หุหุ ผมหายไปนานจริง ๆ ครับ เพราะว่างานเยอะมาก เวลาจะเยี่ยมเยียนอ่านกระทู้ใน TVI ยังไม่ค่อยมี บางกระทู้ตามอ่านไม่ทันแล้วจริง ๆkotaro เขียน: จากข่าวที่ จีน เสนอความเห็นว่า ควรจะเปลี่ยนเงินสกุลหลักที่ใช้กันอยู่ จาก USD มาเป็น SDR (Special Drawing Rights) ของ IMF และ เห็น ไกรธ์เนอร์ ก็เห็นชอบด้วยในหลักการด้วย
อจ มีความเห็นในเรื่องนี้ยังไงครับ และหากเปลี่ยนมาเป็นสกุล SDR จริงๆ จะดีกว่า USD ไหมครับ
โดยหลักการการใช้เงินสกุลกลางเป็นสกุลหลักของโลกแทนที่ USD นั้นดีแน่ครับ ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้เปรียบ (และเอาเปรียบ) ชาติอื่น ๆ ในโลกนี้มาตลอด โดยอาศัย USD นี่แหละ
1. การที่ทุกประเทศใช้ USD เป็นสกุลหลัก ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในเงินสกุลนี้มากกว่าสกุลอื่น เป็นผลให้สภาพคล่องสูง และธนาคารกลางสหรัฐไม่มีภาระในการดำรงทุนสำรองเพื่อหนุนหลังเงินตนเอง (สหรัฐมีทุนสำรองเงินเพียง 7 หมื่นกว่าล้านเหรียญ และเกือบทั้งหมดเป็นทองคำ ส่วนเมืองไทยมีตั้งแสนกว่าล้านและเกือบทั้งหมดเป็นตราสารหนี้เงินสกุล USD)
2. ความเชื่อในสกุลเงิน USD ทำให้ธนาคารกลางแต่ละประเทศ และกองทุนหรือสถาบันการเงินทั้งหลาย นิยมถือตราสารหนี้สกุลเงิน USD มากกว่าอย่างอื่นเพราะถือว่ามีความมั่นคง (safe heaven) ผลที่ตามมาก็คืออัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสหรัฐ และหุ้นกู้สกุลเงินสหรัฐ (โดยมากมักออกโดยบริษัทหรือสถาบันการเงินสหรัฐเอง) ต่ำกว่าสกุลเงินอื่น
ผลนี้ทำให้ค่าเงินสหรัฐแข็งแกร่ง (กว่าที่ควรจะเป็น โดยพื้นฐานประเทศที่มี twin deficit ค่าเงินควรจะอ่อนลงเรื่อย ๆ), ดอกเบี้ยต่ำ (ต้นทุนการเงินต่ำกว่าประเทศอื่นมาก), อัตราเงินเฟ้อต่ำ (พิมพ์แบงค์ออกมาเหมือนแบงค์กงเต๊ก แต่เงินเฟ้อไม่ยักจะมากเหมือนซิมบับเว :lovl:) ส่งเสริมให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีและเฟื่องฟู (Soros ว่าเป็น super bubble)
แต่ในทางปฏิบัติจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะสหรัฐรู้ตัวดีว่าถ้าคนเสื่อมความนิยมใน USD จะมีผลร้ายต่อประเทศตนเองอย่างยิ่ง (ความได้เปรียบเป็นเสือนอนกินที่ผ่านมาจะกลับทิศ ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินที่อ่อนลง, ดอกเบี้ยสูงขึ้น) และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกย่อมไม่ต้องการเปลี่ยนทันที เพราะทุกประเทศก็ถือทรัพย์สินและตราสารหนี้สกุลเงิน USD ไว้มากมาย
ในขณะที่ SDR เป็นการถ่วงน้ำหนักอัตราแลกเปลี่ยนตะกร้าเงินเทียบกับเงินสกุลหลัก 4 สกุล (USD, EUR, JPY, GBP) อาจจะดูเป็นเหตุเป็นผลกว่า แต่ยังไม่ใช้กันแพร่หลาย โดยเฉพาะการค้าภาคเอกชนยังไม่มีใครใช้เลย
ความเห็นผม ผมว่าคงเป็นการโยนหินถามทางมากกว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงจริงก็คงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และจะใช้ได้จริง ต้องมี demand จากภาคเอกชนร่วมด้วย