กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 772
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 4
ถ้าจะแต่งตัวนาน :8) :8)hongvalue เขียน:งานเลี้ยงใกล้เลิกแล้วมั้งครับ
ทำไมเพิ่งจะมากินโต๊ะจีนล่ะครับ :lol:
ร็อคกี้ บัลโบว : ชีวิตไม่สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเรารับการโดนต่อยได้แค่ไหน (ชีวิตจุดสำคัญอยู่ที่การทนทุกข์ มากกว่าการประสบสุข)
- satantuey
- Verified User
- โพสต์: 743
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 6
ไม่มีคำว่าสายสำหรับตลาดหุ้น ตราบใดที่ตลาดยังมิล่มสลาย
ถ้าคุณเลือกรถที่จะขึ้นอย่างดี ดูค่าตั๋วโดยสารรถนั้น ว่าเหมาะสมกับคุณภาพรถ+คุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่ และสุดท้าย พร้อมที่โดยสารไปตามเป้าหมายที่วางไว้แต่แรกหรือไม่ ไม่โลเล โดดขึ้นโดดลง เพราะมันผิดแผนที่วางไว้ และเสี่ยงที่ขาจะหักจากการโดดรถ เหอๆๆๆ :lol: :lol:
ถ้าคุณเลือกรถที่จะขึ้นอย่างดี ดูค่าตั๋วโดยสารรถนั้น ว่าเหมาะสมกับคุณภาพรถ+คุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่ และสุดท้าย พร้อมที่โดยสารไปตามเป้าหมายที่วางไว้แต่แรกหรือไม่ ไม่โลเล โดดขึ้นโดดลง เพราะมันผิดแผนที่วางไว้ และเสี่ยงที่ขาจะหักจากการโดดรถ เหอๆๆๆ :lol: :lol:
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 11
ขึ้นอยู่ว่าคุณจะซื้อห้นแนวไหนล่ะครับ ถ้าพวก BigCap ตาม Fund Flow ก็ไม่แน่ว่าตอนนี้เค้าเริ่มเสริฟ์ของหวานกันแล้ว
ส่วนตัวแล้วถ้ามามองกันที่หุ้นตัวเล็กลงมาบางตัวตอนนี้ถ้ามองกันที่ Forward PE เลยก็ยังถือว่าถูกครับ
ส่วนตัวแล้วถ้ามามองกันที่หุ้นตัวเล็กลงมาบางตัวตอนนี้ถ้ามองกันที่ Forward PE เลยก็ยังถือว่าถูกครับ
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 12
ตอนช่วง 46 ก็มีคนถามว่า ขึ้นรถตอนนี้ทันหรือเปล่า
ตอนช่วง 50 ก็มีคนถามว่า ขึ้นรถตอนนี้ทันหรือเปล่า
พอมา 52 ก็มีคนถามว่า ขึ้นรถตอนนี้ทันหรือเปล่า
เดี๋ยวอีก 2-3 ก็มีคนถามอีกเหมือนเดิมว่า ขึ้นรถตอนนี้ทันหรือเปล่า
จะขึ้นตอนไหนก็ขึ้นสิครับ สำคัญว่าจะลงตอนไหนเท่านั้นเอง .....
ที่เห็นอยู่ อาจจะสุดยอดดอย หรือแค่ปลายเนินเขาเล็ก ๆ ใครจะรู้ ......
ตอนช่วง 50 ก็มีคนถามว่า ขึ้นรถตอนนี้ทันหรือเปล่า
พอมา 52 ก็มีคนถามว่า ขึ้นรถตอนนี้ทันหรือเปล่า
เดี๋ยวอีก 2-3 ก็มีคนถามอีกเหมือนเดิมว่า ขึ้นรถตอนนี้ทันหรือเปล่า
จะขึ้นตอนไหนก็ขึ้นสิครับ สำคัญว่าจะลงตอนไหนเท่านั้นเอง .....
ที่เห็นอยู่ อาจจะสุดยอดดอย หรือแค่ปลายเนินเขาเล็ก ๆ ใครจะรู้ ......
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 14
หุ้นส่วนมากในร้อยคนร้อยหุ้นยัง under อยู่ครับ อยู่ที่คุณจะทนถือไปอีก 5 ปี 10 ปี หรือไม่alex1975 เขียน: มีตัวไหนบ้างครับ ขอเป็นไอเดีย
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 15
ผมว่าลองศึกษาดูนะ ใช้เวปนี้เป็ที่ขอ เบ็ดตกปลา นะalex1975 เขียน: มีตัวไหนบ้างครับ ขอเป็นไอเดีย
แต่จะเข้ามาขอ ปลาดื้อๆ ระหวังได้ปลาเน่านะขอครับ
ตนเป็นที่พึ่งของตน ดีที่สุดครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 16
อันที่จริงแล้ว เค้าถามเพื่ออยากได้ความคิดเห็น(อ่านไปอ่านมา เหมือนคนถามถูกตำหนิไงไม่รุ) แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ตำตอบที่ตรงคำถาม
จากที่ ได้ฟังนักวิเคราะห์ ทางวิทยุ เมื่อวานนี้ (ย้ำนักวิเคราะห์)
หลายรายว่า สัปดาห์หน้าเริ่มผันผวน เล่นสั้นกันแล้ว
บางรายบอกว่า สำหรับคนที่เล่นระยะสั้นก็รอดูท่าทีก่อนดีกว่า แต่สำหรับคนเล่นยาว น่าจะเข้าได้บางตัว ให้ดูที่ PE
ที่หุ้นขึ้นคราวนี้ เพราะได้อานิสงค์จากข่าวดีทั้ง สหรัฐ และในประเทศ แต่เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ได้ฟื้นตัว มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่ได้จากข่าว
เพิ่มเติม คำว่า ผันผวน คือ อาจจะมีการเทขาย ซื้อกลับ คล้ายๆ นั่งรถไฟเหาะ คงเสียวพิลึก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่า จุดต่ำสุด จุดสูงสุด อยุ่ที่ตรงไหน
และตัวข้าพเจ้าก็ขายหมู บ่อยทีเดียว 55555 เสียดายที่ได้เงินน้อย แต่ก็ดีกว่า ขาดทุน ติดดอย หน้าแห้ง
ปล.ข้าพเจ้าเน้นหุ้นพื้นฐานดีเท่านั้น เสียวน้อยหน่อย
จากที่ ได้ฟังนักวิเคราะห์ ทางวิทยุ เมื่อวานนี้ (ย้ำนักวิเคราะห์)
หลายรายว่า สัปดาห์หน้าเริ่มผันผวน เล่นสั้นกันแล้ว
บางรายบอกว่า สำหรับคนที่เล่นระยะสั้นก็รอดูท่าทีก่อนดีกว่า แต่สำหรับคนเล่นยาว น่าจะเข้าได้บางตัว ให้ดูที่ PE
ที่หุ้นขึ้นคราวนี้ เพราะได้อานิสงค์จากข่าวดีทั้ง สหรัฐ และในประเทศ แต่เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ได้ฟื้นตัว มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่ได้จากข่าว
เพิ่มเติม คำว่า ผันผวน คือ อาจจะมีการเทขาย ซื้อกลับ คล้ายๆ นั่งรถไฟเหาะ คงเสียวพิลึก
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่า จุดต่ำสุด จุดสูงสุด อยุ่ที่ตรงไหน
และตัวข้าพเจ้าก็ขายหมู บ่อยทีเดียว 55555 เสียดายที่ได้เงินน้อย แต่ก็ดีกว่า ขาดทุน ติดดอย หน้าแห้ง
ปล.ข้าพเจ้าเน้นหุ้นพื้นฐานดีเท่านั้น เสียวน้อยหน่อย
-
- Verified User
- โพสต์: 271
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 17
โบรกมองตลาดหุ้นทั่วโลกมี SENTIMENT ยังดูดี แต่จำเป็นต้องระวังการพักฐานบ้างแล้ว คาดที่บริเวณ 480 - 500 จุด ซึ่งเป็นระดับที่แนะนำทยอยซื้อ
นำโดยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่เกือบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ขนส่ง และหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย/วัน ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิมากกว่า 2 พันล้านบาท
ทั้งนี้แม้ว่า SENTIMENT ของตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังดูดี และแม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อผลการทำ STRESS TEST ของสถาบันการเงินสหรัฐฯ แต่เนื่องจาก SET ปรับสูงขึ้นเหนือเป้าหมายทางพื้นฐานของเราที่ 520 จุด ไปแล้ว ทำให้เรามองว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันเริ่มอยู่ใน โซนแพง แล้ว
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากหุ้นใน AYS COVERAGE จะเห็นว่า มีจำนวนหุ้นมากถึง 60% ที่ราคาปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน ขณะที่มีหุ้นเพียง 40% เท่านั้นที่ถือว่ายังพอมี UPSIDE ซึ่ง UPSIDE ที่เหลืออยู่ก็มีไม่มากนัก และนักลงทุนจำเป็นต้องระวังการพักฐานของ SET ในระยะสั้นๆ ไว้บ้าง
โดยเรามองระดับการพักฐานไว้ที่บริเวณ 480 - 500 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ เราแนะนำนักลงทุนทยอยเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะ 3 - 6 เดือน
แม้ว่าในระยะสั้น SET จะอยู่ใน โซนแพง เนื่องจากปรับสูงขึ้นกว่ามูลค่าทางพื้นฐานที่ 520 จุด ไปแล้ว แต่เราคาดว่านักวิเคราะห์จะเริ่มมีการปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทจดทะเบียนประกาศผลการดำเนินงาน 1Q09 และเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจธนาคารกรุงศรีฯ คาดว่า GDP จะหดตัวมากที่สุดใน 1Q09 และจะค่อยๆ หดตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง และอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาเป็นบวกอีกครั้งใน 4Q09
ประกอบกับเราคาดว่า ธปท.จะยังปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องอีก 0.25 - 0.50% จากปัจจุบันที่ 1.25% ภายในปลายปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน SET อิงวิธี BOTTOM UP เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 520 จุด โดยในกรณีที่เราคาดว่า SET จะกลับไปซื้อขายเท่ากับระดับ P/BV เฉลี่ยตั้งแต่ปี 1997 - 2009 ที่ 1.5 เท่า เราจะได้เป้าหมาย SET ปลายปีนี้ที่ 600 จุด หรือมี UPSIDE อีก 13.8% ทีเดียว
สำหรับหุ้นในพอร์ต เราแนะนำให้นักลงทุนเริ่มเปลี่ยนกลุ่มหุ้นลงทุน (SECTOR ROTATION) จากกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ขนส่ง อสังหาฯ ที่เป็นกลุ่มหุ้นที่ OUTPERFORM ตลาดก่อนหน้านี้ มายังกลุ่มหุ้น DEFENSIVE อย่างกลุ่มพาณิชย์ อาหาร โรงไฟฟ้า มากขึ้น เนื่องจากมองว่ากลุ่มหุ้น DEFENSIVE จะเริ่ม OUTPERFORM ตลาดบ้างในช่วงที่เริ่มมีการพักฐาน
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนี SET ทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน 516 จุด มีการชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะข้ามไปปิดเหนือเส้นแนวต้านระยะยาวดังกล่าวได้ พร้อมกับปริมาณการซื้อขายสูงถึง 3 หมื่นล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี ถึงแม้ว่า SET จะทะลุ 516 จุดได้ แต่กลับเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ดัชนีเปิดบวกวันศุกร์และขึ้นไปถึงระดับ 536 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกินไป จึงเกิดแรงขายหุ้นออกมา และจะยืนยันสัญญาณกลับตัวลงเมื่อ SET ปิดต่ำกว่า 516-520 จุดในสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายขาลงระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 480 จุด
สำหรับดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งขึ้นมาทดสอบแนวต้านระดับ 8500-8600 จุด และยังคงอยู่ระหว่างการทดสอบ จึงมีความเสี่ยงที่จะกลับตัวลงที่แนวต้านนี้ด้วยเช่นกัน
จาก กรุงเทพธุรกิจ (อ่านวันนี้)
นำโดยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่เกือบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ขนส่ง และหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย/วัน ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิมากกว่า 2 พันล้านบาท
ทั้งนี้แม้ว่า SENTIMENT ของตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังดูดี และแม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อผลการทำ STRESS TEST ของสถาบันการเงินสหรัฐฯ แต่เนื่องจาก SET ปรับสูงขึ้นเหนือเป้าหมายทางพื้นฐานของเราที่ 520 จุด ไปแล้ว ทำให้เรามองว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันเริ่มอยู่ใน โซนแพง แล้ว
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากหุ้นใน AYS COVERAGE จะเห็นว่า มีจำนวนหุ้นมากถึง 60% ที่ราคาปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน ขณะที่มีหุ้นเพียง 40% เท่านั้นที่ถือว่ายังพอมี UPSIDE ซึ่ง UPSIDE ที่เหลืออยู่ก็มีไม่มากนัก และนักลงทุนจำเป็นต้องระวังการพักฐานของ SET ในระยะสั้นๆ ไว้บ้าง
โดยเรามองระดับการพักฐานไว้ที่บริเวณ 480 - 500 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ เราแนะนำนักลงทุนทยอยเข้าซื้อหุ้นอีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะ 3 - 6 เดือน
แม้ว่าในระยะสั้น SET จะอยู่ใน โซนแพง เนื่องจากปรับสูงขึ้นกว่ามูลค่าทางพื้นฐานที่ 520 จุด ไปแล้ว แต่เราคาดว่านักวิเคราะห์จะเริ่มมีการปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทจดทะเบียนประกาศผลการดำเนินงาน 1Q09 และเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจธนาคารกรุงศรีฯ คาดว่า GDP จะหดตัวมากที่สุดใน 1Q09 และจะค่อยๆ หดตัวในอัตราที่ชะลอตัวลง และอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาเป็นบวกอีกครั้งใน 4Q09
ประกอบกับเราคาดว่า ธปท.จะยังปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องอีก 0.25 - 0.50% จากปัจจุบันที่ 1.25% ภายในปลายปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน SET อิงวิธี BOTTOM UP เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 520 จุด โดยในกรณีที่เราคาดว่า SET จะกลับไปซื้อขายเท่ากับระดับ P/BV เฉลี่ยตั้งแต่ปี 1997 - 2009 ที่ 1.5 เท่า เราจะได้เป้าหมาย SET ปลายปีนี้ที่ 600 จุด หรือมี UPSIDE อีก 13.8% ทีเดียว
สำหรับหุ้นในพอร์ต เราแนะนำให้นักลงทุนเริ่มเปลี่ยนกลุ่มหุ้นลงทุน (SECTOR ROTATION) จากกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ขนส่ง อสังหาฯ ที่เป็นกลุ่มหุ้นที่ OUTPERFORM ตลาดก่อนหน้านี้ มายังกลุ่มหุ้น DEFENSIVE อย่างกลุ่มพาณิชย์ อาหาร โรงไฟฟ้า มากขึ้น เนื่องจากมองว่ากลุ่มหุ้น DEFENSIVE จะเริ่ม OUTPERFORM ตลาดบ้างในช่วงที่เริ่มมีการพักฐาน
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนี SET ทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน 516 จุด มีการชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะข้ามไปปิดเหนือเส้นแนวต้านระยะยาวดังกล่าวได้ พร้อมกับปริมาณการซื้อขายสูงถึง 3 หมื่นล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี ถึงแม้ว่า SET จะทะลุ 516 จุดได้ แต่กลับเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ดัชนีเปิดบวกวันศุกร์และขึ้นไปถึงระดับ 536 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงเกินไป จึงเกิดแรงขายหุ้นออกมา และจะยืนยันสัญญาณกลับตัวลงเมื่อ SET ปิดต่ำกว่า 516-520 จุดในสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายขาลงระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 480 จุด
สำหรับดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งขึ้นมาทดสอบแนวต้านระดับ 8500-8600 จุด และยังคงอยู่ระหว่างการทดสอบ จึงมีความเสี่ยงที่จะกลับตัวลงที่แนวต้านนี้ด้วยเช่นกัน
จาก กรุงเทพธุรกิจ (อ่านวันนี้)
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2494
- ผู้ติดตาม: 2
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 18
เท่าที่สังเกต เวลาคำถามแบบนี้มา ก็ต้องเจอคำตอบแบบนี้ไปทุกที (เป็นกุศโลบายของผู้ตอบอย่างนึง)mamalover เขียน:อันที่จริงแล้ว เค้าถามเพื่ออยากได้ความคิดเห็น(อ่านไปอ่านมา เหมือนคนถามถูกตำหนิไงไม่รุ) แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ตำตอบที่ตรงคำถาม
คำตอบที่แท้จริงน่าจะเป็น ไม่มีใครรู้ (ต่อให้ระบุเป็นรายตัวก็เถอะ) ถ้ารู้ก็รวยไปแล้วครับ :lol:
ดูมูลค่ากิจการเป็นหลัก fund flow เป็นเจ๊ดันดีกว่าครับ
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 772
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 26
นั่งไม่เต็มก้น โหนอยู่กลัวตก :lol: :lol:tum_H เขียน: ผมไม่กลัวตกรถ แต่กลัวรีบลงจากรถเร็วเกินไปมากกว่า
ร็อคกี้ บัลโบว : ชีวิตไม่สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเรารับการโดนต่อยได้แค่ไหน (ชีวิตจุดสำคัญอยู่ที่การทนทุกข์ มากกว่าการประสบสุข)
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 27
ไม่ใช่เซียนหุ้นนะครับ แต่ขอแสดงความคิดเห็นครับ
ผมคิดอย่างนี้ครับ
กรณีที่ 1 ถ้าจะซื้อเพราะ fund flow จากต่างประเทศเข้ามา
ก็คิดว่าคงสายไปแล้วครับ
กรณีนี้ เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร ระยะสั้นมาก คือ กำลังลังเลว่ากลัวติดดอย
กรณีที่ 2 มองตลาดว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และ เศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัว
ไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป set น่าจะยืนในระดับ 550 ได้เมื่อสิ้นปี หุ้นที่น่า
ลงทุน น่าจะอยู่ใน set 50 มีหลายตัวที่ราคาต่ำบุค หรือ ใกล้เคียงบุค และ หนี้
น้อย
กรณีนี้ เป็นการลงทุนระยะกลาง หรือ ระยะยาว 2-5 ปี น่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี
กรณีที่ 3 vi พันธ์แท้ วิเคราะห์ งบการเงิน ดู biz model ดู โน่น นี่ นั่น แล้ว
ลงทุน
กรณีนี้ เป็นการลงทุนระยะยาว
ทั้งสามกรณี อาจไม่เป็นไปตามที่วิเคราะห์ หรือ คาดการณ์ ไว้ก็ได้
ที่สำคัญกว่า คือ ถ้าแต่ละกรณี ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์คุณจะทำอย่างไร
เช่น กรณีที่ 1 ถ้าซื้อแล้ว หุ้นปรับฐานลง ไม่ขึ้น เนื่องจากเป็นการเก็งกำไร
ระยะสั้น ต้องมีจุด cut loss สัก 3-5% ต้องขายทิ้ง แสดงว่างานเลืี้ยงเลิกแล้ว
กรณึที่ 2 ถ้าสิ้นปี set ไป 550 หรือ 600 คุณคิดว่า ที่ set 600 หุ้นที่นำ set
คือ หุ้นอะไร ก็ซื้อไว้ ถ้า set ต่ำกว่า 500 มาอยู่ที่ 400 คุณจะทำอย่างไร
ถ้ามองว่าหุ้นดีราคาถูก ถอยมาให้เก็บก็ต้องมีกระสุนรองรับ ถ้ามองว่า ณ
สิ้นปี แนวโน้มใหญ่เศรษฐกิจจะเลวร้ายกว่าวิกฤตขณะนี้ ก็ขาย cut loss
กรณีที่ 3 ถึงวิเคราะห์มาอย่างดี ก็อาจมีปัญหาอย่างอื่นที่คาดไม่ถึงเช่น
ธรรมาภิบาล เหตุการณ์ไม่คาดคิด ทำให้กิจการไม่เป็นไปตามที่วิเคราะห์
จะทำอย่างไร?
ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็ลงทุนได้อย่างมั่นใจ และ นอนหลับสนิทแน่นอน
ผมคิดอย่างนี้ครับ
กรณีที่ 1 ถ้าจะซื้อเพราะ fund flow จากต่างประเทศเข้ามา
ก็คิดว่าคงสายไปแล้วครับ
กรณีนี้ เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร ระยะสั้นมาก คือ กำลังลังเลว่ากลัวติดดอย
กรณีที่ 2 มองตลาดว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และ เศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัว
ไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป set น่าจะยืนในระดับ 550 ได้เมื่อสิ้นปี หุ้นที่น่า
ลงทุน น่าจะอยู่ใน set 50 มีหลายตัวที่ราคาต่ำบุค หรือ ใกล้เคียงบุค และ หนี้
น้อย
กรณีนี้ เป็นการลงทุนระยะกลาง หรือ ระยะยาว 2-5 ปี น่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี
กรณีที่ 3 vi พันธ์แท้ วิเคราะห์ งบการเงิน ดู biz model ดู โน่น นี่ นั่น แล้ว
ลงทุน
กรณีนี้ เป็นการลงทุนระยะยาว
ทั้งสามกรณี อาจไม่เป็นไปตามที่วิเคราะห์ หรือ คาดการณ์ ไว้ก็ได้
ที่สำคัญกว่า คือ ถ้าแต่ละกรณี ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์คุณจะทำอย่างไร
เช่น กรณีที่ 1 ถ้าซื้อแล้ว หุ้นปรับฐานลง ไม่ขึ้น เนื่องจากเป็นการเก็งกำไร
ระยะสั้น ต้องมีจุด cut loss สัก 3-5% ต้องขายทิ้ง แสดงว่างานเลืี้ยงเลิกแล้ว
กรณึที่ 2 ถ้าสิ้นปี set ไป 550 หรือ 600 คุณคิดว่า ที่ set 600 หุ้นที่นำ set
คือ หุ้นอะไร ก็ซื้อไว้ ถ้า set ต่ำกว่า 500 มาอยู่ที่ 400 คุณจะทำอย่างไร
ถ้ามองว่าหุ้นดีราคาถูก ถอยมาให้เก็บก็ต้องมีกระสุนรองรับ ถ้ามองว่า ณ
สิ้นปี แนวโน้มใหญ่เศรษฐกิจจะเลวร้ายกว่าวิกฤตขณะนี้ ก็ขาย cut loss
กรณีที่ 3 ถึงวิเคราะห์มาอย่างดี ก็อาจมีปัญหาอย่างอื่นที่คาดไม่ถึงเช่น
ธรรมาภิบาล เหตุการณ์ไม่คาดคิด ทำให้กิจการไม่เป็นไปตามที่วิเคราะห์
จะทำอย่างไร?
ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้ ก็ลงทุนได้อย่างมั่นใจ และ นอนหลับสนิทแน่นอน
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 28
ถ้ามีใครตอบไปว่า ขึ้นรถเลยครับ เอาให้เต็มหน้าตัก รวยเห็น ๆ
ปรากฏคุณบ้าจี้ซื้อตามจริง แล้วฝรั่งเทขายทำกำไร หุ้นตกเหลือ 300 จุด
คุณจะด่าคนแนะนำเค้ารึเปล่าครับ ว่าทำคุณพัง ??
ที่ไม่มีใครตอบตรงคำถาม ว่าควรขึ้นรถหรือไม่ เสี่ยงหรือไม่ เพราะไม่มีใครรู้จริง
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ไงครับ ....
มีเงินมาเล่นหุ้น น่าจะเข้าใจอะไรง่าย ๆ นะครับ
ว่าอะไรคือหวังดี อะไรคือพูดสั่ว ๆ (ตามหน้าที่)
ปรากฏคุณบ้าจี้ซื้อตามจริง แล้วฝรั่งเทขายทำกำไร หุ้นตกเหลือ 300 จุด
คุณจะด่าคนแนะนำเค้ารึเปล่าครับ ว่าทำคุณพัง ??
ที่ไม่มีใครตอบตรงคำถาม ว่าควรขึ้นรถหรือไม่ เสี่ยงหรือไม่ เพราะไม่มีใครรู้จริง
ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ไงครับ ....
มีเงินมาเล่นหุ้น น่าจะเข้าใจอะไรง่าย ๆ นะครับ
ว่าอะไรคือหวังดี อะไรคือพูดสั่ว ๆ (ตามหน้าที่)
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
Re: กระโดดขึ้นรถ ตอนนี้ทันหรือไม่
โพสต์ที่ 29
อ่าว.. แล้วใครเริ่มเรื่องรถก่อนล่ะครับ :lol:เทวดาหุ้น เขียน:พอโพส ถาม จังหวะเวลา ก็ ตอบ เรื่อง รถ ซะเป็นส่วนใหญ่
VI นี่......
55.. แซวเล่นน่ะครับคุณเทวดาเทวดาหุ้น เขียน:คิดว่า....หากหุ้น ปรับฐาน จะตามขึ้นรถแล้ว
เสี่ยงไปหรือไม่
อย่าคิดว่าถามแล้วจะได้คำตอบที่ตรงกับใจเลยครับ
ทัศนคติด้านการลงทุนของเราต่างกัน
และแนวทางด้านการลงทุนที่จะไม่ให้ขาดทุนก็มีหลายแนวทาง
พอๆ กับแนวทางที่ทำให้มีกำไร หรือไม่มีกำไรนั่นแหละ
ปล.
ถ้าคิดว่า VI เป็นคนแปลกๆ ลองเปิดใจให้กว้างไว้
แล้วจะรู้ว่า VI ก็คนธรรมด๊าธรรมดา