหึๆ
ซื้อ CPN ไปตอน 19 บาท แล้วก็ 14 บาท ตอนนี้ 12 บาทแล้วคับ หึๆๆ
ผมว่ารอบนี้ลงไป 8 บาท แน่ๆเยย
นี่ผมรอเดือนหน้าจะซื้ออีกรอบ อยากให้มันขึ้นเร็วๆจังคับ ลุ้นเหนื่อยแระ
แต่ไม่อยากถือหลายตัวเกินไปครับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 657
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 18
คนตายขอระบายอีกคนครับ
มันคือ VI TRAP จริงๆ
เริ่มจาก 3 ปีก่อน 5+m--->>15m ในปีนี้ และในเวลาไม่นาน ตอนนี้หายไปเกินครึ่งนึงแล้วเพราะคิดอยากตีแตกหุ้นเดียวแบบพี่ท่านหนึ่ง และเคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งจากตัวอื่น เวลาตลาดลง ราคาลงปลอบใจตัวเองด้วยตัวเลขต่างๆที่คำนวณได้ว่ามันไม่น่ากลัว รักแนว VI ต้องมั่นคง ราคายิ่งลงก็ยิ่งติดกับ ออกไม่ได้เพราะถือตัวเดียวมากเกินไป และไม่กล้าทิ้งแบบหนีตาย
ประสบการณ์ราคาแพงสอนผมหลายข้อ
1.ตัวเลขในพอร์ตล้วนมายา มาไวไปไว เคลมเร้วเร็ว
2.ลงทุนหุ้นตัวเดียวหรือมั่นใจอะไรมากๆ โอกาสแพ้เกมโดยกลับตัวไม่ทันสูงมากเหมือนกัน
3.ไม่ควรเอาเงินทั้งหมดที่มีลงไปในหุ้น ทำให้เสียโอกาสต่างๆมากมาย รวมทั้งเสี่ยงเหลือเกิน
4.กฏของการ cut loss ไม่ได้ห้าม VI ใช้
ใครนึกออกอีกเพิ่มให้หน่อยละกันครับ
เฮ่อ...
มันคือ VI TRAP จริงๆ
เริ่มจาก 3 ปีก่อน 5+m--->>15m ในปีนี้ และในเวลาไม่นาน ตอนนี้หายไปเกินครึ่งนึงแล้วเพราะคิดอยากตีแตกหุ้นเดียวแบบพี่ท่านหนึ่ง และเคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งจากตัวอื่น เวลาตลาดลง ราคาลงปลอบใจตัวเองด้วยตัวเลขต่างๆที่คำนวณได้ว่ามันไม่น่ากลัว รักแนว VI ต้องมั่นคง ราคายิ่งลงก็ยิ่งติดกับ ออกไม่ได้เพราะถือตัวเดียวมากเกินไป และไม่กล้าทิ้งแบบหนีตาย
ประสบการณ์ราคาแพงสอนผมหลายข้อ
1.ตัวเลขในพอร์ตล้วนมายา มาไวไปไว เคลมเร้วเร็ว
2.ลงทุนหุ้นตัวเดียวหรือมั่นใจอะไรมากๆ โอกาสแพ้เกมโดยกลับตัวไม่ทันสูงมากเหมือนกัน
3.ไม่ควรเอาเงินทั้งหมดที่มีลงไปในหุ้น ทำให้เสียโอกาสต่างๆมากมาย รวมทั้งเสี่ยงเหลือเกิน
4.กฏของการ cut loss ไม่ได้ห้าม VI ใช้
ใครนึกออกอีกเพิ่มให้หน่อยละกันครับ
เฮ่อ...
- Linzhi
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1522
- ผู้ติดตาม: 1
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณมากครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
สำหรับผมการชนะตลาดมาตลอดทำให้ผมเริ่มประมาท ลงทุนเสี่ยงขึ้น
เรื่อย ๆ สุดท้ายเจอเหตุการณ์แบบนี้ ชนะตลาดไปจะได้อะไร เหอๆๆๆๆ
แถมมีหุ้นเน่าเต็มเลย
ทั้ง ๆ ที่เคยซื้อหุ้นไม่ว่าจะค้าปลีก หรือกลุ่มอื่น ๆ ที่ PE ไม่เกิน 10 เท่า
หลัง ๆ ก็มั่วไปซื้อของ PE 15-20 เฉยเลย ผมเริ่มทบทวน เหตุผลของผม
น่าจะเริ่มมาจากผมได้กำไร MINT CPN ซื้อตอน 3 บาท 7 บาท ตอนนั้น
สองตัวนี้ PE 15-20 เท่าได้ ได้กำไรจากหุ้น growth PE สูงแบบนี้ เลย
คะนองขึ้นเรื่อย ๆ
แถมไปซัดหุ้นบางตัวตามชาวบ้านในเวปนี้อีก คิดว่าขอตามน้ำนิดหน่อย
ถือเล็กถือน้อยเต็มไม้เต็มมือไปหมด ถึงจะถือน้อยไม่กี่เปอร์เซนต์ของ
พอร์ต แต่พอเสียหายแล้ว มันก็กลุ้มเหมือนกัน แถมแก้ไม่เป็นด้วย เพราะ
ตามชาวบ้าน 555555
ตลาดหุ้นนี่มี PE ตั้งแต่ 2-3 ยัน 30 หรือแม้กระทั่ง 50
ดังนั้นไม่ควรประมาท พระพุทธองค์ตรัสไว้ก่อนดับขันธุ์ปรินิพพาน
ที่สุดแห่ง 84000 พระธรรมขันธ์
มาเรื่องธรรมะได้งัยเนี่ย
สำหรับผมการชนะตลาดมาตลอดทำให้ผมเริ่มประมาท ลงทุนเสี่ยงขึ้น
เรื่อย ๆ สุดท้ายเจอเหตุการณ์แบบนี้ ชนะตลาดไปจะได้อะไร เหอๆๆๆๆ
แถมมีหุ้นเน่าเต็มเลย
ทั้ง ๆ ที่เคยซื้อหุ้นไม่ว่าจะค้าปลีก หรือกลุ่มอื่น ๆ ที่ PE ไม่เกิน 10 เท่า
หลัง ๆ ก็มั่วไปซื้อของ PE 15-20 เฉยเลย ผมเริ่มทบทวน เหตุผลของผม
น่าจะเริ่มมาจากผมได้กำไร MINT CPN ซื้อตอน 3 บาท 7 บาท ตอนนั้น
สองตัวนี้ PE 15-20 เท่าได้ ได้กำไรจากหุ้น growth PE สูงแบบนี้ เลย
คะนองขึ้นเรื่อย ๆ
แถมไปซัดหุ้นบางตัวตามชาวบ้านในเวปนี้อีก คิดว่าขอตามน้ำนิดหน่อย
ถือเล็กถือน้อยเต็มไม้เต็มมือไปหมด ถึงจะถือน้อยไม่กี่เปอร์เซนต์ของ
พอร์ต แต่พอเสียหายแล้ว มันก็กลุ้มเหมือนกัน แถมแก้ไม่เป็นด้วย เพราะ
ตามชาวบ้าน 555555
ตลาดหุ้นนี่มี PE ตั้งแต่ 2-3 ยัน 30 หรือแม้กระทั่ง 50
ดังนั้นไม่ควรประมาท พระพุทธองค์ตรัสไว้ก่อนดับขันธุ์ปรินิพพาน
ที่สุดแห่ง 84000 พระธรรมขันธ์
มาเรื่องธรรมะได้งัยเนี่ย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 20
ผมว่าพอร์ตของคนส่วนใหญ่ก็ลงมาจากจุดสูงสุดประมาณ 20% นะครับ...เพราะดัชนี้เอง...ก็ลงมามากกว่านี้...
ผมว่าขึ้นอยู่กับหลักการว่า...ยังคิดว่าหุ้นของตัวเองดีอยู่หรือเปล่า...กำไรเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสหรือเปล่า...ปันผลเยอะขึ้นเรื่อยๆหรือไม่...
ผมว่าหุ้นของพี่ poppo ดีหลายตัวนะครับ...แต่ลง...เพราะพีอีของตลาดเปลี่ยน...พีอีหุ้นเลยต้องเปลี่ยนด้วย...ขอ comment นะคับ
1.ไม่มี MOS เพียงพอ...อันนี้ผมว่าเป็นข้อสำคัญ...ไม่แน่ใจว่าพีอี สูงๆ กับหุ้นกิจการที่ยอดเยี่ยม...จะน่าลงทุนหรือไม่...ทั้งๆที่ตลาดพีอี 8-9 เท่า
2.อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน...อันนี้ส่วนตัวผม...ผมคิดว่าพี่ poppo ทำถูกแล้วครับ...เป็นผม...ผมก็ถือ...ผมไม่รู้หรอกว่าหุ้นจะขึ้นลงวันไหน...ผมคง focus แต่กำไรของบริษัท...รู้ว่าเศรษฐกิจแย่แน่...ก็คงขายตัวที่พื้นฐานมีผลกระทบออกไป...แต่ถ้าคิดว่าไม่กระทบ...ยังโตต่อ...พีอีเหมาะสมเทียบกับตลาด...ผมถือต่อครับ...(หลายตัวด้วย)
3.ผมเห็นพี่น้องในเวบ ชอบบอกว่าจะขายบ้านขายรถมาซื้อ โดยเฉพาะน้องใหม่บางคน โดยให้เหตุผลว่าหุ้นถูกมากแล้ว...อันนี้เห็นด้วยมากๆเลยครับ...ผมคิดว่า...ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...ไม่ควรใช้เงินร้อนมาเล่น...รวมทั้ง margin ด้วยครับ...จำได้ว่า...ไม่ถึงปีเคยมีกระทู้ถกกันเรื่อง margin...ตอนนี้คำตอบคงชัดเจนแล้วครับ...
ปล...พอร์ตผมก็ลงประมาณ 10-20% เหมือนกัน(เพิ่งรู้ตัวเมื่อวาน)555...ตอนนี้ก็ค่อยๆดู...เพื่อหาทางปรับพอร์ตอยู่ครับ :P :P
ผมว่าขึ้นอยู่กับหลักการว่า...ยังคิดว่าหุ้นของตัวเองดีอยู่หรือเปล่า...กำไรเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสหรือเปล่า...ปันผลเยอะขึ้นเรื่อยๆหรือไม่...
ผมว่าหุ้นของพี่ poppo ดีหลายตัวนะครับ...แต่ลง...เพราะพีอีของตลาดเปลี่ยน...พีอีหุ้นเลยต้องเปลี่ยนด้วย...ขอ comment นะคับ
1.ไม่มี MOS เพียงพอ...อันนี้ผมว่าเป็นข้อสำคัญ...ไม่แน่ใจว่าพีอี สูงๆ กับหุ้นกิจการที่ยอดเยี่ยม...จะน่าลงทุนหรือไม่...ทั้งๆที่ตลาดพีอี 8-9 เท่า
2.อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน...อันนี้ส่วนตัวผม...ผมคิดว่าพี่ poppo ทำถูกแล้วครับ...เป็นผม...ผมก็ถือ...ผมไม่รู้หรอกว่าหุ้นจะขึ้นลงวันไหน...ผมคง focus แต่กำไรของบริษัท...รู้ว่าเศรษฐกิจแย่แน่...ก็คงขายตัวที่พื้นฐานมีผลกระทบออกไป...แต่ถ้าคิดว่าไม่กระทบ...ยังโตต่อ...พีอีเหมาะสมเทียบกับตลาด...ผมถือต่อครับ...(หลายตัวด้วย)
3.ผมเห็นพี่น้องในเวบ ชอบบอกว่าจะขายบ้านขายรถมาซื้อ โดยเฉพาะน้องใหม่บางคน โดยให้เหตุผลว่าหุ้นถูกมากแล้ว...อันนี้เห็นด้วยมากๆเลยครับ...ผมคิดว่า...ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...ไม่ควรใช้เงินร้อนมาเล่น...รวมทั้ง margin ด้วยครับ...จำได้ว่า...ไม่ถึงปีเคยมีกระทู้ถกกันเรื่อง margin...ตอนนี้คำตอบคงชัดเจนแล้วครับ...
ปล...พอร์ตผมก็ลงประมาณ 10-20% เหมือนกัน(เพิ่งรู้ตัวเมื่อวาน)555...ตอนนี้ก็ค่อยๆดู...เพื่อหาทางปรับพอร์ตอยู่ครับ :P :P
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 920
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 21
ขอเพิ่มอีกอย่างนะครับ...
ผมว่า พี่ poppo โชคดีมาก...พี่เป็นหมอ...มีรายได้ประจำที่แน่นอนและเยอะ...
มีหลายคนทำนายว่า...เศรษฐกิจครั้งนี้กว่าจะฟื้น...อย่างต่ำก็ 2-3 ปี...
ผมว่าเป็นโอกาสอันงามเลยครับ...2 ปี...ผมว่าพี่เก็บได้หลายล้านอยู่...
...ผมคิดว่า...ปีหน้า...พี่อาจคิดว่า...ตรูนี่...โชคดีโคดเลย...มีโอกาสได้เจอตอนหุ้นชั้นเยี่ยม...พีอีสี่ห้าเท่า...ปันผลก็ปีละสิบกว่าเปอร์เซนต์แล้ว...
อีกสิบปีข้างหน้า...เศรษฐกิจบูมอีกครั้ง...พีอีตลาดสิบห้าเท่า...
ไม่อยากคิดเลยว่าพี่ poppo ...จะเอาเงินไปเก็บที่ไหน...555
ตอนนี้ผมคิดอย่างนี้จริงๆนะครับ... :lol:
ผมว่า พี่ poppo โชคดีมาก...พี่เป็นหมอ...มีรายได้ประจำที่แน่นอนและเยอะ...
มีหลายคนทำนายว่า...เศรษฐกิจครั้งนี้กว่าจะฟื้น...อย่างต่ำก็ 2-3 ปี...
ผมว่าเป็นโอกาสอันงามเลยครับ...2 ปี...ผมว่าพี่เก็บได้หลายล้านอยู่...
...ผมคิดว่า...ปีหน้า...พี่อาจคิดว่า...ตรูนี่...โชคดีโคดเลย...มีโอกาสได้เจอตอนหุ้นชั้นเยี่ยม...พีอีสี่ห้าเท่า...ปันผลก็ปีละสิบกว่าเปอร์เซนต์แล้ว...
อีกสิบปีข้างหน้า...เศรษฐกิจบูมอีกครั้ง...พีอีตลาดสิบห้าเท่า...
ไม่อยากคิดเลยว่าพี่ poppo ...จะเอาเงินไปเก็บที่ไหน...555
ตอนนี้ผมคิดอย่างนี้จริงๆนะครับ... :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 129
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 22
คุณหมอpoppo ยังไม่ตายหรอกครับ และยังไม่เกือบตายด้วย
แต่ความคิดผมคือคุณหมอขยันดูราคาหุ้นมากเกินไป
ผมว่าคุณหมอไปเยี่ยมชมกิจการของคุณหมอดูดีกว่าครับ สบายใจกว่าแน่ๆ
ผมเข้าใจว่าผู้บริหารบริษัทของคุณหมอคงคิดไม่เหมือนคุณหมอแน่
แต่พวกเขาคงต้องทำงานหนักให้กับคุณหมอในช่วง2-3ปีนี้แน่ๆเลย ปกติก็ทำงานหนักกันอยู่แล้ว
คุณหมอรอรับปันผลสบายๆ ดูข่าวน้อยๆ เยี่ยมชมกิจการบ่อยๆ อ่านรายงานประจำปีเล่น อีก 5 ปีราคามันก็กลับมาครับ ถ้าไม่งั้นก็ 10 ปี แล้วลองมาดูกระทุ้นี้อีกทีนะครับ ดูประวัติศาสตร์
เป็นกำลังใจให้ครับ คุณหมอมีเพื่อนเยอะแยะไปหมด ผมเป็นหนึ่งในนั้น แต่จำนวนหุ้นผมไม่ลดลงเลย และคงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ผมเห็นผู้บริหารบริษัทผมเก็บหุ้นเพิ่มแล้ว ผมไม่ยอมแพ้เขาแน่ๆ(แต่คงแพ้แน่ๆ)
แต่ความคิดผมคือคุณหมอขยันดูราคาหุ้นมากเกินไป
ผมว่าคุณหมอไปเยี่ยมชมกิจการของคุณหมอดูดีกว่าครับ สบายใจกว่าแน่ๆ
ผมเข้าใจว่าผู้บริหารบริษัทของคุณหมอคงคิดไม่เหมือนคุณหมอแน่
แต่พวกเขาคงต้องทำงานหนักให้กับคุณหมอในช่วง2-3ปีนี้แน่ๆเลย ปกติก็ทำงานหนักกันอยู่แล้ว
คุณหมอรอรับปันผลสบายๆ ดูข่าวน้อยๆ เยี่ยมชมกิจการบ่อยๆ อ่านรายงานประจำปีเล่น อีก 5 ปีราคามันก็กลับมาครับ ถ้าไม่งั้นก็ 10 ปี แล้วลองมาดูกระทุ้นี้อีกทีนะครับ ดูประวัติศาสตร์
เป็นกำลังใจให้ครับ คุณหมอมีเพื่อนเยอะแยะไปหมด ผมเป็นหนึ่งในนั้น แต่จำนวนหุ้นผมไม่ลดลงเลย และคงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ผมเห็นผู้บริหารบริษัทผมเก็บหุ้นเพิ่มแล้ว ผมไม่ยอมแพ้เขาแน่ๆ(แต่คงแพ้แน่ๆ)
-
- Verified User
- โพสต์: 58
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 23
ผมเพิ่งเข้าใจบทเรียนหลายๆ อย่าง จากวิกฤติครั้งนี้
1. อย่าฝืนแนวโน้ม
2. เงินย่อมไหลจากที่มีผลตอบแทนต่ำ ไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
หุ้นหลายตัว ที่ vi ชอบถือกัน แรกๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ลง
แต่สุดท้ายก็ฝืนข้อ 1 และ 2 ไม่ได้
ตัวอย่าง ณ ราคาวันนี้
- makro dividend yield = 7.5% pe = 11
- cpall yield = 3.7% pe = 17
คิดว่าคนที่มีเงินสดอยู่ จะซื้อสองตัวข้างบนหรือไม่ ?
ในเมื่อมีตัวเลือกอื่นๆ เช่น
- scc yield = 12% pe = 5
- stanly yield = 5.5% pe=5.5
- อื่นๆ อีกนับสิบตัว
ลองคิดว่าในอีก 5 ปี
คนที่ยังถือ makro, cpall แบบไม่ยอมขายในวันนี้
กับคนที่จะซื้อ scc, stanly ในวันนี้
ใครจะได้ผลตอบแทนมากกว่ากัน ?
1. อย่าฝืนแนวโน้ม
2. เงินย่อมไหลจากที่มีผลตอบแทนต่ำ ไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
หุ้นหลายตัว ที่ vi ชอบถือกัน แรกๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ลง
แต่สุดท้ายก็ฝืนข้อ 1 และ 2 ไม่ได้
ตัวอย่าง ณ ราคาวันนี้
- makro dividend yield = 7.5% pe = 11
- cpall yield = 3.7% pe = 17
คิดว่าคนที่มีเงินสดอยู่ จะซื้อสองตัวข้างบนหรือไม่ ?
ในเมื่อมีตัวเลือกอื่นๆ เช่น
- scc yield = 12% pe = 5
- stanly yield = 5.5% pe=5.5
- อื่นๆ อีกนับสิบตัว
ลองคิดว่าในอีก 5 ปี
คนที่ยังถือ makro, cpall แบบไม่ยอมขายในวันนี้
กับคนที่จะซื้อ scc, stanly ในวันนี้
ใครจะได้ผลตอบแทนมากกว่ากัน ?
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 1
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 24
ลืมต้นทุนซะ แล้วคิดใหม่ทำใหม่
ถ้าใช้ราคาย้อนหลังให้เป็นคุณไม่ได้ ก็อย่าใช้ให้เป็นโทษครับ
ถ้าใช้ราคาย้อนหลังให้เป็นคุณไม่ได้ ก็อย่าใช้ให้เป็นโทษครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 25
ผมคิดว่าข้อที่กล่าวว่า อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน ดูจะขัดกับคำที่บัฟเฟตต์ได้กล่าวไว้ว่า
"ถ้าคุณไม่สามารถทนดูหุ้นviของคุณตกลงไปครึ่งหนึ่งได้คุณก็อย่าได้ลงทุนเลย"เนื้อหาประมาณนี้ครับ
ผมเชื่อว่าหุ้นพื้นฐานดีแนวVIที่มีMOSเพียงพอ(โดยส่วนตัวประมาณ50%ก็ถือว่าworkแล้วครับ)ไม่มีวันตายครับ
"ถ้าคุณไม่สามารถทนดูหุ้นviของคุณตกลงไปครึ่งหนึ่งได้คุณก็อย่าได้ลงทุนเลย"เนื้อหาประมาณนี้ครับ
ผมเชื่อว่าหุ้นพื้นฐานดีแนวVIที่มีMOSเพียงพอ(โดยส่วนตัวประมาณ50%ก็ถือว่าworkแล้วครับ)ไม่มีวันตายครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1063
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 26
[quote="wasun"]ผมเพิ่งเข้าใจบทเรียนหลายๆ อย่าง จากวิกฤติครั้งนี้
1. อย่าฝืนแนวโน้ม
2. เงินย่อมไหลจากที่มีผลตอบแทนต่ำ ไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
หุ้นหลายตัว ที่ vi ชอบถือกัน แรกๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ลง
แต่สุดท้ายก็ฝืนข้อ 1 และ 2 ไม่ได้
ตัวอย่าง ณ ราคาวันนี้
- makro
1. อย่าฝืนแนวโน้ม
2. เงินย่อมไหลจากที่มีผลตอบแทนต่ำ ไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
หุ้นหลายตัว ที่ vi ชอบถือกัน แรกๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ลง
แต่สุดท้ายก็ฝืนข้อ 1 และ 2 ไม่ได้
ตัวอย่าง ณ ราคาวันนี้
- makro
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 27
ขอแนะนำให้มอบตัวกับ ผบ. ทบ. แล้วเข้าวัดเข้าวาสงบจิตสงบใจครับ...
ผมว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจนะ... เมื่อก่อนหุ้นผมตก นั่งเครียด ไม่กล้าบอกใคร...
แต่ 2-3 วันมานี้ หุ้นตก แต่กลับอารมณ์ดีร้องเพลงจนคนในที่ทำงานงงว่าอารมณ์ดีอะไรนักหนา...
เราก็แค่มองสถานการณ์ในขณะนี้ว่าเป็นโอกาสลงทุนที่ดีที่สุดในรอบสิบปี โอากาสในการลงทุนเพิ่มก็มาก โอกาสในการปรับพอร์ตจากการที่หุ้นตัวอื่น(ที่น่าสนใจ) ตกมากกว่าหุ้นของเรา และมี up-side gain มากกว่าก็เยอะ
ที่สำคัญกิจการของคุณ Poppo เลือกมาก็เป็นกิจการที่แข็งแกร่งดีอยู่แล้ว เป็นหุ้นที่ผมเชื่อว่าซื้อแล้วไม่ต้องดูราคาไปอีก 5 ปี แต่ก็ยังได้รับผลตอบแทนที่ดีจากปันผลได้สบายๆ
เอาใจช่วยนะครับ... สำคัญที่สุด... อย่าถอดใจเลิกลงทุนในหุ้นไปก็พอ
ผมว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตใจนะ... เมื่อก่อนหุ้นผมตก นั่งเครียด ไม่กล้าบอกใคร...
แต่ 2-3 วันมานี้ หุ้นตก แต่กลับอารมณ์ดีร้องเพลงจนคนในที่ทำงานงงว่าอารมณ์ดีอะไรนักหนา...
เราก็แค่มองสถานการณ์ในขณะนี้ว่าเป็นโอกาสลงทุนที่ดีที่สุดในรอบสิบปี โอากาสในการลงทุนเพิ่มก็มาก โอกาสในการปรับพอร์ตจากการที่หุ้นตัวอื่น(ที่น่าสนใจ) ตกมากกว่าหุ้นของเรา และมี up-side gain มากกว่าก็เยอะ
ที่สำคัญกิจการของคุณ Poppo เลือกมาก็เป็นกิจการที่แข็งแกร่งดีอยู่แล้ว เป็นหุ้นที่ผมเชื่อว่าซื้อแล้วไม่ต้องดูราคาไปอีก 5 ปี แต่ก็ยังได้รับผลตอบแทนที่ดีจากปันผลได้สบายๆ
เอาใจช่วยนะครับ... สำคัญที่สุด... อย่าถอดใจเลิกลงทุนในหุ้นไปก็พอ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 28
คุณหมอครับ
ถ้าเราลงทุนโดยไม่หวังเพื่อที่จะขายให้ใครซักคนในราคาที่สูงขึ้นในอนาคตก็คงไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจว่าราคาตกจริงไหมครับ (แต่คนที่เล่นหุ้นส่วนใหญ่มักจะหวังเป็นหลัก)
เราควรที่จะหวังผลตอบแทนจากการดำเนินกิจการโดยตรงจากบริษัทครับ
และถ้าเราซื้อโดยมีราคาที่ต่ำพอประมาณ เช่น ตอนซื้อที่ P/E 5 เท่า มีปันผล 10% มีกระแสเงินสดอิสระปีละ 20%
ถ้าราคาหุ้นตกลงครึ่งหนึ่ง แต่ผลประกอบยังดี เติบโตต่อเนื่อง P/E1 จะเหลือแค่ 2.50 เท่า ปันผลเพิ่มเป็น 20% กระแสเงินสดอิสระเพิ่มเป็น 40% ก็ให้รู้ไป
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเวลาตื่นตระหนก นายตลาดก็ตื่นตูม ขาดความมั่นใจ พาลคิดว่าผลประกอบการในอนาคตของบริษัทอาจจะแย่ลงมากๆ
ดังนั้นจุดสำคัญที่สุดก็คือ ผลประกอบการของบริษัทยังคงดีอยู่หรือไม่ ถ้ายังดีอยู่ แล้วราคาที่เราซื้อมีราคาต่ำพอควรดังที่พูดไว้ข้างบน
เมื่อผลประกอบการออกมาดี ราคาก็คงค่อยๆขึ้นกลับไปเอง ถ้าไม่ขึ้นเราก็ไม่เดือดร้อน มีเงินเหลือก็จะได้ซื้อเพิ่มในราคาถูกๆ
หลายคนเพิ่งเข้ามาเริ่มลงทุน ไม่ทันช่วงดัชนี 200 จุด บ่นเสียดายเมื่อเห็นราคาหุ้นช่วงนั้นถูกมากๆ แล้วตอนนี้ละครับราคาเป็นยังไง
จุดที่พลาดของคุณหมอ น่าจะเป็น MOS ที่น้อยเกินไป รีบร้อนที่จะลงทุนเกินไป หลายปีแล้วที่ผมไม่ได้ซื้อหุ้นเลย เพราะอะไร
สิ่งที่ผมทำตอนนี้ก็คือ โทรศัพท์ไปสอบถามที่บริษัทว่าผลการดำเนินงานยังคงดีเหมือนเดิมหรือไม่ ได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่า
หวังว่าคงดีขึ้นนะครับ
ถ้าเราลงทุนโดยไม่หวังเพื่อที่จะขายให้ใครซักคนในราคาที่สูงขึ้นในอนาคตก็คงไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจว่าราคาตกจริงไหมครับ (แต่คนที่เล่นหุ้นส่วนใหญ่มักจะหวังเป็นหลัก)
เราควรที่จะหวังผลตอบแทนจากการดำเนินกิจการโดยตรงจากบริษัทครับ
และถ้าเราซื้อโดยมีราคาที่ต่ำพอประมาณ เช่น ตอนซื้อที่ P/E 5 เท่า มีปันผล 10% มีกระแสเงินสดอิสระปีละ 20%
ถ้าราคาหุ้นตกลงครึ่งหนึ่ง แต่ผลประกอบยังดี เติบโตต่อเนื่อง P/E1 จะเหลือแค่ 2.50 เท่า ปันผลเพิ่มเป็น 20% กระแสเงินสดอิสระเพิ่มเป็น 40% ก็ให้รู้ไป
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเวลาตื่นตระหนก นายตลาดก็ตื่นตูม ขาดความมั่นใจ พาลคิดว่าผลประกอบการในอนาคตของบริษัทอาจจะแย่ลงมากๆ
ดังนั้นจุดสำคัญที่สุดก็คือ ผลประกอบการของบริษัทยังคงดีอยู่หรือไม่ ถ้ายังดีอยู่ แล้วราคาที่เราซื้อมีราคาต่ำพอควรดังที่พูดไว้ข้างบน
เมื่อผลประกอบการออกมาดี ราคาก็คงค่อยๆขึ้นกลับไปเอง ถ้าไม่ขึ้นเราก็ไม่เดือดร้อน มีเงินเหลือก็จะได้ซื้อเพิ่มในราคาถูกๆ
หลายคนเพิ่งเข้ามาเริ่มลงทุน ไม่ทันช่วงดัชนี 200 จุด บ่นเสียดายเมื่อเห็นราคาหุ้นช่วงนั้นถูกมากๆ แล้วตอนนี้ละครับราคาเป็นยังไง
จุดที่พลาดของคุณหมอ น่าจะเป็น MOS ที่น้อยเกินไป รีบร้อนที่จะลงทุนเกินไป หลายปีแล้วที่ผมไม่ได้ซื้อหุ้นเลย เพราะอะไร
สิ่งที่ผมทำตอนนี้ก็คือ โทรศัพท์ไปสอบถามที่บริษัทว่าผลการดำเนินงานยังคงดีเหมือนเดิมหรือไม่ ได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่า
หวังว่าคงดีขึ้นนะครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
+++คนตายขอพูดหน่อยครับ+++
โพสต์ที่ 29
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ดิฉันชอบเพลงนี้มากเลย เขาแต่งเก่ง คนร้องก็ได้อารมณ์ มีความหมายอย่างลึกซึ้ง และกว้างขวางเหลือเกิน
ดิฉันชอบท่อนนี้มาก...
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
ตามความคิด สติ เราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
...มันเป็นประโยคพื้นๆ คำพูดเก่าแก่ ได้ยินกันบ่อยๆทั่วไป แต่มักจะแค่ผ่านเข้าหูเรา โดยเราไม่ลึกซึ้งกับความหมายของมันอย่างแท้จริง จนกว่าจะมีจุดวิกฤต จุดเปลี่ยนอะไรซักอย่างกับชีวิต แล้วมันจะลึกซึ้งได้เองโดยง่าย
พี่ poppo คะ ...
ชีวิตพี่ไม่ได้มีแค่หุ้นหรอกค่ะ พี่มีครอบครัว พี่มีงานการทำ พี่ยังมีอะไรต่อมิอะไรที่อาจจะมากมายกว่าคนอีกหลายคนนัก
การลงทุนไปแล้วผิดพลาดหรือเสียหายอะไรก็ตาม เป็นแค่เรื่องกระผีกเล็กๆเรื่องนึงในชีวิตเท่านั้นค่ะ
ไม่มีอะไรมากนะคะ แค่อยากสะกิดใจพี่นิดนุง ไม่อยากให้พี่ผูกโยงปัญหาไปใหญ่โตเกินไป
ถ้าพี่อารมณ์ดีขึ้นแล้วหลังจากช่วงนี้ผ่านไป พี่อาจจะเข้าใจได้ว่า กะอีแค่เรื่องหุ้น มันไม่สมควรมีอำนาจกดดันสภาวะจิตใจของพี่ได้เลย ค่ะ
เนอะ
ดิฉันชอบเพลงนี้มากเลย เขาแต่งเก่ง คนร้องก็ได้อารมณ์ มีความหมายอย่างลึกซึ้ง และกว้างขวางเหลือเกิน
ดิฉันชอบท่อนนี้มาก...
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน
ตามความคิด สติ เราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
...มันเป็นประโยคพื้นๆ คำพูดเก่าแก่ ได้ยินกันบ่อยๆทั่วไป แต่มักจะแค่ผ่านเข้าหูเรา โดยเราไม่ลึกซึ้งกับความหมายของมันอย่างแท้จริง จนกว่าจะมีจุดวิกฤต จุดเปลี่ยนอะไรซักอย่างกับชีวิต แล้วมันจะลึกซึ้งได้เองโดยง่าย
พี่ poppo คะ ...
ชีวิตพี่ไม่ได้มีแค่หุ้นหรอกค่ะ พี่มีครอบครัว พี่มีงานการทำ พี่ยังมีอะไรต่อมิอะไรที่อาจจะมากมายกว่าคนอีกหลายคนนัก
การลงทุนไปแล้วผิดพลาดหรือเสียหายอะไรก็ตาม เป็นแค่เรื่องกระผีกเล็กๆเรื่องนึงในชีวิตเท่านั้นค่ะ
ไม่มีอะไรมากนะคะ แค่อยากสะกิดใจพี่นิดนุง ไม่อยากให้พี่ผูกโยงปัญหาไปใหญ่โตเกินไป
ถ้าพี่อารมณ์ดีขึ้นแล้วหลังจากช่วงนี้ผ่านไป พี่อาจจะเข้าใจได้ว่า กะอีแค่เรื่องหุ้น มันไม่สมควรมีอำนาจกดดันสภาวะจิตใจของพี่ได้เลย ค่ะ
เนอะ