ใช้หุ้นทำงานแทนเรา -- ไอเดียการลงทุนขาลงสำหรับ VI

[CK]

คุณเด่นศรีแห่งสินธรได้อรรถาธิบายวิธีการลงทุนของแก โดยเน้น
การสร้างเงินสดแฝงในช่วงตลาดเป็นขาลง ผมคิดว่าน่าสนใจมากครับ

เหมือนกับการใช้หุ้นมาทำงาน สร้างรายได้นิดๆ หน่อยๆ ตอนช่วงตลาด
เป็น bearish แบบนี้ รายได้สะสมนี้สามารถเพิ่มมูลค่าได้ในภายหลัง เช่น
เอามาซื้อหุ้นเพิ่มเข้าไปในพอร์ต

เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ และเป็นระยะเวลายาวนาน ก็จะสามารถได้
ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำมากขึ้น

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 26119.html

[นักดูดาว]

เป็นเทคนิคการเชียร์ขายที่แยบคายมากครับ หุๆๆ
ขอจำไปใช้บ้างนะครับ

[โป้ง]

ตามไปอ่านแล้วครับเยี่ยมมาก

ปัจจุบันคุณ ck ใช้วิธีแบบคุณเด่นศรีหรือเปล่าครับ??????

[CK]

ยังไม่ได้ใช้ครับ คุณโป้ง แต่ผมลอง run test ย้อนหลังดูพบว่าได้ผลดีครับ

วิธีคุณเด่นศรี ผมขอเรียกว่า Hidden Cash Flow Management ละกัน
ทัศนคติจะต่างกับการเก็งกำไรโดยสิ้นเชิงครับ คติพจน์คุณเด่นศรีคือ
พอร์ตหุ้น 100% ตลอดเวลา การถือเงินสดเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งยวด
เพราะเสียโอกาส

เป็นแนวคิดที่ดีครับ แต่คนที่จะทำได้ต้องมีทัศนคติที่ดี มีวินัย และมีเวลา
ทำงานดูแลหุ้น

ผมคิดว่าจะปรับมาใช้บางส่วนก่อน -- เพราะไม่มีเวลาดูแลหุ้นเต็มตัว
ไว้ตกงานแล้วค่อยทำเต็มที่

ที่ผ่านมา ผมเล่น short against port สำหรับหุ้น VI บ่อยมาก ส่วนใหญ่
จะได้ค่าขนมคืนมา หรือได้หุ้นแถม แต่มีสองสามครั้งที่ short แล้วซื้อ
คืนไม่ได้ เสียหายไปเยอะครับ

วิธีคุณเด่นจะช่วย limit risk ของการซื้อคืนไม่ได้ที่ราวๆ 10% ซึ่งสามารถ
ปรับได้ตามความเหมาะสมครับ ผมว่าไม่ใช่สูตรตายตัว

ผมว่ามันเหมาะกับคนพอร์ตจุ๋มจิ๋มเหมือนผม พอร์ตใหญ่ๆ อย่างคุณ
chatchai อาจจะมีความเสี่ยงที่ซื้อคืนไม่ได้ครับ

[yoyo]

เพิ่งอ่านไปได้นิดเดียว แต่ก็ชอบแล้วครับ
ผมเองก็ยกให้นายคิโยซากินี่เป็นคนที่เขียนหนังสือเก่งมากคนนึง
เค้าเขียนอ่านสนุกและมีอะไรให้คิดเสมอ
อย่างที่คุณเด่นศรีเค้าบอกว่า อ่านรอบที่ 1 กะ รอบที่ 2 ก็ตีความหมายได้ต่างกัน
ผมอดใจรอเล่นแปลไม่ไหว ก็เลยซื้อภาษาอังกิดมาอ่านล่วงหน้า
มี success story กับ who took my money ...
เล่นแรกที่อสังหาแบบสุดๆไปเลยครับ .. แบบว่ามีคำนวณรายรับรายจ่าย
ผลตอบแทนกระแสเงินสดกันเห็นๆ หลายสิบตัวอย่าง ก็ได้ไอเดียเยอะกับ
แต่ต้องปรับมาใช้กันหน่อยเพราะกฏหมายเรายังต่างกะเค้า
ส่วนเล่นหลังนี่ดีมากๆครับ ผมซื้อมาได้ไม่กี่วันอ่านจะจบเล่มแล้ว
อ่านแล้ววางไม่ลง เหมือนติดนิยายยังไงหยั่งงั้น
เล่นหลังจะพูดถึงการลงทุน 3 แบบ โดยจะประสบความสำเร็จได้ควรจะมีการลงทุนอย่างต่ำ 2 แบบประยุกต์กัน ต้องลองอ่านดูเองครับ ..
ผมยกนิ้วให้เป็นเล่มที่ดีที่สุดใน series Rich Dad เลย

[harry]

ผมอ่านแล้วครับ งงเหมือนกันว่ากระแสเงินสดแฝงคืออะไร

ส่วน rich dad นั้นผมอ่านทุกเล่มแล้วครับ ซึ้งดี เข้าใจแนวการลงทุนของเขาว่าเป็นอย่างไร ตัวโรเบิร์ตเองก็บอกนะว่าแต่ละประเทศ แต่ละเมือง มีกฎเกณฑ์แตกต่างกัน เราต้องรู้เรื่องกฎหมาย ภาษีอะไรให้ดี ว่าอะไรเอื้อต่อเรามากกว่า ผมชอบนะ ดี ขอให้นักลงทุนแนว vi เนี่ย อ่านด้วยเลยครับ highly recommend

[utto]

ผมค่อนข้างทึ่งสำหรับแนวคิดครับว่า การคิดนอกกรอบ คิดออกไปนอกทางของคุณเด่นศรีจะมีประโยชน์มากๆ แถมแกไม่หวงวิชาด้วยยิ่งยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่ ต้องให้เครดิตแกเลยครับ แต่ผู้ที่จะทำได้เหมือนอย่างที่พี่ ck กล่าวไว้นะครับต้องมีเวลา และมีวินัย และที่แกย้ำมากๆก็คือ ระบบและใจที่นิ่งจริงๆ

ผมมาทำlink ข้อเตือนใจ สำหรับผู้ที่อ่าน link ของพี่ ck จบแล้วสนใจจะลองนำไปใช้ ลองอ่านดูจะได้ระมัดระวังเพราะมันไม่ได้เหมาะกับทุกคนครับ

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 49128.html

ปล. เงินสดแฝงในหนังสือ ใช้ศัพย์ว่า Phantom cash flow ครับผมไม่แน่ใจนักเพราะอ่านมานานพอควรแล้วครับ ชื่อน่ากลัวดีใช่ไหมครับ

[enokwan]

เข้าใจว่าวิธีของคุณเด่นศรีก็จัดว่าเป็นการ "short against port "แบบหนึ่ง

ที่นิยมมาใช้กันในช่วงขาลงอยู่แล้วนี่คะ โดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็นหุ้นที่มี

สภาพคล่องสูงๆ วิธีการก็คือ แบ่ง "ขาย" ทุกครั้งที่หุ้นลง

(จะขายเท่าไร กี่ช่อง ก็แล้วแต่ว่าจะมีเวลาในการเฝ้าดูมากขนาดไหน)

ขายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุดลง แล้วค่อยทยอย "ซื้อ" กลับมา

ในราคาที่ต่ำกว่าที่เคยขายไป ก็จะได้จน.หุ้นเท่าเดิม แต่มีเงินเหลือ

(ที่เรียกว่า "กระแสเงินสดแฝง") หรือ เอาเงินที่เหลือไปซื้อก็จะได้จน.หุ้นเพิ่ม

หรือจะนำไปซื้อตัวอื่นที่คิดว่าดีกว่าก็ยังได้ แต่ยังติดใจอยู่นิดนึงค่ะตรงที่ว่า

วิธีนี้จะต้องถูกนำมาใช้ทันทีที่หุ้นลง ไม่งั้นถ้าปล่อยไว้เนิ่นนาน เพิ่งมาคัท

จะมีโอกาสเสี่ยงที่มันจะกลับตัวได้สูง หรือไม่คนที่พอร์ตจุ๋มจิ๋มมากๆ

(มากกว่าพี่ ck อีก...น้องเองค่ะ อิๆๆ) มีจนหุ้นแค่ไม่กี่ร้อยหุ้น

อาจไม่เหมาะกับวิธีนี้หรือเปล่าคะ เพราะถ้ามัวมาทยอยขายทีละหน่อยอาจ

โดนค่าคอมบาน จนมากกว่า "กระแสเงินสดแฝง" ที่จะได้รับก็เป็นได้

หรือถ้าเราขายทีละเยอะๆ (เช่น 50 %) ให้มันลงทีละหลายๆช่อง

ก็อาจช้าเกินไป โอกาสเสี่ยงที่จะกลับตัวก็มีเยอะขึ้น

"กระแสเงินสดแฝง"ที่จะได้ก็น้อยลง เพราะฉะนั้น เราจะใช้วิธีนี้ได้

ก็ต้องมีจน.หุ้นมากพอสมควร...



ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือเปล่าคะ พี่ซีเค
พอดีอ่านคร่าวๆน่ะค่ะ...มันยาวอ่ะค่ะ แหะๆๆ


อ้อ..สงกะสัยอีกอย่างค่ะ พี่ ถ้าสมมติว่ามีคนหันมาใช้วิธีนี้กันหมด
คือขายไปเรื่อยๆ จนกว่าหุ้นจะหยุดลง แล้วงี้มันจะหยุดได้ไงคะ
เพราะมีแต่คนคิดแบบนี้เหมือนกันหมด หรือว่ารอคนที่ใช้แนวทางอื่น
เช่น พวกหมู่เฮาชาววีไอ มาช่วยพยุงราคา
(ที่เห็นว่ามันเริ่มต่ำกว่ามูลค่าที่ควรเป็น) ไว้คะ

[โป้ง]

ที่ผมอ่านไม่เกี่ยวว่าต้องมีหุ้นเยอะนะครับ แนวคิดออกจากกรอบไปเลย แต่มุ่งเน้นเพื่อลงทุนเป็นเจ้าของกิจการ เก็งกำไรหมดสิทธิ์แพ้ใจตัวเองในภายหลัง

หากใช้วิธีนี้กันหมด (ขอแค่รายย่อยทั้งหมดพอ) ตลาดราคาหุ้นจะไม่แกว่ง stable มีสูงครับ แต่ก็จะเล่นขาลงได้น้อยลง

วันจันทร์นี้ ผมจะเริ่มลอง test กับ advanc เป็นตัวแรกครับ หากสำเร็จตามที่คิดไว้ กระแสเงินสดแฝงจะต้องเพิ่มขึ้น แคนึกก็สนุกแล้วกับไม่มีเรื่องราคามาเกี่ยวข้อง เป็นอิสระทางการเงินมันรู้สึกดีจริงๆ


อยากให้อ่านกันครับ ผู้เขียนตอบคำถามผู้ถามทุกกระทู้เลย ยอมรับน้ำใจจริงๆ
ผมอ่านจบไป 2 เที่ยวแล้ว

[เพื่อนมายู]

ขอโทษนะครับหากผมมีความคิดไม่คล้อยตาม
ผมว่าวิธีนี้มีประโยชน์สำหรับคนไม่ค่อยกล้า cut loss มากกว่า โดยให้ค่อยๆปล่อยของออกแล้วปลอบใจตัวเองว่าได้กระแสเงินสดแฝง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้กล้าขาย (เป็นวิธีเชียร์ขายที่แยบยล...ตามที่คุณนักดูดาวบอก)

คิดดูซิครับ สมมุติซื้อหุ้นตามที่เค้ายกตัวอย่าง KTB มาในราคา 11 บาท พอลงมาถึง10บาท แล้วขายออกส่วนหนื่งซัก10% ถ้าหุ้นลงต่อ ก็ถือว่าโชคดี แล้วคุณมาซื้อคืนที่9.40บาท ถ้าหุ้นชึ้นไปถึง10บาท คุณก็ยังคงขาดทุน แต่ถ้าโชคไม่ดีหุ้นมันดันลงต่อ ก็ซวยซิครับ

สรุปว่าคุณไม่รู้ล่วงหน้าหรอกครับว่ามันจะขึ้นหรือลง เพราะถ้าผมรู้ว่ามันลงแน่ๆ ผมปล่อยหมดเลยครับตั้งแต่ 10.90 แล้วครับ แล้วมาซื้อที่ต่ำที่สุดอาจจะเป็น 2บาทก็ได้ เรื่องจริงก็คือถ้าผมรู้ได้ขนาดนั้น ผมคงไม่ไปซื้อมันตั้งแต่แรกแล้วแหละครับถ้าคิดว่าจะต้องซื้อราคาแพงมาไว้เพื่อขายในราคาถูกกว่าแล้วบอกว่าได้กระแสเงินสดแฝง

แนวคิดทำนองนี้...ผมกลับชอบแนวทางการลดต้นทุนราคาหุ้นจากหนังสือ เซียนหุ้นห่านทองคำ(เล่ม2) มากกว่าครับ ผมว่าปลอดภัยดีกว่า สำหรับเมืองไทย อ่านเล่มนี้แล้วผมชอบครับ ดูมันใกล้ตัวดี

ที่สำคัญที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องการเลือกหุ้นที่ดีในราคาที่เหมาะสม จะปลอดภัยที่สุดครับ

[MacroArt]

สุดยอดเลยครับ นั่งอ่านยันเช้าเลย

หุ้นขึ้น เงินเพิ่ม
หุ้นลง หุ้นเพิ่ม

[F]

แนวคิดคุณเด่นศรีคือ เน้นมีปริมาณหุ้นในพอร์ตที่มากขึ้นครับ ไม่เดาตลาด มันไปไหนไปตามมัน ถึงแม้บางครั้งซื้อคืนหมดไม่ได้บางส่วน ก็อาจใช้ช่องว่างของตลาดครับ ที่พี่เค้าบอกว่าเป็นความลับ

คนที่จะทำได้ขึ้นอยู่กับแนวคิดและใจครับ

[chatchai]

ผมไปตาม Link ยังไม่เห็นวิธีของคุณเด่นศรีเลยครับ

ใครช่วยสรุปหรือช่วยทำ Link ไปยังกระทู้ที่มีวิธีการลงทุนด้วยครับ

[Ent']

ถามพี่ CK
ผมคิดว่า นี้แทบจะเหมือนกับ Turtle Trading เลยนะครับ แต่กลับกันคือ Turtle จะเน้นเงินสด แต่อันนี้เน้นหุ้น แต่Turtle เน้นเงินสดได้เพราะว่า ที่ต่างประเทศมีการให้ทำ Shorts ด้วย

เท่าที่ดูผมว่าวิธีนี้เหมาะกับเมืองไทยที่เล่น short ไม่ได้ มากกว่า turtle แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นวิธีเดียวกันนะแหละ

ช่องโหว่ของตลาดหุ้น ที่คุณเด่นศรีที่เค้าพูดถึงก็ คือ มีการเคลื่อนไหวของ
ราคาครับ เท่าที่ผมตีความจาก Turtle นะ

[นักดูดาว]

ผมเห็นด้วยกับคุณเด่นศรีเป็นอย่างมาก วิธีนี้น่าจะได้ตังไปซื้อหุ้นเพิ่ม
ทุกท่านช่วยๆกันขายออกมา หุ้นต้องลงแน่ๆครับ ตลาดจะไปได้ด้วยพลังใจทุกคน

เอ้า อ่านแล้วไม่ทำ ก็ไม่เกิดผลครับ ขายๆๆๆกันเลยครับ วันจันทร์นี้
METCO PTTEP OHTL SE-ED PL WG BKI NKI SAFE PB S&P
ใครถืออะไรขายตัวนั้น ขายก่อนได้ตังก่อน ขายช้าขาดทุนนะเออ

:lol:

[เพื่อนมายู]

จริงด้วยซิครับ...คุณนักดูดาว....ผมลืมนึกไป
ผมก็เริ่มเห็นด้วยแล้ว.....ใครขายก่อนก็จะยิ่งได้กำไรก่อนจริงๆด้วย
ขอ WG , PL หนักๆเลยครับ ก่อนที่มันจะตกหนักกว่านี้ ลงมา50สตางค์ ก็ให้รีบๆขายเลยครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน เพราะมันอาจลงไปเกิน3บาทก็ได้ แล้วค่อยมาซื้อใหม่ แต่ถ้าลงไป3บาทแล้วยังลงต่อ ก็ขายออกมาก่อนอีกทีมันจะลงไปมากกว่านี้อีก......โหหหห คิดๆดู ยิ่งทำยิ่งกำไรนะแบบนี้ มีกระแสเงินสดแฝงเก็บไว้เพียบเลย
ขอ EGCOMPกับ TPC ด้วยนะครับ ( เดี๋ยวจะหาว่ามาเชียร์แต่หุ้นขาดสภาพคล่อง) ผมว่าขายกันออกมาก่อนได้แล้วครับ เพราะมันคงจะลงมากกว่าตอนนี้นะครับ อาจลงเยอะด้วย

[CK]

คุณ 'Ent คิดเหมือนผมครับ วิธีนี้มีหลายอย่างคล้าย turtle trading
มากๆ เลยครับ แต่ turtle โหดกว่า dsm เยอะครับ เพราะถ้าถึงเวลาขาย
อาจะขายล้างบางเลย หรือทะยอยขายไปเรื่อยๆ และไม่ซื้อคืนด้วยครับ
เด้งขึ้นมาก็ขายต่อ จนกว่าจะหมดพอร์ต

แต่ที่แน่ๆ คือทุกวิธีการเล่นหุ้นเน้นอย่างเดียวกันหมดครับ "จำกัดความเสี่ยง"

ส่วนที่คุณ enokwan ถาม ผมคิดว่าจะต้องมีหุ้นอย่างต่ำ 1,000 หุ้นครับ
ถ้าพอร์ตไม่ถึงหมื่นก็ต้องใช้หุ้นที่ราคาไม่ถึง 10 บาทครับ เช่น FANCY

ถึงได้เหมาะกับผมไง ผมมีหุ้นอยู่แค่ไม่กี่พันหุ้นเองครับ (ยิ้ม)

ถ้าผมมีหุ้น WG อยู่แสนหุ้น ขายทีละ 10% นี่ อาจจะวงแตกได้ครับ

และขอบคุณท่านนักดูดาวที่ช่วยเชียร์ขาย METCO ให้ด้วยนะครับ
ขอสัก 140 บาทได้จะดีมาก

[อ-ริน]

แหม ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันจังเลยนะคะ คุณนักดูดาวชงขาย ท่านพี่ซีเคก็รับลูกเชียว
55555555555

มองว่าวิธีคุณเด่นศรีคืออ่อนตัวตามตลาดนะคะ เขาไม่ตัดสินใจขายโครมเดียวหมด
เพราะเผื่อว่ามันไม่ลงอย่างที่คิด จะได้ไม่เสียหายมาก
ก็ถือว่าจำกัดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง
ถ้าสามารถมองตลาดได้ดีมากๆ มองลงเป็นลงขึ้นเป็นขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้สิคะ
แต่อย่างนี้ก็ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆนี่นา

[ปู่เอง]

ปู่สงสัยใคร่ถามหนึ่งคำถาม
แล้วถ้าเป็นเหมือนยุค1700ลงมา200ล่ะ วิธีนี้จะเหมาะหรือไม่
แล้วถ้าบังเอิญไปเจอหุ้นแบบ fin1 ในอดีตล่ะ

[.]

แต่ละคน มีสไตล์ต่างกัน
ยาวิเศษของคนหนึ่ง อาจเป็นยาพิษของอีกคนก็ได้

[Windy]

กระทู้ภาคต่อครับ

อันตรายจากการเล่นด้วยวิธีของคุณเด่นศรี

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 50839.html

[buglife]

เอ้า อ่านแล้วไม่ทำ ก็ไม่เกิดผลครับ ขายๆๆๆกันเลยครับ วันจันทร์นี้
METCO PTTEP OHTL SE-ED PL WG BKI NKI SAFE PB S&P
ใครถืออะไรขายตัวนั้น ขายก่อนได้ตังก่อน ขายช้าขาดทุนนะเออ

:lol:

รู้สึกคุณเด่นจะบอกว่า ถ้าไม่อยู่ใน 50 หุ้น ไม่นับนะครับ เสียใจด้วยครับ คงเชียร์ขายไม่ได้ 555

หรือจะให้ พี่เทพ โรงแรม ประกัน แตกพาร์ดีครับ จะได้ขายคล่องๆ

[chatchai]

ผมว่าวิธีของแกคงไม่ใช่เป็นการให้หุ้นทำงานแทนแล้วละครับ เพราะต้องนั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวัน

ผมอ่านแล้วเกิดความรู้สึกอย่างเดียวครับว่าอยากเป็น Marketing ของแกครับ ทั้งปีวอลุ่มเทรดคงสูงมาก ดีไม่ดีค่าคอมอาจเกินมูลค่าหุ้นในพอร์ตอีกนะครับนี่

เอหรือว่าแนะนำแกไปสมัครเป็น Markering ตัวเองเลยดีไหมนี่ คงประหยัดไปได้เยอะนะ เห็นว่าแกมีพอร์ตสูงเป็นสิบล้าน ถือหุ้นอยู่กว่าห้าสิบบริษัท

[นักดูดาว]

ไม่ได้พูดในแง่ถือโอกาสเชียร์ขายแล้วนะครับ แต่ในฐานะเพื่อนนักลงทุนรายย่อย ผมยืนยันว่าเห็นด้วยกับคุณเด่นศรีครับ รายย่อยไทยๆ ส่วนมากติดหุ้นแล้วขายไม่ลง

ถ้ามองในแง่ VI ตามแบบบัฟเฟต ก็คงไม่ถูกต้องนัก แต่ถ้ามองในแง่เพื่อนมนุษย์หุ้นทำมาหาเงินในตลาดหุ้นแล้ว การหากุศโลบายใดๆที่ช่วยให้ได้เงินกลับมาถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้นครับ

[โป้ง]

วันนี้ลองเป็นวันแรกครับ advanc 2000 หุ้น ที่ราคา 91 บาท เป็นเงิน 182,000 + com. 365 บาท

แต่ราคามันขึ้นไปก่อน วันนี้เลยไม่ได้ช็อตขายไป พรุ่งนี้จะมาบอกครับ

[yoyo]

เรื่อง นักลงทุนจะได้กำไรเมื่อซื้อ ผมก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเข้าใจ มันก็คือการซื้อหุ้นคืนนั่นแหละครับ ซื้อคืนได้ ก็คือได้กระแสเงินสดแฝง นั่นคือกำไรที่นักลงทุนควรมองหา ( ถ้าเปรียบกับอสังหาริมทรัพย์ ก็เหมือนกับได้ค่าเช่าบ้านครับ และจะเป็นรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ แทบทุกวัน )

เท่าที่ผมอ่านดูกระแสเงินสดแฝงของอสังหา
จริงๆแล้วมันคือค่าเสื่อมราคานะครับ ..
สมมติว่ารายรับของอสังหาเราเป็น 100000 ต่อปี แล้วค่าเสื่อมเราเป็น 150000 ต่อปี
เราจะขาดทุนอยู่ 50000 ต่อปี .. แต่ส่วนที่ขาดทุนนี้ไม่ใช่ขาดทุนเงินสดเป็นการขาดทุนทางบัญชี
เราจึงนำขาดทุนทางบัญชีไปหักรายได้ของเราจากธุรกิจหรืออสังหาอันอื่นได้อีก .. แต่ผมยังไม่รู้ว่ากฏหมายไทยอนุญาติให้ทำได้รึเปล่า

ส่วนแนวคิดของคุณเด่นศรีผมยังไม่กระจ่างเท่าไหร่ว่ามันมีอะไรพิเศษ
ยังอ่านไม่จบด้วยแหละครับ และก็ยังงงๆอยู่

[CK]

คุณ chatchai ครับ ผมจั่วหัวไปงั้นแหละครับ เรียกร้องความสนใจ


กระแสเงินสดแฝงในหุ้นเป็นการตีความของคุณเด่นศรีเองครับ
ว่าถ้าใช้กับหุ้น หมายถึงรายได้จากการทำ short against port

ที่ผมว่าน่าสนใจเกี่ยวกับแนวทางการลงทุนของคุณเด่นศรีคือ
การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพอร์ตอย่างเป็นรูปธรรมในระหว่างหุ้น
ตก

แต่นั่นไม่สำคัญครับ ที่สำคัญคือ ทำให้คนที่ติดหุ้นมีอะไรทำ


ยกตัวอย่างนะครับ นักลงทุนรายย่อยบางคนอาจจะติดหุ้น
FANCY ที่ 7.05 บาท แต่วันนี้ราคา ไม่ถึง 6 บาท ถ้าไม่ใช่วีไอ
ที่ไม่หวั่นไหวต่อราคาตลาด อาจจะทำใจยากสักนิด

ส่วนจะให้ขายหมดตัว cut loss วันนี้เลย ก็ทำใจไม่ได้อีก ...

เดี๋ยวเกิดพรุ่งนี้ประกาศผลประกอบการออกมา แล้วหุ้นวิ่งขึ้น
ไปอีก จะซื้อกลับมาแพงกว่าที่ขายไปไหม

แล้วถ้าไม่ขาย เกิดผลประกอบการออกมาสุดห่วย พรุ่งนี้ลงอีก
50 สตางค์ จะทำอย่างไร

คำตอบของคุณเด่นศรีคือ อย่าไปเดาครับ ว่าหุ้นมันจะขึ้นหรือลง

ถ้ามันลง ก็ short sell ไป 10% ถ้าลงต่อ ก็ short อีก พอเริ่มขึ้น
มาหน่อย ก็ซื้อคืนส่วนที่ short ออกไปตอนแรกๆ โดยเน้นว่า
ไม่ซื้อแพงกว่าที่ขายไปเด็ดขาด และไม่ซื้อมากกว่าที่ขายไปด้วย

ส่วนต่างที่ได้มานี่ แกเรียกว่า "กระแสเงินสดแฝง"

ตราบใดที่หุ้นยังเป็นแนวโน้มลงอยู่ กระแสเงินสดแฝงจะมากขึ้น
เรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่มากเท่ากับขายทีเดียวหมดแล้วมาซื้อคืนทีเดียว

สิ่งที่วิธีนี้ให้ จะไม่ใช่กำไรครับ แต่เป็น peace of mind มากกว่า
อย่างอื่น คือเราจะไม่เครียดอีกต่อไปว่าหุ้นจะขึ้นจะลง ทำตาม
วิธีนี้อย่างเคร่งครัด (รายละเอียดค่อนข้างเยอะครับ) แล้วถ้าราคา
หุ้นซึมลงนานๆ จะได้เงินสดคืนมา (จากจำนวนหุ้นคงเดิม)

เป็นวิธีตัดความโลภและความกลัวออกไปจากการลงทุนได้อย่าง
เป็นรูปธรรมครับ

ส่วนวีไอที่มั่นใจในบริษัทถึงแม้ราคาหุ้นจะตกลงไปครึ่งหนึ่ง ไม่ต้อง
ทำให้เสียเวลาครับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่คุ้มค่ากว่าดีกว่า

ส่วนวีเอสที่อ่านเกมหุ้นขาด (ไม่ว่าจาก chart หรือจิตยามวลชน)
ก็เล่นแบบ all-or-none ไปเลย ซื้อก็ซื้อเต็มๆ ขายก็ขายหมดเลย
ตอน sideway ก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่คุ้มกว่า

ส่วนพวกจะไอก็ไม่ไอ จะเอสก็ไม่เอส และสามารถเข้าใจหลักการ
ลงทุนของคุณเด่นศรีที่แท้จริง (ว่าไม่ใช่แค่ตัดนิ้วทีละนิ้ว)
ก็สามารถทดสอบประยุกต์ใช้กับแนวทางการเล่นหุ้นของตัวเองได้

ปล. ผมยังไม่ได้ใช้วิธีนี้เลยนะครับ ถึงแม้จะเห็นว่าค่อนข้างได้ผล
ทุกวันนี้ผมเล่นหุ้นแค่สองแบบครับ ถ้าไม่ได้ถือยาวหลายปี ก็ถือ
สั้นไปเลย (อาจจะแค่ 20 วินาที ไปจนถึง 2-3 เดือน) และซื้อก็
ซื้อเต็มๆ ขายก็ขายทีเดียวหมด ไม่ว่ากำไรหรือขาดทุน

แต่กำลังหาทางประยุกต์แนวคิดของคุณเด่นศรีเข้ากับการลงทุน
อยู่ครับ (ไม่มีเวลาดูหุ้นทุกวัน วันละ 5 ชม.) ยังคิดไม่ออก

[อืมม์]

ผมมองว่ามันเป็นกลยุทธ์ในการเล่นแบบไม่ต้องเดาตลาด ซึ่งผลที่ได้ก็คล้าย ๆ กับวิธีอื่น ๆ มันเป็นการบังคับให้รู้จักถือเวลาตลาดขึ้น ไม่เสียหายอะไรที่จะศึกษาแนวคิดแบบต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกันตัวเองครับ น่ายินดีที่ Vi หลาย ๆ ท่านรู้จักเปิดใจให้กว้างไม่ยึดติดว่าวิธีของตัวเองถูกต้องที่สุด แม้แต่นักลงทุนที่เก่งที่สุดในโลกก็คงไม่คิดว่าวิธีของคนอื่นไม่คู่ควรกันการศึกษาหรอกครับ

[โป้ง]

ไม่มีเวลามานั่งดูจอเลยครับ เลยตัดสินใจขาย advanc ทิ้งไปก่อน ได้ค่าขนมมานิดหน่อย


สำหรับวิธีนี้ เล่นก็ไม่ง่ายครับ เนื่องจากราคาขึ้นลง ไม่เป็นไปตามที่เราคาดไว้ และต้องสำหรับคนนั่งเฝ้าหน้าจอได้ตลอด จะดีที่สุดสำหรับหุ้นที่ swing สูงๆ

[ForrestGump]

หลักการคุณ เด่นศรียังไงผมก็ไม่เข้าใจครับ

หุ้น ก.เป็นหุ้นที่ผลประกอบการไม่สม่ำเสมอ เป็นบริษัทสินค้าดาดๆ ทั่วไปในตลาด มีผู้บริหารที่ไม่ซื่อสัตย์ ชอบนำสินทรัพย์ของตััวเองให้บริษัทเช่าหรือซื้อในราคาแพง จ่ายผลตอบแทนผู้บริหารแพงๆ ไม่มีการจ่ายปันผล งบไตรมาส1 ไม่ดี ราคาอยู่ที่ 7 บาท เราไม่ซื้อ พองบไตรมาส2ออก ปรากฎว่าออกมาดี +กับการเชียร์ซื้อของโบรกโดยมีบทวิเคราะห์หุ้น ก.ว่าจะมีแนวโน้มดีต่อไป(ทำให้เราอาจเข้าใจผิดว่า หุ้น ก. จะดีต่อไปในอนาคตเป็น Turnaround stock)ราคหุ้นหุ้น ก. ก็เลยขึ้นไปซื้อขายที่ 10 บาท เราซื้อ 1000 หุ้น ลงไป9บาท ขายไป 100 หุ้น ขาดทุนไปแล้ว 100 บาท พอผลประกอบการไตรมาสสาม ออกมาไม่ดี ลงไปอีกเหลือ 7 บาท เราก็ขายไปอีก100 หุ้น ขาดทุนไปอีก 300 บาท ไตรมาสที่สี่ มีข่าวผู้บริหารขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก ราคาตกลงไปเหลือ 3 บาท เราก็ขายไปอีก 100 หุ้น เราขาดทุนไปอีก 700 บาท ยิ่งลงยิ่งขาย

จนในที่สุด หุ้นตัวนั้นถูกตรวจสอบพบว่า มีการตกแต่งบัญชี และสินค้าของบริษัทก็ไม่ได้คุณภาพ ทำให้ขายของไม่ได้ รายได้ลงลงเรื่อยๆ

ผมว่าถ้าเราไม่วิเคราะห์กิจการของหุ้นที่เราจะซื้อ เราไม่วิเคราะห์งบการเงินให้ดี ทำให้เราเข้าใจผิดว่า เป็นหุ้นที่ "อนาคต" จะดี ผมว่าถึงจะได้หุ้นเพิ่มในจำนวนเงินเท่าเดิม แต่เราได้หุ้นของ บริษัท "เน่า" มาแล้วจะมีประโยชน์อะไรเหรอครับ

หุ้นดี ้ถ้าซื้อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เราใช้หลักการที่ถูกต้องประเมินมัน ในที่สุด "เงิน" ก็จะทำงานแทนเรา

แต่หลักการ กระแสเงินสดแฝง ทำให้เราต้องนั่งเฝ้าจอ เสียการงาน และ หลักการไม่ได้สนใจ กิจการ หรือ งบการเงินเลย (ตามคำพูดของคุณเด่นศรี) เราก็เป็น "เหยื่อ" ของเจ้ามือเท่านั้นเอง

พวกคุณช่วย อธิบาย "ความสุขจากการลงทุน" ไสตล์นี้ให้ผมฟังด้วยครับ