สหัสวรรษประเทศไทย 3
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย 3
โพสต์ที่ 1
ตอนที่แล้วมา กูรูได้เล่าถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ High Profile ยักษ์ใหญ่กล่องเหลือง
คือ คุณพ่อโกดัก ผู้แสนคลาสสิค ยิ่งใหญ่ในอดีตแห่งเมือโรเชสเตอร์
แล้ววันหนึ่ง ร่มเงาที่เคยบังใบก็จางหาย
จนไม่สามารถแผ่บารมีปกป้องลูกๆได้อีก
อนาคตของคุณพ่อโกดักถึงทุกวันนี้ช่างริบหรี่เสียจริง
รอเวลา....จันทบุรีกับจีอี ( Chan +GE) ครั้งใหญ่
หรือไม่ก้อ...
มาคราวนี้มาดูบริษัทตระกูลครอบครัวบ้าง
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ธุรกิจภายในครอบครัวเป็นกิจการที่ต้องคำสาป
มนต์จะเสื่อม คาถาจะหายขลังเมื่อมาถึงยุคที่ 3
ด้วยปัญหาการแตกแยกภายในของเหล่าสมาชิก
ความคิดเห็น ความสนใจที่เริ่มหันเหไปคนละทิศคนละทาง
หรือการทะเลาะเบาะแว้งภายในกงสี
อันมีผลประโยชน์ของญาติพี่น้อง สะไภ้ เขย เป็นตัวเร่ง
หลายตระกูลเป็นเช่นนั้นจริง
แต่หลายตระกูลกลับดิ้นรนหลุดพ้นบ่วงคำสาปมาได้
ในประเทศไทยเองก็พอมี
ไว้วันหลังขออนุญาตเจ้าของตระกูลมาได้
ค่อยมาเผยเคล็ดลับให้ฟัง
คราวนี้ เอาของเมืองนอกมาก่อน
จะมาเล่าเรื่องราวของธุรกิจครอบครัวหนึ่งที่แสนจะ Low Profile
แต่ High Profit มากๆตระกูลหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทั่วทุกคนรู้จักดีโดยเฉพาะผู้ผ่านวัยเยาว์(ยาววววว)
และนิยมชมชอบช็อคโกแล็ตหอมมัน นานาชนิด
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
ผลิตภัณฑ์ช้อคโกแล็ตคุณภาพทุกยี่ห้อ
ล้วนมีตำนาน ประวัติ ชื่อเสียง แบรนด์เป็นเรื่องเป็นราว
แต่เรื่องราวภายในตระกูลผู้ผลิตกลับลึกลับ
และเปิดเผยออกสู่สาธารณชนน้อยมากๆ
เพื่อนๆลองเดาดูซิว่า ตระกูลธุรกิจนี้คือใคร
ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวมาเฉลย
ปล.กระทู้นี้จะเริ่มส่งกลิ่นหอมของช็อคโกแล็ตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
คือ คุณพ่อโกดัก ผู้แสนคลาสสิค ยิ่งใหญ่ในอดีตแห่งเมือโรเชสเตอร์
แล้ววันหนึ่ง ร่มเงาที่เคยบังใบก็จางหาย
จนไม่สามารถแผ่บารมีปกป้องลูกๆได้อีก
อนาคตของคุณพ่อโกดักถึงทุกวันนี้ช่างริบหรี่เสียจริง
รอเวลา....จันทบุรีกับจีอี ( Chan +GE) ครั้งใหญ่
หรือไม่ก้อ...
มาคราวนี้มาดูบริษัทตระกูลครอบครัวบ้าง
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ธุรกิจภายในครอบครัวเป็นกิจการที่ต้องคำสาป
มนต์จะเสื่อม คาถาจะหายขลังเมื่อมาถึงยุคที่ 3
ด้วยปัญหาการแตกแยกภายในของเหล่าสมาชิก
ความคิดเห็น ความสนใจที่เริ่มหันเหไปคนละทิศคนละทาง
หรือการทะเลาะเบาะแว้งภายในกงสี
อันมีผลประโยชน์ของญาติพี่น้อง สะไภ้ เขย เป็นตัวเร่ง
หลายตระกูลเป็นเช่นนั้นจริง
แต่หลายตระกูลกลับดิ้นรนหลุดพ้นบ่วงคำสาปมาได้
ในประเทศไทยเองก็พอมี
ไว้วันหลังขออนุญาตเจ้าของตระกูลมาได้
ค่อยมาเผยเคล็ดลับให้ฟัง
คราวนี้ เอาของเมืองนอกมาก่อน
จะมาเล่าเรื่องราวของธุรกิจครอบครัวหนึ่งที่แสนจะ Low Profile
แต่ High Profit มากๆตระกูลหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทั่วทุกคนรู้จักดีโดยเฉพาะผู้ผ่านวัยเยาว์(ยาววววว)
และนิยมชมชอบช็อคโกแล็ตหอมมัน นานาชนิด
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
ผลิตภัณฑ์ช้อคโกแล็ตคุณภาพทุกยี่ห้อ
ล้วนมีตำนาน ประวัติ ชื่อเสียง แบรนด์เป็นเรื่องเป็นราว
แต่เรื่องราวภายในตระกูลผู้ผลิตกลับลึกลับ
และเปิดเผยออกสู่สาธารณชนน้อยมากๆ
เพื่อนๆลองเดาดูซิว่า ตระกูลธุรกิจนี้คือใคร
ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวมาเฉลย
ปล.กระทู้นี้จะเริ่มส่งกลิ่นหอมของช็อคโกแล็ตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย 3
โพสต์ที่ 3
ยังไม่มีใครเข้ามาตอบ
งั้นเขียนต่อแล้วกัน
ขอเฉลยด้วยภาพแทน
ฤาธุรกิจครอบครัวจะสูญสิ้น : บทเรียนจากตระกูลมารส์
ณ สำนักงานเลขที่ ๖๘๘๕ ถนนเอมสตรีท ชานเมืองแมคลีน
มลรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
ภาพชินตาที่ชาวเมืองละแวกนั้นจะเห็นในทุกๆเช้าก็คือ
เมื่อถึงเวลา ๖.๓๐ นาฬิกาตรง จอห์น มาร์ส
ชายวัยกลางคนอายุ ๕๖ ปี (เมื่อหลายสิบปีก่อน)
ขับรถจี๊บสเตชั่นวากอนปี ๑๙๘๙ เทียบเข้าจอดลานรถกะทัดรัด
เคียงข้างกับตึกทำงาน ๒ ชั้น
ตึกเรียบๆธรรมดาที่มองเผินๆละม้ายคล้ายโรงเก็บของ
ไม่มีการตกแต่งหรูหราเหมือนบริษัทชั้นนำอื่นๆ
เขาเปิดประตูชั้นล่างตัวอาคารเข้าไป เปิดไฟ เดินขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง
และทำในสิ่งที่บรรดา CEO น้อยคนนักที่อยากจะปฏิบัติ นั่นก็คือ
หยิบบัตรชื่อจอห์น เอฟ มาร์ส ตอกบัตรเวลาเข้าทำงานของตัวเอง
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง ประธานกรรมการบริหารบริษัท มาร์ส
บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตขนมหวานและช็อคโกแล็ต
ที่มียอดขายทั่วโลกมากกว่า ๑๒,๕๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
(ล่าสุดปี 2007 : 25,000 ล้านเหรียญ
http://biz.yahoo.com/ic/40/40297.html)
ด้วยขนาดของธุรกิจที่ใหญ่กว่าจ้าวฟาสต์ฟู้ด แม็คโดนัลด์
และบริษัทผู้ผลิตซีเรียลอย่างเคลล็อค
ผลิตภัณฑ์ของมาร์สมีทั้งท้อฟฟี่ อมยิ้ม ขนมหวาน ช็อคโกแล็ตสารพัด
เด็กๆทุกคนทั่วโลกต้องรู้จัก เคยได้ลิ้มชิมรสกันถ้วนหน้ามาแล้ว
มาร์สครองตลาดอมยิ้ม (Lollipops) กว่าหนึ่งในสี่ของตลาดสหรัฐอเมริกา
เฉพาะแค่ช็อคโกแล็ตเม็ดเคลือบ M&M ตัวเดียว
ก็สร้างรายได้มากกว่ารองเท้ารีบ็อคเสียอีก
ไม่เพียงแต่อาหารของมนุษย์เท่านั้น มาร์สยังเข้าใจพฤติกรรมสัตว์
ผลิตอาหารสัตว์ชื่อดัง อาหารสุนัข เพคดีกรี อาหารแมว วิสกัส
ซึ่งก็มีวางขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตในบ้านเราแทบทุกแห่ง
(ถ้ากังขาว่ามีใส่ช็อคโกแล็ต M&M ลงไปบ้างหรือเปล่า
น้องแมว น้องหมาถึงติดใจ ร้องขอกินอยู่เรื่อยๆ
ลืมไปได้เลย อ่านต่อแล้วจะเลิกสงสัยเด็ดขาด)
ย้อนกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของมาร์สอีกครั้ง
เผื่อจะพาให้ท่านผู้อ่านเห็นความโอ่อ่าของการตกแต่งภายในบ้าง
จอห์น มาร์สเดินผ่านสำนักงานบนชั้น ๒
ซึ่งไม่มีการตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ เราจะเห็นบริเวณพื้นที่กว้าง
มีโต๊ะโลหะสีดำและเก้าอี้พลาสติกสีส้ม สีเบจ(เหมือนสีช็อคโกแล็ต M&M)
เรียงรายประปรายไปทั่ว อีกด้านหนึ่งเป็นห้องกระจกธรรมดา ๔ ห้อง
ตีฝากั้นไว้สำหรับใช้ประชุม ไม่มีใครมีห้องทำงานส่วนตัว
จอห์น มาร์ส เดินฝ่าเฟอร์นิเจอร์สีสันเหล่านั้น
ตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานประจำตัว แล้วก็เริ่มงานประจำวัน
ท่านผู้อ่านคงจะประหลาดใจเหมือนกับกูรู
เรากำลังอยู่ในสำนักงานใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่
ที่มียอดสินทรัพย์ของตระกูลซึ่งได้รับการบันทึกไว้ในนิตยสารForbesว่า
มีสูงถึง ๑๒,๕๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
(ย้ำอีกครั้ง ตอนนี้เป็น 2 เท่า จากข้อมูลล่าสุด ปี 2007)
แต่ออฟฟิคที่เห็นอยู่นี้ วางผังรูปแบบปฏิบัติงานภายใน
ให้ดูเสมือนเป็นเพียงสำนักงานส่วนสนับสนุน (Back Office Support) เท่านั้นเอง
ความแปลกใจงุนงงเล็กๆคงจะได้รับการคลี่คลายลง
ถ้าเรามีโอกาสย้อนกลับไปดูภูมิหลังของบริษัทมาร์สกันบ้าง
งั้นเขียนต่อแล้วกัน
ขอเฉลยด้วยภาพแทน
ฤาธุรกิจครอบครัวจะสูญสิ้น : บทเรียนจากตระกูลมารส์
ณ สำนักงานเลขที่ ๖๘๘๕ ถนนเอมสตรีท ชานเมืองแมคลีน
มลรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา
ภาพชินตาที่ชาวเมืองละแวกนั้นจะเห็นในทุกๆเช้าก็คือ
เมื่อถึงเวลา ๖.๓๐ นาฬิกาตรง จอห์น มาร์ส
ชายวัยกลางคนอายุ ๕๖ ปี (เมื่อหลายสิบปีก่อน)
ขับรถจี๊บสเตชั่นวากอนปี ๑๙๘๙ เทียบเข้าจอดลานรถกะทัดรัด
เคียงข้างกับตึกทำงาน ๒ ชั้น
ตึกเรียบๆธรรมดาที่มองเผินๆละม้ายคล้ายโรงเก็บของ
ไม่มีการตกแต่งหรูหราเหมือนบริษัทชั้นนำอื่นๆ
เขาเปิดประตูชั้นล่างตัวอาคารเข้าไป เปิดไฟ เดินขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง
และทำในสิ่งที่บรรดา CEO น้อยคนนักที่อยากจะปฏิบัติ นั่นก็คือ
หยิบบัตรชื่อจอห์น เอฟ มาร์ส ตอกบัตรเวลาเข้าทำงานของตัวเอง
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง ประธานกรรมการบริหารบริษัท มาร์ส
บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตขนมหวานและช็อคโกแล็ต
ที่มียอดขายทั่วโลกมากกว่า ๑๒,๕๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
(ล่าสุดปี 2007 : 25,000 ล้านเหรียญ
http://biz.yahoo.com/ic/40/40297.html)
ด้วยขนาดของธุรกิจที่ใหญ่กว่าจ้าวฟาสต์ฟู้ด แม็คโดนัลด์
และบริษัทผู้ผลิตซีเรียลอย่างเคลล็อค
ผลิตภัณฑ์ของมาร์สมีทั้งท้อฟฟี่ อมยิ้ม ขนมหวาน ช็อคโกแล็ตสารพัด
เด็กๆทุกคนทั่วโลกต้องรู้จัก เคยได้ลิ้มชิมรสกันถ้วนหน้ามาแล้ว
มาร์สครองตลาดอมยิ้ม (Lollipops) กว่าหนึ่งในสี่ของตลาดสหรัฐอเมริกา
เฉพาะแค่ช็อคโกแล็ตเม็ดเคลือบ M&M ตัวเดียว
ก็สร้างรายได้มากกว่ารองเท้ารีบ็อคเสียอีก
ไม่เพียงแต่อาหารของมนุษย์เท่านั้น มาร์สยังเข้าใจพฤติกรรมสัตว์
ผลิตอาหารสัตว์ชื่อดัง อาหารสุนัข เพคดีกรี อาหารแมว วิสกัส
ซึ่งก็มีวางขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตในบ้านเราแทบทุกแห่ง
(ถ้ากังขาว่ามีใส่ช็อคโกแล็ต M&M ลงไปบ้างหรือเปล่า
น้องแมว น้องหมาถึงติดใจ ร้องขอกินอยู่เรื่อยๆ
ลืมไปได้เลย อ่านต่อแล้วจะเลิกสงสัยเด็ดขาด)
ย้อนกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของมาร์สอีกครั้ง
เผื่อจะพาให้ท่านผู้อ่านเห็นความโอ่อ่าของการตกแต่งภายในบ้าง
จอห์น มาร์สเดินผ่านสำนักงานบนชั้น ๒
ซึ่งไม่มีการตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ เราจะเห็นบริเวณพื้นที่กว้าง
มีโต๊ะโลหะสีดำและเก้าอี้พลาสติกสีส้ม สีเบจ(เหมือนสีช็อคโกแล็ต M&M)
เรียงรายประปรายไปทั่ว อีกด้านหนึ่งเป็นห้องกระจกธรรมดา ๔ ห้อง
ตีฝากั้นไว้สำหรับใช้ประชุม ไม่มีใครมีห้องทำงานส่วนตัว
จอห์น มาร์ส เดินฝ่าเฟอร์นิเจอร์สีสันเหล่านั้น
ตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานประจำตัว แล้วก็เริ่มงานประจำวัน
ท่านผู้อ่านคงจะประหลาดใจเหมือนกับกูรู
เรากำลังอยู่ในสำนักงานใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่
ที่มียอดสินทรัพย์ของตระกูลซึ่งได้รับการบันทึกไว้ในนิตยสารForbesว่า
มีสูงถึง ๑๒,๕๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
(ย้ำอีกครั้ง ตอนนี้เป็น 2 เท่า จากข้อมูลล่าสุด ปี 2007)
แต่ออฟฟิคที่เห็นอยู่นี้ วางผังรูปแบบปฏิบัติงานภายใน
ให้ดูเสมือนเป็นเพียงสำนักงานส่วนสนับสนุน (Back Office Support) เท่านั้นเอง
ความแปลกใจงุนงงเล็กๆคงจะได้รับการคลี่คลายลง
ถ้าเรามีโอกาสย้อนกลับไปดูภูมิหลังของบริษัทมาร์สกันบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย 3
โพสต์ที่ 5
บริษัทมาร์สก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มบุคคลตระกูลมาร์สตั้งแต่ปี ๑๙๒๒
ดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทเอกชนมาตลอด
ไม่เคยข้องเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์
ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ไม่เคยเผยแพร่เรื่องราวใดๆของตระกูลออกมานอกจากผลิตภัณฑ์ในตลาด
ไม่เคยมีบทสัมภาษณ์จากประธานกรรมการบริหาร
ตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูก (และคงจะถึงรุ่นหลาน เหลนด้วย)
จดหมายขอสัมภาษณ์จากนิตยสารใดๆจะถูกเก็บเงียบนอนสงบนิ่งในแฟ้ม
ไม่เคยมีการหยิบยกปัดฝุ่นขึ้นมาพิจารณา
พอๆกับรายการโทรทัศน์ต่างๆที่จดๆจ้องๆขอมีโอกาสเข้ามาสัมภาษณ์สักครั้ง
หากสำเร็จก็ถือเป็นโบนัสครั้งยิ่งใหญ่ของคนทำงาน
ก็ได้แต่ฝัน..หวานค้างไว้
สู้ไปกินช็อคโกแล็ตมาร์สให้หายช้ำใจดีกว่า :wall:
ข้อมูลเท่าที่ปรากฏสู่การรับรู้ของคนภายนอกก็คือ
จอห์น มาร์ส แชร์ตำแหน่ง CEO ร่วมกับพี่ชายอีกคน
คือ ฟอร์เรสต์ มาร์ส ซีเนียร์
โดยแบ่งสายงานรับผิดชอบคนละสายงานออกจากกันไป
CEO สองคนจะนั่งด้านในสุดของชั้น ๒ โดยมีแจ็คเกอลีน มาร์ส
น้องสาวอีกคนนั่งถัดมาในฐานะตำแหน่ง Vice President
พวกเขาทั้งหมดใช้เลขานุการร่วมกัน
ความลึกลับของตระกูลมาร์สได้รับการกล่าวขานถึงอย่างน่าชวนทึ่ง
พร้อมถูกวิจารณ์ เผยแพร่ในวงการนักการตลาดหัวสมัยใหม่
เพราะสิ่งที่สามพี่น้องตระกูลมาร์สปฎิบัติอยู่ทุกวันนี้
ขัดแยังอย่างสิ้นเชิงกับทฤษฎีการบริหารองค์กรทั้งหลาย
ปรมาจารย์หลายสำนักพยายามสรรหาทฤษฏีใหม่ๆ
เพื่ออธิบายลักษณะเฉพาะตัวของมาร์ส
และองค์ประกอบของความสำเร็จเชิงธุรกิจ
ซึ่งบริษัทมาร์สนำหน้ามาตลอด
จนถึงทุกวันนี้ อาจจะกล่าวได้ว่า
มาร์สเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แต่เงียบและสงวนเนื้อสงวนตัวมากที่สุด :\/:
ลองดูข้อมูลที่เปิดเผยมากที่สุดจาก น้องวิกี้คนเก่ง
The Mars family is a family that owns the confectionary company Mars, Inc., bearing their name.
The family was called the richest family in America by Fortune magazine in 1988.
Upon the death of Forrest Mars, Sr.,
( ตอนที่น้องวิกี้บันทึกล่าสุด ฟอร์เรสต์ มาร์ส ผู้พี่เสียชีวิตไปแล้ว แน่นอนอย่างลึกลับมากๆ)
he and his two sons were ranked #29, 30, and 31 by Forbes magazine's list of richest Americans,
and they each had a worth of approximately $4 billion.
As of 2008, Forrest Mars's three children are ranked
by Forbes List of "The World's Billionaires" as #46, with $14.0 billion each [1].
The family is fiercely protective of their privacy,
refusing to do interviews with the press or,
with the exception of Jacqueline Mars, be photographed in public.[2]
List of Mars's family fortune as of March 5, 2008 published by Forbes.
Forrest Edward Mars, Jr. US$14.0 billion
Jacqueline Mars US$14.0 billion
John Mars US$14.0 billion
Total: US$42.0 billion
http://en.wikipedia.org/wiki/Mars_family
แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้มาร์สเป็นองค์กรที่น่าอัศจรรย์ใจปานนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย 3
โพสต์ที่ 6
ขอยังไม่เฉลย แต่จะให้ท่านลองอ่านบันทึกเบื้องล่างต่อไปนี้
ข้อความบางส่วนเป็นการตัดตอนมาจากบันทึกภายใน
ของเอเยนซี่โฆษณาแห่งหนึ่งที่ให้บริการโฆษณาผลิตภัณฑ์ของมาร์สอยู่ปัจจุบัน
(กูรูก็เคยทำงานที่นี่ ช่วงนั้นกินช็อคโกแล็ตแทนข้าวแทบทุกมื้อ) :B
ข้อความเหล่านี้กำลังแนะนำให้เอเยนซี่ท้องถิ่นประเทศหนึ่ง
เตรียมการเสนองานและพบกับผู้บริหารระดับสูงของมาร์ส
ที่จะมาเยี่ยมเยือนตลาดลูกอมในภูมิภาคต่างๆ
คำแนะนำดังกล่าวได้แก่
หนึ่ง เตรียมข้อมูลการตลาดให้พร้อม
ตัวเลขต่างๆจะต้องทันกับสภาวะตลาดปัจจุบันให้มากที่สุด
ห้ามปั้นตัวเลขเด็ดขาด
สอง เตรียมผู้เข้าประชุมให้พร้อม
ไม่ต้องขนเข้าไปเยอะ ขอเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับงานจริงๆ
ระบุตำแหน่งและหน้าที่ของแต่ละคนให้ชัดเจนว่า
เกี่ยวข้องกับการดูแลลูกค้ามาร์สอย่างไร
ทุกคนที่ร่วมประชุมจะต้องเอ่ยปากพูด
ถ้าคิดว่าการนิ่งเฉยนั้นดีที่สุด
ก็จงออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
(พูดง่าย อย่าเอาฟายมานั่งในห้องประชุมด้วย)
สาม จงแสดงความกระตือรือร้นที่อยากจะร่วมงานกับมาร์ส
แต่อย่ามากเกินไปจนถึงขนาดถ้าไม่ได้มาร์สเป็นลูกค้าแล้ว
เอเยนซี่จะต้องพังทลายในไม่ช้า
มาร์สไม่ชอบการแสดงบทบาทเกินจริง
ฝ่ายบริการลูกค้าผู้หญิง หรือที่เรียกว่า Client Service
กรุณาสำรวจเครื่องแต่งกายของตนด้วย
ขอให้งดใส่ตุ้มหูกระตุ้งกระติ้งหรือสร้อยข้อมือแวววาวระหว่างประชุม
เพราะอาจจะดึงดูดความสนใจของการประชุมมากเกินไป)
สี่ รูปแบบการนำเสนอนั้น
ขอให้เรียบง่ายต่อความเข้าใจ ด้วยตัวเลข และเหตุผลที่ประกอบอย่างหนักแน่น
อย่าหวือหวาหรือเน้นเทคนิคแพรวพราว
จนทำให้คนฟังเพลินไปเลยว่ากำลังดูหนังการ์ตูนหรือแฟนตาซีอวกาศ
อย่าใช้เวลานำเสนอมากจนเกินความจำเป็น
ขอให้ตรงประเด็นและชัดเจน
ห้า หากตอบคำถามใดๆไม่ได้ หรือไม่แน่ใจ
ให้ยอมรับออกไปตรงๆ อย่าอ้อมค้อมหรือเฉไฉ
ลูกค้ามาร์สจะตะขิดตะขวงใจถ้ารู้ว่าถูกหลอก
จงสืบเสาะหาข้อมูลนั้นกลับมาตอบให้ได้โดยเร็วที่สุด
หก ลูกค้ามาร์สอาจจะอยากตรวจตลาดท้องถิ่นนั้นๆ
โดยจะไปตามลำพังหรือไปกับเอเยนซี่
ขอให้ดูความประสงค์ของพวกเขาด้วย
เจ็ด ไม่ต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับใดๆทั้งสิ้น
ผู้บริหารมาร์สให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัวมาก
ไม่นิยมการสังสรรค์ใดๆนอกเหนือจากเรื่องงานและผลิตภัณฑ์ของบริษัท
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย 3
โพสต์ที่ 7
คำแนะนำเหล่านี้
มาจากมุมมองของคนที่ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมชาวมาร์ส
จนรู้ดีว่าเอเยนซี่โฆษณา(และบริษัทคู่ค้าอื่นๆ)ที่จะร่วมงานกับมาร์ส
ควรจะนำเสนอและปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะชนะใจ
ได้รับมอบหมายรับผิดชอบแคมเปญโฆษณาของผลิตภัณฑ์มาร์ส
ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล ( และช่วยให้บิลลิ่งพุ่งกระฉูด)
และจะยิ่งชนะใจยิ่งขึ้นหากได้รู้ลึกถึงวัฒนธรรมองค์กรของมารส์
ที่ได้รับการถ่ายทอด ปลูกฝังกันอย่างเข้มแข็ง ในหลายๆประการ เช่น
ยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นคำที่สกปรกสำหรับมารส์
( Status at Mars is a dirty word)
ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครมีออฟฟิคส่วนตัว
ทุกคนถ่ายเอกสารเอง รับโทรศัพท์เอง
หากจะต้องเดินทางโดยเครื่องบิน
ตั๋วโดยสารชั้นประหยัดเท่านั้นที่บริษัทจะอนุญาต
ไม่มีนอกเหนือจากนี้
ระบบราชการเป็นสิ่งที่พึงรังเกียจ
การออกบันทึกภายใน (Memo)
เป็นการกระทำที่ค้านกับนโยบายบริษัท
ทุกคนทำงานบนพื้นฐานความเสมอภาค เรียกชื่อหน้ากัน
( A first name basis)ไม่เว้นเจ้าของตระกูล
พนักงานของมาร์สจะถูกเรียกว่า ผู้ร่วมงาน (Associate)
การจ่ายเงินค่าจ้างจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทเป็นหลัก
เงินทุกเซ็นต์ที่ได้มาจากการประกอบธุรกิจ
จะถูกนำกลับไปรวมในบัญชีของบริษัทเท่านั้น
จอห์น, ฟอร์เรสต์ และแจ็คเกอร์ลีน
จะได้รับเฉพาะเงินปันผลตามสัดส่วนปกติ
มาร์สดำรงสถานะทางการเงินที่ปลอดหนี้
ทุกครั้งที่จะขยายกิจการหรือธุรกิจออกไป
ตระกูลมาร์สจะใช้เงินสดเท่านั้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติของธุรกิจอเมริกัน
(แต่สำหรับบ้านเรา เป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะยุคหลังฟองสบู่แตก)
ความสะอาดและอนามัยเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักให้ขึ้นใจในชาวมาร์สทุกคน
กล่าวกันว่า ชาวมาร์สภูมิใจนักหนา
ที่จำนวนแบคเตอเรียบนพื้นโรงงานหน่วยผลิตของบริษัท
มีจำนวนน้อยกว่าแบคเตอเรียในอ่างล้างจานตามบ้านทั่วไป ว๊าว:roll:
คุณภาพ คือ ข้อกำหนดบังคับอันยิ่งยวด
เม็ดช็อคโกแล็ค M&M นับล้านเม็ดต้องถูกทิ้งไป (เสียดายจัง)
เพราะเพียงตัวหนังสือที่ปรากฏบนเม็ดเลือนหรือไม่ชัดพอ ฯลฯ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย 3
โพสต์ที่ 10
พี่ป้อม สวัสดีจ้า
เสียดายวันสัมมนา "จะอยู่ จะไป เศรษฐกิจไทย" เมื่อวันก่อน
พี่ไปเสียก่อน เลยอดเจอเพื่อคารวะเลย
ปัญหาของการบริหารธุรกิจแบบครอบครัวเงียบเฉียบอย่าง Mars ก็มี
ไว้จะเล่าต่อ
ตอนนี้ขอเข้าห้องสอนก่อน
ความจริงล่าสุดมีเรื่องที่น่าสนใจของชนเผ่าอามิชในอเมริกา
ที่คาดว่าจะไม่กระทบกระเทือนกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้เลย
ไว้ค่อยเรียงร้อยความในใจเสร็จต่อจากความลับของตระกูลมาร์ส
แล้วมาคุยสนุกๆให้ฟัง :lol:
เสียดายวันสัมมนา "จะอยู่ จะไป เศรษฐกิจไทย" เมื่อวันก่อน
พี่ไปเสียก่อน เลยอดเจอเพื่อคารวะเลย
ปัญหาของการบริหารธุรกิจแบบครอบครัวเงียบเฉียบอย่าง Mars ก็มี
ไว้จะเล่าต่อ
ตอนนี้ขอเข้าห้องสอนก่อน
ความจริงล่าสุดมีเรื่องที่น่าสนใจของชนเผ่าอามิชในอเมริกา
ที่คาดว่าจะไม่กระทบกระเทือนกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้เลย
ไว้ค่อยเรียงร้อยความในใจเสร็จต่อจากความลับของตระกูลมาร์ส
แล้วมาคุยสนุกๆให้ฟัง :lol:
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
สหัสวรรษประเทศไทย 3
โพสต์ที่ 11
เอามุ้งหมอนที่นอนมานอนฟังพี่กูรูฯ ด้วยคนครับ รู้สึกเหมือนได้ฟังนิยายก่อนนอนสมัยเด็กๆ :D
มิน่าล่ะ เพราะไม่อยู่ในตลาดหุ้นนี่เอง อยากเห็นงบเขามากเลย :roll:
คุณฟอร์เรสต์นี่ อ่อนกว่าปู่บัฟขวบเดียวเอง
รู้สึกห้องนี้เงียบเหงาน่านอนจริงๆ เลยนะครับ ผมพึ่งรู้ว่าพี่กูรูฯ เขียนเรื่องดีๆ ให้อ่าน :D
มิน่าล่ะ เพราะไม่อยู่ในตลาดหุ้นนี่เอง อยากเห็นงบเขามากเลย :roll:
คุณฟอร์เรสต์นี่ อ่อนกว่าปู่บัฟขวบเดียวเอง
รู้สึกห้องนี้เงียบเหงาน่านอนจริงๆ เลยนะครับ ผมพึ่งรู้ว่าพี่กูรูฯ เขียนเรื่องดีๆ ให้อ่าน :D
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร