คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 27
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3301
ผมขอแนะนำโรคภูมิแพ้ครับ พอดีลูกชายเปน ~ 2 ปี
ไปรักษา ที่ bgh ตรวจ skin test พบแพ็ไรฝุ่น
rx โดย ใช้ผ้ากันไรฝุ่น + ฉีดสารเพื่อกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน
ฉีด~ 5 ปี ตอนนี้อาการปกติดี แนะนำคับลองไปตรวจดู
( มีหุ้นอยู่บ้างครับ)
ไปรักษา ที่ bgh ตรวจ skin test พบแพ็ไรฝุ่น
rx โดย ใช้ผ้ากันไรฝุ่น + ฉีดสารเพื่อกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน
ฉีด~ 5 ปี ตอนนี้อาการปกติดี แนะนำคับลองไปตรวจดู
( มีหุ้นอยู่บ้างครับ)
-
- Verified User
- โพสต์: 362
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3302
เอ่ ... พี่วิบูลย์ครับ
คือ ถ้ามีผมเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ แล้วสามารถดื่มนมโคได้หรือเปล่าครับ หรือต้องหันกลับมาดื่นนมถั่วเหลือง แต่บางสำนักก็บอกว่านมถั่วเหลืองเนี่ยะ เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า ดีต่อฮอรโมน (เคยได้ยินมาครับ) สำหรับเพศชายก็ต้องนมโค อะครับ หรือว่าต้องหันไปดื่มนมอย่างอื่นครับเนี่ยะ
ว่าแต่สงกรานต์นี้พี่วิบูลย์มีโปรแกรมพาครอบครัวไปเที่ยวไหนหรือเปล่าครับเนี่ยะ ก็ขอให้เดินทางโดยสวสคิภาพนะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์ครับผม
คือ ถ้ามีผมเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ แล้วสามารถดื่มนมโคได้หรือเปล่าครับ หรือต้องหันกลับมาดื่นนมถั่วเหลือง แต่บางสำนักก็บอกว่านมถั่วเหลืองเนี่ยะ เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า ดีต่อฮอรโมน (เคยได้ยินมาครับ) สำหรับเพศชายก็ต้องนมโค อะครับ หรือว่าต้องหันไปดื่มนมอย่างอื่นครับเนี่ยะ
ว่าแต่สงกรานต์นี้พี่วิบูลย์มีโปรแกรมพาครอบครัวไปเที่ยวไหนหรือเปล่าครับเนี่ยะ ก็ขอให้เดินทางโดยสวสคิภาพนะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์ครับผม
-
- Verified User
- โพสต์: 74
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3304
ดิฉันก็เป็นภูมิแพ้ และต่อมาก็เป็นลมพิษ(เกาเป็นลิง) ก็ไปรักษากับคุณหมอเอื้อชาติที่รพ.รามคำแหง (คุณอาเป็นภูมิแพ้มาเป็นสิบปี รักษาหายกับคุณหมอคนนี้) ราคาไม่แพงค่ะ อาการของดิฉันก็ดีขึ้น ต่อมาก็ไปรักษาด้วยวิธีฝังเข็มก็ดีขึ้น หายไปหลายปี แต่ตอนนี้เลิกหาหมอ ดูแลสุขภาพ อาหาร ถ้าวันไหนอาการกำเริบ ก็กินยาระงับอาการค่ะ
ลางเนื้อชอบลางยา ก็ลองเลือกหมอและวิธีที่เหมาะกับท่านนะคะ
ปล. ดิฉันทานข้าวกล้องโรยงาดำคั่วป่น เพื่อให้ร่างกายได้แคลเซียมและวิตามิน โดยไม่อ้วนและสะดวกดีค่ะ
ลางเนื้อชอบลางยา ก็ลองเลือกหมอและวิธีที่เหมาะกับท่านนะคะ
ปล. ดิฉันทานข้าวกล้องโรยงาดำคั่วป่น เพื่อให้ร่างกายได้แคลเซียมและวิตามิน โดยไม่อ้วนและสะดวกดีค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3305
การที่ บริษัทเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุน
การที่บริษัทเปลียนแปลงแบบนี้เพื่ออะไรครับ และ มันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างครับ พอดี อ่านในกระทู้เก่าๆแล้ว ยังงง กะความหมายอยู่อะครับ
ขอบคุณครับ
การที่บริษัทเปลียนแปลงแบบนี้เพื่ออะไรครับ และ มันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างครับ พอดี อ่านในกระทู้เก่าๆแล้ว ยังงง กะความหมายอยู่อะครับ
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3306
อันนี้ขอตัวช่วยคนคอน เขียน:การที่ บริษัทเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุน
การที่บริษัทเปลียนแปลงแบบนี้เพื่ออะไรครับ และ มันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างครับ พอดี อ่านในกระทู้เก่าๆแล้ว ยังงง กะความหมายอยู่อะครับ
ขอบคุณครับ
ใครรู้มั่งช่วยตอบหน่อยครับ
พี่Chatchai
น้องลูกอีสาน
และท่านอื่นๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 362
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3308
เมื่อคืนวาน ได้มีโอกาสดูกบนอกกะลา พาไปตามหาที่มาของก๊าซและน้ำมันที่เราใช้กันอยู่ครับ ราคาที่เปลี่ยนแปลงขึ้นกับอะไรบ้าง น่าสนใจดีครับ ถ้าเพื่อนๆ สนใจอาทิตน์หน้ายังติดตามดูได้มีตอน 2 ครับ เพื่อจะเข้าใจที่จะลงทุนในธุรกิจพลังงานมากขึ้นครับ
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3310
การเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ มันมีที่มามาจากมาตรฐานของต่างประเทศค่ะ เมืองไทยใช้มาตรฐานไทยในการลงบัญชีก็จริง แต่มันก็ลอกมาจากเมืองนอกทั้งนั้น แล้วก็แก้ไขบางส่วนให้ตรงกับธุรกิจในเมืองไทย เท่าที่ทราบ IAS หรือ International accounting standard ลงบัญชีเงินลงทุนแบบวิธีทุน เพราะเค้าเห็นว่าสะท้อนความเป็นจริงได้ดีกว่าวิธีส่วนได้เสีย เพราะส่วนได้เสียมีการรับรู้กำไรขาดทุนจากลูกๆลงไปในรายการเงินลงทุนของแม่ในงบเดี่ยว กำไรขาดทุนที่บันทึกเป็นรายการทางบัญชีล้วนๆไม่ได้ก่อให้เกิดกระแสเงินสดแต่อย่างใด รายการกำไรขาดทุนจากบริษัทลูกจะเกิดจริงก็ต่อเมือคุณคิดเลิกกิจการของบริษัทลูกค่ะVIB007 เขียน: อันนี้ขอตัวช่วย
ใครรู้มั่งช่วยตอบหน่อยครับ
พี่Chatchai
น้องลูกอีสาน
และท่านอื่นๆ
ตัวมาตรฐานก็เลยพยายามปรับปรุงให้งบสะท้อนความเป็นจริงและสอดคล้องกับวิธีสากลก็เท่านั้นค่ะ
.....Give Everything but not Give Up.....
- il genio
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3311
เสริมคุณ Kristy ครับ
เข้าใจว่า ที่บริษัทเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนในปี 2551 ไม่ได้เป็นเพราะบริษัทเลือกเองนะครับ แต่เป็นเพราะมาตราฐานการบัญชีใหม่เกี่ยวกับการบันทึกบัญชีเงินลงทุนกำหนดให้เริ่มบังคับใช้ในงวดบัญชี ดังกล่าว
โดยมาตราฐานดังกล่าวจะมีผลต่องบการเงินเฉพาะบริษัท แต่ไม่มีผลต่อการบันทึกงบการเงินรวม (งบการเงินรวมตามมาตราฐานการบัญชีเก่าและใหม่บันทึกเหมือนกัน)
ตามมาตราฐานการบัญชีเก่า บริษัทจะบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วม ด้วยวิธีส่วนได้เสีย (Equity Method) ในงบการเงินเฉพาะบริษัท (งบเดี่ยว) แบบคร่าวๆ คือ บริษัทย่อยมีกำไรเท่าไร บริษัทแม่ก็จะร่วมยินดีด้วย ด้วยการบันทึกกำไรตามสัดส่วนที่บริษัทแม่ลงทุน เช่น
A ถือหุ้น B ร้อยละ 75
ต่อมา B มีกำไร 100 ล้านบาท
บริษัท A จะบันทึก กำไรจากการลงทุนใน B 75 ล้านบาท (100 ล้านบาท * 75%)
การที่มาตราฐานเก่ากำหนดเช่นนั้น เพื่อให้งบเดี่ยว (งบเฉพาะบริษัท) สะท้อนสภาพที่เป็นจริงของกิจการ บังคับให้บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากบริษัทย่อยโดยไม่ชักช้า เช่น เมื่อก่อนมีบริษัทไทยผลิตปลากระป๋อง ชื่อบริษัทยูนิคอร์ค ได้เข้า takeover บริษัทบับเบิลบีในอเมริกา ยูนิคอร์ด มีกำไร แต่บับเบิลบีขาดทุนมาก การบันทึกวิธี Equity ทำให้ ยูนิคอร์ค ต้องบันทึกผลขาดทุนจากบับเบิลบีตามสัดส่วนที่ลงทุน ผลขาดทุนที่ต้องรับรู้ในงบเดี่ยวนี้ทำให้กำไรที่ยูนิคอร์ดสามารถจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นน้อยลงไป (โดยหากพิจารณาว่า ยูนิคอร์ดต้องกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มทุนให้บับเบิลบีตามสัดส่วนที่ขาดทุน การบันทึกบัญชีแบบนี้ ก็สมเหตุสมผลกับหลักความระมัดระวังของนักบัญชีดีแล้ว)
ส่วนมาตราฐานใหม่ กำหนดให้บริษัทบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและร่วม โดยวิธีราคาทุน (Cost Method) ในงบเดี่ยว คือรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัทย่อยตามเงินปันผลที่ได้รับจริงจากบริษัทย่อยครับ ส่วนบริษัทย่อยจะกำไรหรือขาดทุนเท่าไร บริษัทแม่ไม่ต้องทำอะไร
การบันทึกแบบนี้ ก็เกิดจากหลักความระมัดระวัง (กลัวไว้ก่อน กลัวอะไรก็ไม่รู้) ของนักบัญชีอีกนั้นแหละ แต่คราวนี้กลัวว่าบริษัทแม่จะมีกำไรที่สามรถจ่ายเงินปันผลออกไปได้เยอะเกินไป โดยที่ไม่มีเงินสดจริง เช่น
A เป็น Holding ไม่มีธุรกิจอื่น ถือหุ้นใน B 100%
B มีกำไร 100 ล้านบาท
B เป็นบริษัทที่ต้องขยายงานจึงไม่จ่ายเงินปันผล แต่เก็บกำไร 100 ล้านบาทไว้เพื่อใช้ในการลงทุนซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์
กรณีนี้ ถามว่า A สามารถจ่ายเงินปันผลจากกำไรใน B ได้หรือไม่
หากบันทึกวิธี Equity
A จะรับรู้กำไรจากการลงทุนใน B 100 ล้านบาท
A ก็สามรารถจ่ายเงินปันผลได้โดยที่ยังไม่ได้งินสดจาก B เลย
หากบันทึกวิธี Cost
A จะไม่รับรู้กำไรใน B
ตราบใดที่ B ยังไม่จ่ายเงินปันผลขึ้นมาให้ A ก็จะไม่สามรถจ่ายเงินปันผลจากกำไรส่วนนี้
เนื่องจากการถือหุ้นของบริษัทในปัจจุบันมีความสลับซับซ้อน คือไม่ได้ลงทุนในบริษัทย่อย (หรือบริษัทลูก) เพียงชั้นเดียว แต่บริษัทใหญ่ๆ ถือหุ้นหลายทอด เป็น ลูก หลาน เหลน โหลน และแต่ละชั้นก็มักไม่ได้จ่ายเงินปันผลทั้งหมด (payout ratio < 100%) แต่กันไว้ลงทุน ใช้จ่ายนู้นนี่ มาตราฐานฉบับใหม่จึงกำหนดให้ ใช้ Cost Method เพื่อให้บริษัทแม่สามารถจ่ายเงินปันผลเฉพาะที่ได้รับเงินปันผลจากบริษัทลูกๆ ขึ้นมาแล้วจริง ๆ (กันไม่ให้จ่ายเงินปันผลเกินตัว ว่างั้นเถอะ)
การเปลี่ยนแปลงมาตราฐานฉบับนี้ จะกระทบต่อความสามรถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทแม่ที่มีลูกหลานขี้เกียจครับ (ขี้เกียจจ่ายเงินปันผล) หากบริษัทลูกจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอในอัตราสูงเช่นร้อยละ 60-70 ก็ไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร
ส่วนบริษัทแม่ที่มีบริษัทลูกขาดทุนเยอะๆ ขาดทุนอยู่เป็นนิจ กลับได้อานิสงค์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ครับ ต่อไปไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทลูกในงบเดี่ยวแล้ว ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลกลับเพิ่มขึ้น (ประหลาดไหม) [อย่างไรก็ตาม ถ้าขาดทุนเยอะจริงๆ ขนาดมองแล้วว่า ชาติหน้าก็ไม่หายขาดทุน อาจโดนนักบัญชีให้บันทึก ผลขาดทุนจากการด้อยค่าแทน]
โดยสรุปแล้วการเปลี่ยนมาตราฐานการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีเงินลงทุนนี้ จะกระทบเฉพาะความสามารถในการจ่ายเงินปันผล ไม่กระทบต่อพื้นฐานการทำกำไรของบริษัทที่เราสามารถวิเคราะห์ได้จากงบการเงินรวม (ซึ่งมาตราฐานเก่าและใหม่บันทึกเหมือนกัน โดยกำไรจะเท่ากับงบเดี่ยวที่บันทึกเงินลงทุนด้วยวิธี Equity)
วิธีไหนดีกว่ากัน ถามนักบัญชี ก็คงต้องบอกว่ามาตราฐานใหม่ดีกว่า (เขาเป็นคนประกาศใช้นี่) เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากกว่า
ถามผม ผมก็ว่ามาตราฐานใหม่ก็ยังมีจุดอ่อน อีกสัก 10 ปี มีบริษัทอย่างยูนิคอร์คเพิ่มมากขึ้น เกิดปัญหาอีก เขาก็อาจกลับไปให้บันทึกแบบ Equity เหมือนเดิมตามหลักความระมัดระวัง (อีกแล้ว) ก็ได้ ใครจะไปรู้
เข้าใจว่า ที่บริษัทเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีเกี่ยวกับเงินลงทุนในปี 2551 ไม่ได้เป็นเพราะบริษัทเลือกเองนะครับ แต่เป็นเพราะมาตราฐานการบัญชีใหม่เกี่ยวกับการบันทึกบัญชีเงินลงทุนกำหนดให้เริ่มบังคับใช้ในงวดบัญชี ดังกล่าว
โดยมาตราฐานดังกล่าวจะมีผลต่องบการเงินเฉพาะบริษัท แต่ไม่มีผลต่อการบันทึกงบการเงินรวม (งบการเงินรวมตามมาตราฐานการบัญชีเก่าและใหม่บันทึกเหมือนกัน)
ตามมาตราฐานการบัญชีเก่า บริษัทจะบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วม ด้วยวิธีส่วนได้เสีย (Equity Method) ในงบการเงินเฉพาะบริษัท (งบเดี่ยว) แบบคร่าวๆ คือ บริษัทย่อยมีกำไรเท่าไร บริษัทแม่ก็จะร่วมยินดีด้วย ด้วยการบันทึกกำไรตามสัดส่วนที่บริษัทแม่ลงทุน เช่น
A ถือหุ้น B ร้อยละ 75
ต่อมา B มีกำไร 100 ล้านบาท
บริษัท A จะบันทึก กำไรจากการลงทุนใน B 75 ล้านบาท (100 ล้านบาท * 75%)
การที่มาตราฐานเก่ากำหนดเช่นนั้น เพื่อให้งบเดี่ยว (งบเฉพาะบริษัท) สะท้อนสภาพที่เป็นจริงของกิจการ บังคับให้บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากบริษัทย่อยโดยไม่ชักช้า เช่น เมื่อก่อนมีบริษัทไทยผลิตปลากระป๋อง ชื่อบริษัทยูนิคอร์ค ได้เข้า takeover บริษัทบับเบิลบีในอเมริกา ยูนิคอร์ด มีกำไร แต่บับเบิลบีขาดทุนมาก การบันทึกวิธี Equity ทำให้ ยูนิคอร์ค ต้องบันทึกผลขาดทุนจากบับเบิลบีตามสัดส่วนที่ลงทุน ผลขาดทุนที่ต้องรับรู้ในงบเดี่ยวนี้ทำให้กำไรที่ยูนิคอร์ดสามารถจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นน้อยลงไป (โดยหากพิจารณาว่า ยูนิคอร์ดต้องกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มทุนให้บับเบิลบีตามสัดส่วนที่ขาดทุน การบันทึกบัญชีแบบนี้ ก็สมเหตุสมผลกับหลักความระมัดระวังของนักบัญชีดีแล้ว)
ส่วนมาตราฐานใหม่ กำหนดให้บริษัทบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและร่วม โดยวิธีราคาทุน (Cost Method) ในงบเดี่ยว คือรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัทย่อยตามเงินปันผลที่ได้รับจริงจากบริษัทย่อยครับ ส่วนบริษัทย่อยจะกำไรหรือขาดทุนเท่าไร บริษัทแม่ไม่ต้องทำอะไร
การบันทึกแบบนี้ ก็เกิดจากหลักความระมัดระวัง (กลัวไว้ก่อน กลัวอะไรก็ไม่รู้) ของนักบัญชีอีกนั้นแหละ แต่คราวนี้กลัวว่าบริษัทแม่จะมีกำไรที่สามรถจ่ายเงินปันผลออกไปได้เยอะเกินไป โดยที่ไม่มีเงินสดจริง เช่น
A เป็น Holding ไม่มีธุรกิจอื่น ถือหุ้นใน B 100%
B มีกำไร 100 ล้านบาท
B เป็นบริษัทที่ต้องขยายงานจึงไม่จ่ายเงินปันผล แต่เก็บกำไร 100 ล้านบาทไว้เพื่อใช้ในการลงทุนซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์
กรณีนี้ ถามว่า A สามารถจ่ายเงินปันผลจากกำไรใน B ได้หรือไม่
หากบันทึกวิธี Equity
A จะรับรู้กำไรจากการลงทุนใน B 100 ล้านบาท
A ก็สามรารถจ่ายเงินปันผลได้โดยที่ยังไม่ได้งินสดจาก B เลย
หากบันทึกวิธี Cost
A จะไม่รับรู้กำไรใน B
ตราบใดที่ B ยังไม่จ่ายเงินปันผลขึ้นมาให้ A ก็จะไม่สามรถจ่ายเงินปันผลจากกำไรส่วนนี้
เนื่องจากการถือหุ้นของบริษัทในปัจจุบันมีความสลับซับซ้อน คือไม่ได้ลงทุนในบริษัทย่อย (หรือบริษัทลูก) เพียงชั้นเดียว แต่บริษัทใหญ่ๆ ถือหุ้นหลายทอด เป็น ลูก หลาน เหลน โหลน และแต่ละชั้นก็มักไม่ได้จ่ายเงินปันผลทั้งหมด (payout ratio < 100%) แต่กันไว้ลงทุน ใช้จ่ายนู้นนี่ มาตราฐานฉบับใหม่จึงกำหนดให้ ใช้ Cost Method เพื่อให้บริษัทแม่สามารถจ่ายเงินปันผลเฉพาะที่ได้รับเงินปันผลจากบริษัทลูกๆ ขึ้นมาแล้วจริง ๆ (กันไม่ให้จ่ายเงินปันผลเกินตัว ว่างั้นเถอะ)
การเปลี่ยนแปลงมาตราฐานฉบับนี้ จะกระทบต่อความสามรถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทแม่ที่มีลูกหลานขี้เกียจครับ (ขี้เกียจจ่ายเงินปันผล) หากบริษัทลูกจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอในอัตราสูงเช่นร้อยละ 60-70 ก็ไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร
ส่วนบริษัทแม่ที่มีบริษัทลูกขาดทุนเยอะๆ ขาดทุนอยู่เป็นนิจ กลับได้อานิสงค์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ครับ ต่อไปไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทลูกในงบเดี่ยวแล้ว ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลกลับเพิ่มขึ้น (ประหลาดไหม) [อย่างไรก็ตาม ถ้าขาดทุนเยอะจริงๆ ขนาดมองแล้วว่า ชาติหน้าก็ไม่หายขาดทุน อาจโดนนักบัญชีให้บันทึก ผลขาดทุนจากการด้อยค่าแทน]
โดยสรุปแล้วการเปลี่ยนมาตราฐานการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีเงินลงทุนนี้ จะกระทบเฉพาะความสามารถในการจ่ายเงินปันผล ไม่กระทบต่อพื้นฐานการทำกำไรของบริษัทที่เราสามารถวิเคราะห์ได้จากงบการเงินรวม (ซึ่งมาตราฐานเก่าและใหม่บันทึกเหมือนกัน โดยกำไรจะเท่ากับงบเดี่ยวที่บันทึกเงินลงทุนด้วยวิธี Equity)
วิธีไหนดีกว่ากัน ถามนักบัญชี ก็คงต้องบอกว่ามาตราฐานใหม่ดีกว่า (เขาเป็นคนประกาศใช้นี่) เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากกว่า
ถามผม ผมก็ว่ามาตราฐานใหม่ก็ยังมีจุดอ่อน อีกสัก 10 ปี มีบริษัทอย่างยูนิคอร์คเพิ่มมากขึ้น เกิดปัญหาอีก เขาก็อาจกลับไปให้บันทึกแบบ Equity เหมือนเดิมตามหลักความระมัดระวัง (อีกแล้ว) ก็ได้ ใครจะไปรู้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3312
คนคอน เขียน:การที่ บริษัทเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุน
การที่บริษัทเปลียนแปลงแบบนี้เพื่ออะไรครับ และ มันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างครับ พอดี อ่านในกระทู้เก่าๆแล้ว ยังงง กะความหมายอยู่อะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคุณkrisy และ คุณ il genio มากครับอันนี้ขอตัวช่วย
ใครรู้มั่งช่วยตอบหน่อยครับ
ลูกศิษย์คุณมนหรือเปล่า
เห็นคุณมนสอนบัญชีไปหลายรุ่น
ผมว่ามุขนี้ดีนะ
ให้มาช่วยๆกันตอบ
ได้มุมมองขึ้นอีกเยอะเลย
ต่อไปต้องขอตัวช่วยบ่อยๆ อิ อิ
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3313
krisy เป็นลูกศิษย์พี่มนค่ะ แต่คงรู้ไม่ละเอียดเท่าคุณ il genio :lol:
จริงๆจะลงบัญชีแบบไหน ถ้าเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไรอย่างที่คุณ il genio อธิบายไว้ การอ่านงบการเงินก็ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย เพราะเราเข้าใจที่เนื้อแท้ของรายการ
จริงๆแล้ว งบที่แต่งตัวไม่ได้เลย คือ งบกระแสเงินสด เพราะเงินสดมันมีตัวตนจริง การลงบัญชีปรับกำไรเพิ่มขึ้นลดลงได้ แต่ปรับเงินสดให้เพิ่มขึ้นลดลงไม่ได้ ท่านใดที่มึนๆกับการเปลี่ยนแปลงมาตรฐาน เพราะมันทำให้งบปีนี้เปรียบเทียบกับปีก่อนๆไม่ได้ ถ้าต้องการตรวจสุขภาพกิจการ ดูงบกระแสเงินสดไปก่อนก็ได้ค่ะ
จริงๆจะลงบัญชีแบบไหน ถ้าเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไรอย่างที่คุณ il genio อธิบายไว้ การอ่านงบการเงินก็ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย เพราะเราเข้าใจที่เนื้อแท้ของรายการ
จริงๆแล้ว งบที่แต่งตัวไม่ได้เลย คือ งบกระแสเงินสด เพราะเงินสดมันมีตัวตนจริง การลงบัญชีปรับกำไรเพิ่มขึ้นลดลงได้ แต่ปรับเงินสดให้เพิ่มขึ้นลดลงไม่ได้ ท่านใดที่มึนๆกับการเปลี่ยนแปลงมาตรฐาน เพราะมันทำให้งบปีนี้เปรียบเทียบกับปีก่อนๆไม่ได้ ถ้าต้องการตรวจสุขภาพกิจการ ดูงบกระแสเงินสดไปก่อนก็ได้ค่ะ
.....Give Everything but not Give Up.....
- il genio
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3314
ผมเป็นแฟนติดตามงานเขียนของคุณมน พี่วิบูลย์ และดร. นิเวศน์ครับ นอกจากนั้น ยังเป็นนักลงทุนฝึกหัดที่ยังขาดทุนเยอะอยู่ (เพราะเริ่มลงทุนเมื่อต้นปีที่แล้ว ดัชนีประมาณ 850)
เห็นด้วยกับคุณ Krisy (ขออภัยที่พิมพ์ผิด ครั้งที่แล้ว) กระแสเงินสดคือของจริง บิดเบื้อนได้ยากที่สุดจริงๆ ครับ
ส่วนงบกำไรขาดทุนนั้น อาจเปรียบเทียบผลการดำเนินงานโดยเปรียบเทียบงบการเงินรวมครับ
เห็นด้วยกับคุณ Krisy (ขออภัยที่พิมพ์ผิด ครั้งที่แล้ว) กระแสเงินสดคือของจริง บิดเบื้อนได้ยากที่สุดจริงๆ ครับ
ส่วนงบกำไรขาดทุนนั้น อาจเปรียบเทียบผลการดำเนินงานโดยเปรียบเทียบงบการเงินรวมครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3316
ไปที่นี่เลยคนคอน เขียน:ว่าแต่ คุณมน เค้ายังเปิดคอร์สสอน การอ่านงบบัญชี ยุปะครับ - -
http://board.viknowhow.com/index.php?PH ... 8409826908&
จ่ายค่าโฆษณามาด้วยนะ คุณมน
-
- Verified User
- โพสต์: 362
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3317
แต่เอ.. ผมเคยได้ยินมาว่า ตอนนี้ งบกระแสเงินสด ก็เริ่มที่จะมีการตกแต่งบ้างแล้วครับ ไม่ทราบว่าเท็จจริงประการใดเหมือนกันครับ
- il genio
- Verified User
- โพสต์: 118
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3318
ไม่แน่ในแฮะ
ส่วนตัว คิดว่ายาก เพราะงบกระแสดงินสด หลักๆ มี 3 ส่วน คือ กระแสเงินสดจากการดำเนินการ กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน และกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
เมื่อบวกลบทั้ง 3 ส่วนจะได้ การเปลี่ยนแปลงของเงินสดระหว่างงวด และต้องตรวจสอบกับจำนวนเงินสดคงเหลือปลายงวดได้
กระแสเงินสดจากกิจการลงทุน และการจัดหาเงิน มักเป็นรายการใหญ่ ตรงไปตรงมา เช่น จ่ายเงินซื้อทรัพย์สิน, เงินสดรับจากการกู้ยืม, จ่ายชำระเงินกู้, จ่ายเงินปันผล ไม่น่าจะตกแต่งได้มากนัก
หากจะตกแต่งกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ก็ไม่ง่ายอีก เพราะมีจำนวนเงินสดคงเหลือปลายงวดกำกับอยู่
แต่ไม่แน่ใจว่ามีวิธีการตกแต่งอะไรใหม่ๆ หรือเปล่า อาจต้องถามผู้รู้ในแวกวงบัญชี ครับ
ส่วนตัว คิดว่ายาก เพราะงบกระแสดงินสด หลักๆ มี 3 ส่วน คือ กระแสเงินสดจากการดำเนินการ กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน และกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
เมื่อบวกลบทั้ง 3 ส่วนจะได้ การเปลี่ยนแปลงของเงินสดระหว่างงวด และต้องตรวจสอบกับจำนวนเงินสดคงเหลือปลายงวดได้
กระแสเงินสดจากกิจการลงทุน และการจัดหาเงิน มักเป็นรายการใหญ่ ตรงไปตรงมา เช่น จ่ายเงินซื้อทรัพย์สิน, เงินสดรับจากการกู้ยืม, จ่ายชำระเงินกู้, จ่ายเงินปันผล ไม่น่าจะตกแต่งได้มากนัก
หากจะตกแต่งกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ก็ไม่ง่ายอีก เพราะมีจำนวนเงินสดคงเหลือปลายงวดกำกับอยู่
แต่ไม่แน่ใจว่ามีวิธีการตกแต่งอะไรใหม่ๆ หรือเปล่า อาจต้องถามผู้รู้ในแวกวงบัญชี ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3320
รบกวนพี่วิบูล ช่วย คิดFCF ปัจจุบันของ lanna หน่อยครับ
คือผมอยากจะรู้ว่า ที่ผมคิดถูกต้องแล้วรึป่าว
พอดีเพิ่งได้ หนังสือพี่สุมาอี้มา สุดยอดมาฮะ บังเอิญไปเจอเข้า
ขอบคุณครับ
อ่อ อีกอย่าง เพิ่งอ่าน หนังสือของพี่กะพี่มน จบครับ ได้อะไรหลายๆ อย่างเลย
โดยเฉพาะ ธรรมะ หลับสบาย ฮ่าๆ[หมายถึงว่าอ่านแล้วหลับสะงั้น]
คือผมอยากจะรู้ว่า ที่ผมคิดถูกต้องแล้วรึป่าว
พอดีเพิ่งได้ หนังสือพี่สุมาอี้มา สุดยอดมาฮะ บังเอิญไปเจอเข้า
ขอบคุณครับ
อ่อ อีกอย่าง เพิ่งอ่าน หนังสือของพี่กะพี่มน จบครับ ได้อะไรหลายๆ อย่างเลย
โดยเฉพาะ ธรรมะ หลับสบาย ฮ่าๆ[หมายถึงว่าอ่านแล้วหลับสะงั้น]
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3321
ทำกลับข้างกันดีไหมครับคนคอน เขียน:รบกวนพี่วิบูล ช่วย คิดFCF ปัจจุบันของ lanna หน่อยครับ
คือผมอยากจะรู้ว่า ที่ผมคิดถูกต้องแล้วรึป่าว
พอดีเพิ่งได้ หนังสือพี่สุมาอี้มา สุดยอดมาฮะ บังเอิญไปเจอเข้า
ขอบคุณครับ
ลองทำมาให้ดูก่อน
แล้วผมจะบอกให้ว่ามันถูกหรือผิดอย่างไร
ดีกว่าไหม...เออ
เขียนในกระทู้นี้หละ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3324
สินทรัพย์สุทธิคืออะไรครับคนคอน เขียน:ผมได้ 2101.57 ล้านบาทอะครับ
แล้วมีอีกเรื่องนึง ทำไมค่าเสื่่อม ของlanna เค้ามี มากกว่า สินทรัพย์สุทธิละครับ
ไม่ได้กวนนะ แต่อยากให้อธิบายให้ละเอียด
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3325
เอาสูตรนี้มาจากไหนครับคนคอน เขียน:2101.57=1,260.53 + (1-0.3) + 1,288.19 - 422.47 - ( -353.48) ล้านบาท
FCF= EBIT + (1-T) + DA - CAPEX - CWC
ตามนี้เลยฮะ
สูตรนี้หาจากงบกำไรขาดทุน
ลองหาดูสูตรจากงบกระแสเงินสดดูซิครับ
แล้วเอามาเทียบกัน
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3326
สินทรัพย์สุทธิที่ผมเอามาคำนวณ เอามาจากในงบดุลอะ ที่ดิน อาคาร สุทธิอะคับ
ถ้าผิดตรงไหน ช่วยบอกด้วยนะคับ พอดีมือใหม่ๆ - -
สูตรนี้เอามาจาก หนังสือของ คุณนรินทร์อะครับ
ว่าแต่สูตรที่หาจากที่งบกระแสเงินสดที่ว่า สูตรมันมีหน้าตาเป้นยังไงเหรอคครับ
ช่วยสอนด้วยครับ ขอบคุณครับ
ถ้าผิดตรงไหน ช่วยบอกด้วยนะคับ พอดีมือใหม่ๆ - -
สูตรนี้เอามาจาก หนังสือของ คุณนรินทร์อะครับ
ว่าแต่สูตรที่หาจากที่งบกระแสเงินสดที่ว่า สูตรมันมีหน้าตาเป้นยังไงเหรอคครับ
ช่วยสอนด้วยครับ ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3327
บริษัทไม่ได้มีแค่ที่ดินและอาคารอย่างเดียวเป็นสินทรัพย์นะครับคนคอน เขียน: สินทรัพย์สุทธิที่ผมเอามาคำนวณ เอามาจากในงบดุลอะ ที่ดิน อาคาร สุทธิอะคับ
ถ้าผิดตรงไหน ช่วยบอกด้วยนะคับ พอดีมือใหม่ๆ - -
ถ้าค่าเสื่อมมากกว่ามูลค่าที่ดินอาคารแล้วละก็
ตัดค่าเสื่อมปีเดียว มูลค่าเหลือศูนย์เลย
มันไม่น่าเป็นไปได้
ลองหาดูดีๆแล้วตั้งคำถามใหม่
ผมยังไม่เข้าใจ
ลองหาดูในกูเกิ้ลคนคอน เขียน: สูตรนี้เอามาจาก หนังสือของ คุณนรินทร์อะครับ
ว่าแต่สูตรที่หาจากที่งบกระแสเงินสดที่ว่า สูตรมันมีหน้าตาเป้นยังไงเหรอคครับ
ช่วยสอนด้วยครับ ขอบคุณครับ
แล้วบอกผมด้วย
ว่ามีสูตรอย่างไร
อย่าเป็นเหมือนนักเรียนไทยที่รอครูเอาวิชามาป้อน
ลองหาเองก่อน
แล้วจะบอกว่าใช่ไม่ใช่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3328
คราวนี้ช่วยอธิบายตัวเลขแต่ละตัวได้ไหมครับคนคอน เขียน:2101.57=1,260.53 + (1-0.3) + 1,288.19 - 422.47 - ( -353.48) ล้านบาท
FCF= EBIT + (1-T) + DA - CAPEX - CWC
ตามนี้เลยฮะ
ว่ามากจากไหนบ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3329
EBIT ผมเอามาจาก งบกำไรขาดทุน เท่ากับ 1,260.53 ล้านบาท
T = อัตราภาษี เอามาจาก งบกำไรขาดทุน 0.3
DA = ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย = 1,288.19 จากงบกระแสเงินสด
CAPEX = เอามาจาก กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน ซื่อที่ดินและอาคาร+ทรัพย์สินไม่มีตัวตน 420.8+1.67 ล้านบาท
CWC = เอบงามาจาก หกลบ รายการสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ที่ใช้ดำเนินการ ไม่ใช่เงินสดและ ไม่มีดอกเบี้ย จากงบดุลปี 51 และ 50
[ปี51] 237.05 ล้านบาท - [ปี50]509.54 ล้านบาท = - 353.48 ล้านบาท
T = อัตราภาษี เอามาจาก งบกำไรขาดทุน 0.3
DA = ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย = 1,288.19 จากงบกระแสเงินสด
CAPEX = เอามาจาก กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน ซื่อที่ดินและอาคาร+ทรัพย์สินไม่มีตัวตน 420.8+1.67 ล้านบาท
CWC = เอบงามาจาก หกลบ รายการสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ที่ใช้ดำเนินการ ไม่ใช่เงินสดและ ไม่มีดอกเบี้ย จากงบดุลปี 51 และ 50
[ปี51] 237.05 ล้านบาท - [ปี50]509.54 ล้านบาท = - 353.48 ล้านบาท
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 3330
[quote="คนคอน"]EBIT ผมเอามาจาก งบกำไรขาดทุน เท่ากับ 1,260.53 ล้านบาท
T = อัตราภาษี เอามาจาก งบกำไรขาดทุน 0.3
DA = ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย = 1,288.19 จากงบกระแสเงินสด
CAPEX = เอามาจาก กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน ซื่อที่ดินและอาคาร+ทรัพย์สินไม่มีตัวตน 420.8+1.67 ล้านบาท
CWC = เอบงามาจาก หกลบ รายการสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ที่ใช้ดำเนินการ
T = อัตราภาษี เอามาจาก งบกำไรขาดทุน 0.3
DA = ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย = 1,288.19 จากงบกระแสเงินสด
CAPEX = เอามาจาก กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน ซื่อที่ดินและอาคาร+ทรัพย์สินไม่มีตัวตน 420.8+1.67 ล้านบาท
CWC = เอบงามาจาก หกลบ รายการสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน ที่ใช้ดำเนินการ