เงินลงทุนหายไปไหน? /Value Way :มนตรี นิพิฐวิทยา
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
เงินลงทุนหายไปไหน? /Value Way :มนตรี นิพิฐวิทยา
โพสต์ที่ 1
Value Way
มนตรี นิพิฐวิทยา
เงินลงทุนหายไปไหน?
เดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้จัดเป็นเดือนที่โหดร้ายจริงๆสำหรับนักลงทุน ไม่ใช่แค่นักลงทุนไทยแต่เป็นกันไปทั้งโลก หุ้นในเกือบประเทศต่างปรับตัวลดลงอย่างแรงทั่วหน้า และที่สำคัญมันไม่ใช่แค่หุ้นที่ปรับตัวลดลง ยังรวมไปถึงพันธบัตร หุ้นกู้ สินค้าโภคภัณฑ์ต่าง เช่น น้ำมัน ทอง ปิโตรเคมี สินค้าเกษตร ฯลฯ
ช่วงเวลาที่ผ่านมาถ้านักลงทุนขายหุ้นก็มักจะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างทอง น้ำมัน สินค้าเกษตร แต่ตอนนี้มันพากันลงตามๆกันไปหมด แล้วเงินหายไปไหน?
การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินนี้มักจะมีคนได้และคนเสีย แต่โดยรวมแล้วเงินจะไม่หายไปไหน เพราะมีคนเสียก็มีคนได้ไป ดังนั้นก็พอจะสรุปได้ว่านักลงทุนน่าจะถือเงินสดกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไปสอดคล้องกับ USD Index ที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มปรับตัวลงเมื่อราวๆวันที่ 28-29 ตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง โดยเราได้เห็น หุ้นอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยหุ้นเอเชียและยุโรป ราคาน้ำมัน ทองก็ปรับตัวตามมาด้วย ทั้งนี้เพราะธนาคารกลางต่างๆพยายามลดดอกเบี้ย ฉีดเงินเข้าระบบกันอย่างอุตลุตเพื่อประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว
ช่วงนี้จัดว่าเป็นช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจการเงินของโลกเกิดความไม่สมดุลอย่างมาก ดังนั้นความผันผวนจึงมีได้สูง ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นแรงหรือลงแรง ล้วนเกิดจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนทั้งสิ้น ซึ่งจะเกิดได้เร็วมาก เพราะเทคโนโลยีที่สูงและรวดเร็วทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้ไม่ยากนัก
เมื่อกลับมาดูหุ้นของบริษัทในประเทศไทยหลายบริษัท พบว่าบริษัทที่โครงสร้างการเงินแข็งแกร่ง การดำเนินธุรกิจแข็งแกร่ง ที่แม้จะชะลอลงจากสภาพเศรษฐกิจไปบ้าง แต่ราคาหุ้นก็ลงมามากจนเกินกว่าราคาที่ควรจะเป็นหลายบริษัททีเดียว และเชื่อเถอะว่า นักลงทุนที่มีเงินสดอยู่ขณะนี้กำลังจ้องตาเป็นมันเลยทีเดียว แต่ที่ยังไม่ทำอะไรตอนนี้ก็เพราะต้องการรอให้ความสมดุลในระบบการเงินโลกกลับเข้าสู่สภาพใกล้ปกติก่อน เพราะขณะนี้ความเสี่ยงทางธุรกิจ ความเสี่ยงด้านการเงินของบริษัทหลายบริษัทนั้นอยู่ในระดับต่ำมากๆ เหลือแต่เพียงความเสี่ยงของตลาดเท่านั้นที่ยังผันผวนรุนแรงอยู่
หากเราเชื่อว่าความตกต่ำทางเศรษฐกิจยังไม่จบสิ้น ยังคงมีความผันผวนอยู่ เราก็จะยังเห็นหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างขึ้นลง ไปพร้อมกับอัตราแลกเปลี่ยน จนกว่าระบบการเงินจะเกิดความสมดุลกัน ประเทศส่งออกก็จะส่งออกได้ในราคาเงินสกุลตัวเองสูงพอ ประเทศนำเข้าก็นำเข้าสินค้าที่เป็นราคาของเงินสกุลตัวเองถูกพอ ทุกอย่างก็จะสมดุล รวมทั้งตลาดเงินตลาดทุนด้วยครับ
คำแนะนำของผมคงไม่ต่างจากของท่านอื่นๆ คือหุ้นซื้อได้แล้วครับ ถูกมากๆ ถือยาวๆไม่ขาดทุนแน่นอน(สำหรับกิจการที่เข้าข่ายที่ผมกล่าวไว้) แต่ถ้าซื้อตอนนี้แล้วไม่สบายใจกลัวว่าจะลงไปอีกซึ่งก็มีโอกาส ก็ขอให้รอไปก่อน รอให้ความสมดุลเกิดขึ้น ข้อนี้ได้ทั้งซื้อหุ้น และซื้อความสบายใจ
เลือกเอาครับว่าอย่างไหนเหมาะกับเรา แต่ของ Value Investor การอดทนรอคอยนั้นเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมาก
ขอให้พบกับโอกาสการลงทุนที่เหมาะกับทุกท่านครับ
มนตรี นิพิฐวิทยา
เงินลงทุนหายไปไหน?
เดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้จัดเป็นเดือนที่โหดร้ายจริงๆสำหรับนักลงทุน ไม่ใช่แค่นักลงทุนไทยแต่เป็นกันไปทั้งโลก หุ้นในเกือบประเทศต่างปรับตัวลดลงอย่างแรงทั่วหน้า และที่สำคัญมันไม่ใช่แค่หุ้นที่ปรับตัวลดลง ยังรวมไปถึงพันธบัตร หุ้นกู้ สินค้าโภคภัณฑ์ต่าง เช่น น้ำมัน ทอง ปิโตรเคมี สินค้าเกษตร ฯลฯ
ช่วงเวลาที่ผ่านมาถ้านักลงทุนขายหุ้นก็มักจะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างทอง น้ำมัน สินค้าเกษตร แต่ตอนนี้มันพากันลงตามๆกันไปหมด แล้วเงินหายไปไหน?
การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินนี้มักจะมีคนได้และคนเสีย แต่โดยรวมแล้วเงินจะไม่หายไปไหน เพราะมีคนเสียก็มีคนได้ไป ดังนั้นก็พอจะสรุปได้ว่านักลงทุนน่าจะถือเงินสดกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไปสอดคล้องกับ USD Index ที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มปรับตัวลงเมื่อราวๆวันที่ 28-29 ตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง โดยเราได้เห็น หุ้นอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามมาด้วยหุ้นเอเชียและยุโรป ราคาน้ำมัน ทองก็ปรับตัวตามมาด้วย ทั้งนี้เพราะธนาคารกลางต่างๆพยายามลดดอกเบี้ย ฉีดเงินเข้าระบบกันอย่างอุตลุตเพื่อประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว
ช่วงนี้จัดว่าเป็นช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจการเงินของโลกเกิดความไม่สมดุลอย่างมาก ดังนั้นความผันผวนจึงมีได้สูง ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นแรงหรือลงแรง ล้วนเกิดจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนทั้งสิ้น ซึ่งจะเกิดได้เร็วมาก เพราะเทคโนโลยีที่สูงและรวดเร็วทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้ไม่ยากนัก
เมื่อกลับมาดูหุ้นของบริษัทในประเทศไทยหลายบริษัท พบว่าบริษัทที่โครงสร้างการเงินแข็งแกร่ง การดำเนินธุรกิจแข็งแกร่ง ที่แม้จะชะลอลงจากสภาพเศรษฐกิจไปบ้าง แต่ราคาหุ้นก็ลงมามากจนเกินกว่าราคาที่ควรจะเป็นหลายบริษัททีเดียว และเชื่อเถอะว่า นักลงทุนที่มีเงินสดอยู่ขณะนี้กำลังจ้องตาเป็นมันเลยทีเดียว แต่ที่ยังไม่ทำอะไรตอนนี้ก็เพราะต้องการรอให้ความสมดุลในระบบการเงินโลกกลับเข้าสู่สภาพใกล้ปกติก่อน เพราะขณะนี้ความเสี่ยงทางธุรกิจ ความเสี่ยงด้านการเงินของบริษัทหลายบริษัทนั้นอยู่ในระดับต่ำมากๆ เหลือแต่เพียงความเสี่ยงของตลาดเท่านั้นที่ยังผันผวนรุนแรงอยู่
หากเราเชื่อว่าความตกต่ำทางเศรษฐกิจยังไม่จบสิ้น ยังคงมีความผันผวนอยู่ เราก็จะยังเห็นหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างขึ้นลง ไปพร้อมกับอัตราแลกเปลี่ยน จนกว่าระบบการเงินจะเกิดความสมดุลกัน ประเทศส่งออกก็จะส่งออกได้ในราคาเงินสกุลตัวเองสูงพอ ประเทศนำเข้าก็นำเข้าสินค้าที่เป็นราคาของเงินสกุลตัวเองถูกพอ ทุกอย่างก็จะสมดุล รวมทั้งตลาดเงินตลาดทุนด้วยครับ
คำแนะนำของผมคงไม่ต่างจากของท่านอื่นๆ คือหุ้นซื้อได้แล้วครับ ถูกมากๆ ถือยาวๆไม่ขาดทุนแน่นอน(สำหรับกิจการที่เข้าข่ายที่ผมกล่าวไว้) แต่ถ้าซื้อตอนนี้แล้วไม่สบายใจกลัวว่าจะลงไปอีกซึ่งก็มีโอกาส ก็ขอให้รอไปก่อน รอให้ความสมดุลเกิดขึ้น ข้อนี้ได้ทั้งซื้อหุ้น และซื้อความสบายใจ
เลือกเอาครับว่าอย่างไหนเหมาะกับเรา แต่ของ Value Investor การอดทนรอคอยนั้นเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมาก
ขอให้พบกับโอกาสการลงทุนที่เหมาะกับทุกท่านครับ
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 110
- ผู้ติดตาม: 0
เงินลงทุนหายไปไหน? /Value Way :มนตรี นิพิฐวิทยา
โพสต์ที่ 5
"คำแนะนำของผมคงไม่ต่างจากของท่านอื่นๆ คือหุ้นซื้อได้แล้วครับ ถูกมากๆ ถือยาวๆไม่ขาดทุนแน่นอน(สำหรับกิจการที่เข้าข่ายที่ผมกล่าวไว้) แต่ถ้าซื้อตอนนี้แล้วไม่สบายใจกลัวว่าจะลงไปอีกซึ่งก็มีโอกาส ก็ขอให้รอไปก่อน รอให้ความสมดุลเกิดขึ้น ข้อนี้ได้ทั้งซื้อหุ้น และซื้อความสบายใจ
เลือกเอาครับว่าอย่างไหนเหมาะกับเรา แต่ของ Value Investor การอดทนรอคอยนั้นเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมาก"
ถูกใจตรงนี้ที่สุดเลยครับ
ผมขอรอจนเป็นขาขึ้นก่อนดีกว่า ยอมซื้อแพงหน่อยเพื่อความสบายใจ :lol:
เลือกเอาครับว่าอย่างไหนเหมาะกับเรา แต่ของ Value Investor การอดทนรอคอยนั้นเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมาก"
ถูกใจตรงนี้ที่สุดเลยครับ
ผมขอรอจนเป็นขาขึ้นก่อนดีกว่า ยอมซื้อแพงหน่อยเพื่อความสบายใจ :lol: