ดัชนีทั้งสองตัวนี้มีคนสนใจกันมาก เพราะว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับ GDP ของประเทศ และข้อมูลค่อนข้างไวเนื่องจากประกาศกันทุกเดือนและมี lag period สั้น (ประมาณ 15 วัน) ต่างกับ GDP ซึ่งประกาศกันรายไตรมาส และมี lag period ประมาณ 3 เดือน
ส่วนเรื่องการบริหารทุนสำรองของจีนผมยังมองไม่ออกว่าจะลดการถือพันธบัตรสหรัฐหรือไม่ แต่ผมมองว่าตอนนี้จีนคงไปไล่ซื้อบริษัทผลิตน้ำมันและแร่โลหะทั่วโลกต่อไปยิ่งตอนนี้ราคาถูกลงมาแล้ว(แต่ไม่รู้ว่ามี mos พอหรือยัง อยากรู้จัง)
ส่วนเรื่องการบริหารทุนสำรองของจีนผมยังมองไม่ออกว่าจะลดการถือพันธบัตรสหรัฐหรือไม่ แต่ผมมองว่าตอนนี้จีนคงไปไล่ซื้อบริษัทผลิตน้ำมันและแร่โลหะทั่วโลกต่อไปยิ่งตอนนี้ราคาถูกลงมาแล้ว(แต่ไม่รู้ว่ามี mos พอหรือยัง อยากรู้จัง)
ผมไม่เคยอ่านทั้ง 2 เล่มครับ สำหรับเล่ม Age of Turbulence ผมมีเป็น e-book ได้มาตั้งนานก็ยังไม่เคยเปิดมาดูเลย :oops:
ถ้าดีอาจจะลองซื้อมาอ่านดูครับ
แต่เล่มที่กำลังอยากจะอ่านคือ When Markets Collide ของ El-Erian ครับ
เล่มนี้เพิ่งได้ Goldman Sachs/Financial Times Book of the Year ปีนี้
วิกฤติครั้ง Great depression เกิดประมาณ 1929-1937 เป็นการเกิดหลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐรุ่งเรืองหลัง 1910 หลังจากที่มีการคิดค้นสายการผลิตแบบ mass production โดยผู้นำมาใช้คนแรกคือ Henry Ford ในรุ่นโมเดล T การผลิตแบบ mass production ถือได้ว่าเป็นการปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 หลังจากการคิดค้นเครื่องจักรไอน้ำในอังกฤษทำให้เกิดการปฎิวัติครั้งที่ 1 เศรษฐกิจช่วงก่อน Great depression นั้นมีการขยายตัวอย่างมากโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ตลาดหุ้นในช่วงนั้นก็มีการเก็งกำไรอย่างร้อนแรงและการปรับเพิ่มสูงมากเช่นกัน
ภาวะตกต่ำในช่วง Great depression นั้นส่งผลให้การว่างงานสูงถึง 25% ของจำนวนแรงงานในปี 1933 และเกิดความไม่เชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงินทำให้มีผู้ถอนเงินจำนวนมากและสถาบันการเงินจำนวนมากได้ปิดตัวไป โดยไม่มีการเข้าช่วยเหลือและแทรกแซงจากภาครัฐ รัฐบาลโดยประธานธิบดีรูสเวลท์ ได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายและจ้างงานภาครัฐหรือที่เรียกว่า new deal ซึ่งทำให้ตัวเลขการว่างงานลดลงเหลือประมาณ 15% ในปี 1937 หากใครไป California ตอนนี้ก็จะเห็นเขื่อนฮูเวอร์ ซึ่งเป็นเขื่อนที่สร้างขึ้นตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าว แต่การใช้จ่ายเงินภาครัฐก็ยังไม่สามารถช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นจากความตกต่ำได้มากนัก ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะตัวเลขค่าใช้จ่ายภาครัฐต่อ GDP ในช่วงนั้นต่ำมากคือเพียง 3% ในปี 1929 การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายภาครัฐแม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่มากสมัยนั้นแต่ก็ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับระดับการใช้จ่ายภาครัฐในยุคปัจจุบัน ท้ายสุดแล้วในช่วง 1938-1939 เป็นภาวะก่อนที่สหรัฐจะร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสหรัฐมีการเตรียมตัวเข้าสู่สงครามทำให้เกิดการเกณฑ์แรงงานเป็นทหารทำให้ตัวเลขผู้ว่างงานลดลง ภาครัฐต้องใช้เงินในการผลิตอาวุธ ยุทธปัจจัยต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานและการผลิตเพิ่มขึ้นมาก และเงินที่รัฐบาลสหรัฐจ่ายในการเตรียมเข้าสู่สงครามนั้นสูงกว่าเงินที่จ่ายไปในช่วง new deal อย่างมาก ท้ายสุดจึงทำให้สหรัฐออกจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปได้เองโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจผมก็ไม่ทราบครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง Great depression ในปี 1930-1937 แล้วแต่ปัจจุบันยังไม่เกิดก็คือ
Great depression : ช่วง Great Depression เกิด deposit run หรือการแห่ถอนเงินฝากทำให้สถาบันการเงินล้มจำนวนมากโดยที่รัฐไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ เช่น ไม่ได้เพิ่มทุน หรือประกันเงินฝาก
ปัจจุบัน : รัฐบาลแต่ละประเทศมีแผนค้ำประกันเงินฝากเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด deposit run
Great depression : การใช้จ่ายภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนั้นยังมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ GDP เพราะฐานการเก็บภาษีบุคคลและนิติบุคคลในช่วงนั้นต่ำ ทำให้รัฐมีรายได้จากภาษีค่อนข้างน้อย
ปัจจุบัน : ฐานภาษีสูงขึ้นมากทำให้สัดส่วนรายจ่ายภาครัฐมีน้ำหนักต่อ GDP มากขึ้น
Great depression : สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยกู้ระหว่างกัน และการอัดฉีดเงินช่วยเหลือจาก FED ในช่วง Great depression ทำได้จำกัดเนื่องจากกฎระเบียบไม่ยืดหยุ่นพอ FED ไม่มีเงินจำนวนมากที่จะอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบส่งผลให้ปริมาณเงินหรือ M2 ลดลงเหลือ 2 ใน 3 จากปีก่อนวิกฤติส่งผลให้สภาพคล่องทางการเงินลดลงมาก ทำให้นโยบายทางการเงินไม่สามารถถูกนำมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างที่ควรจะเป็น
The Conference Board Consumer Confidence Index™ Plummets to an All-Time Low
October 28, 2008
The Conference Board Consumer Confidence Index™, which had improved moderately in September, fell to an all-time low in October. The Index now stands at 38.0 (1985=100), down from 61.4 in September. The Present Situation Index decreased to 41.9 from 61.1 last month. The Expectations Index declined to 35.5 from 61.5 in September. ...
Home prices fell in August for the 25th consecutive month and prices in 10 major markets plunged a record 17.7% year over year, according to a key index of real estate values released Tuesday.
The S&P Case-Shiller Home Price 10-city index dropped 1.1% for the month. The 20-city index recorded a record year-over-year decline of 16.6% with a 1% fall in August.
The indexes compare the sale prices of the same homes each year to determine price trends and are considered one of the most accurate home price gauges.
The hardest hit of all 20 cities on a year-over-year basis was Phoenix, where prices plummeted 30.7% during the past 12 months. Las Vegas prices plunged 30.6% and Miami sank 28.1%....