จาก ข้อมูลของพี่ jajam นะคับ ไม่รู้ว่าผมเข้าใจได้ถูกต้องหรือเป่านะคับ
- ตอนซื้อ % ปันผลอยู่ที่เท่าไหร่ครับ
- บริษัทโตขึ้นต่อเนื่องรึป่าว ==> ดูจากผลกำไร กับ สินทรัพย์ ของ บริษัทใช่ไหมคับ
- โตเพราะหนี้หรือโตเพราะทุน ==> ดู อัตราส่วน ระหว่าง หนี้สิน กับ ทุน อะคับ
- ยอดขายมีต่อเนื่องรึป่าว ===> ทำกำไรได้เยอะไหม
- ทำกำไรต่อเนื่องมาหลายปีรึป่าว
- ปันผลต่อเนื่องทุกปีรึป่าว
- ตอนนี้มีโครงการรอขายอยู่รึป่าว ==> พวก product ใหม่ๆๆใช่ไหมคับ
ขอคุณนะคับ ถามเยอะ ไป นิดนึง อะคับ
ขอบคุณพี่ๆๆ นะคับ
ขอถามพี่ นะคับ
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามพี่ นะคับ
โพสต์ที่ 2
ขอตอบเท่าที่พอทราบนะครับ
ว่าอันไหนเพิ่มมากว่ากันในแต่ละปีที่ผ่านมา
อาจจะขายได้มากขึ้นแ่ต่กำไรน้อยลง ถ้าต้นทุนสูงขึ้น
ตลอดเวลา แค่ขยายสาขาให้ครอบคลุม ก็เพียงพอครับ อย่างเช่น ธุรกิจโรงหนัง หรือ ธุรกิจโรงพยาบาล
แต่จากตัวอย่างน่าจะหมายถึงพวกอสังหาริมทรัพย์นะครับ
ซึ่งก็มีทั้งแบบที่เป็นโครงการสร้างเสร็จก่อนขาย หรือ ขายแล้วค่อยสร้าง
ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปครับ
หวังว่าคงพอจะช่วยได้บ้างนะครับ
ใช่ครับ อาจจะดูที่ยอดขาย และกำไรจากการดำเนินงานด้วยก็ได้ครับ- บริษัทโตขึ้นต่อเนื่องรึป่าว ==> ดูจากผลกำไร กับ สินทรัพย์ ของ บริษัทใช่ไหมคับ
ใช่ครับ หรืออาจจะดูจาก % การเพิ่มขึ้นของหนี้สินหรือทุนก็ได้ครับโตเพราะหนี้หรือโตเพราะทุน ==> ดู อัตราส่วน ระหว่าง หนี้สิน กับ ทุน อะคับ
ว่าอันไหนเพิ่มมากว่ากันในแต่ละปีที่ผ่านมา
ผมว่าต่างกันครับดูว่ายอดขายขายได้มากขึ้นไหมมากกว่าดูกำไรครับยอดขายมีต่อเนื่องรึป่าว ===> ทำกำไรได้เยอะไหม
อาจจะขายได้มากขึ้นแ่ต่กำไรน้อยลง ถ้าต้นทุนสูงขึ้น
ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจครับ บางธุรกิจก็ไม่จำเป็นต้องออก Product ใหม่ๆตอนนี้มีโครงการรอขายอยู่รึป่าว ==> พวก product ใหม่ๆๆใช่ไหมคับ
ตลอดเวลา แค่ขยายสาขาให้ครอบคลุม ก็เพียงพอครับ อย่างเช่น ธุรกิจโรงหนัง หรือ ธุรกิจโรงพยาบาล
แต่จากตัวอย่างน่าจะหมายถึงพวกอสังหาริมทรัพย์นะครับ
ซึ่งก็มีทั้งแบบที่เป็นโครงการสร้างเสร็จก่อนขาย หรือ ขายแล้วค่อยสร้าง
ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไปครับ
หวังว่าคงพอจะช่วยได้บ้างนะครับ
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
-
- Verified User
- โพสต์: 40
- ผู้ติดตาม: 0
ขอถามพี่ นะคับ
โพสต์ที่ 3
ประมาณนี้แหละครับ
ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่เซียนนะครับ
แต่เท่าที่ลงทุนมาแล้วอ่านหนังสือมาหลายๆเล่ม
เอาความคิดมาประกอบกับ ก็เลยดูหุ้นของบริษัทแบบง่ายๆประมาณนี้ครับ
"ดูหุ้นบริษัทให้เหมือนดูคน"
ทรัพย์สินเป็นยังไง -> เหมือนดูความรวยของคนว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีรถ มีบ้าน มีเงิน อื่นๆมากมาย
หนี้สินเยอะมั้ย -> ที่รวยๆหน่ะ กู้เค้ามาหรือเงินตัวเอง กู้เยอะมั้ย บางคนรวยจริง กู้น้อยมาก
รายได้เป็นยังไง -> คนนั้นหาเงินเก่งมั้ย บางคนหาเงินได้เยอะมากเทียบกับทรัพย์สินที่มี
กำไรเยอะมั้ย -> รายได้ที่ได้มาเอาไปใช้จ่ายเยอะมั้ย ที่หลือก็เป็นกำไรครับ บางหาได้เยอะแต่ก็ใช้เยอะเหมือนกันนะครับ เหลือกำไรจี๊ดเดียว
ที่นี้บริษัทก็เหมือนคนแหละครับ ทำงานควรมีกำไร ทำแล้วขาดทุนไม่ดีแน่ พอมีกำไรหลายๆปี คนนั้นก็จะรวยขึ้น อาจมีทรัพย์สินมากขึ้น หรือหนี้น้อยลง หรือปันผลให่เรา อันนี้แล้วแต่นโยบายเค้าครับ ถ้าคนนั้นยังทำงานมีกำไรได้เรื่อยๆ ก็แปลง่ายๆว่าไว้ใจได้ครับ เรื่องราคาค่าตัวเป็นไปตามสภาวะครับ ถูกบ้าง แพงบ้าง ก็ว่ากันไป
ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่เซียนนะครับ
แต่เท่าที่ลงทุนมาแล้วอ่านหนังสือมาหลายๆเล่ม
เอาความคิดมาประกอบกับ ก็เลยดูหุ้นของบริษัทแบบง่ายๆประมาณนี้ครับ
"ดูหุ้นบริษัทให้เหมือนดูคน"
ทรัพย์สินเป็นยังไง -> เหมือนดูความรวยของคนว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีรถ มีบ้าน มีเงิน อื่นๆมากมาย
หนี้สินเยอะมั้ย -> ที่รวยๆหน่ะ กู้เค้ามาหรือเงินตัวเอง กู้เยอะมั้ย บางคนรวยจริง กู้น้อยมาก
รายได้เป็นยังไง -> คนนั้นหาเงินเก่งมั้ย บางคนหาเงินได้เยอะมากเทียบกับทรัพย์สินที่มี
กำไรเยอะมั้ย -> รายได้ที่ได้มาเอาไปใช้จ่ายเยอะมั้ย ที่หลือก็เป็นกำไรครับ บางหาได้เยอะแต่ก็ใช้เยอะเหมือนกันนะครับ เหลือกำไรจี๊ดเดียว
ที่นี้บริษัทก็เหมือนคนแหละครับ ทำงานควรมีกำไร ทำแล้วขาดทุนไม่ดีแน่ พอมีกำไรหลายๆปี คนนั้นก็จะรวยขึ้น อาจมีทรัพย์สินมากขึ้น หรือหนี้น้อยลง หรือปันผลให่เรา อันนี้แล้วแต่นโยบายเค้าครับ ถ้าคนนั้นยังทำงานมีกำไรได้เรื่อยๆ ก็แปลง่ายๆว่าไว้ใจได้ครับ เรื่องราคาค่าตัวเป็นไปตามสภาวะครับ ถูกบ้าง แพงบ้าง ก็ว่ากันไป