น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2494
- ผู้ติดตาม: 2
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 2
จ่ายหมดตัวอยู่แล้วครับ
ถ้าจะให้บอกของดี หนึ่งในใจผมก็ UMS เลย :lol: (ติดอยู่เยอะ )
ถ้าจะให้บอกของดี หนึ่งในใจผมก็ UMS เลย :lol: (ติดอยู่เยอะ )
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 3
ผมเต็มตะกร้า แล้วครับ เฮีย
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 7
ขอแชร์ไอเดีย แม้จะเป็นศพไปแล้วเมื่อปีก่อน พอร์ตติดลบถึง 25% เสียคัมรี่ ไปหนึ่งคัน :lol:
ผมว่า asset allocation มีความสำคัญเหมือนกัน
ต้องดูว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ถ้าเงินมีร้อยล้าน ใช้ปีละล้าน จะลงทุน 90 ล้านก็คงไม่มีปัญหา
แต่ถ้าซื้อมากจนรู้สึกเครียด ผมว่าซื้อเยอะเกินไปแล้ว และความเครียด จะทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนได้ไม่ดี
อย่าไปเชื่อกูรูทั้งหลายที่ว่าให้ลงทุน ร้อยเปอร์เซนต์
ผมว่าควรปรับความโลภให้เข้ากับความรู้และสภาพจิตใจของตัวเองจะดีกว่า
ตอนนี้ผมถือหลักว่า จะจ่ายตลาด(หุ้น)ไม่เกิน 75% ของเงินที่มี
ซื้อหุ้นที่ผมมีความมั่นใจมากกว่า 90% ว่ากำไรในห้าปีข้างหน้า จะ ทรงๆ ไม่ทรุด ถ้าโตได้ก็สุดยอด
pe < 8 ปันผลมากกว่า 10%
ถ้าซื้อแล้ว หุ้นตก จะไม่ซื้อเฉลี่ยเพิ่ม เว้นแต่รายได้อื่นๆ เช่น จากการทำงาน จากปันผล จากค่าเช่า จะเข้ามาจนทำให้ถือเงินสด มากกว่า 25% จึงซื้อเพิ่ม
ผมว่าวิธีนี้ น่าจะทำให้เราไม่เจ็บตัวมาก ในสภาวะที่ผันผวนนี้
ps ผมก็ยังจ่ายตลาดเรื่อยๆ ถ้าเงินสดมากกว่า 25% ครับ
ผมว่า asset allocation มีความสำคัญเหมือนกัน
ต้องดูว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ถ้าเงินมีร้อยล้าน ใช้ปีละล้าน จะลงทุน 90 ล้านก็คงไม่มีปัญหา
แต่ถ้าซื้อมากจนรู้สึกเครียด ผมว่าซื้อเยอะเกินไปแล้ว และความเครียด จะทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนได้ไม่ดี
อย่าไปเชื่อกูรูทั้งหลายที่ว่าให้ลงทุน ร้อยเปอร์เซนต์
ผมว่าควรปรับความโลภให้เข้ากับความรู้และสภาพจิตใจของตัวเองจะดีกว่า
ตอนนี้ผมถือหลักว่า จะจ่ายตลาด(หุ้น)ไม่เกิน 75% ของเงินที่มี
ซื้อหุ้นที่ผมมีความมั่นใจมากกว่า 90% ว่ากำไรในห้าปีข้างหน้า จะ ทรงๆ ไม่ทรุด ถ้าโตได้ก็สุดยอด
pe < 8 ปันผลมากกว่า 10%
ถ้าซื้อแล้ว หุ้นตก จะไม่ซื้อเฉลี่ยเพิ่ม เว้นแต่รายได้อื่นๆ เช่น จากการทำงาน จากปันผล จากค่าเช่า จะเข้ามาจนทำให้ถือเงินสด มากกว่า 25% จึงซื้อเพิ่ม
ผมว่าวิธีนี้ น่าจะทำให้เราไม่เจ็บตัวมาก ในสภาวะที่ผันผวนนี้
ps ผมก็ยังจ่ายตลาดเรื่อยๆ ถ้าเงินสดมากกว่า 25% ครับ
จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 8
แต่ถ้าซื้อมากจนรู้สึกเครียด ผมว่าซื้อเยอะเกินไปแล้ว และความเครียด จะทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนได้ไม่ดี
อย่าไปเชื่อกูรูทั้งหลายที่ว่าให้ลงทุน ร้อยเปอร์เซนต์
ผมว่าควรปรับความโลภให้เข้ากับความรู้และสภาพจิตใจของตัวเองจะดีกว่า
ค่ะ เห็นด้วย แต่ก็ไม่เชิงทั้งหมด
นี่คือหนึ่งในวินัย และคือกลยุทธในการจัดการพอร์ท
อาจจะงี้ค่ะ...
ถ้ามองเป็นขาขึ้นระยะยาว ควรหาจังหวะเต็มพอร์ท
ถ้ามองว่าแค่เด้ง ก็เล่นแต่พอเสียว :lol:
ถ้ามั่นใจมาก เล่นเยอะหน่อย ตามทันก็ตาม
ถ้าไม่มั่นมาก เล่นน้อยได้ ตามไม่ทัน ก็รอรอบหน้า (เพราะถ้ายังเป็นขาเล่นเด้ง ลู่วิ่งอาจไม่ยาวมาก ไล่ตามช้าไป อาจเจอดอยได้)
ถ้าลังเล ควรหยุดก่อน .........อันนี้สำคัญค่ะ
ความเห็นโดยรวมก็คือ
ถ้า ยังซื้อขาย ด้วยความโลภหรือกลัว ไม่ว่าจำนวนเงินมากหรือน้อย ไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์
ไม่ว่าจำนวนเงินเท่าไหร่ ต้องตอบได้ว่า ซื้อเพราะอะไร ขายเพราะอะไร (ไม่ว่าจะยึดหลัก vi หรือ vs หรือ :lol: vsop ก็ต้องตอบได้ตามหลักการนั้นๆค่ะ)
เหมือนเวลาคัทลอส ความเห็นส่วนตัวนะ
ไม่ต้องไปจำกัดว่า กี่ % จะคัทลอส
แต่น่าจะตอบว่า คัทลอส เพราะเห็นว่า ถ้าหลุดตรงนี้แล้ว จะมีลู่วิ่งลงไปอีกเยอะ
หรือ คัทในแบบวีไอ ไม่ว่าจะต้องเสียกี่ % แต่เมื่อบริษัทไม่เป็นอย่างที่คิดไว้แล้ว (คือแย่ลง) เท่าไหร่ก็โยนซ้ายไปเลย
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 10
ไม่รู้สินะครับ พี่ 007 สุดสวย
ผมว่า ต่อไปนี้ ผมจะไม่เต็มพอร์ท และก็จะไม่ล้างพอร์ท
เพราะ เวลาที่เรามั่นใจสุดๆ มักจะตามมาด้วยหายนะที่ไม่ทันคาดคิด
ผมจึงพยายามหากลยุทธที่จะทำให้ตัวเองมีเงินเหลือเสมอ เมื่อ market crash มาเยือน ไม่ว่ามันจะ crash จริง ปลอม ยาว สั้น
โอกาสดีสุดๆ จะมีในวิกฤติสุดๆ และเราจะคว้าโอกาสได้ เราต้องมีเงินสดครับ
ถ้าหุ้นขึ้น สัดส่วนเงินสดที่เรามี ก็จะลดลง และหุ้นเรายังไม่แพงเกิน ก็เอารายได้ประจำที่เรามี มาโยกเข้าเงินสด
ถ้าหุ้นตก สัดส่วนเงินสดเราจะเพิ่มขึ้น ถ้าเรามองว่าหุ้นนี้ยังดีอยู่ และราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ก็ซื้อเพิ่ม แต่ไม่ซื้อจนเกินลิมิต
ถ้าหุ้นขึ้น และแพงเกินพื้นฐาน ก็ขายทิ้งครับ
ผมว่า ต่อไปนี้ ผมจะไม่เต็มพอร์ท และก็จะไม่ล้างพอร์ท
เพราะ เวลาที่เรามั่นใจสุดๆ มักจะตามมาด้วยหายนะที่ไม่ทันคาดคิด
ผมจึงพยายามหากลยุทธที่จะทำให้ตัวเองมีเงินเหลือเสมอ เมื่อ market crash มาเยือน ไม่ว่ามันจะ crash จริง ปลอม ยาว สั้น
โอกาสดีสุดๆ จะมีในวิกฤติสุดๆ และเราจะคว้าโอกาสได้ เราต้องมีเงินสดครับ
ถ้าหุ้นขึ้น สัดส่วนเงินสดที่เรามี ก็จะลดลง และหุ้นเรายังไม่แพงเกิน ก็เอารายได้ประจำที่เรามี มาโยกเข้าเงินสด
ถ้าหุ้นตก สัดส่วนเงินสดเราจะเพิ่มขึ้น ถ้าเรามองว่าหุ้นนี้ยังดีอยู่ และราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ก็ซื้อเพิ่ม แต่ไม่ซื้อจนเกินลิมิต
ถ้าหุ้นขึ้น และแพงเกินพื้นฐาน ก็ขายทิ้งครับ
จงทนอด และอดทน
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 13
ทำไงถึงจะรู้หล่ะครับ ผมว่าถ้ารู้จริงคงน่าจะรวยกันน่าดู :D :Dถ้ามองเป็นขาขึ้นระยะยาว ควรหาจังหวะเต็มพอร์ท
ถ้ามองว่าแค่เด้ง ก็เล่นแต่พอเสียว
ถ้ามั่นใจมาก เล่นเยอะหน่อย ตามทันก็ตาม
ถ้าไม่มั่นมาก เล่นน้อยได้ ตามไม่ทัน ก็รอรอบหน้า (เพราะถ้ายังเป็นขาเล่นเด้ง ลู่วิ่งอาจไม่ยาวมาก ไล่ตามช้าไป อาจเจอดอยได้)
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 14
ขอดูงบ Q1 ก่อนดีกว่าครับเฮีย เผื่อเมฆหมอกจะเบาบางลงมองอะไรชัดเจนขึ้น กำไรน้อยหน่อยตามความเสี่ยง ดีกว่ามองรอบข้างอีกที :doi: นี่หว่า
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
-
- Verified User
- โพสต์: 1252
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 15
จ่ายตลาดช่วงนี้ ผมว่าเหมือนการจ่ายตลาดช่วงเช้าที่จะได้ของสดและดีแต่อาจไม่ดีเท่าช่วงตีสี่ตีห้าครับ :lol:
10-20%ของเงินลงทุนก็กำลังดีครับ รัสเซียเริ่มปัญหาแล้วธนาคารยุโรปอาจจะต้องหาทางเพิ่มสภาพคล่องอีกแล้ว
10-20%ของเงินลงทุนก็กำลังดีครับ รัสเซียเริ่มปัญหาแล้วธนาคารยุโรปอาจจะต้องหาทางเพิ่มสภาพคล่องอีกแล้ว
- กาวตราช้าง
- Verified User
- โพสต์: 179
- ผู้ติดตาม: 0
Re: น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 17
[quote="ปรัชญา"]เรื่องตลาดจะฟื้นก็คงจะเดาได้ยากสักหน่อย
-
- Verified User
- โพสต์: 470
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 18
[quote="poppo"]ไม่รู้สินะครับ พี่ 007 สุดสวย
ผมว่า ต่อไปนี้ ผมจะไม่เต็มพอร์ท และก็จะไม่ล้างพอร์ท
เพราะ เวลาที่เรามั่นใจสุดๆ มักจะตามมาด้วยหายนะที่ไม่ทันคาดคิด
ผมจึงพยายามหากลยุทธที่จะทำให้ตัวเองมีเงินเหลือเสมอ เมื่อ market crash มาเยือน ไม่ว่ามันจะ crash จริง ปลอม ยาว สั้น
โอกาสดีสุดๆ จะมีในวิกฤติสุดๆ และเราจะคว้าโอกาสได้ เราต้องมีเงินสดครับ
ถ้าหุ้นขึ้น สัดส่วนเงินสดที่เรามี ก็จะลดลง และหุ้นเรายังไม่แพงเกิน ก็เอารายได้ประจำที่เรามี มาโยกเข้าเงินสด
ถ้าหุ้นตก สัดส่วนเงินสดเราจะเพิ่มขึ้น ถ้าเรามองว่าหุ้นนี้ยังดีอยู่ และราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ผมว่า ต่อไปนี้ ผมจะไม่เต็มพอร์ท และก็จะไม่ล้างพอร์ท
เพราะ เวลาที่เรามั่นใจสุดๆ มักจะตามมาด้วยหายนะที่ไม่ทันคาดคิด
ผมจึงพยายามหากลยุทธที่จะทำให้ตัวเองมีเงินเหลือเสมอ เมื่อ market crash มาเยือน ไม่ว่ามันจะ crash จริง ปลอม ยาว สั้น
โอกาสดีสุดๆ จะมีในวิกฤติสุดๆ และเราจะคว้าโอกาสได้ เราต้องมีเงินสดครับ
ถ้าหุ้นขึ้น สัดส่วนเงินสดที่เรามี ก็จะลดลง และหุ้นเรายังไม่แพงเกิน ก็เอารายได้ประจำที่เรามี มาโยกเข้าเงินสด
ถ้าหุ้นตก สัดส่วนเงินสดเราจะเพิ่มขึ้น ถ้าเรามองว่าหุ้นนี้ยังดีอยู่ และราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 19
นั่นสิคะ ...อืมทำไงถึงจะรู้หล่ะครับ ผมว่าถ้ารู้จริงคงน่าจะรวยกันน่าดู
อันดับแรก คงต้องเปลี่ยนมุมมองก่อน ว่าคงไม่มีทางรู้ได้หรอก อันนี้ต้องลบความเชื่อนี้ไปก่อน มั้งคะ
อันดับต่อไป คงต้องไปขอเข้าอบรมวิชาอมตะจากป๋าพอใจค่ะ
เห็นแกว่าเก็บค่าวิชา โออิชิมื้อนึง
:lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 503
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 21
โอกาสทองสำหรับการลงทุนระยะยาวครับ เเต่การเข้าลงทุนจะมีผลอย่างมากต่อต้นทุนเเละกำไรในระยะยาว ( 5-7ปี)
เเต่ถ้าเป็นระยะ 1-2 ปีนี้พวกหุ้น บูลชิพเองถ้าไม่เล่นรอบก็น่าจะกำไรได้ยากเเม้ว่าพื้นฐานจะเเข็งเเกร่งมากก็ตาม
จากประสบการณ์ปี 40 ในวิกกฤต การมองโลกในเเง่ร้ายสุดๆ ช่วยได้เยอะเลยครับ ได้ซื้อของในราคาที่ไม่เคยคาดถึง(เเถมมีตังเหลือ)
ผมยังเชื่อว่าความเลวร้ายเพิ่งเริ่มต้นครับเเละคงจะคงอยู่ไปอีกสักพักกว่า usa จะฟื้น การคาดการณ์ในทางที่ดีอาจจะทำให้เราประมาทนายตลาดครับ
เเต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมยังคงซื้อลงทุนอย่างสมำเมอ เเละถือเงินสดสำรองรอรับของถูกเมื่อมีข่าวร้ายสุดๆมากระทบตลาด( รักเเล้วรอได้ )
CASH IS KING
- satantuey
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 24
เต็มปอดครับ... :lol:
โดยส่วนตัวผมเดิน 2 ทาง
1. พยายามฟอกปอดที่แดงอยู่ให้แดงน้อยลง ช่วงนี้มันไซด์เวย จึงซื้อๆขายๆแต่ไม่ถึงกับเดย์เทรดนะ อาจจะเรียกว่า 2 สัปดาห์เทรด หรือ เดือนเทรด ช่วยได้ครับ ดอยเตี้ยลง บางตัวเขียวแล้ว
2.ตัวที่เล็งไว้ ก็เก็บไปเรื่อยๆ
โดยส่วนตัวผมเดิน 2 ทาง
1. พยายามฟอกปอดที่แดงอยู่ให้แดงน้อยลง ช่วงนี้มันไซด์เวย จึงซื้อๆขายๆแต่ไม่ถึงกับเดย์เทรดนะ อาจจะเรียกว่า 2 สัปดาห์เทรด หรือ เดือนเทรด ช่วยได้ครับ ดอยเตี้ยลง บางตัวเขียวแล้ว
2.ตัวที่เล็งไว้ ก็เก็บไปเรื่อยๆ
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 25
[quote="poppo"]ขอแชร์ไอเดีย แม้จะเป็นศพไปแล้วเมื่อปีก่อน พอร์ตติดลบถึง 25% เสียคัมรี่ ไปหนึ่งคัน :lol:
ผมว่า asset allocation มีความสำคัญเหมือนกัน
ต้องดูว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ถ้าเงินมีร้อยล้าน ใช้ปีละล้าน จะลงทุน 90 ล้านก็คงไม่มีปัญหา
แต่ถ้าซื้อมากจนรู้สึกเครียด ผมว่าซื้อเยอะเกินไปแล้ว และความเครียด จะทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนได้ไม่ดี
อย่าไปเชื่อกูรูทั้งหลายที่ว่าให้ลงทุน ร้อยเปอร์เซนต์
ผมว่าควรปรับความโลภให้เข้ากับความรู้และสภาพจิตใจของตัวเองจะดีกว่า
ตอนนี้ผมถือหลักว่า จะจ่ายตลาด(หุ้น)ไม่เกิน 75% ของเงินที่มี
ซื้อหุ้นที่ผมมีความมั่นใจมากกว่า 90% ว่ากำไรในห้าปีข้างหน้า จะ ทรงๆ ไม่ทรุด ถ้าโตได้ก็สุดยอด
pe < 8 ปันผลมากกว่า 10%
ถ้าซื้อแล้ว หุ้นตก จะไม่ซื้อเฉลี่ยเพิ่ม เว้นแต่รายได้อื่นๆ เช่น จากการทำงาน จากปันผล จากค่าเช่า จะเข้ามาจนทำให้ถือเงินสด มากกว่า 25% จึงซื้อเพิ่ม
ผมว่าวิธีนี้ น่าจะทำให้เราไม่เจ็บตัวมาก ในสภาวะที่ผันผวนนี้
ps
ผมว่า asset allocation มีความสำคัญเหมือนกัน
ต้องดูว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน
ถ้าเงินมีร้อยล้าน ใช้ปีละล้าน จะลงทุน 90 ล้านก็คงไม่มีปัญหา
แต่ถ้าซื้อมากจนรู้สึกเครียด ผมว่าซื้อเยอะเกินไปแล้ว และความเครียด จะทำให้เราตัดสินใจในการลงทุนได้ไม่ดี
อย่าไปเชื่อกูรูทั้งหลายที่ว่าให้ลงทุน ร้อยเปอร์เซนต์
ผมว่าควรปรับความโลภให้เข้ากับความรู้และสภาพจิตใจของตัวเองจะดีกว่า
ตอนนี้ผมถือหลักว่า จะจ่ายตลาด(หุ้น)ไม่เกิน 75% ของเงินที่มี
ซื้อหุ้นที่ผมมีความมั่นใจมากกว่า 90% ว่ากำไรในห้าปีข้างหน้า จะ ทรงๆ ไม่ทรุด ถ้าโตได้ก็สุดยอด
pe < 8 ปันผลมากกว่า 10%
ถ้าซื้อแล้ว หุ้นตก จะไม่ซื้อเฉลี่ยเพิ่ม เว้นแต่รายได้อื่นๆ เช่น จากการทำงาน จากปันผล จากค่าเช่า จะเข้ามาจนทำให้ถือเงินสด มากกว่า 25% จึงซื้อเพิ่ม
ผมว่าวิธีนี้ น่าจะทำให้เราไม่เจ็บตัวมาก ในสภาวะที่ผันผวนนี้
ps
Small Details Make a Big Difference
-
- Verified User
- โพสต์: 6
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 27
ผมเข้าใจว่า การจัดพอร์ตของแต่ละคน แท้จริงแล้ว ขึ้นกับ การตีความในเรื่องการลงทุน หรือความเชื่อในเรื่องการลงทุน นี่เป็นพื้นฐานในใจลึกๆนะครับ
เช่น การซื้อหวย เป็นการลงทุน
เช่น การซื้ออ๊อปชั่น การซื้อฟิวเจอร์ เป็นการลงทุน
เช่น การซื้อหุ้นสามัญ เป็นการลงทุน
เช่น การเล่นเทรดดิ้งสั้นๆ เป็นการลงทุน
เช่น การซื้อแล้วถือยาวๆ เหมือนเราทำธุรกิจนั้นจริงๆ แบบที่ชาววีไอคิด เป็นการลงทุน
หรืออื่นๆอีกมากมาย
ทีนี้ การเลือกจังหวะเวลาในการเข้าลงทุนมันจะตามมา จากพื้นฐานข้างบนนี้ เป็นเบื้องต้น รวมประกอบกับข้อมูล ความเข้าใจ และการตีความอื่นๆ ในการกำหนดจังหวะที่ว่านี้ รวมทั้งน้ำหนักในการกระจายความเสี่ยงด้วย
เมื่อลงทุนไปแล้ว การตัดสินใจ..ขาย..มันจะมาจากพื้นฐานที่ว่าไว้ข้างบนอีกเช่นกัน รวมทั้งข้อมูล สภาพแวดล้อมต่างๆที่ดำเนินไปอันมีผลต่อผลประกอบการในการลงทุนครั้ง(หรือตัวนั้นๆ)นั้นๆ
อย่ากังวลเลยครับ เรื่องการจัดพอร์ด ขนาดของพอร์ต จังหวะการซื้อขาย ทำตามที่ตัวเองเข้าใจ เชื่อมั่น หลังจากศึกษาสิ่งที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีแล้ว ครบถ้วนแล้ว
เช่น การซื้อหวย เป็นการลงทุน
เช่น การซื้ออ๊อปชั่น การซื้อฟิวเจอร์ เป็นการลงทุน
เช่น การซื้อหุ้นสามัญ เป็นการลงทุน
เช่น การเล่นเทรดดิ้งสั้นๆ เป็นการลงทุน
เช่น การซื้อแล้วถือยาวๆ เหมือนเราทำธุรกิจนั้นจริงๆ แบบที่ชาววีไอคิด เป็นการลงทุน
หรืออื่นๆอีกมากมาย
ทีนี้ การเลือกจังหวะเวลาในการเข้าลงทุนมันจะตามมา จากพื้นฐานข้างบนนี้ เป็นเบื้องต้น รวมประกอบกับข้อมูล ความเข้าใจ และการตีความอื่นๆ ในการกำหนดจังหวะที่ว่านี้ รวมทั้งน้ำหนักในการกระจายความเสี่ยงด้วย
เมื่อลงทุนไปแล้ว การตัดสินใจ..ขาย..มันจะมาจากพื้นฐานที่ว่าไว้ข้างบนอีกเช่นกัน รวมทั้งข้อมูล สภาพแวดล้อมต่างๆที่ดำเนินไปอันมีผลต่อผลประกอบการในการลงทุนครั้ง(หรือตัวนั้นๆ)นั้นๆ
อย่ากังวลเลยครับ เรื่องการจัดพอร์ด ขนาดของพอร์ต จังหวะการซื้อขาย ทำตามที่ตัวเองเข้าใจ เชื่อมั่น หลังจากศึกษาสิ่งที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีแล้ว ครบถ้วนแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 413
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 28
[quote="007-s"][quote]ทำไงถึงจะรู้หล่ะครับ ผมว่าถ้ารู้จริงคงน่าจะรวยกันน่าดู
Even Sir Isaac Newton loss in stock market
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."
ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่ นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
น่าจ่ายตลาด... หรือยัง
โพสต์ที่ 29
ผมทะยอยจ่ายตลาดไป ๕ ตัว เริ่ม ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนแล้วครับ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: