Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor                   9 พฤษภาคม 2552

การที่จะเป็น  Value Investor หรือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าของกิจการนั้น   สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ  เราจะต้องรู้จัก  “คุณค่าของกิจการ”   แต่คุณค่าของกิจการนั้นขึ้นอยู่กับทรัพย์สินต่าง ๆ  ของกิจการ   และทรัพย์สินนั้นประกอบไปด้วยสิ่งต่าง ๆ  มากมายทั้งที่จับต้องได้มีราคาซื้อขาย    และทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ไม่มีตัวตนไม่มีมูลค่าหรือราคาแต่มีประโยชน์และมีค่ายิ่ง   บ่อยครั้งมีค่ามากกว่าทรัพย์สินที่จับต้องได้   ดังนั้น  การวิเคราะห์ทรัพย์สินตามที่มีปรากฏอยู่ในงบการเงินจึงมักจะมีประโยชน์น้อยกว่าทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้

การวิเคราะห์และเรียนรู้คุณค่าของสิ่งต่าง  ๆ  อยู่เป็นนิจสินโดยเฉพาะคุณค่าของทรัพย์สินที่ธุรกิจนำมาใช้งาน  เช่น  คุณค่าของ  Goodwill  หรือค่าความนิยม  เช่น  ยี่ห้อ   หรือคุณค่าของสัมปทาน  คุณค่าของการเป็นผู้ผูกขาดในธุรกิจที่คนอื่นไม่สามารถมาแข่งขันได้  เหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องรู้ถ้าจะลงทุน   แต่จริง ๆ  แล้ว   เราควรรู้คุณค่าของสิ่งต่าง ๆ  อีกมากมายในโลกนี้รวมถึง  “คุณค่าของคน”  ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะทรัพย์สินต่าง ๆ  และคนนั้นเป็นสิ่งที่บริษัทธุรกิจต้องใช้เท่านั้น   แต่เป็นเพราะตัวเราเองก็ต้องใช้    ดังนั้น   การรู้จักคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ  จึงมีประโยชน์มหาศาลทั้งในด้านของการลงทุนและเรื่องของการใช้ชีวิตของ  Value Investor

ลองนึกดูว่าระหว่าง   ริชาร์ด  เบอร์ตัน  นักแสดงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยทื่ผมยังเป็นเด็ก   กับ เอลวิส  เพรสลี่  นักร้องที่โด่งดังมากตั้งแต่ที่ผมยังเป็นเด็กเช่นเดียวกัน  ทั้งคู่ต่างมีชื่อเสียงและคงจะได้รับเงินมากพอ ๆ  กันในยุคที่ทั้งคู่กำลังดังระเบิด   แต่ถามว่าถ้ามองถึง  “คุณค่า”   แล้วใครมี  “คุณค่า” มากกว่า ?    คำตอบก็คือ   เอลวิส   เหตุผลก็คือ  ทั้งคู่ต่างก็ไม่สามารถทำเงินเองแล้ว    แต่ทรัพย์สินซึ่งก็คือ  ลิขสิทธ์ในผลงานของเอลวิสนั้นยังสามารถขายได้เรื่อย ๆ  เป็นเวลาหลายสิบปี   และว่าที่จริงยังทำเงินรวมกันแล้วมากกว่าสมัยที่เอลวิสยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ    แต่  ริชาร์ดเบอร์ตัน นั้น  ภาพยนต์ที่ยังขายได้นั้นคงน้อยเต็มที  จะมีสักกี่คนที่ยังอยากดูหนังเรื่องคลีโอพัตราที่เขาแสดงนำร่วมกับ อลิซาเบ็ท เทเลอร์    ไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กรุ่นหลังส่วนใหญ่แล้วก็ไม่รู้ว่าใครคือ   ริชาร์ด  เบอร์ตัน   ในขณะที่ เอลวิส  นั้นคนส่วนมากก็ยังรู้จักและเปิดเพลงฟังอยู่เรื่อย ๆ

นักร้อง  นักแสดง  และผู้อยู่ในวงการบันเทิงหลายคน  หันไปเป็นนักการเมือง  พวกเขาคิดว่าการเป็นคน  “เต้นกินรำกิน”  มี  “คุณค่า” น้อย    เพราะในสังคมไทยนั้น   เรายังเป็นสังคมที่มีความคิดแบบ  “ศักดินา”   คนมักจะจัดระดับความสำคัญหรือคุณค่าของคนเป็นระดับชั้นตาม  “อำนาจในการปกครอง”   เช่น  รัฐมนตรีมีค่ากว่าปลัดกระทรวง  ปลัดมีค่ามากกว่าอธิบดี  และไล่ไปเรื่อย    ในส่วนของเอกชน   ผู้จัดการใหญ่มีค่ามากกว่า  รองผู้จัดการ  เป็นต้น   ในขณะที่นักร้องนักแสดงนั้น  เนื่องจากสั่งการใครไม่ได้เลย   ดังนั้น  พวกเขารู้สึกว่า  “คุณค่า”  ของเขาน้อย  เขาอาจจะมีเงิน  แต่พอถึงจุดหนึ่งคนก็อยากได้อำนาจอยากมี  “ เกียรติยศ”   พวกเขาคิดว่า  การเป็นดาราหรือนักร้องนั้น   ไม่ว่าจะดังแค่ไหนก็ไม่สามารถเปรียบได้กับการเป็น  “เสนาบดี” ที่มีคนอยู่ใต้บังคับบัญชามากมาย
 
แต่นั่นอาจเป็นความคิดที่ผิด   เพราะผมคิดว่าสังคมไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไป   คุณค่าของการเป็น  “เสนาบดี”  หรือรัฐมนตรี  นั้น   ผมรู้สึกว่ามันมีค่าน้อยลงโดยเฉพาะมันมักมีอายุสั้นมาก   ชื่อเสียงที่ได้รับนั้น  ก็เป็นชื่อเสียงที่เกิดขึ้นและดังแรงชั่วคราว   หลังจากนั้นคนส่วนใหญ่ก็ลืมไปแล้ว   บางคนนึกไม่ออกหรือจำไม่ได้ว่าคน ๆ  นี้เคยเป็นรัฐมนตรีด้วยหรือ   ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น  ก็คือ  เด็กรุ่นใหม่จำนวนมากไม่ได้  “แคร์”  หรือสนใจว่าใครจะเป็นรัฐมนตรีหรือมีตำแหน่งทางการเมือง    เขาสนใจว่าใครจะได้เป็นแชมป์เอเอฟหรือเป็นแชมป์เดอะสตาร์มากกว่า   ซึ่งเป็นสัญญาณว่า   ในอนาคตการเป็นรัฐมนตรี  “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ของคุณนั้น   คนที่จะจำได้อาจจะเป็นคนในครอบครัวของคุณเท่านั้น   ในขณะที่ถ้าคุณเป็นนักร้องหรือนักแสดงดัง   คนรุ่นหลังอาจจะยังรู้จักคุณไปอีกหลายสิบปีหรือตลอดไป   ดังนั้น  การเป็นนักร้องดังนั้น  ในความเห็นผม  มีคุณค่ามากกว่าเป็นรัฐมนตรีดัง   ไม่ต้องพูดถึงรัฐมนตรีที่ไม่มีผลงานอะไรเลย   และนี่ไม่ใช่แค่ผมคิดเอง   ในสังคมที่พัฒนาอย่างในอเมริกานั้น   การเป็นเอลวิส  มีคุณค่ามากกว่าการเป็นประธานาธิบดีหลาย  ๆ  คนด้วยซ้ำ    เมืองไทยเราถ้าพัฒนาไปเรื่อย ๆ   สังคมเราก็จะเป็นอย่างนั้น

ที่พูดมาหลายเรื่องอาจจะมองว่าไม่เห็นเกี่ยวกับการลงทุนหรือนักลงทุนตรงไหน  แต่ผมกำลังจะบอกว่า   นี่เป็นแนวความคิดที่สำคัญ  ทรัพย์สินที่จะมีคุณค่ามากนั้น  มันควรจะต้องดูถึงระยะเวลาหรือจำนวนของการใช้งานได้ของมัน    ทรัพย์สินชิ้นหนึ่งให้ประโยชน์สูงมากแต่ให้ประโยชน์ได้ไม่กี่วันหรือไม่กี่ปี    อีกชิ้นหนึ่งให้ประโยชน์พอ ๆ  กันหรือพอสมควรแต่ให้ประโยชน์ไปได้เรื่อย ๆ  ยาวนานมาก   แบบนี้  ทรัพย์สินชิ้นหลังอาจจะมีคุณค่ามากกว่าชิ้นแรกมาก   และด้วยแนวความคิดนี้เองที่เวลาผมจะซื้ออะไรผมจะคิดถึงเรื่องนี้    อย่างเช่น  ถ้าเราซื้อเตียง  ผมคิดว่าเราควรจะซื้อที่ดีมากแม้ราคาจะแพง   เหตุผลก็เพราะว่าเราใช้มันคิดเป็นชั่วโมงแล้วสูงมาก   เวลาคำนวณค่าใช้งานต่อชั่วโมงมันไม่แพง   เช่นเดียวกัน  รองเท้าหรือนาฬิกาข้อมือเราอาจจะใส่ซ้ำได้มาก  ดังนั้น  รองเท้าถ้าเราจะซื้อแพงหน่อยก็ไม่ค่อยเป็นไร   ไม่เหมือนกับเสื้อผ้าโดยเฉพาะของผู้หญิงที่หลายคนสวมใส่ไม่กี่ครั้งก็เลิกเนื่องจากมันตกแฟชั่น  แบบนี้ไม่ควรซื้อของแพง  เป็นต้น

กลับมาที่เรื่องหุ้น  อย่างเรื่องของสัมปทานหรือสัญญาที่บริษัทได้รับจากหน่วยงานรัฐหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือ  และข้อผูกพันเหล่านั้นทำกำไรได้งดงาม  นั่นอาจทำให้ตัวเลขผลประกอบการในปัจจุบันดูดีมาก   แต่ถ้าสัญญาหรือสัมปทานเหล่านั้นมีอายุเหลือแค่ไม่กี่ปี   แบบนี้เราก็ต้องลดคุณค่ามันลงไปมาก   ตรงกันข้าม   ถ้าบริษัทมีทรัพย์สินหรือมีความนิยมบางอย่างที่ดีมากและทรัพย์สินนั้นซึ่งส่วนมากมักเป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้เป็นของบริษัทและบริษัทสามารถใช้มันไปได้เรื่อย ๆ  ยิ่งใช้ก็ยิ่งมีค่ามากขึ้น   แบบนี้   คุณค่าของมันก็จะมากแม้ว่าผลประกอบการในวันนี้อาจจะยังไม่มากมายนัก
 
ข้อสรุปทั้งหมดของผมก็คือ  เรียนรู้คุณค่าของสิ่งต่าง ๆ  ทั้งที่เป็นตัวเงิน  ชื่อเสียงและเกียรติยศ  มองที่ระยะเวลาของการได้รับหรือได้ใช้ทรัพย์สินนั้น   อย่าลืมมองต่อไปถึงอนาคตและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นด้วย  ทรัพย์สินที่มีค่ามากนั้น  มักเป็นทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้   ดังนั้น  การมองหาจึงไม่สามารถมองผ่านงบการเงินหรือตำแหน่งหรือยศทางราชการ    และนี่คือคุณค่าหรือ  Value ของ  Value Investor ที่แท้จริง
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 1

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

คาดว่าคราวนี้จะลงหวัดสายพันธ์ใหม่ กลับเป็นนักร้องไปซะได้
ทายใจบทความ ดร ไม่ถูกเลยนะนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
densin
Verified User
โพสต์: 1073
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

บทความซ้อเจ็ด ?

ใครคือนักร้องไปเป็นนักการเมือง ?
ใครคือนักการเมืองอายุสั้่น  ?
ใครคือนักร้องที่สร้างgoodwill ?

คิดขำๆ อย่าpostตอบนะครับเดี๋ยวเวปโดนปิด  :lol:
นักดูดาว
Verified User
โพสต์: 2513
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

หลงเข้ามาอ่านครับ  :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1522
ผู้ติดตาม: 1

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณ คุณ oatty ครับ มาทุกสัปดาห์เวลาประจำ .. ผมรอหน้าร้านทุกอาทิตย์เลย :)


บทความอาทิตย์นี้ ต้องคิดเยอะ .. ชอบ ๆๆๆครับ
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

พี่เด่นแซวเก่งนะครับเนี่ย
(พี่เด่นเค้าน่ารักอยู่แล้วครับ) :lol:

อ่านแล้วเหมือนที่ผมอ่านคำสอนของท่าน พุทธทาส เมื่อคืนเลยครับ
บางทีเรามองแต่เรื่อง ยศฐาบรรดาศักดิ แต่ลืมคิดถึง คุณค่าของสิ่งนั้นๆ

ขอบคุณ คุณ oatty มากๆนะครับ
คุณ oatty ใจดีแบบนี้ทุกอาทิตย์เลย :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 1

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ชอบการเปรียบเทียบของ ดร.นิเวศน์ จัง... :8)

แต่ชอบจริงๆ เลยเรื่อง นักการเมือง เนี่ย...สะใจดี...แต่ไม่พูดมากดีกว่าเดี๋ยวเป็นสาเหตุให้เวป โดนปิด... :8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Diablo
Verified User
โพสต์: 822
ผู้ติดตาม: 1

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ชอบครับบทความสัปดาห์นี้
ลึกล้ำดีครับ
ไม่ทราบว่ารวบรวมบทความพร้อมตีพิมพ์เล่มใหม่แล้วหรือยัง รอซื้ออยู่ครับ  :)
รูปภาพ
Hughes
Verified User
โพสต์: 1088
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักร้องดีกว่าแบบนี้

หมีแพนด้า... หมืแพนด้า หมีแพนด้า หมีหมี แพนด้าาาาาาาาา....
peerawit
Verified User
โพสต์: 172
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณครับ  :D
ไม่ประมาท
googong
Verified User
โพสต์: 13
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ถ้าเราซื้อเตียง  ผมคิดว่าเราควรจะซื้อที่ดีมากแม้ราคาจะแพง   เหตุผลก็เพราะว่าเราใช้มันคิดเป็นชั่วโมงแล้วสูงมาก   เวลาคำนวณค่าใช้งานต่อชั่วโมงมันไม่แพง
ผมชอบวิธีคิดแบบนี้ เคยซื้อนาฬิกามาเรือนนึงแพงๆ

ลองคำนวนค่าใช้งานต่อวันแล้วรู้สึกดี ยิ่งใช้นานยิ่งถูก 555
แม่แฝด3
Verified User
โพสต์: 196
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 12

โพสต์

:bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ผลงานการเขียนบทความของดร.ก็มีคุณค่ามาก
นอกจากสร้างรายได้จากหนังสือพิมพ์แล้ว
ดร.สามารถนำมารวมเล่มขายเป็นหนังสือได้อีก
และลิขสิทธิ์เหล่านี้ก็สามารถนำมาพิมพ์ใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอนาคต
สร้างรายได้ไม่รู้จบ

ผู้ที่เดินตามรอยดร. ก็กำไรเป็นตัวเงินไม่ใช่น้อย
ถ้านับตัวเลขกันจริงๆ
ผมว่ามีคนกำไรหุ้นเพราะดร.รวมๆกันเป็นพันๆล้าน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
BeSmile
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1178
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 14

โพสต์

[quote="googong"][quote]ถ้าเราซื้อเตียง
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
jack5515566
Verified User
โพสต์: 119
ผู้ติดตาม: 0

ชอบ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

สุดยอดบทความ
ลึกซึ้งกินใจ น่าจะใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
ไม่ขึ้นกับกาลเวลา....
นี้คือคุณค่าที่แท้จริง...
ขอบคุณครับ
Quadrifoglio Verde
Verified User
โพสต์: 112
ผู้ติดตาม: 0

Value ของ Value Investor / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ผมมองว่า ดร.พูดและมองตลาดในระยะยาวมากกว่าครับ

หากมองระยะยาวๆ ในความเป็นจริงที่ผ่านมา วิกฤติครั้งนี้ หลายๆบริษัท ได้รับผลกระทบก็จริง แต่ไม่มาก แถมมีศักยภาพที่จะโตต่อได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ราคาหุ้นที่ลงมาจากเกือบ 900 จุด เทียบกับตอนนี้ 600 จุด ถึงถือว่ายังไม่แพงครับ เนื่องจากกำไรหดช่วงเล็กๆ แต่ศักยภาพยังมีอยู่ ซึ่งมันเป็นตัวแปรในระยะยาวมากกว่านาครับ  :shock:
" บทเรียนที่สำคัญที่สุดในการลงทุนก็คือการมองหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีราคาขึ้นๆ ลงๆ
โพสต์โพสต์