อาทิตย์ พ.ค. 10, 2009 12:21 pm
hongvalue เขียน:
1.พี่หมอจะประเมิน demand ของหุ้นวัฏจักรอย่างไรครับ
เพราะมันขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจค่อนข้างมาก
เช่น ถ้าเศรษฐกิจดี น้ำมัน ปิโตร ค่าระวางก็ขึ้น
อย่างรอบนี้ดูเหมือนประเทศจีนจะสวนกระแสได้เร็วกว่าเพื่อน
ทำให้ค่าระวางเรือขึ้นมา
ซึ่งคงจะต่างจากรอบที่แล้วที่ tta psl วิ่งจาก 1 ไป 50
เพราะตอนนี้จีนยังไม่ค่อยโต แต่ตอนนี้เหมือนจีนจะโตขึ้นมาเยอะแล้ว
ถ้าผมจะสรุปว่าวิกฤติรอบนี้หุ้น cyclical อย่างเดินเรือหรือปิโตร
ไม่น่าจะให้ผลตอบแทนได้เหมือนช่วงปี 2002-2003
เพราะว่าประเทศจีนฐานการบริโภคใหญ่กว่าตะก่อน
พี่หมอจะมีความเห็นว่าอย่างไรครับ
ผมมองว่าสำคัญทั้งดีมานด์/ซัพพลาย
อย่างเหตุการณ์สดๆร้อนๆเรื่องราคาน้ำมันที่ดิ่งเหวจาก 147 มา 30+
ถ้ามองแต่ซัพพลายเราจะบอกว่ามันเพิ่มมาไม่เท่าไหร่และอาจจะลดลงด้วย
แต่ดีมานด์มันลดเยอะ
ราคาก็เลยร่วง
เรื่องเรือถ้าเรามองแต่ดีมานด์เราอาจจะหวังว่าค่าระวางน่าจะเพิ่มขึ้น
เพราะจีนน่าจะเริ่มฟื้นส่งผลให้ดีมานด์โต
แต่ถ้ามองซัพพลายด้วย
เราจะพบว่ามีการต่อเรือเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
ผมจึงเดาว่าต่อให้ค่าระวางเพิ่ม
ก็จะไม่เพิ่มรุนแรงเหมือนเมื่อหกปีก่อน
แต่ก็อาจจะมีผลบ้าง คล้ายๆอาฟเตอร์ช็อคเวลาเกิดแผ่นดินไหว
ซึ่งความแรงจะน้อยกว่าเยอะ
ไม่แรงเท่าช่วง 2002 -2003 อย่างที่น้องฮงว่าแหละครับ
และโดยธรรมชาติของวัฏจักรกลุ่มเรือ
จะใช้ระยะเวลามากพอสมควร
ที่ผ่านมาแต่ละรอบก็ใช้เวลา 15-25 ปี
เพราะสัมพันธ์กับอายุของเรือ
จนกระทั่งผู้ประกอบการเดินเรือถอดใจกันหมดนั่นแหละครับ
รอบใหญ่จึงจะเกิดขึ้นอีก
เคมีก็เช่นกัน
เพิ่งผ่านรอบใหญ่ไปไม่นาน
มีการสร้างโรงงานเคมีมากมายโดยเฉพาะที่จีน
ดังนั้นรอบใหญ่น่าจะอีกนานครับ
หมายถึงได้กำไร 10-20 เท่านะ
แต่รอบเล็กก็เกิดขึ้นได้เสมออาจจะได้กำไรบ้าง 0.5-1 เท่า
แต่ความเสี่ยงที่จะขาดทุนก็สูงเช่นกัน
hongvalue เขียน: 2.พี่หมอคิดว่าการเล่นหุ้น cyclical จำเป็นต้องมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มากน้อยแค่ไหนครับ
เพราะว่าถ้าเศรษฐกิจซึมยาว demand ก็ไม่มาซะที
ถ้าซึมแป๊ปเดียวหุ้นวัฏจักรก็อาจจะ bottom เร็วกว่าที่คิด
พอดีผมไม่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์เลย
ก็เลยยึดเรื่องดีมานด์/ซัพพลายเท่านั้นเอง
อย่างเราเดาว่าเศรษฐกิจซึมยาว(ซึ่งไม่รู้ว่าเราจะเดาผิดหรือถูก)
มันก็จะสะท้อนมาที่ดีมานด์ให้เราเห็น
หรือเศรษฐกิจจะรุ่งด้วย indicator หลายๆตัวทางเศรษฐศาสตร์
สุดท้ายก็จะลงเอยที่ดีมานด์เหมือนเดิม
อันที่จริงตัวดีมานด์/ซัพพลาย เป็น indicator ตัวหนึ่งที่สำคัญมากทางเศรษฐศาสตร์เลยทีเดียว
การโฟกัสไปที่หุ้นที่เราจะซื้อ
น่าจะเป็นประโยชน์กับเราโดยตรง
การโฟกัสไปที่ภาพรวมน่าจะเป็นประโยชน์กับเราโดยอ้อม
มีบ่อยไปที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมหนึ่งไม่ดี
แต่หุ้นในกลุ่มนั้นตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายๆตัวกลับดีสวนกระแสด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง
และทำกำไรให้เรางามๆ
หรือภาพรวมของอุตสาหกรรมหนึ่งดีมากๆ
แต่ตัวที่เราซื้อกลับแย่กว่าภาพรวม
ก็เจอได้บ่อยๆ
เรื่องภาพรวมนั้นขนาดลินช์และบัฟเฟตต์ยังบอกว่า
เขาเดาไม่ถูก
และจริงๆแล้วกระทั่งสถาบันที่เก่งๆก็เดาถูกเดาผิดพอๆกัน
หายากที่จะเดาถูก 80% ขึ้นไป
ส่วนเรื่อง fund flow
ผมไม่มีความรู้ครับ
เพราคิดว่าเป็นเรื่องยาก
เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงในการวินิจฉัยให้แม่นในระดับที่เราพอใจ