เอกยุทธฉบับเต็มๆ อ่านแล้วท่านคิดอะไรกันบ้าง
-
- ผู้ติดตาม: 0
เอกยุทธฉบับเต็มๆ อ่านแล้วท่านคิดอะไรกันบ้าง
โพสต์ที่ 1
เอกยุทธ อัญชันบุตร จากเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ ถึงเฮดจ์ฟันด์ข้ามชาติ
ชื่อ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" โด่งดังเป็นทั้งทุนการเมืองรายใหญ่และพรรคทางเลือกของประชาชน
เขาเป็นใคร มาจากไหนทำไมมีเงินมากมายขนาดนั้น
หากพลิกปูมย้อนกลับไป 20 ปีหลังจากเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ที่ถูกโค่นในปี 2527 ทรัพย์สินต่างๆ ถูกยึด วันนี้เขากลับมาผงาดในกลุ่มนักลงทุนข้ามชาติ ในฐานะผู้บริหารกองทุนระดับโลก โดยเฉพาะกองทุนประเภท "เฮดจ์ฟันด์" ที่ทำให้ตลาดปั่นป่วนไม่ว่าจะเป็นตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมัน
เขาบอกว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเขาฟันกำไรมานักต่อนักแล้ว เขาจึงกลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่ง
การกลับมาเมืองไทยของเขาในคราวนี้เป็นข่าวใหญ่ว่าเป็นทุนการเมืองพันล้านให้กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธรรม
แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะต้องเผชิญหน้ากับรอยด่างที่คาดว่าจะถูกเปิดโปงว่าหอบเงินหนีไปเมืองนอก เอกยุทธตอบคำถามว่า "ผมไม่ผิด ถ้าคนโกงไปขนาดนั้นจะกล้ากลับมาใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง ชนกับอำนาจรัฐ ซึ่งไม่มีใครกล้าออกมาชน"
พร้อมกับกล่าวว่า "ผมก็อยากจะถามว่าคุณเห็นเองไหมที่ว่าหอบเงิน ขอสักคนเดียว เพราะการหอบเงินขนาดนั้นต้องมีคนรู้เห็น แล้วเขาบอกว่ามีทหาร ตำรวจไปส่งผมด้วย เงิน 100 ล้านคุณคิดว่าคุณหอบได้ไหม คุณถือ 10 ล้านก็ถือไม่ได้แล้ว และเงินที่ถูกยึดไป ทุกคนก็ไม่สามารถเคลียร์กับผมได้ว่าเงินอยู่ที่ไหน หายหมด รถผมที่ลงข่าวว่ามี 37 คัน ผมยังไม่เคยใช้สักคันเดียว มีคนทางการเอาไปใช้หมด ไม่เห็นมีในรายการถูกยึดเลย เงินในบัญชีของผมเอง ไปเช็กที่ธนาคารกรุงไทย เขาบอกว่าผมไม่เคยมีบัญชี แล้วมันหายไปไหน นี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากให้ผมกลับ หลักฐานมันโดนเผาไปหมดแล้ว ผมไปตรวจสอบที่ศาล จึงรู้ว่ารายการต่างๆ ที่เราเคยมีนั้นไม่มีอยู่ในบัญชี แต่ว่าศาลได้จ่ายคืนผมมาหลังจากปี 2539 เมื่อพ้นภาวะล้มละลาย ผมได้คืนมา 2 ล้านบาท จริงๆ ผมไม่รู้มีคนมาบอกผมเมื่อปีที่แล้วว่ามีเงินอยู่ที่ศาลทำไมคุณไม่ไปเอา ผมถามว่าเงินอะไรเขาก็บอกว่าเงินที่เขายึดคุณไปมันเกิน เขาจึงมีเงินทอนให้ผม"
เขาเปิดตัวอย่างเงียบๆ ในครั้งนี้โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้กำลังใจกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จึงชักชวนคนเคยล้ม ปชป. และหนุนไทยรักไทยจนสำเร็จมาแล้ว อย่าง "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" "อมรินทร์ คอมันตร์" โดยหวังจะสร้างกำลังใจว่าจากศัตรูมาเป็นมิตร แต่เมื่อกระแสถูกโจมตีว่าเป็นผู้มีรอยมลทิน เขาจึงลุกขึ้นมาตอบโต้ทันควัน
เขาจึงถูกจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่ม "คนรู้ทันทักษิณ" ทันที
ในฐานะที่เป็น Outsider คลุกคลีอยู่ในกลุ่มนักเก็งกำไรข้ามชาติ เขาบอกว่า "ผมเหมือนคนเห็นผี เรามองเห็นเราก็เลยกลัว เรารู้ว่ารอบนี้อันตราย มัน (เฮดจ์ฟันด์) เข้ามารอบนี้ก็เจ๊ง แล้วก็มีสิทธิ (ที่จะเข้ามาโจมตี) ด้วยเพราะ1.ราคาน้ำมันขึ้น 2.เศรษฐกิจไทยพึ่งพาตัวเลขตลาดหลักทรัพย์มากเกินไป แล้วความไม่โปร่งใสของตลาดทำให้เขาถล่มง่ายมาก 3.หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 2% 4.หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น"
เขาเชื่อว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะอันตรายรอบใหม่แล้ว โดยเกรงว่าถ้าไม่ทำอะไรอีกไม่นานทุกอย่างจะล้ม และการที่นั่งดูรอให้รัฐบาลชุดนี้ล้มถึงตอนนั้นเลือดคงท่วมแผ่นดิน
ตอนนี้รากหญ้ากับประชาชนส่วนใหญ่ใช้เงินกู้หมด เอาเงินไปอัดรากหญ้า แจกเงินให้หมู่บ้าน ไม่เป็นการเพิ่มผลผลิต แต่เอาเงินไปซื้อ ก็เห็นอยู่ว่าตัวเลขอะไรดีขึ้น หลังจากที่เงินหมด ราคาสินค้าเกษตรก็ตกต่ำเหมือนเดิม และยิ่งโดนบีบหนักจากเอฟทีเอ ใครได้ประโยชน์ ก็ทำให้เราเห็นว่าหากไม่มีใครมาช่วยกันหยุด เสร็จแน่ เพราะถ้าพวกนี้เจ๊ง (รากหญ้า) ก็ฆ่ากันได้ แต่คนรวยเงินเขาไม่ได้อยู่เมืองไทย อยู่เมืองนอก สิงคโปร์ ที่โน่นที่นี่"
เขาเชื่อว่ารัฐบาลคิดเอาเองว่าประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการประเทศ แต่เขากลับมองว่าระบบการบริหารและวิธีการปฏิบัติในปัจจุบันมันผิด เพราะมีบุคคลเพียง 2-3 คนที่กุมอำนาจเศรษฐกิจทั้งหมดและสามารถชี้ให้ใครก็ได้ นับว่าอันตราย เพราะเป็นระบบพวกพ้องญาติมิตร มีผลประโยชน์ทับซ้อน ยิ่งประกาศว่าต้องการ 400 เสียงก็ยิ่งสร้างความหวาดระแวง
"รัฐบาลชอบเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่เจริญแล้ว เขาเจริญเพราะเขามีผู้นำที่เจริญแล้ว มีผู้นำที่มีความคิด ถ้าคุณไปคิดว่าประชาชนโง่ คุณนั่นแหละคือคนโง่ คุณต้องให้ความรู้เขา สอนเขา ถ้าคุณไม่สอนเขา คุณไปกดเขา คุณไปให้เงินเขาอย่างเดียว มันไม่สร้างสรรค์"
ขณะเดียวกัน เขามองว่ารัฐบาลผิดที่ออกมาชี้นำตลาดหุ้น ตลาดหลักทรัพย์จะต้องเอาผิด เอาจริงกับผู้มีอำนาจที่ชี้นำตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งเจ้าของหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนที่มีอำนาจควบคุมบริษัท กลุ่มคนเหล่านี้ห้ามพูดในลักษณะการชี้นำตลาดในระหว่างการซื้อขายหุ้น หากรัฐบาลไม่ถือปฏิบัติเขาถือว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะแก้ปัญหาตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีคนได้-เสีย
"เรื่องนี้แก้ไขได้โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย" แค่เงียบไม่พูดอะไร "ทำไมต้องบอกว่าหุ้นถูก มีกองทุนที่มีเงิน 20,000 ล้านบาทจะเข้ามาซื้อ อันนี้ไม่ใช่ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน และไม่มีที่ไหนที่รัฐมนตรีคลังรับตำแหน่งวันแรกไปประกาศที่ตลาดหุ้นว่าตลาดหุ้นจะดีขึ้น ผิดหลักการ แต่ไม่มีใครออกมาเตือน อยากเสนอให้รัฐบาลปฏิบัติ หากไม่ออกมาผมถือว่าคุณยอมรับว่ามันมีผลประโยชน์"
เอกยุทธบอกว่าเขาไม่ใช่นักเล่นหุ้น อาชีพของเขาคือการเป็นนักลงทุนและยอมรับว่าเขาเป็นหนึ่งในเฮดจ์ฟันด์ข้ามชาติที่พร้อมจะฉกฉวยจังหวะและโอกาสในการทำกำไร
"เราเป็นนักลงทุนที่ดี พูดว่าเล่นหุ้นไม่ได้ ตลาดที่ไหนดีในโลกเราก็ไปเยี่ยมชมเขา ไปสัก 3 เดือน 6 เดือน ได้มาก้อนหนึ่งก็หยุด หรือธุรกิจไหนที่มีกำไรถูกต้องตามกฎหมาย เราก็ลงทุน"
ปีที่แล้วเขาก็ฟันกำไรจากตลาดหุ้นไทยมากโขอยู่
เส้นทางชีวิตจากเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่มาถึงเฮดจ์ฟันด์ข้ามชาตินั้นเขาล้มลุกคลุกคลานมากว่า 10 ปี จากอาชีพรับจ้างบริหารกองทุนไพรเวทฟันด์ 100ล้านเหรียญ ในสหรัฐอเมริกา ก้าวไปสู่ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ในนิวยอร์ก แต่นิสัยที่ชอบได้-เสียในธุรกิจสวอปเงิน เขารู้ว่าอัตราต่างกันเพียงนิดเดียวก็ได้เงินมหาศาล จึงกลับมาอังกฤษ เริ่มมีกลุ่มที่เขาชอบลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ในที่สุดฝันก็เป็นจริง
เขาทีมรีเสิร์ช ที่คอยดูว่าช่วงนี้ตลาดที่ไหนมันอ่อน ก็บินไปอยู่ที่นั่น 2-3 เดือน พอฟันกำไรเสร็จก็บินไปต่อประเทศอื่น ทำอย่างนี้มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนเริ่มมีเงิน อายุมากขึ้น ก็คิดว่าน่าจะปักหลักซึ้อกิจการต่างๆ จนมีบริษัท EuroMaz ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง บริษัท SuperMaz และบริษัท Castille Properties Management เป็นต้น
ชื่อ เอกยุทธ อัญชันบุตร อาจจะไม่เป็นที่รู้จักในหมู่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ แต่ถ้าเอ่ยชื่อ " จอร์จ ตัน" แล้วชื่อนี้รู้จักกันดีในเซาธ์อีสเอเชีย
เขาทิ้งท้ายว่า "เรื่องน้ำมันเราได้กำไรมหาศาล เราเข้ามาตั้งแต่ 30 กว่าเหรียญ เราดูว่าน่าจะยังขึ้นได้ 50-60 เหรียญ/บาร์เรลค่อนข้างแน่นอน ผมถึงบอกว่าเป็นห่วง (ประเทศไทย) เราอยู่ข้างนอกเรามองชัดกว่า อยู่ข้างในเห็นไม่ชัด"
ชื่อ "เอกยุทธ อัญชันบุตร" โด่งดังเป็นทั้งทุนการเมืองรายใหญ่และพรรคทางเลือกของประชาชน
เขาเป็นใคร มาจากไหนทำไมมีเงินมากมายขนาดนั้น
หากพลิกปูมย้อนกลับไป 20 ปีหลังจากเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ที่ถูกโค่นในปี 2527 ทรัพย์สินต่างๆ ถูกยึด วันนี้เขากลับมาผงาดในกลุ่มนักลงทุนข้ามชาติ ในฐานะผู้บริหารกองทุนระดับโลก โดยเฉพาะกองทุนประเภท "เฮดจ์ฟันด์" ที่ทำให้ตลาดปั่นป่วนไม่ว่าจะเป็นตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมัน
เขาบอกว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเขาฟันกำไรมานักต่อนักแล้ว เขาจึงกลายเป็นนักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่ง
การกลับมาเมืองไทยของเขาในคราวนี้เป็นข่าวใหญ่ว่าเป็นทุนการเมืองพันล้านให้กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธรรม
แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะต้องเผชิญหน้ากับรอยด่างที่คาดว่าจะถูกเปิดโปงว่าหอบเงินหนีไปเมืองนอก เอกยุทธตอบคำถามว่า "ผมไม่ผิด ถ้าคนโกงไปขนาดนั้นจะกล้ากลับมาใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง ชนกับอำนาจรัฐ ซึ่งไม่มีใครกล้าออกมาชน"
พร้อมกับกล่าวว่า "ผมก็อยากจะถามว่าคุณเห็นเองไหมที่ว่าหอบเงิน ขอสักคนเดียว เพราะการหอบเงินขนาดนั้นต้องมีคนรู้เห็น แล้วเขาบอกว่ามีทหาร ตำรวจไปส่งผมด้วย เงิน 100 ล้านคุณคิดว่าคุณหอบได้ไหม คุณถือ 10 ล้านก็ถือไม่ได้แล้ว และเงินที่ถูกยึดไป ทุกคนก็ไม่สามารถเคลียร์กับผมได้ว่าเงินอยู่ที่ไหน หายหมด รถผมที่ลงข่าวว่ามี 37 คัน ผมยังไม่เคยใช้สักคันเดียว มีคนทางการเอาไปใช้หมด ไม่เห็นมีในรายการถูกยึดเลย เงินในบัญชีของผมเอง ไปเช็กที่ธนาคารกรุงไทย เขาบอกว่าผมไม่เคยมีบัญชี แล้วมันหายไปไหน นี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากให้ผมกลับ หลักฐานมันโดนเผาไปหมดแล้ว ผมไปตรวจสอบที่ศาล จึงรู้ว่ารายการต่างๆ ที่เราเคยมีนั้นไม่มีอยู่ในบัญชี แต่ว่าศาลได้จ่ายคืนผมมาหลังจากปี 2539 เมื่อพ้นภาวะล้มละลาย ผมได้คืนมา 2 ล้านบาท จริงๆ ผมไม่รู้มีคนมาบอกผมเมื่อปีที่แล้วว่ามีเงินอยู่ที่ศาลทำไมคุณไม่ไปเอา ผมถามว่าเงินอะไรเขาก็บอกว่าเงินที่เขายึดคุณไปมันเกิน เขาจึงมีเงินทอนให้ผม"
เขาเปิดตัวอย่างเงียบๆ ในครั้งนี้โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้กำลังใจกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จึงชักชวนคนเคยล้ม ปชป. และหนุนไทยรักไทยจนสำเร็จมาแล้ว อย่าง "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" "อมรินทร์ คอมันตร์" โดยหวังจะสร้างกำลังใจว่าจากศัตรูมาเป็นมิตร แต่เมื่อกระแสถูกโจมตีว่าเป็นผู้มีรอยมลทิน เขาจึงลุกขึ้นมาตอบโต้ทันควัน
เขาจึงถูกจัดเข้าไปอยู่ในกลุ่ม "คนรู้ทันทักษิณ" ทันที
ในฐานะที่เป็น Outsider คลุกคลีอยู่ในกลุ่มนักเก็งกำไรข้ามชาติ เขาบอกว่า "ผมเหมือนคนเห็นผี เรามองเห็นเราก็เลยกลัว เรารู้ว่ารอบนี้อันตราย มัน (เฮดจ์ฟันด์) เข้ามารอบนี้ก็เจ๊ง แล้วก็มีสิทธิ (ที่จะเข้ามาโจมตี) ด้วยเพราะ1.ราคาน้ำมันขึ้น 2.เศรษฐกิจไทยพึ่งพาตัวเลขตลาดหลักทรัพย์มากเกินไป แล้วความไม่โปร่งใสของตลาดทำให้เขาถล่มง่ายมาก 3.หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีก 2% 4.หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น"
เขาเชื่อว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะอันตรายรอบใหม่แล้ว โดยเกรงว่าถ้าไม่ทำอะไรอีกไม่นานทุกอย่างจะล้ม และการที่นั่งดูรอให้รัฐบาลชุดนี้ล้มถึงตอนนั้นเลือดคงท่วมแผ่นดิน
ตอนนี้รากหญ้ากับประชาชนส่วนใหญ่ใช้เงินกู้หมด เอาเงินไปอัดรากหญ้า แจกเงินให้หมู่บ้าน ไม่เป็นการเพิ่มผลผลิต แต่เอาเงินไปซื้อ ก็เห็นอยู่ว่าตัวเลขอะไรดีขึ้น หลังจากที่เงินหมด ราคาสินค้าเกษตรก็ตกต่ำเหมือนเดิม และยิ่งโดนบีบหนักจากเอฟทีเอ ใครได้ประโยชน์ ก็ทำให้เราเห็นว่าหากไม่มีใครมาช่วยกันหยุด เสร็จแน่ เพราะถ้าพวกนี้เจ๊ง (รากหญ้า) ก็ฆ่ากันได้ แต่คนรวยเงินเขาไม่ได้อยู่เมืองไทย อยู่เมืองนอก สิงคโปร์ ที่โน่นที่นี่"
เขาเชื่อว่ารัฐบาลคิดเอาเองว่าประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการประเทศ แต่เขากลับมองว่าระบบการบริหารและวิธีการปฏิบัติในปัจจุบันมันผิด เพราะมีบุคคลเพียง 2-3 คนที่กุมอำนาจเศรษฐกิจทั้งหมดและสามารถชี้ให้ใครก็ได้ นับว่าอันตราย เพราะเป็นระบบพวกพ้องญาติมิตร มีผลประโยชน์ทับซ้อน ยิ่งประกาศว่าต้องการ 400 เสียงก็ยิ่งสร้างความหวาดระแวง
"รัฐบาลชอบเปรียบเทียบกับต่างประเทศที่เจริญแล้ว เขาเจริญเพราะเขามีผู้นำที่เจริญแล้ว มีผู้นำที่มีความคิด ถ้าคุณไปคิดว่าประชาชนโง่ คุณนั่นแหละคือคนโง่ คุณต้องให้ความรู้เขา สอนเขา ถ้าคุณไม่สอนเขา คุณไปกดเขา คุณไปให้เงินเขาอย่างเดียว มันไม่สร้างสรรค์"
ขณะเดียวกัน เขามองว่ารัฐบาลผิดที่ออกมาชี้นำตลาดหุ้น ตลาดหลักทรัพย์จะต้องเอาผิด เอาจริงกับผู้มีอำนาจที่ชี้นำตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งเจ้าของหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนที่มีอำนาจควบคุมบริษัท กลุ่มคนเหล่านี้ห้ามพูดในลักษณะการชี้นำตลาดในระหว่างการซื้อขายหุ้น หากรัฐบาลไม่ถือปฏิบัติเขาถือว่ารัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะแก้ปัญหาตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีคนได้-เสีย
"เรื่องนี้แก้ไขได้โดยไม่ต้องแก้กฎหมาย" แค่เงียบไม่พูดอะไร "ทำไมต้องบอกว่าหุ้นถูก มีกองทุนที่มีเงิน 20,000 ล้านบาทจะเข้ามาซื้อ อันนี้ไม่ใช่ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน และไม่มีที่ไหนที่รัฐมนตรีคลังรับตำแหน่งวันแรกไปประกาศที่ตลาดหุ้นว่าตลาดหุ้นจะดีขึ้น ผิดหลักการ แต่ไม่มีใครออกมาเตือน อยากเสนอให้รัฐบาลปฏิบัติ หากไม่ออกมาผมถือว่าคุณยอมรับว่ามันมีผลประโยชน์"
เอกยุทธบอกว่าเขาไม่ใช่นักเล่นหุ้น อาชีพของเขาคือการเป็นนักลงทุนและยอมรับว่าเขาเป็นหนึ่งในเฮดจ์ฟันด์ข้ามชาติที่พร้อมจะฉกฉวยจังหวะและโอกาสในการทำกำไร
"เราเป็นนักลงทุนที่ดี พูดว่าเล่นหุ้นไม่ได้ ตลาดที่ไหนดีในโลกเราก็ไปเยี่ยมชมเขา ไปสัก 3 เดือน 6 เดือน ได้มาก้อนหนึ่งก็หยุด หรือธุรกิจไหนที่มีกำไรถูกต้องตามกฎหมาย เราก็ลงทุน"
ปีที่แล้วเขาก็ฟันกำไรจากตลาดหุ้นไทยมากโขอยู่
เส้นทางชีวิตจากเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่มาถึงเฮดจ์ฟันด์ข้ามชาตินั้นเขาล้มลุกคลุกคลานมากว่า 10 ปี จากอาชีพรับจ้างบริหารกองทุนไพรเวทฟันด์ 100ล้านเหรียญ ในสหรัฐอเมริกา ก้าวไปสู่ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ในนิวยอร์ก แต่นิสัยที่ชอบได้-เสียในธุรกิจสวอปเงิน เขารู้ว่าอัตราต่างกันเพียงนิดเดียวก็ได้เงินมหาศาล จึงกลับมาอังกฤษ เริ่มมีกลุ่มที่เขาชอบลงทุนในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ในที่สุดฝันก็เป็นจริง
เขาทีมรีเสิร์ช ที่คอยดูว่าช่วงนี้ตลาดที่ไหนมันอ่อน ก็บินไปอยู่ที่นั่น 2-3 เดือน พอฟันกำไรเสร็จก็บินไปต่อประเทศอื่น ทำอย่างนี้มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนเริ่มมีเงิน อายุมากขึ้น ก็คิดว่าน่าจะปักหลักซึ้อกิจการต่างๆ จนมีบริษัท EuroMaz ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง บริษัท SuperMaz และบริษัท Castille Properties Management เป็นต้น
ชื่อ เอกยุทธ อัญชันบุตร อาจจะไม่เป็นที่รู้จักในหมู่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ แต่ถ้าเอ่ยชื่อ " จอร์จ ตัน" แล้วชื่อนี้รู้จักกันดีในเซาธ์อีสเอเชีย
เขาทิ้งท้ายว่า "เรื่องน้ำมันเราได้กำไรมหาศาล เราเข้ามาตั้งแต่ 30 กว่าเหรียญ เราดูว่าน่าจะยังขึ้นได้ 50-60 เหรียญ/บาร์เรลค่อนข้างแน่นอน ผมถึงบอกว่าเป็นห่วง (ประเทศไทย) เราอยู่ข้างนอกเรามองชัดกว่า อยู่ข้างในเห็นไม่ชัด"
-
- ผู้ติดตาม: 0
เอกยุทธฉบับเต็มๆ อ่านแล้วท่านคิดอะไรกันบ้าง
โพสต์ที่ 2
คนหนึ่งปั่นขึ้น อีกคนทุบลง
รายย่อยเละทั้งขึ้นทั้งล่อง
รายย่อยเละทั้งขึ้นทั้งล่อง
-
- Verified User
- โพสต์: 403
- ผู้ติดตาม: 0
เอกยุทธฉบับเต็มๆ อ่านแล้วท่านคิดอะไรกันบ้าง
โพสต์ที่ 3
จุดประสงค์ ของนายเอกยุทธเนี่ย ต้องการอะไร ?????
ไอ้เงิน 1,000 ล้านเนี่ยมันจะมาช่วยจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่ถุงลม
ถ้าคนมันบริสุทธิ์ใจจริง เป็นคนดีจริง มันไม่รอให้ถึง 20 ปีแล้วมาแก้ตัวหรอก!!!!
ไม่ได้เข้าข้างรัฐบาล แต่ตัวคนพูด อดีตมันก็ไม่โปร่งใส
แต่ที่แน่ๆ น้ำมันขึ้นกระทบเศษรฐกิจแน่ๆๆ
ฟ้งหู ไว้หู
ไอ้เงิน 1,000 ล้านเนี่ยมันจะมาช่วยจริงหรือเปล่า หรือเป็นแค่ถุงลม
ถ้าคนมันบริสุทธิ์ใจจริง เป็นคนดีจริง มันไม่รอให้ถึง 20 ปีแล้วมาแก้ตัวหรอก!!!!
ไม่ได้เข้าข้างรัฐบาล แต่ตัวคนพูด อดีตมันก็ไม่โปร่งใส
แต่ที่แน่ๆ น้ำมันขึ้นกระทบเศษรฐกิจแน่ๆๆ
ฟ้งหู ไว้หู
ท้าชนความคิด vi ทุกสถาบัน
-
- ผู้ติดตาม: 0
เอกยุทธฉบับเต็มๆ อ่านแล้วท่านคิดอะไรกันบ้าง
โพสต์ที่ 4
เอามาจากไหนอ่ะ