ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 31
สำหรับ Flow นั้น เรียนด้วยความเคารพ
ผมดูราคาเคลื่อนไหวประกอบแน่นอนอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้า Flow มา และราคาไปซะแล้ว
ผมไม่ซื้ออยู่แล้วครับ
และที่สำคัญ อย่าซื้อเพราะ Flow มาอย่างเดียว เนื่องจากพี่มอสก้อสำคัญ
น้องโฟลว์มาเยอะๆ แต่พี่มอสแทบไม่เหลือ ผมก้อไม่เอาเหมือนกัน
และ Flow ผมใช้ 4 วันทำการในการยืนยันครับ ฉะนั้น เรื่องการซื้อก่อน Flow จะมา แทบเป็นไปไม่ได้ นอกจาก สามีน้อยของสาวราคาถูก เท่านั้นครับ :8)
ผมดูราคาเคลื่อนไหวประกอบแน่นอนอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้า Flow มา และราคาไปซะแล้ว
ผมไม่ซื้ออยู่แล้วครับ
และที่สำคัญ อย่าซื้อเพราะ Flow มาอย่างเดียว เนื่องจากพี่มอสก้อสำคัญ
น้องโฟลว์มาเยอะๆ แต่พี่มอสแทบไม่เหลือ ผมก้อไม่เอาเหมือนกัน
และ Flow ผมใช้ 4 วันทำการในการยืนยันครับ ฉะนั้น เรื่องการซื้อก่อน Flow จะมา แทบเป็นไปไม่ได้ นอกจาก สามีน้อยของสาวราคาถูก เท่านั้นครับ :8)
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 33
เห้นด้วยครับ วิธีใดก็ได้หากได้ผลที่ดีกับการลงทุน ก็ควรทำต่อไป ( แต่ผมว่ามันไม่เหมือนหลักการลงทุนเน้นคุณค่านะครับ)adi เขียน:ถ้าได้ผลก็ทำต่อไปเถอะครับ อย่าคิดมาก
ปล.ด้วยความสงสัยผมว่ามันก็เหมือนกันกับการเดาตลาดไม่ใช่หรอครับพี่ เพราะการดู flow ก็เพื่อคาดเดาว่า หุ้น หรือ ตลาด ในวันถัดถัดไปจะมีแนวโน้มอย่างไร อ่อ แต่ไม่ได้ว่ามันไม่ดีนะครับ เพราะถ้าทำได้สำเร็จมันก็ดีครับ เพราะอย่าง vs หลายหลายคนที่ผมรู้จักก็ทำผลงานการลงทุนได้ดีไม่แพ้ vi เก่งเก่งเลยทีเดียวครับ เผอิญผมไม่ค่อยถนัดแนวนั้นจริงจริงเลยชอบแนว vi มากกว่าครับ
Small Details Make a Big Difference
- atsu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 1
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 34
บอกก่อนว่าผมไม่ได้ว่าวิธีของคุณ beammy ผิดนะครับ
ผมเชื่อว่าวิธีไหนทำเงินได้ในระยะยาวมันก็ถูกหมดแหละ :lol:
แต่ผมเห็นคุณ beamy ก็คาดผิดว่าจะมีนิวโลว์มาสองครั้งแล้ว
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม มาดูกันว่านิวโลว์รึเปล่า เพราะผมก็ไม่รู้จริงๆเดาไม่ออก
แต่ก็นั่นแหละถ้ามั่นใจว่าจะมีนิวโลว์จริงๆ จะรีบซื้อหุ้นไปทำไมครับ
ถ้าบอกว่าซื้อตัวที่น้องโฟลวไม่มีผลกระทบหรือกระทบน้อยๆ ตุลาคมปีก่อนมีหุ้นแบบนั้นด้วยเหรอครับ ผมเห็นก็ลงกันหมดแหละ
แล้วถ้ามั่นใจว่าวิธีการนี้ทำเงินแน่ๆจริง ทำไมซื้อด้วยเหตุผลน้องโฟลวแค่ 20%เองครับ
วิธีการบางอย่างมันใช้ได้ดีในตลาดแบบนึงไม่ได้แปลว่าจะใช้ได้ในตลาดอีกแบบ
ถามว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าตอนนี้ต้องใช้วิธีไหน
ตอบว่าก็ต้องรู้ก่อนว่าตลาดกำลังจะเป็นยังไง :lol:
จริงที่ผมพูดเพราะผมเห็นหลายคนพอเจอตลาดแบบปีก่อน เริ่มบ่นว่าต้องปรับปรุงวิธีการลงทุนใหม่
เป็นเรื่องดีครับที่เราต้องปรับปรุงพัฒนาตัวไปเรื่อยๆ
แต่ก็น่าจะระวังเรื่องเส้นแบ่งของการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง กับ สับสนในหลักการด้วย
เพราะผมเชื่อว่าถ้าความคิดหลักๆสับสนแล้ว โอกาสจะลงทุนประสบความสำเร็จก็ยากครับ
ไม่ได้หมายถึงวิธีอื่นไม่ดีนะครับ เพราะผมเชื่อว่าคนที่เก่งๆวิธีอื่นก็มีอีกมาก และผมก็ชื่นชมด้วย
และผมก็เชื่อว่าคนที่เก่งๆเหล่านั้นเค้าจะไม่สับสนในแนวคิดหลักของตัวเองแน่ๆ
คงไม่มีคนเล่นกราฟเก่งรายไหนซื้อเพราะกราฟสวยแต่จะถือต่อเพราะบริษัทกำไรดีโตได้อีกนานแน่ๆ :lol:
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจโลกดูๆไว้มั่งก็ดีครับ เพราะถ้าทั่วโลกเค้าจะเดี้ยงตายกันหมดแล้วมันก็ต้องดูว่ากระทบกับบริษัทที่เราถือรึเปล่า
แต่เราก็ไม่ควรซื้อเพราะพี่มอสแต่ขายหุ้นทิ้งเพราะน้องโฟลวกำลังจะไหลไป
แต่เราควรจะขายหุ้นตัวนั้นทิ้งเพราะภาวะแบบนี้มันจะกระทบกับกำไรบริษัทนั้นแน่ๆมากกว่า
แต่ผมก็ยังเชื่อว่าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มีบางธุรกิจไม่กระทบมากนะ
ผมเชื่อว่าวิธีไหนทำเงินได้ในระยะยาวมันก็ถูกหมดแหละ :lol:
แต่ผมเห็นคุณ beamy ก็คาดผิดว่าจะมีนิวโลว์มาสองครั้งแล้ว
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม มาดูกันว่านิวโลว์รึเปล่า เพราะผมก็ไม่รู้จริงๆเดาไม่ออก
แต่ก็นั่นแหละถ้ามั่นใจว่าจะมีนิวโลว์จริงๆ จะรีบซื้อหุ้นไปทำไมครับ
ถ้าบอกว่าซื้อตัวที่น้องโฟลวไม่มีผลกระทบหรือกระทบน้อยๆ ตุลาคมปีก่อนมีหุ้นแบบนั้นด้วยเหรอครับ ผมเห็นก็ลงกันหมดแหละ
แล้วถ้ามั่นใจว่าวิธีการนี้ทำเงินแน่ๆจริง ทำไมซื้อด้วยเหตุผลน้องโฟลวแค่ 20%เองครับ
วิธีการบางอย่างมันใช้ได้ดีในตลาดแบบนึงไม่ได้แปลว่าจะใช้ได้ในตลาดอีกแบบ
ถามว่าแล้วจะรู้ได้ไงว่าตอนนี้ต้องใช้วิธีไหน
ตอบว่าก็ต้องรู้ก่อนว่าตลาดกำลังจะเป็นยังไง :lol:
จริงที่ผมพูดเพราะผมเห็นหลายคนพอเจอตลาดแบบปีก่อน เริ่มบ่นว่าต้องปรับปรุงวิธีการลงทุนใหม่
เป็นเรื่องดีครับที่เราต้องปรับปรุงพัฒนาตัวไปเรื่อยๆ
แต่ก็น่าจะระวังเรื่องเส้นแบ่งของการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง กับ สับสนในหลักการด้วย
เพราะผมเชื่อว่าถ้าความคิดหลักๆสับสนแล้ว โอกาสจะลงทุนประสบความสำเร็จก็ยากครับ
ไม่ได้หมายถึงวิธีอื่นไม่ดีนะครับ เพราะผมเชื่อว่าคนที่เก่งๆวิธีอื่นก็มีอีกมาก และผมก็ชื่นชมด้วย
และผมก็เชื่อว่าคนที่เก่งๆเหล่านั้นเค้าจะไม่สับสนในแนวคิดหลักของตัวเองแน่ๆ
คงไม่มีคนเล่นกราฟเก่งรายไหนซื้อเพราะกราฟสวยแต่จะถือต่อเพราะบริษัทกำไรดีโตได้อีกนานแน่ๆ :lol:
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจโลกดูๆไว้มั่งก็ดีครับ เพราะถ้าทั่วโลกเค้าจะเดี้ยงตายกันหมดแล้วมันก็ต้องดูว่ากระทบกับบริษัทที่เราถือรึเปล่า
แต่เราก็ไม่ควรซื้อเพราะพี่มอสแต่ขายหุ้นทิ้งเพราะน้องโฟลวกำลังจะไหลไป
แต่เราควรจะขายหุ้นตัวนั้นทิ้งเพราะภาวะแบบนี้มันจะกระทบกับกำไรบริษัทนั้นแน่ๆมากกว่า
แต่ผมก็ยังเชื่อว่าในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มีบางธุรกิจไม่กระทบมากนะ
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 35
[quote="beammy"]สงสัยจะไปกันใหญ่แล้วครับ
ผมไม่ได้เดาตลาดนะครับ เข้าใจผิดกันซะแล้วมั้งเนี่ย
ผมไม่ได้เดาตลาดนะครับ เข้าใจผิดกันซะแล้วมั้งเนี่ย
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 36
เน้นว่า 80% ของความคิดผม ยังยึดติดอยู่กับการซื้อธุรกิจที่ดี ในราคาที่ถูก นะครับ หรือไม่เช่นนั้นก้อขอในราคายุติธรรม :oops:
VI ก้อมีหลายแบบหลายประเภท ผมเป็น VI ประเภทดูโฟลว์ด้วย ก้อเท่านั้นเอง ไม่ได้ผิดใช่มั้ยครับ ฮิฮิ
คาดว่าจะมีนิวโลว์ แล้วผมซื้อหุ้นไปทำไม ???
ก้อหุ้นที่ผมซื้อมันไม่ค่อยเกี่ยวกับ Flow เท่าไหร่น่ะสิครับ น้องโฟลว์จะมาหรือไป มีผลกระทบกับตัวนี้น้อยมาก และที่ผมซื้อเพราะผมเริ่มจะพอใจในผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับในอีก 1-3 ปีข้างหน้านี้ เพราะรายได้มีอยู่ในมือเยอะมาก และยังไม่บันทึกเป็นกำไร :P
ที่แบ่งเป็น 20/80 เพราะผมไม่มั่นใจในระยะยาวว่าการดูน้องโฟลว์จะเป็นตัวหลักในการทำเงินให้ผมเป็นกอบเป็นกำไงครับ ผมจึงเผื่อน้องเขาแค่ 20% ก้อพอแล้ว
ผมยังศรัทธาว่า 80% ของผมซึ่งเป็น VI แท้ๆ และเน้นๆ จะทำให้ผมมีพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่ง และ Current income ในอนาคตจะยังคงอยู่ตลอดไป ตราบเท่าที่ผมยังสามารถลงทุนได้
และที่สำคัญ ต้องเป็นการลงทุนแบบ Value Investment เท่านั้นครับ :8)
VI ก้อมีหลายแบบหลายประเภท ผมเป็น VI ประเภทดูโฟลว์ด้วย ก้อเท่านั้นเอง ไม่ได้ผิดใช่มั้ยครับ ฮิฮิ
คาดว่าจะมีนิวโลว์ แล้วผมซื้อหุ้นไปทำไม ???
ก้อหุ้นที่ผมซื้อมันไม่ค่อยเกี่ยวกับ Flow เท่าไหร่น่ะสิครับ น้องโฟลว์จะมาหรือไป มีผลกระทบกับตัวนี้น้อยมาก และที่ผมซื้อเพราะผมเริ่มจะพอใจในผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับในอีก 1-3 ปีข้างหน้านี้ เพราะรายได้มีอยู่ในมือเยอะมาก และยังไม่บันทึกเป็นกำไร :P
ที่แบ่งเป็น 20/80 เพราะผมไม่มั่นใจในระยะยาวว่าการดูน้องโฟลว์จะเป็นตัวหลักในการทำเงินให้ผมเป็นกอบเป็นกำไงครับ ผมจึงเผื่อน้องเขาแค่ 20% ก้อพอแล้ว
ผมยังศรัทธาว่า 80% ของผมซึ่งเป็น VI แท้ๆ และเน้นๆ จะทำให้ผมมีพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่ง และ Current income ในอนาคตจะยังคงอยู่ตลอดไป ตราบเท่าที่ผมยังสามารถลงทุนได้
และที่สำคัญ ต้องเป็นการลงทุนแบบ Value Investment เท่านั้นครับ :8)
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 962
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 37
สงสัยผมจะเป็นประเภทสับสนน่ะสิครับatsu เขียน: แต่ก็น่าจะระวังเรื่องเส้นแบ่งของการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง กับ สับสนในหลักการด้วย
เพราะผมเชื่อว่าถ้าความคิดหลักๆสับสนแล้ว โอกาสจะลงทุนประสบความสำเร็จก็ยากครับ
ไม่เอาเรื่องสักด้านเลย
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 38
ความเห็นส่วนตัว ผิดถูกช่วยชี้แนะด้วยนะครับ
การดูfundflowจริงๆแล้วก็ต้นทางก็คือการดูภาพเศรษฐกิจมหภาคนั่นแหละครับ การลงทุนก็คือการเอาทุนมาหาผลตอบแทน ที่ไหนที่มีแนวโน้มผลตอบแทนดี เงินมันก็จะไหลไปตรงนั้น ในทางกลับกันที่ไหนที่มีแนวโน้มที่ผลตอบแทนจะไม่ดีเงินก็ไหลออก
ทีนี้เวลาที่จะลงทุนก็จะต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้วย ที่เค้าชอบใช้คำหรูๆว่า high risk high return (แต่ professor ผมที่อเมริกาเค้าจะบอกแกมเย้ยหยันว่า high risk high loss ครับ) ความเสี่ยงที่เค้านิยมที่จะดูกันก็มีหลักอยู่สองอย่างคือ ความเสี่ยงในเรื่องการสูญของเงินต้น กับ ความเสี่ยงในเรื่องการผันผวนของอัตราผลตอบแทน
เรากลับมาดูในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นถูกจัดอยู่ในเกรดความเสี่ยงสูง (ใน model การลงทุนระยะสั้นถึงกลางไม่ใช่สำหรับระยะยาวซึ่งโดยทั่วไปก็จะหมายถึง 5 ปีขึ้นไป) ตลาดหุ้นจึงมีโอกาสที่จะผันผวนได้ง่ายจากปัจจัยต่างๆที่มากระทบ
ในช่วงที่ผ่านมาการที่ต้นทุนทางการเงินที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมากๆ รวมถึงมาตรการกระตุ้นศ.ก.นำไปสู่การผ่อนคลายกฏที่เข้มงวดหลายๆอย่าง ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเก็งกำไรทั้งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดcommodity ตลาดเงินตลาดทุน การเก็งกำไรเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดการcrash จนนำมาสู่ความเสียหายในภาค financial sector อย่างกว้างขวาง จนนำไปสู่การ panic ของการไหลของเงิน จากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง(แน่นอนรวมถึงตลาดหุ้นด้วย)ไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ตราบใดที่กองทุนซึ่งเน้นการลงทุนในระยะกลาง(ซึ่งโดยทั่วไปก็จะหมายถึง3ปี)ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ การเกิด rally ของตลาดหุ้นอย่างมีนัยยะก็คงจะเกิดขึ้นยาก หน้าที่ของนักลงทุนตาดำๆอย่างเราที่เน้นการลงทุนระยะกลางถึงยาวก็คงจะต้องหาลงทุนหุ้นของกิจการที่ดีที่ราคาถูกกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น แล้วก็รอแสงสว่างปลายอุโมงค์ ทีนี้ความแตกต่างของจังหวะซื้อก็อยู่ที่ความสามารถในการมองเห็นและการวิเคราะห์แสงสว่างปลายอูโมงค์ซึ่งก็คือการวิเคราะห์เศรษฐกิจในระดับมหภาคนั่นแหละครับ
เอวังด้วยประการฉะนี้
โชคดีไม่เจ็บไม่จนครับ :8)
การดูfundflowจริงๆแล้วก็ต้นทางก็คือการดูภาพเศรษฐกิจมหภาคนั่นแหละครับ การลงทุนก็คือการเอาทุนมาหาผลตอบแทน ที่ไหนที่มีแนวโน้มผลตอบแทนดี เงินมันก็จะไหลไปตรงนั้น ในทางกลับกันที่ไหนที่มีแนวโน้มที่ผลตอบแทนจะไม่ดีเงินก็ไหลออก
ทีนี้เวลาที่จะลงทุนก็จะต้องมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้วย ที่เค้าชอบใช้คำหรูๆว่า high risk high return (แต่ professor ผมที่อเมริกาเค้าจะบอกแกมเย้ยหยันว่า high risk high loss ครับ) ความเสี่ยงที่เค้านิยมที่จะดูกันก็มีหลักอยู่สองอย่างคือ ความเสี่ยงในเรื่องการสูญของเงินต้น กับ ความเสี่ยงในเรื่องการผันผวนของอัตราผลตอบแทน
เรากลับมาดูในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นถูกจัดอยู่ในเกรดความเสี่ยงสูง (ใน model การลงทุนระยะสั้นถึงกลางไม่ใช่สำหรับระยะยาวซึ่งโดยทั่วไปก็จะหมายถึง 5 ปีขึ้นไป) ตลาดหุ้นจึงมีโอกาสที่จะผันผวนได้ง่ายจากปัจจัยต่างๆที่มากระทบ
ในช่วงที่ผ่านมาการที่ต้นทุนทางการเงินที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมากๆ รวมถึงมาตรการกระตุ้นศ.ก.นำไปสู่การผ่อนคลายกฏที่เข้มงวดหลายๆอย่าง ทำให้เกิดแรงจูงใจในการเก็งกำไรทั้งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดcommodity ตลาดเงินตลาดทุน การเก็งกำไรเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเกิดการcrash จนนำมาสู่ความเสียหายในภาค financial sector อย่างกว้างขวาง จนนำไปสู่การ panic ของการไหลของเงิน จากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง(แน่นอนรวมถึงตลาดหุ้นด้วย)ไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
ตราบใดที่กองทุนซึ่งเน้นการลงทุนในระยะกลาง(ซึ่งโดยทั่วไปก็จะหมายถึง3ปี)ยังไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ การเกิด rally ของตลาดหุ้นอย่างมีนัยยะก็คงจะเกิดขึ้นยาก หน้าที่ของนักลงทุนตาดำๆอย่างเราที่เน้นการลงทุนระยะกลางถึงยาวก็คงจะต้องหาลงทุนหุ้นของกิจการที่ดีที่ราคาถูกกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น แล้วก็รอแสงสว่างปลายอุโมงค์ ทีนี้ความแตกต่างของจังหวะซื้อก็อยู่ที่ความสามารถในการมองเห็นและการวิเคราะห์แสงสว่างปลายอูโมงค์ซึ่งก็คือการวิเคราะห์เศรษฐกิจในระดับมหภาคนั่นแหละครับ
เอวังด้วยประการฉะนี้
โชคดีไม่เจ็บไม่จนครับ :8)
Always stay humble or be swallowed by the market.
-
- Verified User
- โพสต์: 1088
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 39
ผมว่าอาจารย์คุณ อินทรีแดง พูดถูกแล้วล่ะครับ
ผมไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนเริ่มผูกความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนว่า ความเสี่ยงสูงเท่ากับผลตอบแทนสูง
การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำๆผลตอบแทนสูงก็มี
ที่เสี่ยงมากๆแล้วผลตอบแทนน้อยๆยิ่งมีเยอะ
คุณอินทรีแดงเรียนอยู่ไหนเหรอครับ สาวๆน่ารักไหมครับ?
ผมไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนเริ่มผูกความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนว่า ความเสี่ยงสูงเท่ากับผลตอบแทนสูง
การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำๆผลตอบแทนสูงก็มี
ที่เสี่ยงมากๆแล้วผลตอบแทนน้อยๆยิ่งมีเยอะ
คุณอินทรีแดงเรียนอยู่ไหนเหรอครับ สาวๆน่ารักไหมครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 40
ผมเชื่อนะว่า High Risk High Return แต่จริงๆควรจะเรียกว่า High Risk High Expected Return มากกว่าHughes เขียน:ผมว่าอาจารย์คุณ อินทรีแดง พูดถูกแล้วล่ะครับ
ผมไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนเริ่มผูกความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนว่า ความเสี่ยงสูงเท่ากับผลตอบแทนสูง
การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำๆผลตอบแทนสูงก็มี
ที่เสี่ยงมากๆแล้วผลตอบแทนน้อยๆยิ่งมีเยอะ
คุณอินทรีแดงเรียนอยู่ไหนเหรอครับ สาวๆน่ารักไหมครับ?
ที่คุณ Hughes บอกว่าได้ผลตอบแทนสูงหรือต่ำนั้นเป็นผลของการลงทุนครับ ไม่ใช่การคาดหวัง
ความเสี่ยงเป็นความแปรปรวนของผลตอบแทนในอนาคต ผลตอบแทนที่ได้จริงอาจจะมากหรือน้อยก็ได้แล้วแต่ปัจจัยหลายประการ
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 41
เอ....แก๊งค์เรามีสมาชิกใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหว่า พี่อินทรีทองได้ยินแล้วตอบด้วย :roll:คุณอินทรีแดงเรียนอยู่ไหนเหรอครับ สาวๆน่ารักไหมครับ?
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1339
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 42
ความคิดเห็นของผม ผมเห็นด้วยกับคุณ Beammy หุ้นหลายๆตัวใช้
Fund Flow ได้ ก่อนที่หุ้นจะขึ้น กราฟและเครื่องมือต่างๆ จะบอกอาการ
ล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ สำหรับผมส่วนใหญ่ใน Port ก็ลงทุนแบบ VI
และส่วนน้อยของ Port คอยเล่นกับ Fund flow แก้เหงา แต่จะเล่น
กับหุ้นที่มีพื้นฐานดีและราคาลงมาจนมี MOS พอสมควร เพราะถ้าราคาไม่
ขึ้นไปตามที่คิด ก็ถือยาวไปเลย
Fund Flow ได้ ก่อนที่หุ้นจะขึ้น กราฟและเครื่องมือต่างๆ จะบอกอาการ
ล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ สำหรับผมส่วนใหญ่ใน Port ก็ลงทุนแบบ VI
และส่วนน้อยของ Port คอยเล่นกับ Fund flow แก้เหงา แต่จะเล่น
กับหุ้นที่มีพื้นฐานดีและราคาลงมาจนมี MOS พอสมควร เพราะถ้าราคาไม่
ขึ้นไปตามที่คิด ก็ถือยาวไปเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วงนี้น่าจะมาดูหุ้น บางตัว ที่อาจจะราคาลดลง ในขณะที่ปันผล
โพสต์ที่ 43
ไม่แปลกหรอกครับ สำหรับบางประเทศที่ยังใช้ fund flow ในการทำนาย เพราะเปรียบเสมือน นักลงทุนต่างชาติเป็น informed traders ซึ่งอาจจะมีทรัพยากรเงินหรือความรู้ในการลงทุนมากกว่านักลงทุนในประเทศ ที่ผ่านๆมาจากงานวิจัยที่เคยอ่าน เห็นว่า มีช่วงหนึ่ง ประเทศเกาหลี ก็เป็นหนึ่งประเทศที่ นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ชนะ ในขณะที่อินโดนีเซีย นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้แพ้ ซึ่งจริงๆ บางครั้งก็เป็นเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ถ้าปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติ informed จริงๆ แต่ทรัพยากรหมด เหลือแค่ความสามารถในการลงทุน การมอง การไหลของเงินอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย ในขณะที่สมัยก่อนต่างชาติมีครบทั้งสองอย่างครับ