ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ กระทบ OISHI ไหม
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ กระทบ OISHI ไหม
โพสต์ที่ 1
ถ้า ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ ผ่าน ครม.
กระทบ OISHI ไหม ขนาดไหนครับ
กระทบ OISHI ไหม ขนาดไหนครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 112
- ผู้ติดตาม: 0
ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ กระทบ OISHI ไหม
โพสต์ที่ 8
ผมไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีนี้ครับ เพราะคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย
ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ
ขึ้นภาษีชากาแฟ [27 มี.ค. 52 - 16:31]
ผมหายไปสองสามวัน กลับมามีการบ้านปึ๊งใหญ่กองอยู่บนโต๊ะ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องร้อนๆ การปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ของกระทรวงการคลังเป็นเอกสารของ หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ทำไปถึง นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง พร้อมด้วย เสียงค้าน การขึ้นภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ ซึ่งเป็น พืชเศรษฐกิจ สำคัญของไทย
มีหลายประเด็นที่ผมคิดว่า นพ.พฤฒิชัย รัฐมนตรีช่วยคลัง น่านำไปพิจารณาอย่าให้เหมือน การบินไทย และ สนามบินดอนเมือง ที่ตัดสินใจโดยคนไม่กี่คน เพื่อคนไม่กี่คน ทำให้ประโยชน์ของชาติและคนไทยเสียหาย ซึ่งคงจะได้เห็นในอีกไม่นาน
อัน ภาษีสรรพสามิต นั้นเป็น ภาษีทางอ้อม ที่เก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าที่ไม่จำเป็นสุราบุหรี่ สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าต่างชาติที่นำเข้ามาถล่มสินค้าไทย ฯลฯ เพื่อให้สินค้าเหล่านั้นขายได้น้อยลง ไม่ใช่ภาษีที่เป็นรายได้หลักของรัฐบาล รายได้หลักของรัฐบาลคือภาษีสรรพากร
ดังนั้น การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต จึงควรต้องคิดถึง หลักการและเหตุผลในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต เป็นสำคัญ
ดังกรณีตัวอย่างที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำเสนอต่อรัฐมนตรีช่วยคลังว่า การเพิ่มภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ ไม่เพียงกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ แต่ยังกระทบไปถึง เกษตรกรผู้ปลูกชากาแฟ โดยตรง
ในเอกสารของสภาหอการค้ายังได้ให้ข้อมูลเรื่อง คาเฟอีน ที่รัฐบาลอ้างในการขึ้นภาษีสรรพสามิตชากาแฟ ว่า เป็นสารที่เกิดตามธรรมชาติ เอฟดีเอ หรือ อย.สหรัฐฯ จัดให้อยู่ในบัญชี Generally Recognize as Safe (GRAS) มีความปลอดภัยเช่นเดียวกับเครื่องดื่มทั่วไป หากมีปริมาณที่เหมาะสม จะไม่ก่อให้เกิดโทษต่อสุขภาพของผู้บริโภค ในบางกรณียังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
เขียนถึง ชากาแฟในเมืองไทย แล้ว ผมก็อยากเรียนเพิ่มเติมว่า ท่านรัฐมนตรีช่วยคลัง น่าจะดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง การส่งเสริมการปลูกชากาแฟในเมืองไทย มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร สมควรจะต้องเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มหรือไม่
การส่งเสริมการปลูกกาแฟในเมืองไทยมาจาก โครงการพระราชดำริ ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงส่งเสริมให้ ชาวเขา ทางภาคเหนือหลายจังหวัดที่ ปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นพืชเสพติดร้ายแรงให้หันมา ปลูกกาแฟ ทดแทนเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดในเมืองไทย จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยที่ปลูกกันทั่วประเทศไม่รู้กี่แสนไร่ในทุกวันนี้
เรื่องกาแฟนี้มีบันทึกพระราชดำรัสเมื่อปี 2517 ว่า
แต่ก่อนเขาปลูกฝิ่น เราไปพูดจาชี้แจงชักชวนให้เขามาปลูกกาแฟแทนกะเหรี่ยงไม่เคยปลูกกาแฟมาก่อน ยังดีที่กาแฟมิตายเสียหมด แต่ยังเหลืออยู่ หนึ่งต้น ต้องถือว่าเป็นความก้าวหน้าสำหรับกะเหรี่ยง และทรงแนะนำให้หาหนทางว่า ทำอย่างไรกาแฟจึงจะเหลือมากกว่าหนึ่งต้น
ถ้าขึ้นภาษีสรรพสามิตชากาแฟเมื่อไร ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ใช่พ่อค้ากาแฟสำเร็จรูป แต่เป็น เกษตรกร ผู้ปลูกชากาแฟทั่วประเทศ เพราะชากาแฟที่เราบริโภคในประเทศและส่งออกทุกวันนี้ เป็นชากาแฟที่เราปลูกเองในประเทศ
ผมมีตัวเลขที่ไม่แน่ใจว่ายังทันสมัยหรือไม่ แต่ก็เป็นคำตอบที่ดีว่า ทำไมชาวเขาจึงยอมเลิกปลูกฝิ่นหันมาปลูกชากาแฟแทน เป็นตัวเลข รายได้การปลูกชา ของ เกษตรกรแม่ฮ่องสอน ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องชา เฉลี่ยรายได้อยู่ที่ 4-8 ล้านบาท ต่อไร่ต่อปี ชาที่ทำรายได้ดีที่สุดคือ ชาจีน รองมาคือ ชาอัสสัม
การคิดปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่ล้าสมัย เป็นเรื่องที่ดี เพราะสินค้าที่สมควรจะเก็บและขึ้นภาษีสรรพสามิตยังมีอีกมากมาย แต่ไม่ใช่ชาและกาแฟแน่นอน
ที ภาษีบาป อย่าง ซานติก้าผับ ที่โดนข้อหาทำผิดกฎหมายมากมาย แต่ อธิบดีกรมสรรพสามิต นั่งยันหน้าตาเฉย ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต แม้สังคมรับไม่ได้เธอก็ยังอยู่สบาย ไม่ว่ามองมุมไหนก็เห็นชัดว่านี่คือ ความไม่เป็นธรรม ของคนเก็บภาษี แต่ที ชากาแฟ เครื่องดื่มสามัญประจำบ้าน กรมสรรพสามิต จะเก็บเป็น ภาษีบาป ก็เป็นภาระที่สังคมรับไม่ได้เหมือนกัน.
http://www.thairath.co.th/news.php?sect ... ent=129874
ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ
ขึ้นภาษีชากาแฟ [27 มี.ค. 52 - 16:31]
ผมหายไปสองสามวัน กลับมามีการบ้านปึ๊งใหญ่กองอยู่บนโต๊ะ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องร้อนๆ การปฏิรูปโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ของกระทรวงการคลังเป็นเอกสารของ หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ทำไปถึง นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง พร้อมด้วย เสียงค้าน การขึ้นภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ ซึ่งเป็น พืชเศรษฐกิจ สำคัญของไทย
มีหลายประเด็นที่ผมคิดว่า นพ.พฤฒิชัย รัฐมนตรีช่วยคลัง น่านำไปพิจารณาอย่าให้เหมือน การบินไทย และ สนามบินดอนเมือง ที่ตัดสินใจโดยคนไม่กี่คน เพื่อคนไม่กี่คน ทำให้ประโยชน์ของชาติและคนไทยเสียหาย ซึ่งคงจะได้เห็นในอีกไม่นาน
อัน ภาษีสรรพสามิต นั้นเป็น ภาษีทางอ้อม ที่เก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าที่ไม่จำเป็นสุราบุหรี่ สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าต่างชาติที่นำเข้ามาถล่มสินค้าไทย ฯลฯ เพื่อให้สินค้าเหล่านั้นขายได้น้อยลง ไม่ใช่ภาษีที่เป็นรายได้หลักของรัฐบาล รายได้หลักของรัฐบาลคือภาษีสรรพากร
ดังนั้น การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต จึงควรต้องคิดถึง หลักการและเหตุผลในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต เป็นสำคัญ
ดังกรณีตัวอย่างที่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำเสนอต่อรัฐมนตรีช่วยคลังว่า การเพิ่มภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ ไม่เพียงกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ แต่ยังกระทบไปถึง เกษตรกรผู้ปลูกชากาแฟ โดยตรง
ในเอกสารของสภาหอการค้ายังได้ให้ข้อมูลเรื่อง คาเฟอีน ที่รัฐบาลอ้างในการขึ้นภาษีสรรพสามิตชากาแฟ ว่า เป็นสารที่เกิดตามธรรมชาติ เอฟดีเอ หรือ อย.สหรัฐฯ จัดให้อยู่ในบัญชี Generally Recognize as Safe (GRAS) มีความปลอดภัยเช่นเดียวกับเครื่องดื่มทั่วไป หากมีปริมาณที่เหมาะสม จะไม่ก่อให้เกิดโทษต่อสุขภาพของผู้บริโภค ในบางกรณียังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
เขียนถึง ชากาแฟในเมืองไทย แล้ว ผมก็อยากเรียนเพิ่มเติมว่า ท่านรัฐมนตรีช่วยคลัง น่าจะดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง การส่งเสริมการปลูกชากาแฟในเมืองไทย มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร สมควรจะต้องเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มหรือไม่
การส่งเสริมการปลูกกาแฟในเมืองไทยมาจาก โครงการพระราชดำริ ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงส่งเสริมให้ ชาวเขา ทางภาคเหนือหลายจังหวัดที่ ปลูกฝิ่น ซึ่งเป็นพืชเสพติดร้ายแรงให้หันมา ปลูกกาแฟ ทดแทนเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดในเมืองไทย จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยที่ปลูกกันทั่วประเทศไม่รู้กี่แสนไร่ในทุกวันนี้
เรื่องกาแฟนี้มีบันทึกพระราชดำรัสเมื่อปี 2517 ว่า
แต่ก่อนเขาปลูกฝิ่น เราไปพูดจาชี้แจงชักชวนให้เขามาปลูกกาแฟแทนกะเหรี่ยงไม่เคยปลูกกาแฟมาก่อน ยังดีที่กาแฟมิตายเสียหมด แต่ยังเหลืออยู่ หนึ่งต้น ต้องถือว่าเป็นความก้าวหน้าสำหรับกะเหรี่ยง และทรงแนะนำให้หาหนทางว่า ทำอย่างไรกาแฟจึงจะเหลือมากกว่าหนึ่งต้น
ถ้าขึ้นภาษีสรรพสามิตชากาแฟเมื่อไร ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ไม่ใช่พ่อค้ากาแฟสำเร็จรูป แต่เป็น เกษตรกร ผู้ปลูกชากาแฟทั่วประเทศ เพราะชากาแฟที่เราบริโภคในประเทศและส่งออกทุกวันนี้ เป็นชากาแฟที่เราปลูกเองในประเทศ
ผมมีตัวเลขที่ไม่แน่ใจว่ายังทันสมัยหรือไม่ แต่ก็เป็นคำตอบที่ดีว่า ทำไมชาวเขาจึงยอมเลิกปลูกฝิ่นหันมาปลูกชากาแฟแทน เป็นตัวเลข รายได้การปลูกชา ของ เกษตรกรแม่ฮ่องสอน ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องชา เฉลี่ยรายได้อยู่ที่ 4-8 ล้านบาท ต่อไร่ต่อปี ชาที่ทำรายได้ดีที่สุดคือ ชาจีน รองมาคือ ชาอัสสัม
การคิดปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่ล้าสมัย เป็นเรื่องที่ดี เพราะสินค้าที่สมควรจะเก็บและขึ้นภาษีสรรพสามิตยังมีอีกมากมาย แต่ไม่ใช่ชาและกาแฟแน่นอน
ที ภาษีบาป อย่าง ซานติก้าผับ ที่โดนข้อหาทำผิดกฎหมายมากมาย แต่ อธิบดีกรมสรรพสามิต นั่งยันหน้าตาเฉย ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต แม้สังคมรับไม่ได้เธอก็ยังอยู่สบาย ไม่ว่ามองมุมไหนก็เห็นชัดว่านี่คือ ความไม่เป็นธรรม ของคนเก็บภาษี แต่ที ชากาแฟ เครื่องดื่มสามัญประจำบ้าน กรมสรรพสามิต จะเก็บเป็น ภาษีบาป ก็เป็นภาระที่สังคมรับไม่ได้เหมือนกัน.
http://www.thairath.co.th/news.php?sect ... ent=129874
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 1
ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ กระทบ OISHI ไหม
โพสต์ที่ 11
บางครั้งข้อมูลเรามีไม่เพียงพอ อย่างด่วนฟันธงว่าคนอื่นที่เขามีข้อมูลที่มากกว่านะครับTamจัง เขียน:หมดศรัทธาในอภิสิทธิ์+กรณ์ หากนโยบายนี้ผ่าน
จะเป็นนโยบายที่งี่เง่าที่สุด
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ กระทบ OISHI ไหม
โพสต์ที่ 16
อ้าว ฟังข่าวเมื่อคืน เขาว่า จะทบทวนดูอีกทีก่อนนิคะ
เพราะมีม๊อบเกษตรกร ผู้ปลูกชา กาแฟ มาขอเรียกร้อง เห็นว่ากระทบเป็นแสนรายเลย
บางทีรัฐบาลอาจจะไม่กล้านะ เพราะต้องเกรงใจเกษตรกร จะโดนกดราคารับซื้อ
เหตุผลที่เขาเรียกร้องคือ ส่วนใหญ่มันจะเป็นพื้นที่ ที่พัฒนารณรงค์มาจาก พื้นที่ที่ขอให้งดปลูกฝิ่น แล้วเดิมที ให้เขาเปลี่ยนมาปลูกชา กาแฟ แล้วอยู่ๆจะมาให้เขาเดือดร้อน เดี๋ยวเขาก็กลับไปปลูกฝิ่นซะเลย จะดีมั้ยล่ะ อิอิอิ
:lol:
เพราะมีม๊อบเกษตรกร ผู้ปลูกชา กาแฟ มาขอเรียกร้อง เห็นว่ากระทบเป็นแสนรายเลย
บางทีรัฐบาลอาจจะไม่กล้านะ เพราะต้องเกรงใจเกษตรกร จะโดนกดราคารับซื้อ
เหตุผลที่เขาเรียกร้องคือ ส่วนใหญ่มันจะเป็นพื้นที่ ที่พัฒนารณรงค์มาจาก พื้นที่ที่ขอให้งดปลูกฝิ่น แล้วเดิมที ให้เขาเปลี่ยนมาปลูกชา กาแฟ แล้วอยู่ๆจะมาให้เขาเดือดร้อน เดี๋ยวเขาก็กลับไปปลูกฝิ่นซะเลย จะดีมั้ยล่ะ อิอิอิ
:lol:
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ กระทบ OISHI ไหม
โพสต์ที่ 17
ภาษีสรรพสามิต ผมคิดว่ามันเป็นภาษีที่มีเจตนาให้คนลดการใช้ลง เช่นเก็บกับเหล้าและบุหรี่ เพื่อให้ลดการเสพลง
ส่วนชากับกาแฟ ถ้าพบว่ามันมีผลให้สุขภาพเลวลงชัดเจนแบบเหล้ากับบุหรี่ จะเก็บไปก็ไม่มีใครว่า เพราะคาเฟอีนก็เป็นสารเสพติดเหมือนกัน ผมก็ติด วันไหนดื่มน้อยกว่า 3 แก้ว จะทำงานแทบไม่ได้ รู้สึกมึนหัวและไม่มีสมาธิเท่าที่ควร
ส่วนบุหรี่ผมไม่สูบ เหล้าเบียร์กินเฉพาะเมื่อมีคนเลี้ยง
อีกหน่อยถ้าพบว่า การคุยมือถือ ทำให้เป็นมะเร็งสมอง การจะเก็บภาษีสรรพสามิตค่าโทร ก็เหมาะสม เพื่อให้คนลดการโทรลง
แต่ไม่ควรคิดว่า การเก็บภาษีสรรพสามิต จะนำมาเป็นรายได้หลักของรัฐ
ถ้าไม่มีเงิน ก็รีบๆดันกฏหมายภาษีมรดก และภาษีที่ดิน เก็บภาษีเพิ่มในอัตรากัวหน้า รวมถึงไล่บี้พวกค้าขายและการจดคณะบุคคลหลบเลี่ยงภาษีน่าจะเหมาะสมกว่า
ส่วนชากับกาแฟ ถ้าพบว่ามันมีผลให้สุขภาพเลวลงชัดเจนแบบเหล้ากับบุหรี่ จะเก็บไปก็ไม่มีใครว่า เพราะคาเฟอีนก็เป็นสารเสพติดเหมือนกัน ผมก็ติด วันไหนดื่มน้อยกว่า 3 แก้ว จะทำงานแทบไม่ได้ รู้สึกมึนหัวและไม่มีสมาธิเท่าที่ควร
ส่วนบุหรี่ผมไม่สูบ เหล้าเบียร์กินเฉพาะเมื่อมีคนเลี้ยง
อีกหน่อยถ้าพบว่า การคุยมือถือ ทำให้เป็นมะเร็งสมอง การจะเก็บภาษีสรรพสามิตค่าโทร ก็เหมาะสม เพื่อให้คนลดการโทรลง
แต่ไม่ควรคิดว่า การเก็บภาษีสรรพสามิต จะนำมาเป็นรายได้หลักของรัฐ
ถ้าไม่มีเงิน ก็รีบๆดันกฏหมายภาษีมรดก และภาษีที่ดิน เก็บภาษีเพิ่มในอัตรากัวหน้า รวมถึงไล่บี้พวกค้าขายและการจดคณะบุคคลหลบเลี่ยงภาษีน่าจะเหมาะสมกว่า
จงทนอด และอดทน
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
ภาษีสรรพสามิต ชา กาแฟ กระทบ OISHI ไหม
โพสต์ที่ 20
พึ่งได้อ่านโออิชิขู่เบรกลงทุน ขืนรัฐบี้เก็บภาษีชา
โออิชิเตรียมเบรกลงทุน 1,400 ล้าน รับสรรพสามิตโขกภาษีชา กาแฟ วอนรัฐ
ทบทวนผลได้-เสียอีกรอบ ก่อนกระทบธุรกิจเกี่ยวเนื่องเสียหาย 5-6 พันล้าน
ด้าน'พฤฒิชัย'เดินหน้าชงเรื่องให้'กรณ์'พิจารณาหลังผ่านศึกซักฟอก
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต
และทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ, กาแฟพร้อมดื่มคอฟฟิโอ เปิดเผยว่า หลัง
จากกรมสรรพสามิตมีแผนจะปรับขึ้นภาษีคาเฟอีนในชาเขียวพร้อมดื่มและกาแฟ
พร้อมดื่มนั้น ส่งผลให้บริษัทต้องชะลอแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ย่าน
นวนคร มูลค่าการลงทุนราว 1,400 ล้านบาทออกไปก่อน โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม
วิสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้ หากที่ประชุมเดินหน้าอนุมัติการลงทุน บริษัทก็จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง
ได้ทันที และคาดว่าใช้เวลา 1 ปี 6 เดือน จึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการ
ผลิตชาเขียวเพิ่มอีก 20 ล้านขวดต่อเดือน จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 ล้าน
ขวดต่อเดือน และยังเกิดการจ้างงานอีกหลายร้อยคน จากปัจจุบันบริษัทมีพนักงาน
กว่า 4,000 คน
'บริษัทยินดีปฏิบัติตามทุกอย่าง แต่ต้องการให้รัฐทบทวนแนวนโยบายดังกล่าว
อีกครั้ง เพราะโลกนี้ไม่เคยมีประเทศใดที่ขึ้นภาษีคาเฟอีนธรรมชาติ และแนวทางดัง
กล่าวยังสวนทางกับกระทรวงสารธารณสุขที่ยกให้เครื่องดื่มชาเขียวเป็นเครื่องดื่มเพื่อ
สุขภาพ ซึ่งในประเทศไต้หวัน ญี่ปุ่น ก็เป็นไปในทิศทางนี้เช่นเดียวกัน จึงอยากอ้อน
วอนให้รัฐบาลทบทวนผลได้จากการมีรายได้เพิ่มจากเก็บภาษีกดังกล่าวอีกครั้ง และ
เทียบกับผลเสียที่จะเกิดขึ้น เพราะอย่างเช่นการที่บริษัทชะลอการลงทุน ก็ส่งผล
กระทบต่ออุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ทั้งการปลูกชา การลงทุนก่อสร้างโรงงานใหม่ การ
จ้างงานต่างๆ คิดเป็นมูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาทแล้ว' นายตันกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐชะลอการขึ้นภาษีดังกล่าว บริษัทก็จะเดินหน้าลงทุน
แต่หากภายใน 2 สัปดาห์ หลังการทบทวนเรื่องดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังคงมีมติให้ขึ้น
ภาษี บริษัทก็จำเป็นที่จะชะลอการลงทุน และการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบ
ต่อยอดขายขาเขียวพร้อมดื่มด้วย ซึ่งบริษัทประเมินทิศทางธุรกิจไว้ 2 ทาง คือ หาก
รัฐบาลประกาศปรับขึ้นภาษี 10% ส่งผลให้ยอดขายลดลง 20% บริษัทจึงจำเป็นต้อง
ปรับราคาขายขึ้นขวดละ 2 บาท แต่หากรัฐบาลพิจารณาให้ปรับภาษีขึ้น 20% จะส่ง
ผลให้ยอดขายลดลงถึง 40% บริษัทจำเป็นต้องขึ้นราคาขายขวดละ 4-5 บาท
สำหรับการปรับตัวของบริษัท หากรัฐขึ้นภาษีชา กาแฟจริง ก็จะหันไปรุกธุรกิจ
อาหารให้มากขึ้น และนำเงินที่ชะลอการลงทุน 1,400 ล้านบาท ไปรุกขยายสาขาของ
ธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหารเพิ่มเป็น 50% และ 60%
ตามลำดับ จากปัจจุบันยอดขายหลักมาจากเครื่องดื่มชาเขียว 60% และอาหารเพียง
40%
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลังกล่าวว่า จะเสนอรายละเอียดการจัดเก็บภาษีชา
กาแฟ ให้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง พิจารณา หลังจากจบจากการอภิปรายไม่ไว้
วางใจรัฐบาลแล้ว ซึ่งมีหลักการจัดเก็บภาษีเฉพาะ ชา กาแฟ ที่มีการบรรจุขวดพร้อม
ดื่ม มีส่วนผสมของกาเฟอีน ในลักษณะเดียวกันกับน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมกาเฟอีนและ
มีการจัดเก็บภาษี
'ผมจะเร่งเสนอรายละเอียดการเก็บภาษีชากาแฟเสนอ รมว.คลัง พิจารณาหลัง
จากที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งภาษีดังกล่าวไม่เคยมีการจัดเก็บมา
ก่อน' นายพฤฒิชัย กล่าว
สำหรับ การจัดเก็บภาษีชากาแฟ กรมสรรพสามิต สามารถดำเนินการได้ทันที
เพราะเป็นส่วนหนึ่งของภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่ม แต่ที่ผ่านมากรมยังไม่เคยจัดเก็บ
กรมสามารถออกประกาศกรมเพื่อจัดเก็บภาษีได้ทันที โดยไม่ต้องเสนอขอความเห็น
ชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)
สรุปว่าทบทวนหรือยังครับ เก็บหรือ ไม่เก็บ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"