พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
- Juninho
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1054
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 1
ขอความรู้กัน ตรง ๆ เลยล่ะกันนะครับ
เห็นมีอยู่หลายท่าน ที่ผมรู้ ๆ ก็ท่านประธาน พี่WEB พี่ลูกอีสาน
(ยิ่งโดยเฉพาะ พี่ WEB เห็นพี่วิบูลย์บอกเต็มพอร์ตตลอด ... อึ้งครับ)
รวมถึงอีกหลายท่าน ที่โหวตในกระทู้ทำโพลล์ว่า ไม่ติดลบ
ขอขอบคุณล่วงหน้า ขอให้พี่ ๆ รวยยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะครับ
เผื่อวิกฤติรอบหน้า ผมจะได้เลียนแบบบ้าง :D
เห็นมีอยู่หลายท่าน ที่ผมรู้ ๆ ก็ท่านประธาน พี่WEB พี่ลูกอีสาน
(ยิ่งโดยเฉพาะ พี่ WEB เห็นพี่วิบูลย์บอกเต็มพอร์ตตลอด ... อึ้งครับ)
รวมถึงอีกหลายท่าน ที่โหวตในกระทู้ทำโพลล์ว่า ไม่ติดลบ
ขอขอบคุณล่วงหน้า ขอให้พี่ ๆ รวยยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะครับ
เผื่อวิกฤติรอบหน้า ผมจะได้เลียนแบบบ้าง :D
You Can Get It If You Really Want
But you must try, try and try
But you must try, try and try
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 2
เอาจริงๆคือ ได้โล่แต่ไม่ได้เงินนะครับ ภูมิใจไม่ออก ขอเงินดีกว่า
ลงจากบวก45%เหลือบวกไม่ถึง1%
อาจจะดูว่า outperformมากในภาวะที่ผ่านมา
แต่ถ้ามองนอกกรอบหน่อยออกจากเรื่องหุ้นไป
คนที่เขาลงทุนแบบอื่น อาคารให้เช่า ซื้อพันธบัตร และอื่นๆ
เขาก็กำไรมากกว่านะครับ
ขาลงของนักพนันในสายตาคนทั่วไป พวกรอกระทืบเพียบเลยครับ
ใส่ซะเต็มที่ เป็นชุดๆ หุ้นมันเลวแบบนั้นแบบนี้
หมด mood ไม่เล่าแล้วสำหรับคนนอกวงหุ้น
นอกเรื่องไปหน่อย กลับเข้าเรื่องครับ
หลักๆคือหลังจากเห็น fund flow ไหลออกจากหุ้นทุกมุมโลก
รวมไปถึง commodity ด้วย
ก็โยกหุ้นจากหุ้นที่กำไรที่มากขึ้นขึ้นกับราคา commodity ที่สูงขึ้น
มาหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากราคา commodity ลดต่ำลง
และยอดขายไม่ค่อยจะลดลงเพราะยังไม่มีอะไรที่ถูกกว่าดีกว่า มาทดแทน
แต่ลืมนึกถึงการปรับฐานของ pe ทั้งตลาด
ทำให้หุ้นกำไรเพิ่ม เพิ่มจนทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ราคาหุ้นไม่อยากเพิ่ม
เพราะ pe อยากจะลดลง
ทำได้ดีสุดแค่นิ่งๆไป ไม่ลงไม่ขึ้น
แต่หุ้นตัวอื่นที่ซื้อตามปกติ คาดการณ์ growth ว่าจะสูงขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่
กับกำลังการผลิตโรงงานที่มากขึ้น คือผิดหมดครับ
ยอดขายไม่โตตามที่คาด ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ติดตลาดมากเท่าที่คิด
การจับจ่ายใช้สอยลดลง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่แข็งจริงๆ
ยอดขายแป๊กทั้งนั้น เจอภาวะตลาดหุ้นโดยรวมกดดัน
ทำให้หุ้นลงตามตลาดไป
ส่วนนี้ขาดทุนไม่ใช่น้อยจนทำให้กำไรรวมหายไป
ลงจากบวก45%เหลือบวกไม่ถึง1%
อาจจะดูว่า outperformมากในภาวะที่ผ่านมา
แต่ถ้ามองนอกกรอบหน่อยออกจากเรื่องหุ้นไป
คนที่เขาลงทุนแบบอื่น อาคารให้เช่า ซื้อพันธบัตร และอื่นๆ
เขาก็กำไรมากกว่านะครับ
ขาลงของนักพนันในสายตาคนทั่วไป พวกรอกระทืบเพียบเลยครับ
ใส่ซะเต็มที่ เป็นชุดๆ หุ้นมันเลวแบบนั้นแบบนี้
หมด mood ไม่เล่าแล้วสำหรับคนนอกวงหุ้น
นอกเรื่องไปหน่อย กลับเข้าเรื่องครับ
หลักๆคือหลังจากเห็น fund flow ไหลออกจากหุ้นทุกมุมโลก
รวมไปถึง commodity ด้วย
ก็โยกหุ้นจากหุ้นที่กำไรที่มากขึ้นขึ้นกับราคา commodity ที่สูงขึ้น
มาหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากราคา commodity ลดต่ำลง
และยอดขายไม่ค่อยจะลดลงเพราะยังไม่มีอะไรที่ถูกกว่าดีกว่า มาทดแทน
แต่ลืมนึกถึงการปรับฐานของ pe ทั้งตลาด
ทำให้หุ้นกำไรเพิ่ม เพิ่มจนทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ราคาหุ้นไม่อยากเพิ่ม
เพราะ pe อยากจะลดลง
ทำได้ดีสุดแค่นิ่งๆไป ไม่ลงไม่ขึ้น
แต่หุ้นตัวอื่นที่ซื้อตามปกติ คาดการณ์ growth ว่าจะสูงขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่
กับกำลังการผลิตโรงงานที่มากขึ้น คือผิดหมดครับ
ยอดขายไม่โตตามที่คาด ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ติดตลาดมากเท่าที่คิด
การจับจ่ายใช้สอยลดลง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่แข็งจริงๆ
ยอดขายแป๊กทั้งนั้น เจอภาวะตลาดหุ้นโดยรวมกดดัน
ทำให้หุ้นลงตามตลาดไป
ส่วนนี้ขาดทุนไม่ใช่น้อยจนทำให้กำไรรวมหายไป
bid please!!
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 3
มีนักลงทุนท่านหนึ่ง ตั้งแต่หุ้นลงมาจาก 880 ก็ซื้อมาเรื่อยๆ ซื้อไปจนหุ้นลงไปเหลือ 384 ก็ยังซื้ออยู่ตลอด
ล่าสุดก่อนหุ้นขึ้น ปีใหม่ เห็นว่า กำไรไป ล้านกว่าบาท
ท่านบอกว่า โอกาสเดียวในชีวิต ที่มีหุ้นถูกขนาดนี้ให้ซื้อ ก็เลย ซื้อตลอด ยิ่งลงก็ยิ่งซื้อ
แต่ท่านเลือกหุ้นพื้นฐานดีนะ
อิอิ
ล่าสุดก่อนหุ้นขึ้น ปีใหม่ เห็นว่า กำไรไป ล้านกว่าบาท
ท่านบอกว่า โอกาสเดียวในชีวิต ที่มีหุ้นถูกขนาดนี้ให้ซื้อ ก็เลย ซื้อตลอด ยิ่งลงก็ยิ่งซื้อ
แต่ท่านเลือกหุ้นพื้นฐานดีนะ
อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 4
ผมเป็นคนนึงที่เคยเสียเงินกับหุ้นไปเยอะมาก ตอนเริ่มเล่นใหม่ๆ กลางปี 50 สุดท้ายก็ต้องรีบตัดขาดทุน แล้วนิ่งๆ ไว้ (ตอนนั้นซื้อ TOP ที่ 97.5 สุดท้ายรีบขายไปตอน 85 ... ตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึง)
ส่วนปี 51 เริ่มต้นใหม่ ด้วยพอร์ตใหม่ มาร์คนใหม่ ซึ่งชอบแนว VI มาก ก็แนะนำผมหลายอย่าง ซึ่งพอร์ตใหม่ปีที่ผ่านมาได้ไป + 12% ครับ โดยเฉลี่ยครับ
สรุปของทั้งสองสถานการณ์ ผมว่านะ สิ่งที่ทำให้พอร์ตผมไม่ติดลบ ก็คือ
1. มาร์เก็ตติ้ง -- ผมว่าอันนี้สำคัญ (ในกรณีที่หัดเล่นใหม่ๆ) เราต้องรู้ว่ามาร์เก็ตติ้งที่เราคุยด้วยหรือคอยแนะนำเรา ชอบเล่นแนวไหน เน้นรายได้จากวอลุ่มหรือป่าว (พวกที่ชอบให้ซื้อขายบ่อยๆ) หรือเป็นพวก VI รวมทั้งเราต้องคอยทดสอบด้วยว่า เค้าศึกษาหรืออ่านข้อมูลของสถานการณ์โดยรวม หรือข่าวเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ มากน้อยแค่ไหน เพราะผมเชื่อว่า มาร์เก็ตติ้งโดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรู้หรือติดตามข่าวสารอย่างจริงจัง เพียงแต่รับพวก brief มาจากฝ่ายวิเคราะห์ทุกเช้าแค่นั้น
2. อ่านและติดตามข่าว -- ถ้าคิดจะเล่นหุ้นจริงๆ ผมว่าการอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจทุกเช้า รวมทั้งอ่านบทวิเคราะห์ทุกเย็น รวมถึงเดินไปเยี่ยมชมกิจการที่สนใจทุกครั้งที่เวลาว่างน่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ อย่างน้อยทำให้เรามั่นใจในกิจการที่เราจะซื้อ และไม่วิตกถ้าเกิดราคาตกลงอย่างไม่มีเหตุผล และกล้าเข้าซื้ออย่างมีเหตุผล
3. Technic -- อันนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่ถนัดเลย แต่ก็พอดีมาร์ผมเก่งด้านนี้ ก็เลยช่วย support กันได้ครับ ว่าควรซื้อหรือขายที่ราคาไหน
4. Warren Buffet -- คนนี้ก็ช่วยผมได้
- ไม่ซื้อกิจการที่ไม่รู้จัก หรือไม่เข้าใจ เช่น WG ที่พี่ Chatchai ซื้อผมก็ยังไม่เข้าใจมาก โดยเฉพาะธุรกิจหลักของเค้า ว่ามีลูกค้าเป็นใคร ขายอะไร ส่วนเรื่องโกดังให้เช่า กับตึกคอลั่ม อันนั้นพอเข้าใจได้ แต่ก็นะ มันยังไม่ค่อยชัวร์ง่ะ
- ไม่ panic เวลาตลาดลง
- รู้จักตัดใจ ถ้าพื้นฐานเปลี่ยนไป (อันนี้ของ Buffet ป่าวไม่รู้ 555) -- ตัดใจขาย UEC ที่เจ็ดบาทกว่า ๆ แล้วก็ MCS ที่สองบาทกว่า ๆ
แค่นี้อ่ะครับ ที่ทำให้ผมอยู่รอดมาได้อีกปี
ตอนนี้หุ้นที่ถือก็มี
- CPN (Growth stock ที่น่าสนใจ)
- CPALL (Growth + Div) แต่เริ่มเสี่ยงๆ
- Advanc (Div) แต่คงไม่ค่อย Growth ล่ะ
- Kbank (Conservative in Growth)
- TSTH (Growth มาก ๆ ผมเชื่อออออ)
- BGH
- Others มี 25% ของพอร์ต อันนี้ซื้อไปเรื่อยๆ แล้วแต่ช่วงแต่ไม่ให้เกิน 25% (PTTEP, AP, PS, TTW, ENGY, MINT)
หมายเหตุ อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ เท่าที่เล่นมา แล้วการเลือกหุ้น ก็เลือกและศึกษาเอง เพราะฉะนั้น .. "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้อ่านควรพิจารณาด้วยครับ"
ส่วนปี 51 เริ่มต้นใหม่ ด้วยพอร์ตใหม่ มาร์คนใหม่ ซึ่งชอบแนว VI มาก ก็แนะนำผมหลายอย่าง ซึ่งพอร์ตใหม่ปีที่ผ่านมาได้ไป + 12% ครับ โดยเฉลี่ยครับ
สรุปของทั้งสองสถานการณ์ ผมว่านะ สิ่งที่ทำให้พอร์ตผมไม่ติดลบ ก็คือ
1. มาร์เก็ตติ้ง -- ผมว่าอันนี้สำคัญ (ในกรณีที่หัดเล่นใหม่ๆ) เราต้องรู้ว่ามาร์เก็ตติ้งที่เราคุยด้วยหรือคอยแนะนำเรา ชอบเล่นแนวไหน เน้นรายได้จากวอลุ่มหรือป่าว (พวกที่ชอบให้ซื้อขายบ่อยๆ) หรือเป็นพวก VI รวมทั้งเราต้องคอยทดสอบด้วยว่า เค้าศึกษาหรืออ่านข้อมูลของสถานการณ์โดยรวม หรือข่าวเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ มากน้อยแค่ไหน เพราะผมเชื่อว่า มาร์เก็ตติ้งโดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรู้หรือติดตามข่าวสารอย่างจริงจัง เพียงแต่รับพวก brief มาจากฝ่ายวิเคราะห์ทุกเช้าแค่นั้น
2. อ่านและติดตามข่าว -- ถ้าคิดจะเล่นหุ้นจริงๆ ผมว่าการอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจทุกเช้า รวมทั้งอ่านบทวิเคราะห์ทุกเย็น รวมถึงเดินไปเยี่ยมชมกิจการที่สนใจทุกครั้งที่เวลาว่างน่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ อย่างน้อยทำให้เรามั่นใจในกิจการที่เราจะซื้อ และไม่วิตกถ้าเกิดราคาตกลงอย่างไม่มีเหตุผล และกล้าเข้าซื้ออย่างมีเหตุผล
3. Technic -- อันนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่ถนัดเลย แต่ก็พอดีมาร์ผมเก่งด้านนี้ ก็เลยช่วย support กันได้ครับ ว่าควรซื้อหรือขายที่ราคาไหน
4. Warren Buffet -- คนนี้ก็ช่วยผมได้
- ไม่ซื้อกิจการที่ไม่รู้จัก หรือไม่เข้าใจ เช่น WG ที่พี่ Chatchai ซื้อผมก็ยังไม่เข้าใจมาก โดยเฉพาะธุรกิจหลักของเค้า ว่ามีลูกค้าเป็นใคร ขายอะไร ส่วนเรื่องโกดังให้เช่า กับตึกคอลั่ม อันนั้นพอเข้าใจได้ แต่ก็นะ มันยังไม่ค่อยชัวร์ง่ะ
- ไม่ panic เวลาตลาดลง
- รู้จักตัดใจ ถ้าพื้นฐานเปลี่ยนไป (อันนี้ของ Buffet ป่าวไม่รู้ 555) -- ตัดใจขาย UEC ที่เจ็ดบาทกว่า ๆ แล้วก็ MCS ที่สองบาทกว่า ๆ
แค่นี้อ่ะครับ ที่ทำให้ผมอยู่รอดมาได้อีกปี
ตอนนี้หุ้นที่ถือก็มี
- CPN (Growth stock ที่น่าสนใจ)
- CPALL (Growth + Div) แต่เริ่มเสี่ยงๆ
- Advanc (Div) แต่คงไม่ค่อย Growth ล่ะ
- Kbank (Conservative in Growth)
- TSTH (Growth มาก ๆ ผมเชื่อออออ)
- BGH
- Others มี 25% ของพอร์ต อันนี้ซื้อไปเรื่อยๆ แล้วแต่ช่วงแต่ไม่ให้เกิน 25% (PTTEP, AP, PS, TTW, ENGY, MINT)
หมายเหตุ อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ เท่าที่เล่นมา แล้วการเลือกหุ้น ก็เลือกและศึกษาเอง เพราะฉะนั้น .. "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้อ่านควรพิจารณาด้วยครับ"
-
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 5
มีเงินสดนี้มันโก้จริงๆ :DJeng เขียน:มีนักลงทุนท่านหนึ่ง ตั้งแต่หุ้นลงมาจาก 880 ก็ซื้อมาเรื่อยๆ ซื้อไปจนหุ้นลงไปเหลือ 384 ก็ยังซื้ออยู่ตลอด
ล่าสุดก่อนหุ้นขึ้น ปีใหม่ เห็นว่า กำไรไป ล้านกว่าบาท
ท่านบอกว่า โอกาสเดียวในชีวิต ที่มีหุ้นถูกขนาดนี้ให้ซื้อ ก็เลย ซื้อตลอด ยิ่งลงก็ยิ่งซื้อ
แต่ท่านเลือกหุ้นพื้นฐานดีนะ
อิอิ
-
- Verified User
- โพสต์: 215
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 6
ซื้อเรื่อยๆ แค่ไหน อ่ะครับ ดัชนี ที่ว่า มีช่วงห่างมากJeng เขียน:มีนักลงทุนท่านหนึ่ง ตั้งแต่หุ้นลงมาจาก 880 ก็ซื้อมาเรื่อยๆ ซื้อไปจนหุ้นลงไปเหลือ 384 ก็ยังซื้ออยู่ตลอด
ล่าสุดก่อนหุ้นขึ้น ปีใหม่ เห็นว่า กำไรไป ล้านกว่าบาท
ท่านบอกว่า โอกาสเดียวในชีวิต ที่มีหุ้นถูกขนาดนี้ให้ซื้อ ก็เลย ซื้อตลอด ยิ่งลงก็ยิ่งซื้อ
แต่ท่านเลือกหุ้นพื้นฐานดีนะ
อิอิ
ถ้าซื้อ เรื่อยๆ แสดงว่ามีการ บริหารกระสุนได้เป็นระบบมาก
อยากทราบครับ
นักลงทุนท่านนั้น แบ่งสัดส่วนการซื้ออย่างไรครับ
เงินจึงไม่หมด ซะก่อน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 7
เป็นหมอฟัน มี 5 คลีนิค มีรายรับทุกเดือนครับ ก็เลยซื้อได้ทุกเดือนsetmaker เขียน: ซื้อเรื่อยๆ แค่ไหน อ่ะครับ ดัชนี ที่ว่า มีช่วงห่างมาก
ถ้าซื้อ เรื่อยๆ แสดงว่ามีการ บริหารกระสุนได้เป็นระบบมาก
อยากทราบครับ
นักลงทุนท่านนั้น แบ่งสัดส่วนการซื้ออย่างไรครับ
เงินจึงไม่หมด ซะก่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 222
- ผู้ติดตาม: 0
พี่ที่ปีที่แล้วไม่ติดลบช่วยมาให้ความรู้ด้วยครับ ว่าทำยังไง
โพสต์ที่ 9
ผมขาดทุนประมาณ 30-40% มาเกือบทั้งปี
แต่เดือนธันวาเดือนเดียว กลับมาเป็นกำไรนิดหน่อยเฉยครับ..
กด cpall ไปตอน 8 บาทเยอะมากเหมือนกัน พอมันเด้ง เลยเป็นว่าปีที่แล้วไม่ขาดทุน กำไรนิดหน่อย
.. วิธีการเหรอครับ? ฟลุ๊คล้วนๆครับ ... O_O;;
แต่เดือนธันวาเดือนเดียว กลับมาเป็นกำไรนิดหน่อยเฉยครับ..
กด cpall ไปตอน 8 บาทเยอะมากเหมือนกัน พอมันเด้ง เลยเป็นว่าปีที่แล้วไม่ขาดทุน กำไรนิดหน่อย
.. วิธีการเหรอครับ? ฟลุ๊คล้วนๆครับ ... O_O;;