ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2494
- ผู้ติดตาม: 2
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 1
"ถ้าเห็นหุ้นตัวเองลดลง 50% ไม่ได้ อย่าลงทุนในตลาดหุ้น"
ทุกคนคงเคยได้ยินได้อ่าน ประโยคทองนี้ แต่อาจจะไม่มีโอกาสได้ทดสอบตัวเองในภาวะตลาดปกติ
มาถึงวันนี้ ท่านที่ยังถือหุ้นอยู่ จงภูมิใจได้เลยว่า ท่านได้ผ่านบททดสอบนี้แล้ว :lol:
UMS ทำให้ผมผ่านบททดสอบนี้ และจะมีตัวอื่นๆตามมาติดๆ
ใครถืออะไรทนบ้างครับ ร่วมประกวดกันหน่อย :8)
ทุกคนคงเคยได้ยินได้อ่าน ประโยคทองนี้ แต่อาจจะไม่มีโอกาสได้ทดสอบตัวเองในภาวะตลาดปกติ
มาถึงวันนี้ ท่านที่ยังถือหุ้นอยู่ จงภูมิใจได้เลยว่า ท่านได้ผ่านบททดสอบนี้แล้ว :lol:
UMS ทำให้ผมผ่านบททดสอบนี้ และจะมีตัวอื่นๆตามมาติดๆ
ใครถืออะไรทนบ้างครับ ร่วมประกวดกันหน่อย :8)
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 4
"ถ้าเห็นหุ้นตัวเองลดลง 50% ไม่ได้ อย่าลงทุนในตลาดหุ้น"
ผมจำไม่ได้ว่าพี่อะไรเคยพูดไว้ แต่ผมจำคำพูดนี้ได้มาถึงวันนี้
ประมาณว่า
ท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์ หรือ เปล่า ถ้าท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็จงถือทนไปแบบบัฟเฟตต์ แต่หากท่านไม่ได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็อย่าหลอกตัวเองด้วยคำพูดแบบนี้
ผมชอบมากเลยเอามาเล่าให้ฟัง
ผมจำไม่ได้ว่าพี่อะไรเคยพูดไว้ แต่ผมจำคำพูดนี้ได้มาถึงวันนี้
ประมาณว่า
ท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์ หรือ เปล่า ถ้าท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็จงถือทนไปแบบบัฟเฟตต์ แต่หากท่านไม่ได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็อย่าหลอกตัวเองด้วยคำพูดแบบนี้
ผมชอบมากเลยเอามาเล่าให้ฟัง
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 5
ผมไม่ได้เลือกแบบบัฟเฟตครับ อิอิ เลือกแบบตัวเองชอบfrog2 เขียน:"ถ้าเห็นหุ้นตัวเองลดลง 50% ไม่ได้ อย่าลงทุนในตลาดหุ้น"
ผมจำไม่ได้ว่าพี่อะไรเคยพูดไว้ แต่ผมจำคำพูดนี้ได้มาถึงวันนี้
ประมาณว่า
ท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์ หรือ เปล่า ถ้าท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็จงถือทนไปแบบบัฟเฟตต์ แต่หากท่านไม่ได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็อย่าหลอกตัวเองด้วยคำพูดแบบนี้
ผมชอบมากเลยเอามาเล่าให้ฟัง
ก็เลยมีกฎตั้งเองอยู่ว่า "ถ้าเห็นหุ้นตัวเองลดลง 90% ไม่ได้ ก็อย่าลงทุนในตลาดหุ้น"
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมขาดทุนเท่าไหร่ ผมก็ไม่เป็นไร อิอิ :lol:
ปล.แซวเล่นค้าบ :lol:
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 6
ส่วนตัวผมเลือกหุ้นแนว Lynch 70% (growth) - Buffett 30% (value) น่ะครับ ซึ่งจะว่าไปก็มีพื้นฐานคล้ายๆกันคือ ง่ายๆ น่าเบื่อๆ คนโง่ที่ไหนก็เข้าใจได้ แต่จะติดก็ตรงคงไม่ได้ซื้อที่ราคาสุดถูกแบบที่ Buffett ทำ
แต่ถ้าเป็นเงื่อนไข 50% นี่ผมก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ล่ะสิเนี่ย
แต่ถ้าเป็นเงื่อนไข 50% นี่ผมก็ยังไม่ผ่านเกณฑ์ล่ะสิเนี่ย
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 7
บททดสอบที่สำคัญ
จงกลัวเมื่อคนอื่น ๆ กำลังโลภ
จงโลภ เมื่อคนอื่น ๆ กำลังกลัวสุดขีด
เวลาอ่านหนังสือแล้ว ดูเหมือนง่าย เห็น ๆ อยู่ว่า มูลค่าหุ้นพื้นฐานเทียบกับราคาหุ้นเป็นอย่างไร
แต่เวลามีจิตวิทยามวลชนส่วนใหญ่มองไปในทางน่ากลัวไปหมด คาดหวังเหตุการณ์เลวร้าย ๆ หมด ขายแบบไม่กลัวขาดทุนกัน ไม่ต้องดูพื้นฐาน เห็นคนอื่น ๆ ขาย ก็อยากขายบ้าง กลัวจะขายไม่ทัน แล้วก็ขายจนเพลินไปหมดครับ
โดยลืมนึกถึง อัตราส่วนของมูลค่าที่จะลดลงต่อจากนี้ เทียบกับ โอกาสของผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคต อัตราส่วนจะเป็นอย่างไร
สมมุติว่า มองแบบคนที่ไม่มองพื้นฐาน ขาย ๆ ไปจนเพลิน แล้วจะเกิดอะไรต่อจากนี้ครับ
ลองดูระดับการลดลงนะครับ
อินเด็กซ์ตลาดตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 450 จุด ลดมาจาก 800 กว่าจุดมาแล้วภายในไม่กี่เดือน เกือบร้อบละ 50 วันนี้ก็ยังลงอีก และถ้าหากเอาแบบเลวร้ายสุด ๆ เหมือนวันนี้คือลดไปเลยวันละ 40 จุด อีกแค่ 11 วันเท่านั้น (ไม่ต้องไปดูจอให้ตื่นเต้น) อินเด็กซ์ก็จะมีลิมิตเข้าใกล้ 0 ไปทุกทีครับ
ความเสี่ยง ดาวน์ไซด์ ก็จะเป็น 0 ในที่สุด (ทางทฤษฎ๊) แต่ อัฟไซด์ไม่มีที่สิ้นสุดครับ เพราะอย่างไรอินเด็กซ์ก็ไม่มีทางติดลบ แต่จุดที่จะบวกขึ้นไป อาจเป็น 100 500 1000 หรือ 10000 เป็นไปได้ครับในอนาคตไกล ๆ ข้างหน้า
อันนี้เป็นทฤษฎีกรณีเลวร้ายสุด ๆ คือมูลค่าหุ้นทุกตัวในตลาดเป็น 0 ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้น อย่างมากหุ้นที่ถืออยู่ก็เป็น 0 ไม่มีการจ่ายเพิ่มส่วนที่ติดลบอย่างแน่นอนครับ
คนชอลต์เซลล์ไปเรื่อย ๆ หรือยืมหุ้นคนอื่น ๆ ขายไปเรื่อย ๆ หรือคนจะล้างหุ้นล้างพอร์ตออกไปจนหมด ก็จะต้องมีวันสิ้นสุดการลงอย่างแน่นอนเช่นกันครับ
แต่ในความเป็นจริง อินเด็กซ์ของเราไม่น่าจะลงถึงระดับ 0 ครับ เพราะหุ้นในตลาดยังมีมูลค่าหุ้นของมันอยู่ครับ ซึ่งต่างจากการพนันที่เราอาจหมดตัวหรือติดลบได้จริง ๆ (ยกเว้นคนไปเล่นมาร์จิน หรือกู้ยืมเงินมา หรือไปเล่นอนุพันธ์ แบบนี้ก็ติดลบได้ แต่หากเราถือหุ้น อย่างมากก็คือกระดาษเปล่า ไม่มีหนี้สินกลับไปแน่นอนครับ)
ในอดีต สถิติที่เลวร้ายในช่วง 10 กว่าปีนี้ เช่นช่วงปี 40 อย่างมากก็ลงไปจนเหลือประมาณ 200 จุด ก็ประมาณอีกร้อยละ 40 -50 จากอินเด็กซ์ปัจจุบันครับ
ถ้าลงในอัตรา 40 จุด ก็จะเท่ากับ 5 วันหรือ 1 สัปดาห์เท่านั้นเอง อิ อิ
ดังนั้น คนขายก็อย่าขายเพลินไป หรือเล่นฟิวเจอร์ชอล์ตจนเพลิน เห็นหุ้นลงหนัก ๆ เลยชอล์ตไปเรื่อยๆ ครับ เพราะนึกว่าอินเด็กว์จะติดลบได้นะครับ ระวังขายเพลินไปลืมนึกถึงข้อเท็จริงตามนี้ เดี๋ยวจะไล่ซื้อกลับแทบไม่ทันนะครับ
ต่างกับดัชนีดาวน์โจนน์ หรือดัชนีของประเทศอื่น ๆ หลายประเทศที่อยุ่ระดับ หมื่นจุด หรือ พันกว่าจุด แบบนี้ยังมีโอกาสลงได้อีกมากครับ เพราะเส้นทางเดินยังอีกยาวไกล เช่นดาวน์โจนส์ลง 500 จุดเอาแบบเลวร้ายสุด ลงทุกวันนะครับ เทียบกับกับ อินเด็กซ์ประมาณ 10000 จุด แบบนี้ก็ประมาณ 20 วันครับ ก็ยังมากกว่าของประเทศไทย 2 เท่าครับ
เป็นความโชคดีหรือไม่ก็ตามที่อินเด็กซ์บ้านเราอยู่ในระดับต่ำ มาก แถม พีอีก็ค่อนข้างต่ำ ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่ำกว่า 1 เท่าไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัวแล้ว แถมปันผลขณะนี้ค่าเฉลี่ยในตลาดเกือบร้อยละ 6 แต่บางตัวเกินร้อยละ 10 ไปไม่รู้ต่อกี่ตัวแล้ว
และบางตัวยังจ่ายปันผลไปรายไตรมาส รายครึ่งปี หรือใกล้ ๆ ก็จะจ่ายปันผลปีละครั้งถือไม่ถึงครึ่งปี ก็จะได้ปันผลแล้ว และผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกหลาย ๆ ตัวก็ยังทำกำไรได้ดีอยู่หลายตัวก็มีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น และหลายๆ ตัวก็ประกาศจ่ายปันผลกันจำนวนมากแล้ว
แล้วลองไปดูอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของทุนในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ก็ดีขึ้นกว่าปี 40 ค่อนข้างมากจนทำให้อัตราส่วนอินเตอร์เรทคอฟปอร์เรทเรโชว์ หรืออัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรเพื่อจ่ายชำระดอกเบี้ยและเงินต้นของทั้งตลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 8 เท่ากว่า ๆ ไปแล้ว ทำให้ดาวน์ไซด์ต่อจากนี้จะยิ่งแคบลงเรื่อยๆ เมื่อแคบลงจนถึงจุดนัดพบ แรงขาย ๆ ก็จะค่อย ๆ หมดไปในที่สุดครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาหุ้นที่ไหนมาขายได้อีกแล้วครับ
เพราะอย่างไรการลงของหุ้น อย่างมากก็ลิมิตเข้าใกล้ 0 มากที่สุด ไม่มีติดลบแน่นอนครับ
หุ้นมีขึ้นได้ ก็มีลงได้ ขึ้นแรง ๆ ได้ ก็ต้องลงแรง ๆ ได้เช่นกัน แต่หุ้นก็ต้องมีวันขึ้นและวันลงของมันอยู่อย่างนั้นครับ แต่ซื้อหรือดันหุ้นขึ้นไปแรง ๆ หมดแรง ก็ต้องขาย หรือขายไปมาก ๆ จนหมดแรงขาย เดี๋ยวก็ต้องมีแรงซื้อกลับอยู่ดี เป็นวัฏจักรของมันอยู่อย่างนั้น
เราลองดูซิครับตอนหุ้นลง ๆ ก็มีคนทะยอยซื้อหุ้นเก็บไปเรื่อยๆ ยิ่งลงมาก ก็จะใช้เงินจำนวนน้อยลงแต่สามารถซื้อหุ้นได้จำนวนมากตัวขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้หุ้นเหล่านี้ไปอยู่ที่ใครบ้าง มีคนขายก็ต้องมีคนซื้อทุกวันครับ
ดังนั้น คนถือหุ้นอยู่ ก็คงอดทนอีกหน่อย แค่ 1 สัปดาห์กรณ๊เลวร้ายสุด ๆ ถ้าลงในอัตราขนาดนี้ครับ ต่อจากนั้น ก็จะนิ่ง ๆ ไปอีกสักพัก หรือเกิดพวกขายชอล์ตออกไป ก็อาจต้องซื้อค้นกลับมาเพราะหมดแรงขายครับ
:lol: :lol:
จงกลัวเมื่อคนอื่น ๆ กำลังโลภ
จงโลภ เมื่อคนอื่น ๆ กำลังกลัวสุดขีด
เวลาอ่านหนังสือแล้ว ดูเหมือนง่าย เห็น ๆ อยู่ว่า มูลค่าหุ้นพื้นฐานเทียบกับราคาหุ้นเป็นอย่างไร
แต่เวลามีจิตวิทยามวลชนส่วนใหญ่มองไปในทางน่ากลัวไปหมด คาดหวังเหตุการณ์เลวร้าย ๆ หมด ขายแบบไม่กลัวขาดทุนกัน ไม่ต้องดูพื้นฐาน เห็นคนอื่น ๆ ขาย ก็อยากขายบ้าง กลัวจะขายไม่ทัน แล้วก็ขายจนเพลินไปหมดครับ
โดยลืมนึกถึง อัตราส่วนของมูลค่าที่จะลดลงต่อจากนี้ เทียบกับ โอกาสของผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคต อัตราส่วนจะเป็นอย่างไร
สมมุติว่า มองแบบคนที่ไม่มองพื้นฐาน ขาย ๆ ไปจนเพลิน แล้วจะเกิดอะไรต่อจากนี้ครับ
ลองดูระดับการลดลงนะครับ
อินเด็กซ์ตลาดตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 450 จุด ลดมาจาก 800 กว่าจุดมาแล้วภายในไม่กี่เดือน เกือบร้อบละ 50 วันนี้ก็ยังลงอีก และถ้าหากเอาแบบเลวร้ายสุด ๆ เหมือนวันนี้คือลดไปเลยวันละ 40 จุด อีกแค่ 11 วันเท่านั้น (ไม่ต้องไปดูจอให้ตื่นเต้น) อินเด็กซ์ก็จะมีลิมิตเข้าใกล้ 0 ไปทุกทีครับ
ความเสี่ยง ดาวน์ไซด์ ก็จะเป็น 0 ในที่สุด (ทางทฤษฎ๊) แต่ อัฟไซด์ไม่มีที่สิ้นสุดครับ เพราะอย่างไรอินเด็กซ์ก็ไม่มีทางติดลบ แต่จุดที่จะบวกขึ้นไป อาจเป็น 100 500 1000 หรือ 10000 เป็นไปได้ครับในอนาคตไกล ๆ ข้างหน้า
อันนี้เป็นทฤษฎีกรณีเลวร้ายสุด ๆ คือมูลค่าหุ้นทุกตัวในตลาดเป็น 0 ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้น อย่างมากหุ้นที่ถืออยู่ก็เป็น 0 ไม่มีการจ่ายเพิ่มส่วนที่ติดลบอย่างแน่นอนครับ
คนชอลต์เซลล์ไปเรื่อย ๆ หรือยืมหุ้นคนอื่น ๆ ขายไปเรื่อย ๆ หรือคนจะล้างหุ้นล้างพอร์ตออกไปจนหมด ก็จะต้องมีวันสิ้นสุดการลงอย่างแน่นอนเช่นกันครับ
แต่ในความเป็นจริง อินเด็กซ์ของเราไม่น่าจะลงถึงระดับ 0 ครับ เพราะหุ้นในตลาดยังมีมูลค่าหุ้นของมันอยู่ครับ ซึ่งต่างจากการพนันที่เราอาจหมดตัวหรือติดลบได้จริง ๆ (ยกเว้นคนไปเล่นมาร์จิน หรือกู้ยืมเงินมา หรือไปเล่นอนุพันธ์ แบบนี้ก็ติดลบได้ แต่หากเราถือหุ้น อย่างมากก็คือกระดาษเปล่า ไม่มีหนี้สินกลับไปแน่นอนครับ)
ในอดีต สถิติที่เลวร้ายในช่วง 10 กว่าปีนี้ เช่นช่วงปี 40 อย่างมากก็ลงไปจนเหลือประมาณ 200 จุด ก็ประมาณอีกร้อยละ 40 -50 จากอินเด็กซ์ปัจจุบันครับ
ถ้าลงในอัตรา 40 จุด ก็จะเท่ากับ 5 วันหรือ 1 สัปดาห์เท่านั้นเอง อิ อิ
ดังนั้น คนขายก็อย่าขายเพลินไป หรือเล่นฟิวเจอร์ชอล์ตจนเพลิน เห็นหุ้นลงหนัก ๆ เลยชอล์ตไปเรื่อยๆ ครับ เพราะนึกว่าอินเด็กว์จะติดลบได้นะครับ ระวังขายเพลินไปลืมนึกถึงข้อเท็จริงตามนี้ เดี๋ยวจะไล่ซื้อกลับแทบไม่ทันนะครับ
ต่างกับดัชนีดาวน์โจนน์ หรือดัชนีของประเทศอื่น ๆ หลายประเทศที่อยุ่ระดับ หมื่นจุด หรือ พันกว่าจุด แบบนี้ยังมีโอกาสลงได้อีกมากครับ เพราะเส้นทางเดินยังอีกยาวไกล เช่นดาวน์โจนส์ลง 500 จุดเอาแบบเลวร้ายสุด ลงทุกวันนะครับ เทียบกับกับ อินเด็กซ์ประมาณ 10000 จุด แบบนี้ก็ประมาณ 20 วันครับ ก็ยังมากกว่าของประเทศไทย 2 เท่าครับ
เป็นความโชคดีหรือไม่ก็ตามที่อินเด็กซ์บ้านเราอยู่ในระดับต่ำ มาก แถม พีอีก็ค่อนข้างต่ำ ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่ำกว่า 1 เท่าไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัวแล้ว แถมปันผลขณะนี้ค่าเฉลี่ยในตลาดเกือบร้อยละ 6 แต่บางตัวเกินร้อยละ 10 ไปไม่รู้ต่อกี่ตัวแล้ว
และบางตัวยังจ่ายปันผลไปรายไตรมาส รายครึ่งปี หรือใกล้ ๆ ก็จะจ่ายปันผลปีละครั้งถือไม่ถึงครึ่งปี ก็จะได้ปันผลแล้ว และผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกหลาย ๆ ตัวก็ยังทำกำไรได้ดีอยู่หลายตัวก็มีอัตราการทำกำไรที่สูงขึ้น และหลายๆ ตัวก็ประกาศจ่ายปันผลกันจำนวนมากแล้ว
แล้วลองไปดูอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของทุนในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ก็ดีขึ้นกว่าปี 40 ค่อนข้างมากจนทำให้อัตราส่วนอินเตอร์เรทคอฟปอร์เรทเรโชว์ หรืออัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรเพื่อจ่ายชำระดอกเบี้ยและเงินต้นของทั้งตลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 8 เท่ากว่า ๆ ไปแล้ว ทำให้ดาวน์ไซด์ต่อจากนี้จะยิ่งแคบลงเรื่อยๆ เมื่อแคบลงจนถึงจุดนัดพบ แรงขาย ๆ ก็จะค่อย ๆ หมดไปในที่สุดครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาหุ้นที่ไหนมาขายได้อีกแล้วครับ
เพราะอย่างไรการลงของหุ้น อย่างมากก็ลิมิตเข้าใกล้ 0 มากที่สุด ไม่มีติดลบแน่นอนครับ
หุ้นมีขึ้นได้ ก็มีลงได้ ขึ้นแรง ๆ ได้ ก็ต้องลงแรง ๆ ได้เช่นกัน แต่หุ้นก็ต้องมีวันขึ้นและวันลงของมันอยู่อย่างนั้นครับ แต่ซื้อหรือดันหุ้นขึ้นไปแรง ๆ หมดแรง ก็ต้องขาย หรือขายไปมาก ๆ จนหมดแรงขาย เดี๋ยวก็ต้องมีแรงซื้อกลับอยู่ดี เป็นวัฏจักรของมันอยู่อย่างนั้น
เราลองดูซิครับตอนหุ้นลง ๆ ก็มีคนทะยอยซื้อหุ้นเก็บไปเรื่อยๆ ยิ่งลงมาก ก็จะใช้เงินจำนวนน้อยลงแต่สามารถซื้อหุ้นได้จำนวนมากตัวขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้หุ้นเหล่านี้ไปอยู่ที่ใครบ้าง มีคนขายก็ต้องมีคนซื้อทุกวันครับ
ดังนั้น คนถือหุ้นอยู่ ก็คงอดทนอีกหน่อย แค่ 1 สัปดาห์กรณ๊เลวร้ายสุด ๆ ถ้าลงในอัตราขนาดนี้ครับ ต่อจากนั้น ก็จะนิ่ง ๆ ไปอีกสักพัก หรือเกิดพวกขายชอล์ตออกไป ก็อาจต้องซื้อค้นกลับมาเพราะหมดแรงขายครับ
:lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 912
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 11
ผมก็พยายามเลือกแบบบัฟเฟตต์นะ แต่สงสัยเราจะไม่รอบคอบเหมือนปู่น่ะจิ :oops:frog2 เขียน:"ถ้าเห็นหุ้นตัวเองลดลง 50% ไม่ได้ อย่าลงทุนในตลาดหุ้น"
ผมจำไม่ได้ว่าพี่อะไรเคยพูดไว้ แต่ผมจำคำพูดนี้ได้มาถึงวันนี้
ประมาณว่า
ท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์ หรือ เปล่า ถ้าท่านได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็จงถือทนไปแบบบัฟเฟตต์ แต่หากท่านไม่ได้เลือกหุ้นแบบบัฟเฟตต์
ก็อย่าหลอกตัวเองด้วยคำพูดแบบนี้
ผมชอบมากเลยเอามาเล่าให้ฟัง
ในยามลมแรง แม้แต่ไก่งวงยังบินได้
แต่เมื่อยามลมพัดหวน ผู้ที่อยู่รอดนั้่นคือพญาอินทรี
แต่เมื่อยามลมพัดหวน ผู้ที่อยู่รอดนั้่นคือพญาอินทรี
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 12
น้อง house ยังเป็น VI ที่ดีเหมือนเคยนะครับ
ตั้งแต่พี่เริ่มลงทุน พี่ก็เห็น house เป็นแบบนี้เสทอ
ไม่ซื้อหรอกครับพี่ ผมมีเงินเท่านี้เอง ...ไม่โลภ ตามกระแส
ผมไม่ขายหรอกครับพี่ ... เพราะผมคิดว่า ธุรกิจมันดี
ขอยอมรับน้อง house จริงๆครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณคุณ thawattt ครับสำหรับข้อเตือนใจดีดี :)
ตอนนี้ ผมก็กลับมานั่งทบทวนบริษัทที่เราลงทุน และบริษัทที่เรากำลังเลือกที่จะลงทุนเพิ่มว่า หากสภาพเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ต่อไป บริษัทจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ผมจะไม่ซื้อหรือขายเพียงเพราะราคาที่ Mr.Market วิ่งมาเสนอทุกวันเท่านั้น ตอนนี้ ผมได้แต่หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผมจะรู้สึกภูมิใจว่า ในอดีต ในวันที่ตลาดหุ้นเลวร้าย ผมคงไม่ได้ทำสิ่งใดที่โง่ๆลงไปครับ
ตอนนี้ ผมก็กลับมานั่งทบทวนบริษัทที่เราลงทุน และบริษัทที่เรากำลังเลือกที่จะลงทุนเพิ่มว่า หากสภาพเศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ต่อไป บริษัทจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ผมจะไม่ซื้อหรือขายเพียงเพราะราคาที่ Mr.Market วิ่งมาเสนอทุกวันเท่านั้น ตอนนี้ ผมได้แต่หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผมจะรู้สึกภูมิใจว่า ในอดีต ในวันที่ตลาดหุ้นเลวร้าย ผมคงไม่ได้ทำสิ่งใดที่โง่ๆลงไปครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 4395
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 14
เวลานี้เหมาะกับการค่อยๆซื้อของผม
เพราะผมไม่มีเวลานั่งเฝ้าหน้าจอทุกวัน
และผมไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ที่ไหน
ผมทำใจไม่ได้ที่จะซื้อหุ้นที่บวกไปกว่า30%แล้ว
แต่ผมลิงโลดใจที่ได้ซื้อหุ้นในฝันที่มีส่วนลดกว่า50%
สบายๆกับการลงทุนครับ
เพราะผมไม่มีเวลานั่งเฝ้าหน้าจอทุกวัน
และผมไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ที่ไหน
ผมทำใจไม่ได้ที่จะซื้อหุ้นที่บวกไปกว่า30%แล้ว
แต่ผมลิงโลดใจที่ได้ซื้อหุ้นในฝันที่มีส่วนลดกว่า50%
สบายๆกับการลงทุนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 15
yoko เขียน:เวลานี้เหมาะกับการค่อยๆซื้อของผม
เพราะผมไม่มีเวลานั่งเฝ้าหน้าจอทุกวัน
และผมไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ที่ไหน
ผมทำใจไม่ได้ที่จะซื้อหุ้นที่บวกไปกว่า30%แล้ว
แต่ผมลิงโลดใจที่ได้ซื้อหุ้นในฝันที่มีส่วนลดกว่า50%
สบายๆกับการลงทุนครับ
คิดเหมือนกันเลยครับท่าน
- thiroil
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
ขอแสดงความยินดีกับท่าน ที่ผ่านบททดสอบสำคัญ
โพสต์ที่ 16
ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในบ่อเพชร บ่อพลอย บ่อทอง เลยครับ แต่อยู่ต่ำเกินกว่าจะใช้มือขุดขึ้นมาได้ กำลังหาอุปกรณ์ช่วยขุดครับ จะได้โกยออกไป ฮิฮิฮิ โอกาสที่รอคอย (ไม่ได้สนใจหุ้นในพอร์ตเลยครับ มันจะเป็นไงช่างมัน รู้อย่างเดี่ยว ตกบ่อเพชร บ่อพลอย บ่อทองคำ แล้ว รอ รอ รอ เดี๋ยวก่อนเถอะ อีก 4-5 เป็นเศรษฐีก็คราวนี้แหละ 555555
0000