เย็นไว้............โยม
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 1
ช่วงนี้มีเพื่อนผมหลายคนที่เมื่อก่อนสบประมาทผมตอนที่ผมเล่นหุ้น บ้างก็ว่ามีกำไรแล้วให้รีบขาย บ้างก็ว่าเดียวก็หมดตัว น่ากลัวออก แต่ตอนนี้โทรมาหาผมเกียบทุกวันเพื่อให้ช่วยแนะนำหุ้นดีๆให้ เพราะกลัวเงินบูดในนาคาร
หากท่านเป็นผมท่านจะให้หุ้นเด็ด หรือ ให้วิธีคิดดีๆกับเขาครับ
หากท่านเป็นผมท่านจะให้หุ้นเด็ด หรือ ให้วิธีคิดดีๆกับเขาครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 54
- ผู้ติดตาม: 0
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 2
ผมไม่เกี่ยว เลยมองได้อย่างนี้ครับ
ให้สิ่งที่คิดว่า ดี
บอกในสิ่งที่เราคิดว่าถูก
อดีต ไม่ใช่เรื่องของ เขา หรือของเรา มันผ่านไปแล้วครับ
ไม่งั้น ทุกคนก็ขึ้นสวรรค์ หรือ นิพพานได้หมด ซิครับ เพราะพระเจ้าบอกสิ่งดีคนไม่เชื่อ ไม่รู้ว่าทำไม......กรรมแต่ละคนมีครับ
ผมว่า ให้สิ่งที่ถูกต้อง หรือที่เราว่าดีครับ
สุดยอด ของชีวิต คือการให้ครับ..........
แต่ผมว่า คนรับมีกรรมในตัวนะครับ
ให้สิ่งที่คิดว่า ดี
บอกในสิ่งที่เราคิดว่าถูก
อดีต ไม่ใช่เรื่องของ เขา หรือของเรา มันผ่านไปแล้วครับ
ไม่งั้น ทุกคนก็ขึ้นสวรรค์ หรือ นิพพานได้หมด ซิครับ เพราะพระเจ้าบอกสิ่งดีคนไม่เชื่อ ไม่รู้ว่าทำไม......กรรมแต่ละคนมีครับ
ผมว่า ให้สิ่งที่ถูกต้อง หรือที่เราว่าดีครับ
สุดยอด ของชีวิต คือการให้ครับ..........
แต่ผมว่า คนรับมีกรรมในตัวนะครับ
อยากเป็น VI
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 5
เห็นด้วยกับทุกท่านเลย
แต่ดูเหมือนว่า เพื่อน ๆ เหล่านั้นจะขาดความอดทนเหมือนกัน
อยากจะให้ฟันธงอยู่เรื่อย....
การที่ให้ทุกคนเข้าใจเรื่องลงทุนที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดี
แต่เราต้องใช้ความพยายามที่จะให้เขาเข้าใจเหมือนกัน
ได้ยินข่าวว่าคุณมนจะเปิดหลักสูตรอย่างง่าย ๆ
จะให้เพื่อนไปฟังด้วยคนครับ
แต่ดูเหมือนว่า เพื่อน ๆ เหล่านั้นจะขาดความอดทนเหมือนกัน
อยากจะให้ฟันธงอยู่เรื่อย....
การที่ให้ทุกคนเข้าใจเรื่องลงทุนที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่ดี
แต่เราต้องใช้ความพยายามที่จะให้เขาเข้าใจเหมือนกัน
ได้ยินข่าวว่าคุณมนจะเปิดหลักสูตรอย่างง่าย ๆ
จะให้เพื่อนไปฟังด้วยคนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 107
- ผู้ติดตาม: 0
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 6
ในขณะที่ตลาดหุ้นเริ่มสดใส ผู้คนมากมายก็เดินเข้าตลาดด้วยความหวัง ความหวังของแต่ละคนก็ต่างกันไป มากบ้างน้อยบ้างตามกิเลสของคน เมื่อมีคนมากหน้าหลายตา ข้อมูลข่าวสารก็เริ่มมากขึ้น นักวิเคราะห์เริ่มเนื้อหอม ใครๆก็อยากฟังความเห็น ใครๆก็อยากได้คำแนะนำ คำถามคำตอบเกิดขึ้นในสมอง ลองฟังดูเพลินๆนะครับ
แล้วทำไมเราถึงต้องฟังนักวิเคราะห์? ก็คงเนื่องจาก (1) เราไม่มีข้อมูลที่เขามี (2) เราวิเคราะห์ไม่เป็น (3) เราไม่มีเวลาพอที่จะวิเคราะห์หุ้นทั้งหมดได้ (4) หลายหัวดีกว่าหัวเดียว
เนื้อหาเชื่อได้แค่ไหน? ก็คงขึ้นอยู่กับความถูกต้องแม่นยำของนักวิเคราะห์นั้นๆ
แล้วเราจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ? นั่นสิน่ะ ก็ดูคนที่เขาพอมีหลักมีฐานมีผลงานที่ผ่านมามั้ง แต่สี่เท้ายังรู้พลาด กิ้งกือยังหกล้ม
ไม่เอาสิ เอาแน่ๆ? ถ้าจะให้แน่ ก็คงต้องเสียเหงื่อแล้วล่ะ ต้องทำการบ้านไง หลังจากได้บทวิเคราะห์แล้วเราก็ต้องมานั่งทำการบ้านต่อ มาดูว่าเขาคิดอะไรอย่างไร ถูกต้องแค่ไหน หาหลายๆที่มาเปรียบเทียบและสรุปเป็นความคิดเราเอง
คิดแล้วๆ ไม่เห็นจะต่างจากที่เขาเขียนเท่าไหร่เลย ไม่มีอะไรใหม่ เสียเวลาจริงๆ! ถ้างั้นลองมาเปรียบเทียบดูว่าก่อนและหลังเรื่องพวกนี้คุณรู้ต่างกันอย่างไร (1) ความรู้เรื่องธุรกิจของบริษัท (2) ความรู้เรื่องผลประกอบการ (3) การเคลื่อนไหวของราคา (4) ความสมเหตุสมผลของราคาเป้าหมาย (5) ราคาที่สมเหตุผลของเราเอง (6) ข้อมูลและแหล่งข้อมูลที่จะหาหลังจากที่ลงทุนไปแล้ว
ก็มีต่างบ้าง แล้วไงล่ะ? ก็พร้อมมากขึ้นไง สิ่งที่เราควรจะตอบให้ได้ก่อนซื้อคือ ข้อ (5) เพราะต้องใช้มันในการตัดสินใจซื้อ และการขายในอนาคต
ราคาที่สมเหตุผล คือหุ้นมันจะขึ้นไปที่ราคาเท่าไหร่เหรอ? ไม่เชิงนัก ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนถึงพื้นฐานของกิจการ บางทีก็สูงกว่า บางทีก็ต่ำกว่า ราคาที่สมเหตุผลต้องดูที่กิจการของบริษัท และสิ่งที่บริษัทจะคืนมาให้เรา เช่นปันผล เป็นต้น ราคาหุ้นที่ขึ้นมานั่นถือเป็นค่าเหนื่อยที่ถือนานนน
ราคาเป้าหมายที่เขาบอกก็มีเหตุผลดีนี่? ก็ถ้าเราได้คิดถี่ถ้วนแล้ว และคิดว่าราคาเป้าหมายที่เขาบอกนั้นถูกต้อง ก็เป็นสิ่งดี นั่นแสดงว่าเราเข้าใจในสิ่งที่เขาคิด อันนี้สำคัญ ถ้าเรารับแต่ข้อมูลโดยที่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่นั่นอันตราย
อันตรายยังไงเหรอ? ก็ไม่มีใครมานั่งบอกตั้งแต่ต้นจนจบได้น่ะสิ พอซื้อแล้วก็ตัวใครตัวมัน จะไปหวังพึ่งให้เขาหมดจะได้หรือ วันหนึ่งเขาเลิกสนใจแล้วแต่เรามีอยู่จะทำอย่างไร ถ้าไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรถึงสรุปมาได้อย่างนั้น ก็เป็นการยากที่เราจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจะมีผลต่อหุ้นที่เราซื้ออย่างไร เมื่อราคามันแกว่ง ใจเราอาจจะกระโดดออกมาเต้นข้างนอกได้ นอกจากนั้นการรู้ราคาที่สมเหตุผล ทำให้เราต่อรองได้
ต่อรองอะไรเหรอ? ก็ต่อรองราคาสิ เขาเรียกว่า Margin Of Safety ซื้อให้ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ของดีและถูกใช่ว่าจะหาไม่ได้น่ะ
ก็เมื่อมันดีขนาดนั้น สนใจทำไมว่าแพง? ถ้าจะลงทุนระยะยาว เราไม่ได้คิดจะขายวันนี้พรุ่งนี้ สิ่งที่เราต้องการส่วนหนึ่งคือปันผล ที่จะให้เราแทนดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนแบบอื่นๆที่เราได้รับ ถ้าซื้อในราคาแพง ผลตอบแทนก็จะน้อยไปด้วย ผีซ้ำด้ามพลอย ตลาดหัวทิ่มหัวต่ำ งานนี้ทุนก็หด ปันผลก็ได้น้อย ตอนนั้นน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า อีกอย่าง กิจการที่ดีมากๆในวันนี้ ปีหน้าอาจจะไม่เหมือนเดิมได้ ดังนั้น ซื้อถูกๆๆๆๆๆๆ ได้เปรียบ
ฟังก็เบื่อแล้ว ไม่ค่อยมีเวลาหรอก บอกๆมาเถอะ? เฮ้ย!เป็นเจ้าของกิจการแล้วบอกว่าไม่มีเวลา บริษัทเขายกหนีไปไหนต่อไหน จะรู้มั๊ยเนี่ย
ข้อมูลมีดาษดื่น บทวิเคราะห์มีมากมาย ข่าวสารที่ไหลมาเทมาจนบริโภคไม่ไหว การรู้จักเลือก จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ถอดความจาก.... สมองผมเอง อิ อิ
แล้วทำไมเราถึงต้องฟังนักวิเคราะห์? ก็คงเนื่องจาก (1) เราไม่มีข้อมูลที่เขามี (2) เราวิเคราะห์ไม่เป็น (3) เราไม่มีเวลาพอที่จะวิเคราะห์หุ้นทั้งหมดได้ (4) หลายหัวดีกว่าหัวเดียว
เนื้อหาเชื่อได้แค่ไหน? ก็คงขึ้นอยู่กับความถูกต้องแม่นยำของนักวิเคราะห์นั้นๆ
แล้วเราจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ? นั่นสิน่ะ ก็ดูคนที่เขาพอมีหลักมีฐานมีผลงานที่ผ่านมามั้ง แต่สี่เท้ายังรู้พลาด กิ้งกือยังหกล้ม
ไม่เอาสิ เอาแน่ๆ? ถ้าจะให้แน่ ก็คงต้องเสียเหงื่อแล้วล่ะ ต้องทำการบ้านไง หลังจากได้บทวิเคราะห์แล้วเราก็ต้องมานั่งทำการบ้านต่อ มาดูว่าเขาคิดอะไรอย่างไร ถูกต้องแค่ไหน หาหลายๆที่มาเปรียบเทียบและสรุปเป็นความคิดเราเอง
คิดแล้วๆ ไม่เห็นจะต่างจากที่เขาเขียนเท่าไหร่เลย ไม่มีอะไรใหม่ เสียเวลาจริงๆ! ถ้างั้นลองมาเปรียบเทียบดูว่าก่อนและหลังเรื่องพวกนี้คุณรู้ต่างกันอย่างไร (1) ความรู้เรื่องธุรกิจของบริษัท (2) ความรู้เรื่องผลประกอบการ (3) การเคลื่อนไหวของราคา (4) ความสมเหตุสมผลของราคาเป้าหมาย (5) ราคาที่สมเหตุผลของเราเอง (6) ข้อมูลและแหล่งข้อมูลที่จะหาหลังจากที่ลงทุนไปแล้ว
ก็มีต่างบ้าง แล้วไงล่ะ? ก็พร้อมมากขึ้นไง สิ่งที่เราควรจะตอบให้ได้ก่อนซื้อคือ ข้อ (5) เพราะต้องใช้มันในการตัดสินใจซื้อ และการขายในอนาคต
ราคาที่สมเหตุผล คือหุ้นมันจะขึ้นไปที่ราคาเท่าไหร่เหรอ? ไม่เชิงนัก ราคาหุ้นไม่ได้สะท้อนถึงพื้นฐานของกิจการ บางทีก็สูงกว่า บางทีก็ต่ำกว่า ราคาที่สมเหตุผลต้องดูที่กิจการของบริษัท และสิ่งที่บริษัทจะคืนมาให้เรา เช่นปันผล เป็นต้น ราคาหุ้นที่ขึ้นมานั่นถือเป็นค่าเหนื่อยที่ถือนานนน
ราคาเป้าหมายที่เขาบอกก็มีเหตุผลดีนี่? ก็ถ้าเราได้คิดถี่ถ้วนแล้ว และคิดว่าราคาเป้าหมายที่เขาบอกนั้นถูกต้อง ก็เป็นสิ่งดี นั่นแสดงว่าเราเข้าใจในสิ่งที่เขาคิด อันนี้สำคัญ ถ้าเรารับแต่ข้อมูลโดยที่ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่นั่นอันตราย
อันตรายยังไงเหรอ? ก็ไม่มีใครมานั่งบอกตั้งแต่ต้นจนจบได้น่ะสิ พอซื้อแล้วก็ตัวใครตัวมัน จะไปหวังพึ่งให้เขาหมดจะได้หรือ วันหนึ่งเขาเลิกสนใจแล้วแต่เรามีอยู่จะทำอย่างไร ถ้าไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรถึงสรุปมาได้อย่างนั้น ก็เป็นการยากที่เราจะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจะมีผลต่อหุ้นที่เราซื้ออย่างไร เมื่อราคามันแกว่ง ใจเราอาจจะกระโดดออกมาเต้นข้างนอกได้ นอกจากนั้นการรู้ราคาที่สมเหตุผล ทำให้เราต่อรองได้
ต่อรองอะไรเหรอ? ก็ต่อรองราคาสิ เขาเรียกว่า Margin Of Safety ซื้อให้ถูกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ของดีและถูกใช่ว่าจะหาไม่ได้น่ะ
ก็เมื่อมันดีขนาดนั้น สนใจทำไมว่าแพง? ถ้าจะลงทุนระยะยาว เราไม่ได้คิดจะขายวันนี้พรุ่งนี้ สิ่งที่เราต้องการส่วนหนึ่งคือปันผล ที่จะให้เราแทนดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนแบบอื่นๆที่เราได้รับ ถ้าซื้อในราคาแพง ผลตอบแทนก็จะน้อยไปด้วย ผีซ้ำด้ามพลอย ตลาดหัวทิ่มหัวต่ำ งานนี้ทุนก็หด ปันผลก็ได้น้อย ตอนนั้นน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า อีกอย่าง กิจการที่ดีมากๆในวันนี้ ปีหน้าอาจจะไม่เหมือนเดิมได้ ดังนั้น ซื้อถูกๆๆๆๆๆๆ ได้เปรียบ
ฟังก็เบื่อแล้ว ไม่ค่อยมีเวลาหรอก บอกๆมาเถอะ? เฮ้ย!เป็นเจ้าของกิจการแล้วบอกว่าไม่มีเวลา บริษัทเขายกหนีไปไหนต่อไหน จะรู้มั๊ยเนี่ย
ข้อมูลมีดาษดื่น บทวิเคราะห์มีมากมาย ข่าวสารที่ไหลมาเทมาจนบริโภคไม่ไหว การรู้จักเลือก จึงเป็นสิ่งสำคัญ
ถอดความจาก.... สมองผมเอง อิ อิ
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 7
ผมก็เป็นเหมือนคุณ Mon money ในที่ทำงานผมก็มีทัศนคติในเรื่องหุ้นที่ไม่ดี บางคนก็เตือนผมให้ระวังจะหมดตัวกับหุ้น บางคนบอกว่าให้ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ทั้งๆ ที่เพื่อนผมเหล่านี้จบโทเกือบทั้งนั้นแต่ไม่รู้จะอธิบายให้เขาเข้าใจได้ยังไงดี ก็บอกได้แต่ว่าซื้อหุ้นไว้กินปันผลและถือยาว ๆ ไม่รู้เพื่อนจะเข้าใจหรือเปล่า
BigP
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 9
ผมเคยมีประสบการณ์ครับ มีเพื่อนมาขอคำแนะนำตัวหุ้นที่น่าซื้อ เราก็ศึกษาแต่หุ้นพื้นฐานดี ไม่ใช่หุ้นยอดนิยม ปรากฏว่าเขาซื้อตามที่เราบอก หลังจากนั้นพอหุ้นขึ้น หุ้นที่เราแนะนำก็ไม่ค่อยขึ้นเพราะไม่ใช่หุ้นยอดนิยม เพื่อนเราก็จะโทรมาถามทุกวันว่าหุ้นขึ้นทั้งตลาด ทำไมตัวที่เราให้ซื้อมันไม่ขึ้นเลย ถามจนเรารำคาญ อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ หวังแต่จะรวยเร็วๆ ช่วงหลังผมเลยไม่อยากจะแนะนำให้ใครนอกจากมีหลักและเข้าใจการลงทุนแบบ VI โดยผมจะแนะนำหุ้นและบอกเหตุผล ซึ่งจะส่งผลให้เขามีหลักคิดและถือหุ้นตัวที่เราแนะนำอย่างเข้าใจและสบายใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 10
ก็ให้คำแนะนำพร้อมบอกหุ้นไปเลยครับ เป็นบริษัทมีชื่อเสียงหน่อยเช่นสินค้าอุปโภคบริโภค พลังงาน แนะนำว่าหากสินค้านี้ขายได้พอถึงเวลาเค้าก็แบ่งกำไรมาให้ท่าน 5-6% แต่บางปีขายไม่ดี ท่านก็ได้น้อย ถ้าพอใจตามนี้ก็ซื้อแล้วถือยาว หากไปแนะนำเรื่องซื้อๆ ขายๆ จะปวดหัวครับ แนะกันไม่จบ ให้หัดกันเอาเอง (ซึ่งส่วนมากก็ไม่สนใจที่จะซื้อๆขายๆ)
หากบอกวิธีคิดไปอย่างเดียว คนที่ไม่เคยจะเริ่มยังไงล่ะครับ เรียนรู้จากประสบการณ์จริงๆดีกว่า
หากบอกวิธีคิดไปอย่างเดียว คนที่ไม่เคยจะเริ่มยังไงล่ะครับ เรียนรู้จากประสบการณ์จริงๆดีกว่า
เสรีภาพก็เหมือนอากาศที่เราไม่อาจมองเห็นด้วยตา แต่จะรู้สึกได้ในทันทีหากมีมันอยู่เบาบางหรือขาดหายไป
-จีรนุช เปรมชัยพร
-จีรนุช เปรมชัยพร
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
เย็นไว้............โยม
โพสต์ที่ 11
เป็นผม ผมคงร่ายยาวตั้งแต่การวางแผนการลงทุนเลยว่าจะลงทุนไปทำไม จะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนกับการลงทุน ต้องการผลตอบแทนมากน้อยเท่าไร รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน
ผมว่าการลงทุนก้อมีอยู่แค่ 2 ทาง คือการลงทุุนเองซึ่งต้องอาศัยเวลา ขยันหมั่นเพียรหาความรู้ อดทนต่อความผันผวนของตลาด หรือง่ายๆ ก้อให้คนอื่นบริหารให้ไงคับ
แน่นอนว่าทางแรกจะได้ผลตอบแทนสูงกว่า No pain no gain คับ
ทีนี้ถ้าเค้าอยากเลือกทางแรก ผมก้อคงบอกว่าให้ลองดูหุ้นนั้น หุ้นนี้ แต่จะต้องดูรายละเอียดเอาเอง แต่ผมก้ออึดอัดเหมือนกันเวลาแนะนำหุ้นให้เพื่อนๆ ครับ
ผมว่าการลงทุนก้อมีอยู่แค่ 2 ทาง คือการลงทุุนเองซึ่งต้องอาศัยเวลา ขยันหมั่นเพียรหาความรู้ อดทนต่อความผันผวนของตลาด หรือง่ายๆ ก้อให้คนอื่นบริหารให้ไงคับ
แน่นอนว่าทางแรกจะได้ผลตอบแทนสูงกว่า No pain no gain คับ
ทีนี้ถ้าเค้าอยากเลือกทางแรก ผมก้อคงบอกว่าให้ลองดูหุ้นนั้น หุ้นนี้ แต่จะต้องดูรายละเอียดเอาเอง แต่ผมก้ออึดอัดเหมือนกันเวลาแนะนำหุ้นให้เพื่อนๆ ครับ