แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor               30  ธันวาคม 2551

เหตุการณ์ความรุนแรงที่มีผลกระทบในทางลบต่อตลาดหุ้นหรือที่คนคิดว่ามีผลกระทบทางลบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงนั้น   เกิดขึ้นเป็นประจำ  พูดได้ว่าทุก 3-4  ปีหรือน้อยกว่านั้นประเทศไทยหรือไม่ก็โลกจะต้องประสบกับ  “วิกฤติ” บางอย่างที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย “อย่างแรง”    ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น   นักลงทุนก็มักจะรู้สึกว่าเหตุการณ์  “ครั้งนี้”  รุนแรงมากกว่าที่เคยผ่านมา   “ถ้าแก้ไขไม่ได้  บ้านเมืองและเศรษฐกิจอาจจะล่มสลาย”   แต่เมื่อเวลาผ่านไป   เรื่องที่  “วิกฤติร้ายแรง”   นั้นก็ผ่านพ้นไปโดยที่บ้านเมืองไม่ได้ล่มสลาย   เศรษฐกิจก็เติบโตต่อไป  เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่ยังอยู่และดัชนีหุ้นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น  บางครั้งรุนแรง   เพื่อที่จะตกกลับลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้งเมื่อวิกฤติคราวหน้ามาถึง   ตลาดหุ้นก็เป็นเช่นนี้   ลองมาดูเหตุการณ์ต่าง ๆ  ที่ตลาดหุ้นไทยเผชิญมาและก็ผ่านมาได้และเราอาจจะลืมไปแล้วว่าตอนนั้นเรา  “กลัวแทบตาย”

ผมคงมองย้อนหลังไปถึงแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าสู่ยุคสมัยใหม่หน่อยและผมเริ่มเข้ามาทำงานในตลาดการเงินแล้ว   นั่นก็คือ  เหตุการณ์  Black Monday หรือวันจันทร์ทมิฬ    นี่คือเหตุการณ์ที่น่าจะเรียกว่าเกิดจากปัญหา   “ทางเทคนิค”   เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ตลาดหุ้นนิวยอร์คและกระทบมาถึงตลาดหุ้นไทย      เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังบูมสุด ๆ  และไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรที่จะทำให้ตลาดหุ้นตกอย่างหนักยกเว้นแต่ว่าอาจจะมีนักลงทุนหรือผู้ดูแลภาวะเศรษฐกิจภาพรวมที่กลัวว่าตลาดจะอยู่ในภาวะ  “ฟองสบู่”   จึงพยายามที่จะลดความร้อนแรงนั้น   ในขณะเดียวกัน  นักลงทุนที่ระมัดระวังกันอยู่แล้วก็มีการติดตั้งระบบการซื้อขายหุ้นแบบ  “อัตโนมัติ”   หรือที่เรียกว่า  Program Trading  ที่จะสั่งขายหุ้นได้ทันทีถ้าหุ้นตกถึงระดับหนึ่ง   และเมื่อตลาดหุ้นปรับตัวลงถึงจุดนั้น  ระบบก็เริ่มทำงานและการขายหุ้นก็เกิดขึ้นต่อเนื่องทำให้หุ้นตกลงมาเป็นประวัติการณ์   แต่ที่น่าแปลกก็คือ  ตลาดหุ้นไทยซึ่งยังไม่ได้เปิดเสรีให้กับนักลงทุนต่างประเทศและไม่ได้มี Program อะไรทั้งนั้น  ก็ตกลงไปมหาศาลพอ ๆ  กันด้วย  นั่นคือเหตุการณ์ในปี  2530

หลังจาก  Black Monday ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปเร็วและแรงมากเป็นเวลา 3 ปีจนถึงปี 2533  ก็เกิดเหตุการณ์   สงครามอ่าวเปอร์เซียที่อิรักบุกเข้ายึดคูเวตซึ่งเป็นเหตุการณ์  “ช็อกโลก”  เพราะนี่คือแหล่งน้ำมันซึ่งเป็นพลังงานที่สำคัญที่สุดของโลก  ตลาดหุ้น  แน่นอน  ตกลงมาอย่างหนัก   แต่แล้วไม่กี่เดือนต่อมา  สหรัฐอเมริกากับพันธมิตรก็สามารถยึดคูเวตคืนมาได้หุ้นจึงปรับตัวขึ้นไปและเราก็ผ่าน  “วิกฤติ”  สงครามอ่าวมาได้ในเวลาอันสั้นเพื่อที่จะเผชิญกับ   “สงคราม”  ที่เกิดในประเทศไทยในอีก 2  ปีต่อมา

ในปี  2535  ผู้นำของกลุ่มทหารที่ทำการปฏิวัติที่เรียกว่า  รสช. หรือถ้าผมจำไม่ผิดมาจากคำว่าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ   ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากมีการเลือกตั้ง    เหตุการณ์นั้นทำให้เกิดการประท้วงของประชาชนและทหารได้เข้าปราบปรามจนเกิดการเสียเลือดเนื้อและชีวิตจำนวนมากที่ต่อมาเรียกว่า   “เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ”   แต่วิกฤติครั้งนี้   เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคนไม่มากนักและเกิดในเวลาอันสั้นจึงกระทบกับตลาดหุ้นไม่มากนัก    และหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านพ้นไป   ตลาดหุ้นก็วิ่งขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันเป็นผลจากการที่เศรษฐกิจไทยเติบโตสุดขีดโตปีละกว่า  10 % ติดต่อกันหลายปี  ทำให้ดัชนีสูงถึง 1753 จุด  ก่อนที่จะประสบกับวิกฤติรอบใหม่  คิดแล้วช่วงเวลาระหว่างวิกฤติรอบนี้กินเวลา 3 ปี ก่อน ที่จะเกิดวิกฤติรอบใหม่

นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดจากการเงินของต่างประเทศที่เกิดขึ้นในปี  2538   ซึ่งมีสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกัน   เหตุการณ์แรกคือเรื่องของการลดค่าเงินเปโซลงมาเป็นประวัติการณ์ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจเม็กซิโก   แต่เหตุการณ์ที่ประทับใจรุนแรงกว่าก็คือการล้มของแบริงซีเคียวริตี้ที่เป็นสถาบันการเงินเก่าแก่ที่เคยรับใช้ราชวงศ์ของอังกฤษมาก่อน   ทั้งสองเรื่องประกอบกับการที่ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปสูงมากเป็นฟองสบู่ทำให้หุ้นตกลงมาอย่างหนักและทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนต้องตั้งกองทุนเพื่อพยุงราคาหุ้นไม่ให้ตกต่ำลงไปมากกว่านั้น    แต่หุ้นก็ไม่สามารถยืนราคาอยู่ได้   หลังจากที่หุ้นปรับตัวขึ้นไปได้ไม่กี่เดือนมันก็เริ่มปรับตัวลงมาเรื่อย  ๆ   เป็นเวลา 2 ปี  ก่อนที่ประเทศไทยจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2540

วิกฤติปี 2540 นั้น  ผมได้เคยพูดไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ  นี้     หลังจากปี  40  เป็นเวลา  4  ปีเราไม่ได้เห็นวิกฤติเป็นเรื่องเป็นราว   แต่ถ้าจะพูดไป   ช่วงเวลานั้นอาจจะพูดว่าเรายังอยู่ในภาวะวิกฤติตลอดเวลา   เพราะว่าเศรษฐกิจ  สถาบันการเงินหลัก ๆ  ของประเทศ  และบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจำนวนมาก  ต่างก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเอาตัวรอดจากภาวะเลวร้ายทางการเงินได้หรือไม่   จวบจนถึงปี  2544  เรา   หรือถ้าจะพูดให้ตรงก็คือ  โลกก็ต้อง  “ช็อก”  จากการถล่มตึกเวิร์ลเทรดในนิวยอร์คของกลุ่มก่อการร้าย   เหตุการณ์นี้ทำให้เราต้องปิดตลาดหลักทรัพย์หนึ่งวัน   แต่ข้อเท็จจริงที่ว่านี่เป็นเรื่องของการเมืองอเมริกันล้วน ๆ  และผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริง ๆ  โดยเฉพาะของประเทศไทยมีน้อย   ดังนั้น   ผลกระทบที่มีต่อตลาดหุ้นไทยจึงน้อยมาก  และผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง   ทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นเรื่อย   ๆ   และมาบูมสุดขีดในปี 2546  ที่ดัชนีปรับตัวขึ้นไปถึง 117%  ภายในปีเดียว   ก่อนที่จะประสบกับวิกฤติอีกครั้งหนึ่งในปี  2547

หลังจากเวิร์ลเทรด  ต่อมาอีก 3  ปีคือในปี  2547  วิกฤติของประเทศไทยน่าจะเรียกว่าเกิดหลายเรื่อง   ไล่ตั้งแต่โรคซาร์  ไข้หวัดนก  สึนามิ  เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้  และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง    ทั้งหมดนั้นว่าที่จริงก็ยังไม่อาจพูดได้ว่ามันผ่านไปแล้ว   แต่เราก็ชินกับมันและดูเหมือนว่าจะไม่เป็นปัญหาเหมือนกับที่เกิดในช่วงแรก

อีก 2 ปีต่อมาในปี 2549   ประเทศไทยก็เกิดการปฏิวัติอีกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นวิกฤติเพราะไม่มีคนคัดค้านมากนัก   และต่อมาอีก 2  ปีก็คือในปีปัจจุบันที่เรากลับมาเจอวิกฤติอีกครั้งหนึ่งที่น่าจะเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดอีกครั้งหนึ่งนับจากปี 2540   นั่นก็คือ   เราเจอวิกฤติที่เป็นผลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก  และเรายังเจอวิกฤติจากการที่มีการประท้วงปิดสนามบินหลักของประเทศ  นอกจากนั้นเรายังมีปัญหาความแตกแยกของคนในชาติที่รุนแรงที่ยังไม่จบลง    แต่ในความคิดผมเองนั้น    เหตุวิกฤติรุนแรงครั้งนี้ก็จะเป็นอย่างที่ เบน เกรแฮม  เคยพูดไว้เป็นคำอมตะว่า   “this too, shall past”   “นี่ก็จะต้องผ่านไปเหมือนกัน”
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เป็นบทความที่ผมชอบมากที่สุดบทความหนึ่งของ ดร.นิเวศน์เลยครับ
วันนี้นั่งอ่าน column นี้ใน กรุงเทพธุรกิจแล้ว อ่านไป ยิ้มกะพยักหน้าไปครับ
ขอบคุณ ดร.นิเวศน์มากๆนะครับ

ขอให้ ดร.มีสุขภาพแข็งแรง และข้อเขียนดีๆฝากไว้ให้นักลงทุนได้อ่านกันตลอดไปนะครับ
:D
ปล.ผมฟัง 96.5 เห็นคุณสุนันท์บอกว่า ศุกร์นี้ ดร.จะมาพูดเรื่องการลงทุนของท่านด้วยนะครับ
ใครสนใจลองติดตามฟังนะครับ
คลื่น 96.5 เวลา 10.00 น. ครับ

ปล.2 ขอบคุณ คุณ oatty มากๆนะครับที่นำข้อเขียนดีๆมาเผยแพร่เสมอๆครับ

สังคมจะดีเมื่อมีการแบ่งปันน้ำใจครับ  :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
ภาพประจำตัวสมาชิก
charnengi
Verified User
โพสต์: 2395
ผู้ติดตาม: 0

แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณคุณ oatty ครับ

โดยส่วนตัวอ่านคอลัมน์นี้เกือบทุกอาทิตย์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะซื้อรวมเล่มมาอ่าน
ผมอ่านบทความเก่าๆ ย้อนไป หลายบทความสะท้อนแนวคิดของ ดร ออกมาอย่างชัดเจน ท่านเตือนนักลงทุนรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา

แต่ผมมันดื้อเอง ผ่านการเล่นหุ้นมาแค่ 3 ปี ขึ้นปี 4 ซะที

สวัสดีปีใหม่ พี่ๆน้องๆทุกคน ปีใหม่นี้ร่ำรวยกันถ้วนหน้า ร่างกายแข็งแรงครับ
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

:oops:  :oops:  :oops:

ผมขอโทษนะครับเพื่อนๆ วันนี้ผมก็รอฟัง ดร.นิเวศน์ที่คลื่น 96.5 ครับ
ปรากฏว่า ดร.ไม่ได้มาจัดรายการครับ
(ก็ว่าจำได้คร่าวๆเหมือน ดร.ไปต่างประเทศครับ)

ต้องขอโทษจริงๆนะครับ
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
ภาพประจำตัวสมาชิก
windy12245
Verified User
โพสต์: 24
ผู้ติดตาม: 0

แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
ดร.คอยเตือนสติผมเสมอเลยอะครับ
ขอบคุณครับ  :P  :P
"Be greedy when others are fearful"
                      Warren E. Buffet
แม่แฝด3
Verified User
โพสต์: 196
ผู้ติดตาม: 0

แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอให้อ.และครอบครัว มีแต่ความสุข ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ  :D
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

แล้วมันก็จะผ่านไป / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

และแล้วก็ถึงวันที่ผมรอคอยครับ
คือว่าจำวันผิดครับ
วันนี้ ดร.นิเวศน์มาเล่าถึงการลงทุนของท่าน การลงทุนในปี 51 - 52
(ความคาดหมาย)

และการลงทุนช่วง40 - ประมาณ 42 มั้งครับ
ผมว่ามีประโยชน์มากๆนะครับ
พอดีผมฟังรายการสด และรอ update clip เสียงครับ
ตอนนี้ update แล้ว
เชิญไปฟังกันได้ที่นี่ครับ
:D

http://radio.mcot.net/fm965/programView.php?id=46573
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
โพสต์โพสต์