เอไอเอส ตัดราคา ไอโฟน ทรูมูฟ

[vichit]

เอไอเอส ตัดราคา ไอโฟน ทรูมูฟ



ยอมขายถูกกว่า4พันบาท เจาะตลาดลูกค้าองค์กร

"เอไอเอส"เอาใจลูกค้าเอสเอ็มอี-องค์กร นำเข้าไอโฟนตามออเดอร์ เคาะราคาเครื่องเปล่าตัดหน้า TREU ถูกกว่า 4,000 บาทกันลูกค้าที่ต้องการเสริฟ์ข้อมูลดาต้าไหลออก ด้าน"ศุภชัย"แจงยังไม่รู้รายละเอียด ยันไม่แคร์เพราะนำเข้าอิสระ ไม่ได้การรับประกันเครื่องและดูแลหลังการขาย ย้ำไอโฟน 3จี ของทรูฯ ยังขายได้ต่อเนื่อง กระแสไม่ตกอย่างที่เป็นข่าว

แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคม  เปิดเผยว่า  ขณะนี้  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส  จำกัด  (มหาชน)  หรือ ADVANC ได้รับสิทธิจากบริษัท แอปเปิ้ล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือไอโฟน  ให้เป็นผู้นำเข้าอิสระโทรศัพท์มือถือไอโฟน เข้ามาจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร และกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย (เอสเอ็มอี) โดยจะนำเข้าตามความต้องการสั่งซื้อของลูกค้า คาดว่าราคาขายเครื่องเปล่า น่าจะอยู่ที่ 19,000-20,000 บาท ถูกกว่าราคาตลาดที่บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ขายอยยู่ที่ 23,275 บาท

แหล่งข่าวกล่าวว่าสาเหตุที่เอไอเอสตัดสินใจเป็นผู้นำเข้าอิสระนั้น เป็นกลยุทธ์รักษาความสัมพันธ์ของลูกค้า (ซีอาร์เอ็ม) อย่างหนึ่ง เนื่องจากฐานลูกค้าระบบโพสต์เพด (รายเดือน)ของเอไอเอสเป็นกลุ่มที่เป็นนักธุรกิจ และลูกค้าองค์กรจำนวนมาก ดังนั้น จึงเป็นกลยุทธ์  และป้องกันไม่ให้กลุ่มลูกค้าดังกล่าว ที่มีการใช้งานมากไหลออกไปใช้ระบบของคู่แข่ง ซึ่งลูกค้ายังได้รับความมั่นใจ ในฐานะที่เอไอเอสเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ โดยไม่ต้องกังวลหากโทรศัพท์มีปัญหา

"การนำเข้าเครื่องนี้จะไม่ใช้บิ๊กล็อต คือจะนำเข้ามาจำนวนเครื่องตามออเดอร์ที่สั่งซึ่งคาดการณ์ก็น่าจะอยู่เพียงหลัก  10,000  เครื่อง การที่เอไอเอสเป็นผู้นำเข้าได้อิสระ ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าเห็นว่าหากไปซื้อเครื่องเอง จะไม่ได้การดูแลจากศูนย์บริการ แต่ไอโฟนที่นำเข้าดังกล่าว ก็สามารถเข้าช้อปของเอไอเอสได้"

ทั้งนี้การนำเข้าไอโฟนของเอไอเอสไม่ถือว่าผิดกฎกับทางแอปเปิล  เนื่องจากเอไอเอสนำเข้ามาจากต่างประเทศ   ไม่ได้ถือเป็นผู้จัดจำหน่ายหลัก  ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทางแอปเปิลแล้วโดยเป็นโมเดลเดียวกับการที่ บริษัท เอส.อี.ซีเป็นผู้นำเข้ารถยนต์หรูเข้ามาขายในประเทศไทย

ด้านนายสรรค์ชัย  เตียวประเสริฐกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด เอไอเอส กล่าวว่า  เอไอเอสจะนำเข้ามาตามออเดอร์ของลูกค้าเท่านั้น เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการสามารถทำให้ลูกค้าได้  แต่จะไม่ได้วางจำหน่ายตามช็อป หรือ สาขา เพราะเอไอเอสไม่ได้มีแผนขายอย่างเป็นทางการ

ขณะที่นายศุภชัย  เจียรวนนท์  ประธานคณะผู้บริหาร  และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ TRUE กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด ที่เอไอเอสจะเป็นผู้นำเข้าไอโฟนมาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าองค์กรและเอสเอ็มอี

แต่ในส่วนตัวเห็นว่า   ไม่น่าจะกระทบกับการขายไอโฟนของทรูมูฟ  เพราะเป็นคนละรูปแบบกัน ซึ่งทรูมูฟได้รับสิทธิให้เป็นผู้จำหน่าย และทำการตลาดอย่างเป็นทางการ ดังนั้น ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดี มีคำแนะนำในการใช้งานต่าง และมีการดูแลหลังการขายด้วย

"เรื่องนี้ผมว่ามันเป็นคนละส่วนกัน เราก็ขายไอโฟนของเราไป ซึ่งยอดขายตอนนี้ก็ดีขึ้นเรื่อย ไม่ได้เป็นตามข่าวที่ออกมาว่าขายไม่ได้ เพราะแพ็คเกจดูเหมือนจะเป็นเอาเปรียบผู้บริโภคนั้น ผมไม่เห็นว่ามีส่วนใดผิดปกติ และทางคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ

(กทช.) ก็ไม่มีข้อสงสัยใด ซึ่งก่อนทำตลาดเราได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้ามาหลากหลายแล้ว"

ด้านนายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ DTAC กล่าวว่า ดีแทคไม่สามารถทำลักษณะเดียวกับเอไอเอสได้ เพราะขณะนี้การเจรจากับทางแอปเปิลยังไม่สิ้นสุด และ เป็นไปได้ว่าในอนาคต หากได้รับใบอนุญาตให้บริการ  (ไลเซ่นส์)  3จี  บนคลื่นความถี่ใหม่  2.1  กิกะเฮิร์ตซ ดีแทคอาจเป็นตัวแทนจำหน่ายเช่นเดียวกับทรูมูฟก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่ทรูมูฟได้สิทธิ์จำหน่ายไอโฟนอย่างเป็นทางการ          และขายเครื่องเปล่าอย่างเดียวด้วยนั้น ส่งผลให้ผู้ให้บริการทุกรายได้รับผลประโยชน์ จากการที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเห็นได้ชัดเจนจากดีแทคเอง ที่มีลูกค้าใหม่เข้าระบบเพิ่มจาก 70 รายเป็น 200 รายต่อวัน จากการที่เครือข่ายเอดจ์ของดีแทคมีความเร็วสูงสุด


วันที่ 10 ก.พ. 2552 แสดงข่าวมาแล้ว -1วัน 14ช.ม. 31นาที
 





ADVANC Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 10.52 3.06
TRUE Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 N.A. 1.23
DTAC Price %Change High Low P/E BV
0.00 0.00 % 0.00 0.00 7.28 1.21


http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/cor ... ?cid=23676

[chode]

แบบนี้ true โดน apple หลอกจ่ายค่าลิขสิทธิ์หรือเปล่าเนี่ย

[โอ@]

ของ ADVANC เป็นแค่ผู้นำเข้าอิสระครับ คือแบบว่าส่งไป claim ที่ศูนย์ apple ไม่รู้ได้หรือเปล่าด้วย
น่าจะเป็นลักษณะเหมือนเครื่องหิ้วนะครับ แต่รับประกันโดย ศูนย์ AIS

[miracle]

ชื่อ Apple เหมือนกัน
iPhone เหมือนกันงานนี้
ถ้า AIS เล่นแบบนี้ Apple ว่าไง

[miracle]

ที่บอกว่า Apple ว่าไงคือ
สัญญาที่ Apple ทำกับ Ture
มีเขียนว่าเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายเพียงผู้เดียวหรือไม่
ถ้าใช่ งานนี้เข้า CASE ของที่มีผู้จัดจำหน่ายเพียงคนเดียวในประเทศ
แล้วคนอื่นหิ้วเข้ามา ก็ถูกจับ หรือ ตั้งหน้าร้านบน web ขายเมืองไทยก็ถูกจับด้วย

อันนี้ต้องดูว่า Apple มีเขียนไว้หรือไม่
ถ้ามีงานนี้ คงสนุก

[Coca-Cola]

อย่างนี้...  หากใครคิดจะไปหิ้วเครื่องมาจากฮ่องกง ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนวางขายทั่วไปตำรวจเห็นไม่จับ ถ้าเดี๋ยวนี้... เจอตำรวจ หน้าตาคงออกอาการเป็นโรคฮ่องกงฟุตลิซึ่มแน่ๆ

[โอ@]

ถ้า AIS ซื้อเครื่องเปล่าจากต่างประเทศมา แล้วนำเข้ามาเสียภาษีถูกต้องตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์จับอยู่ดีแหละครับ
สัญญา apple ก็ทำอะไรไม่ได้หนิครับ Apple ก็แค่ไม่รับส่งซ่อมศูนย์เค้า AIS ก็บอกซ่อมเองก็ได้

[miracle]

คุณโอ@ เข้าใจผิดคลาดเคลื่อนเล็กน้อยครับ
สัญญาหากระบุว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายผู้เดียวในประเทศไทย
อันนี้คนอื่นเอาเข้ามาจำหน่ายแม้นว่า เสียภาษีถูกต้องตามกฏหมาย
ถ้ามีบุคคลมาชี้ว่า คุณขายของที่ฉันมีลิขสิทธิ์อยู่ ก็ถือว่าผิดกฏหมายลิขสิทธิ์

อันนี้มีคนโดนมาแล้วครับ เป็นพวกกระเป๋าที่หิ้วมาจากต่างประเทศและเครื่องสำอาง

[ppp]

เอไอเอสยันเจรจาแอปเปิลยังไม่จบ

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาดบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส


"เอไอเอส"ยันไม่มีแผนเป็นผู้นำเข้าอิสระไอโฟน สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ แจงยังอยู่ในขั้นตอนเจรจาเท่านั้น หลังเงื่อนไขไม่ตรงกันหลายเรื่อง ชี้วันนี้หากลูกค้าองค์กรธุรกิจต้องการใช้ไอโฟนทำได้ 2 ทางคือมีเครื่องอยู่แล้วหรือยังไม่มีเครื่องก็สามารถซื้อจากผู้นำเข้าอิสระได้เองแล้วเอไอเอสเสนอแพกเกจบริการให้ เอไอเอสจะซื้อไอโฟนจาก i-studio แล้วบันเดิลบริการเข้าไปให้

นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาดบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอสกล่าวว่าเอไอเอสยังอยู่ระหว่างเจรจากับแอปเปิลโดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากเงื่อนไขบางประการของแอปเปิล เอไอเอสไม่สามารถปฏิบัติได้ และเอไอเอสก็เสนอเงื่อนไขบางประการให้แอปเปิลพิจารณาอยู่เช่นกัน แต่ถ้าเมื่อไหร่แอปเปิลและเอไอเอสสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ก็จะประกาศให้สาธารณชนรับทราบต่อไป

ไม่อยากให้ตลาดเข้าใจผิดว่าเอไอเอสเป็นผู้นำเข้าอิสระ เรายืนยันว่าเรายังอยู่ระหว่างเจรจากับแอปเปิลเท่านั้น

นายสมชัยกล่าวย้ำว่าแต่หากลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าองค์กร ธุรกิจ เอสเอ็มอีต่างๆมีความต้องการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ไอโฟน ร่วมกับแพกเกจธุรกิจ เอสเอ็มอี ต่างๆของเอไอเอส สามารถทำได้ 2 รูปแบบคือ 1.กรณีลูกค้าองค์กรมีเครื่องไอโฟนอยู่แล้ว หรือยังไม่มี ก็สามารถซื้อได้จากผู้นำเข้าอิสระทั่วๆไป แล้วเอไอเอสจะเสนอแพกเกจบริการต่างๆที่เหมาะสมให้ หรือ 2.กรณีลูกค้าองค์กรไม่มีเครื่องไอโฟน แล้วมีความต้องการใช้ เอไอเอสก็จะทำการซื้อจากตัวแทนที่ถูกต้องอย่างร้าน i-studio แล้วนำมาบันเดิลกับแพกเกจบริการเอไอเอสเข้าไปให้

ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าเอไอเอสไม่ได้เป็นผู้นำเข้าอิสระแต่อย่างใด เพียงแต่ถ้าลูกค้ามีเครื่องไอโฟนเราก็จะเสนอแพกเกจบริการให้ หรือถ้าไม่มีแล้วอยากใช้เราก็จะซื้อจากร้าน i-studio มาบันเดิลบริการเข้าไป

ด้านนายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค กล่าวก่อนหน้านี้ถึงกรณีที่ทรูมูฟทำตลาดไอโฟนเพียงรายเดียวว่าถือว่าทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้น ทรูมูฟอาจได้เรื่องแบรนด์ แต่ภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมก็ได้ด้วยจากการขายเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญาเพราะลูกค้าที่ซื้อเครื่องไปอาจมาใช้กับโอเปอเรเตอร์รายอื่นก็ได้ ซึ่งดีแทคมองเห็นการเติบโตในส่วนการใช้งานด้านดาต้าหรือ EDGE สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยดีแทคมีแผนที่จะออกโปรโมชันที่จูงใจในการใช้งานดาต้าให้มากขึ้นและที่ผ่านมาอินเทอร์เน็ตซิมของดีแทคขายได้เดือนละ 1 หมื่นซิม ถือว่าตลาดเติบโตมากขึ้นโดยดีแทคมีส่วนแบ่งในตลาดดาต้ามากกว่า 30% ในขณะที่หากในอนาคตดีแทคได้รับใบอนุญาตให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ก็มีความเป็นไปได้ที่ดีแทคจะเป็นผู้นำเข้าไอโฟนเช่นเดียวกับทรูมูฟ

แหล่งข่าวในวงการค้าเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เอไอเอสและดีแทคไม่ได้ตอบรับเงื่อนไขและนำเข้าเครื่องไอโฟน โทรศัพท์มือถือหน้าจอสัมผัสเล่นอินเทอร์เน็ตจากแอปเปิลเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยพร้อมกันทั้งสามรายเนื่องจากมองว่าไม่ได้เป็นการเสียเปรียบกันเพราะตลาดเหลือเนื้อที่เติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

"ที่ว่าวุ่นวายคือ ปกติโทรศัพท์มือถือแต่ละรุ่นจะจำหน่ายในประเทศไทยเฉลี่ยราว 50,000 เครื่องต่อปี ถ้าเราคำนวณให้ไอโฟนพิเศษหน่อย ว่าอาจสามารถจำหน่ายได้ 200,000 เครื่องต่อปี มาหักลบกับตลาดใต้ดินที่เชื่อว่าขณะนี้ขายไอโฟนได้ 70,000-80,000 เครื่องแล้วจะพบว่าตลาดอาจขยายได้อีกประมาณ 120,000 เครื่อง ตัวเลขนี้หากว่า 3 โอเปอเรเตอร์ลงไปแย่งกันเชื่อว่าไม่รอด แถมการนำเข้าไอโฟนต้องมีข้อตกลงว่าต้องขายไอโฟนให้ได้กี่เครื่องภายในเวลาเท่าใดด้วย สมมุติว่ากำหนดให้รายละ 100,000 เครื่อง 3 รายก็ 300,000 เครื่อง ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าดีมานด์ไม่พอ"


ข่าว : CyberBiz

[vision]

คุณโอ@ เข้าใจผิดคลาดเคลื่อนเล็กน้อยครับ
สัญญาหากระบุว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายผู้เดียวในประเทศไทย
อันนี้คนอื่นเอาเข้ามาจำหน่ายแม้นว่า เสียภาษีถูกต้องตามกฏหมาย
ถ้ามีบุคคลมาชี้ว่า คุณขายของที่ฉันมีลิขสิทธิ์อยู่ ก็ถือว่าผิดกฏหมายลิขสิทธิ์

อันนี้มีคนโดนมาแล้วครับ เป็นพวกกระเป๋าที่หิ้วมาจากต่างประเทศและเครื่องสำอาง

ไม่น่าผิดกฎหมายลิขสิทธิ์นะครับ สงสัยหาเรื่องจับ หลอกกินฟรีมากกว่า

ของมีลิขสิทธิ์ถูกต้องจะผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ได้ไง

ถ้าทำให้ตัวแทนเสียหาย ก็เป็นเรื่องทางแพ่งไป

ถ้าฟ้องก็คงยาว แต่ก็ขึ้นกับสัญญาที่ทำกัน ผมว่าไม่ใช่ผู้เดียวในประเทศไทยหรอก

[Qคุง]

ไม่ผิดหรอกครับ
ยกตัวอย่างดังนี้

บริษัท A เป็นตัวแทนจำหน่ายเจ้าเดียวของสินค้า ชนิดหนึ่งในไทย
บริษัท B เป็นตัวแทนจำหน่ายเจ้าเดียวของสินค้า ชนิดหนึ่งในสิงคโปร์
เนื่องจากว่า A คิดว่าขายเจ้าเดียวจึงขายในราคาสูง
วันดีคืนดี บริษัท C ที่อยู่ในไทยเห็นช่องว่าหากซื้อต่อจาก B แล้วจ่ายภาษี+ค่าขนส่ง รวมกำไรนิดหน่อยยังขายได้ถูกกว่า A ก็จึงมีการติดต่อนำเข้า

อย่างนี้ไม่ผิดกฎหมายหรือสัญญาแต่งตั้งตัวแทน
หาก A จะไป ร้องเรียน โรงงานที่ผลิตสินค้าก็สามารถทำได้แต่อาจจะเป็นการบอกว่าคุณบวกกำไรมากเกินไป
ส่วนใหญ่สามารถทำได้ก็คือไม่รับบริการหลังการขายครับ

[Boring Stock Lover]

ไม่ผิดหรอกครับ
ยกตัวอย่างดังนี้

บริษัท A เป็นตัวแทนจำหน่ายเจ้าเดียวของสินค้า ชนิดหนึ่งในไทย
บริษัท B เป็นตัวแทนจำหน่ายเจ้าเดียวของสินค้า ชนิดหนึ่งในสิงคโปร์
เนื่องจากว่า A คิดว่าขายเจ้าเดียวจึงขายในราคาสูง
วันดีคืนดี บริษัท C ที่อยู่ในไทยเห็นช่องว่าหากซื้อต่อจาก B แล้วจ่ายภาษี+ค่าขนส่ง รวมกำไรนิดหน่อยยังขายได้ถูกกว่า A ก็จึงมีการติดต่อนำเข้า

อย่างนี้ไม่ผิดกฎหมายหรือสัญญาแต่งตั้งตัวแทน
หาก A จะไป ร้องเรียน โรงงานที่ผลิตสินค้าก็สามารถทำได้แต่อาจจะเป็นการบอกว่าคุณบวกกำไรมากเกินไป
ส่วนใหญ่สามารถทำได้ก็คือไม่รับบริการหลังการขายครับ

แต่ผจก.หรือพนักงานที่บริษัท B อาจจะโดนไล่ออกได้ ถ้าบริษัทเข้มงวด เพราะการ reexport ทำให้ภาพของตลาดบิดเบี้ยวไป (ตลาด B ใหญ่กว่าความเป็นจริง) แล้วทำให้เรื่องอื่นๆตามมา

ในไทยเองก็เคยมีคนโดนไล่ออกจากเหตุการณ์ลักษณะนี้

[miracle]

ผิดครับ
มีตัวอย่างแล้วครับ
ในประเทศไทยด้วย
สำหรับการละเมิดแบบนี้

[vision]

เรื่องละเมิดทางแพ่งนี่ ผมว่าคงบอกไปชัดๆเลยว่าผิดหรือไม่ผิดไม่ได้

ต้องดูเป็นกรณีๆไป ว่าผู้ขายมีสิทธิ์ตามกฎหมายหรือไม่ และทำให้เจ้าของสิทธิ์(ไม่ใช่ลิขสิทธิ์)เสียหายหรือไม่

ในกรณีแบบนี้ ตามความรู้สึกของผม คิดว่าคนที่ได้สิทธิ์น่าจะเสียหาย คือขายของได้น้อยลง กำไรน้อยลง น่าจะฟ้องฐานละเมิดได้

[Juninho]

ถูกต้องตามพี่ miracle เลยครับ
ต้องไปดูที่สัญญา ระหว่าง ทรู กับ แอปเปิลครับ

[vision]

ดูสัญญาฝ่ายเดียวบางทีก็ไม่ได้เหมือนกันครับ

ยกตัวอย่าง

A เป็นบริษัทเจ้าของสินค้า ทำสัญญาให้ B เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศไทย

C ซื้อสินค้าจาก D เข้ามาจำหน่ายในไทยแข่งด้วย โดยที่ D ได้รับแต่งตั้งจาก A ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

C จึงมีสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในการนำสินค้ามาจำหน่าย

B ถึงจะเสียหายแต่ก็ไปฟ้อง C หรือ D ไม่ได้ ต้องไปฟ้อง A ที่มาเซ็นต์สัญญาทับสิทธิ์ ปัญหาคือ B อยากจะขายของหรืออยากค้าความ ได้แต่อึ้งอย่างเดียว

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง ผมจำสินค้าไม่ได้ แต่อยู่ในวงการคอมพิวเตอร์นี่แหละ

[ZEII]

แต่ผมว่า น่าจะเหมือนคุณ miracle

นะครับ

เหมือนผมจะเคยได้อ่านมาจากในเวปสักที่นี่แหละครับ

แต่สินค้านี้เป็นการ์ตูนน่ะครับ

น่าจะเป็นเรื่อง กายเวอร์ มั้งครับถ้าจำไม่ผิด

ที่อ่านมาเท่าที่จำได้คือ

ในตอนแรก บริษัท วิบูลย์กิจ ได้รับลิขสิทธิ์ในตอนแรกให้จำหน่ายเพียงผู้เดียว

แต่ต่อมาได้มีอีกบริษัทหนึ่ง มาซื้อลิขสิทธิ์ต่อจากวิบูลย์กิจ ในการ์ตูนเรื่องนี้

ทำให้วิบูลย์กิจไม่สามารถวางจำหน่ายหนังสือเรื่องนี้ต่อได้
แม้ว่าหนังสือของวิบูลย์กิจจะวางขายอยู่ในแผงก่อนที่อีกบริษัทจะซื้อลิขสิทธิ์มาน่ะครับ
ทำให้ต้องเก็บหนังสือทั้งหมดกลับมาน่ะครับ
(ปล.ชื่อบริษัทกับชื่อหนังสืออาจจะผิดก็ขออภัยด้วยนะครับ)

ผมเลยคิดว่าเคสนี้น่าจะคล้ายๆ กันนะครับ

โดยที่ต่อให้ ais นำเข้ามาเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย
ก็ไม่น่าจะมีสิทธิ์วางขายได้น่ะครับ

ผิดถูกอย่างไรก็ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ

[โอ@]

นึกออกแล้วครับ
ในเว็ปเรานี้ก็เคยมีเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังกันนะครับ ผมก็จำมาจากในนั้น เนื้อความมีอยู่ประมาณว่า

ถ้าใครไปเดิม Tops ช่วงนึงจะเป็น Nescafe GOLD ที่เหมือนกันเป๊ะๆ ขายคนละราคาครับ
เพราะอันนึงนำเข้าโดน Nescafe ไทย อีกอันนำเข้าจากผู้นำเข้าอิสระ
ราคาของผู้นำเข้าอิสระต่างกับอันแรกมากเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่เกือบ 50% ได้ อย่างเช่น 300 กับ 220 บาทเป็นต้น

[vision]

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

กรณีหนังสือการ์ตูน บริษัทได้ลิขสิทธิ์ในการพิมพ์ในประเทศไทย ไม่ได้ซื้อหนังสือทั้งเล่มจากญี่ปุ่นแล้วเอามาขายในไทย (จะอ่านออกมั้ยเนี่ย)

ส่วนที่ต้องเก็บของเดิม คาดว่าเป็นการฝากขาย ไม่ใช่ขายขาด เมื่อเสียลิขสิทธิืไปแล้ว ก็คงไม่มีสิทธิ์ขาย ต้องเก็บสินค้าออกถูกต้องแล้ว แต่ถ้าขายขาดผลจะเป็นยังไง น่าคิดแฮะ