คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

[VIB007]

ขอบคุณครับพี่ปรัชญา

งวดนี้คุณมนได้ลงเต็มคอลัมน์เหมือนกัน
เฮียแกบ่นกับผมว่า คอลัมน์ผมลงเต็มแต่ของเฮียแกลงแค่หนึ่งในสี่
เลยน้อยใจกอง บก
ผมเลยบอกว่าให้เขียนไปเยอะๆ
เฮียเลยอัดไปเต็มที่แล้วได้ลงเต็มหน้าเหมือนกัน
คงสบายใจขึ้น

ช่วงนี้ฝนตกบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

สวัสดีครับ

[Mon money]

สวัสดีครับพี่น้อง ที่หายไปนานมิใช่อะไร คือผมต้องวางเครื่องจักรใหม่ที่โรงงานเลยหมดแรงเข้ามาแจม ตอนนี้ก็เบาลงไปแล้ว สิ้นเดือนนี้จะมีออกงานที่ United Tower ถนนสีลมข้างซอยละลายทรัพย์ครับ ใครอยู่แถวๆนั้นแวะไปคุยกับผมได้ครับ

นี่ผมก็เพิ่งปั่นต้นฉบับเสร็จร้อนๆเลยครับ พอดีมีหมอฟันบางคนรู้ทันว่าจะเขียนเรื่องอะไร เลยต้องปรับกลยุทธิให้พี่แกงงหน่อย คอยอ่านกันนะครับ รับรองว่าอ่านง่าย แต่เข้าใจหรือไม่ว่ากันอีกทีครับ

พี่ปรัชญาครับ คิดถึงครับ

[harry]

วันไหนบ้างอ่ะพี่ เผื่อจะแวะไป

[VIB007]

ผมมีไอเดียใหม่จะนำบทความ Value Way มาแปะในกระทู้ตระแกรงร่อน
ใครสนใจก็เข้ามาอ่านในกระทู้ได้
เพื่อมารยาทจะนำจากเวปของ Bizweek มาแปะ
จะได้ไม่ใส่เข้ามาในกระทู้ก่อนที่ นสพ จะออก

ขอเริ่มจากฉบับแรกถึงฉบับล่าสุดเลยนะครับ

[VIB007]

รอบรู้เรื่องเงินทองกับไทยธนาคาร : นักลงทุนหุ้น(INVESTOR)หรือนักเล่นหุ้น(TRADER)
โดยฝ่ายวิเคราะห์
บริษัทหลักทรัพย์บีที จำกัด


คุณจะเป็นคนไหน ? ต้องเลือกทางเดินทางใดทางหนึ่งระหว่าง นักลงทุนหุ้น หรือ นักเล่นหุ้น เพราะว่า มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์สุดท้ายคือ ต้องการทำเงินจากตลาดหุ้น



ความแตกต่าง ระหว่างนักลงทุนและนักเล่น วัดกันที่วิธีในการทำงานของเงิน ทำอย่างไรให้ได้เงิน



นักลงทุน(Investor) มองภาพการลงทุนในระยะเวลาที่ยาวกว่า และมองภาพการลงทุนโดยตระหนักดีว่า การลงทุนมีความเสี่ยง แล้วพยายามที่จะลดความเสี่ยงให้น้อยลง (แต่ไม่สามารถทำให้ความเสี่ยงหมดไปได้) นักลงทุนมีการตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน และเป้าหมายต้องสมเหตุสมผล มีความเป็นไปได้ ไม่ใช่เป้าหมายที่สูงเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นจำนวนเงินหรือเปอร์เซ็นต์ต่อปี ในการทำกำไรจากตลาดหุ้น นักลงทุนต้องมีความอดทน รู้ว่าตนเองยอมรับความเสี่ยงได้ อดทนต่อความผันผวนของราคาหุ้นที่แกว่งตัวขึ้นลงรุนแรงได้ ที่สำคัญนักลงทุนต้องทุ่มเทพลังสมองที่จะทำการบ้านก่อนที่จะลงทุน ต้องศึกษาบริษัท ศึกษาบทวิเคราะห์ ติดตามข่าวสาร และเศรษฐกิจ นั่นคือประเด็นหลักๆ สำหรับการเป็นนักลงทุน และหลังจากลงทุนไปแล้ว ต้องวัดผลการลงทุนว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่แรกหรือไม่


นักเล่นหุ้น(Trader) มองภาพการซื้อขายในระยะสั้น ซื้อมาแล้วก็ขายไป ซึ่งแน่นอนการซื้อขายบ่อยๆ ก็จะเกิดความเสี่ยงมากขึ้น และก็เป็นหัวใจของนักเล่นหุ้น คือกล้าเสี่ยงมากกว่า ด้วยการมองว่า ยิ่งเสี่ยงมาก โอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนก็จะมากขึ้นด้วย นักเล่นหุ้นไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่อาจจะกำหนดง่ายๆ ว่าถ้าได้กำไรสัก 2-3% ก็จะขายหุ้นออก นอกจากนี้นักเล่นหุ้นไม่ได้ทำการบ้านล่วงหน้าและไม่ใช้หลักการอะไรมากนัก


ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่ได้แยกให้ชัดเจน ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือนักเล่นหุ้น อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นทั้งสองอย่างที่ผสมผสานกลมกลืนอยู่ในคนๆเดียวกัน ซึ่งการที่ไม่แยกแยะให้ชัดเจน จะทำให้เกิดความสับสนในตัวเองและไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร หรือใช้หลักการอะไรให้เหมาะสมสำหรับการเป็นนักลงทุนหรือนักเล่นหุ้น



สิ่งที่ไม่ควรทำคือเป็นทั้งนักลงทุนและนักเล่นหุ้นในเวลาเดียวกัน การสวมหมวกควรจะสวมทีละใบ นักลงทุนควรสวมหมวกนักลงทุน และนักเล่นหุ้นควรสวมหมวกนักเล่น ไม่ใช่เวลาเกิดขาดทุนขึ้นมาก็ตัดสินใจที่จะถือหุ้นระยะยาว เป็นการเปลี่ยนหมวกกะทันหัน แสดงให้เห็นว่าไม่ยอมรับความผิดพลาดในการซื้อขาย



แต่ถ้าต้องการจะเป็นทั้งนักลงทุนและนักเล่นหุ้น ควรจะแยกบัญชีซื้อขายเป็น 2 บัญชี หุ้นสำหรับการลงทุนควรจะอยู่บัญชีเดียวกัน หุ้นที่ซื้อมาขายไปควรจะแยกไปอยู่อีกหนึ่งบัญชี หรือถ้าคุณเป็นนักลงทุนแล้วต้องการเก็งกำไรระยะสั้นๆ อาจจะนำเงิน 10% ของบัญชีลงทุนมาซื้อขายระยะสั้น และถ้าได้กำไรจากการซื้อขาย ให้นำกำไรที่ได้ย้ายไปเข้าบัญชีลงทุน แต่ถ้าเกิดการขาดทุนขึ้นมาก็จะจำกัดอยู่ในบัญชี 10% เท่านั้น

ดังนั้นคุณจะต้องทำคือย้อนกลับไปพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และตัดสินใจว่าต้องการจะทำอะไรในอนาคตกับเงินที่มีอยู่ วัดความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตั้งเป้าหมายอย่างมีเหตุผลและต้องทำการบ้านมากขึ้น ตรวจสอบและวัดผลการลงทุนตามรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้

[VIB007]

Bizweek website ฉบับ 3 กย 47 ไม่มีคอลัมน์ Value Way
บก อาจจะอยากให้ไปซื้ออ่านกันมั้งนะครับ
แต่ก็ไม่ได้ติดต่อบอกกล่าวกันแต่อย่างไร

สงสัยคงอยากจะดูว่า ถ้าไม่มีคอลัมน์นี้ในเวป
จะทำให้ยอดขายตามแผงสูงขึ้นหรือเปล่า

ดังนั้นเพื่อมารยาท ผมก็เลยเอามาโพสที่นี่ไม่ได้
เหมือนไม่อยากให้บทความเผยแพร่ออกไปทางเวป

ใครสนใจคงต้องไปหาซื้ออ่านตามแผงนะครับ
ถ้าติชมอะไรก็โพสเข้ามาได้ที่กระทู้นี้ครับ

สำหรับอาทิตย์นี้เป็นหัวข้อ "VI ถือหุ้นนานแค่ไหน"
ใครอยากรู้ว่าจะถือหุ้นนานแค่ไหน ก็ไปหาดูได้ตามแผงหนังสือทั่วไปครับ

สวัสดีครับ

[enokwan]

ขอขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่วิบูลย์มากค่ะ

ที่อุตส่าห์รวบรวมบทความดีๆมาให้อ่านกัน

แต่ก็เข้าใจในเหตุผลของทาง บก.นะคะ

(แต่ทำไมคอลัมน์อื่นยังมีอยู่เลย แสดงว่า Value Way เป็นจุดขาย )

ก็ได้แต่หวังว่าทางเว็บคงจะมีบทความย้อนหลังให้ได้ดูกันด้วย

ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง งานนี้ต้องขอบคุณในสปิริตของทาง นสพ.ด้วยเช่นกันค่ะ...

[VIB007]

ไม่มีบทความในเวปก็ไม่เป็นไร
เราก็หาบทความที่มีในเวปมาลงก็ได้
บทนี้เป็นบทสัมภาษณ์ ดร.นิเวศน์ เอื้อเฟื้อโดยคุณ Forrestgump นำมาโพส
ผมก็มาโพสต่อ ไม่ว่ากันนะครับ

--------------------------------------------------------------------------------------


สัมภาษณ์พิเศษ..ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร โบกมือลา SCIB ขอไปบริหารกองทุน

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมานานกว่า 20 ปีเปิดใจกับ
EFINANCETHAI.COMเกี่ยวกับประวัติการทำงานและอนาคตเกี่ยวกับงานที่ชอบ รวมถึง
การตัดสินใจลาออกจากธนาคารนครหลวงไทยซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2547

-ก่อนมาทำงานที่ธนาคารนครหลวงไทย ทำงานด้านใดมาก่อน
ความจริงแล้วจบทางด้านการบริหารการเงินบริหารการลงทุน จบปริญญาเอกด้านการ
ลงทุน ก่อนหน้านี้อยู่ในวงการการเงิน ได้แก่ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,บงล.
นวธนกิจ หลังจากนั้นก็มาทำงานที่แบงก์ ทำมาเกือบ 3 ปีแล้ว อีก 1-2 เดือนก็ครบ3 ปี เข้ามาทำ
งานก่อนที่ธนาคารจะมีการควบรวมกิจการกันประมาณ 1 ปี

-การทำงานในธนาคารดูแลด้านไหน
เป็นการบริหารความเสี่ยงให้ธนาคาร เกี่ยวกับการจัดระบบตรวจสอบความเสี่ยง ซึ่งไม่
ใช่งานเกี่ยวกับกับบริหารกองทุนหรือการลงทุน ซึ่งเราอยากทำมานาน ถึงวันนี้คิดว่าน่าจะเป็นเวลา
ที่สมควรแล้ว

-ทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากธนาคาร
จริงๆแล้ว อยากจะทำเกี่ยวกับงานที่เราอยากทำ ทำตามใจตัวเองคือ การบริหารกอง
ทุนหรือการทำงานเกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นทางวิชาการ ให้ความรู้ หรือการบริหารเงิน ถือ
ว่าเป็นวัตถุประสงค์หลัก ยืนยันว่าการลาออกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแบงก์ และยังเปิดกว้างที่จะทำ
งานกับแบงก์อีก แต่ต้องอยู่ในแนวการลงทุน ซึ่งเป็นไปได้พอสมควร มีโอกาสสูงพอสมควรที่สุด
ท้ายก็อยู่ที่นี่ แต่ทำงานด้านการลงทุน แต่การย้ายไปทำตรงโน้นเลยก็ไม่เหมาะ ก็ต้องลาออก
ก่อนให้เปิดกว้างในการตัดสินใจ

-มีบลจ.ไหนติดต่อมาหรือยัง
ยังไม่ได้ติดต่อใคร แต่เราก็ลาออกมาก่อน หลังจากนั้นคงไปศึกษาดู และอาจจะไม่
ใครติดต่อมา แต่แม้ว่าจะไม่มีใครติดต่อมา แต่เราก็บริหารของเราเองอยู่แล้ว โดยส่วนตัวก็
บริหารเงินทุนการลงทุนอยู่แล้ว เป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้เราก็ทำให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในระหว่าง
ที่ยังไม่ได้ทำงานด้านการลงทุน ก็จะไปเป็นผู้เชียวชาญด้านวิชาการของนิด้า จะช่วยด้านวิชาการ
เป็น *********** ไม่ใช่งานหลัก ซึ่งหากใครต้องการให้ไปช่วยงานด้านการลงทุนก็สามารถติดต่อ
มาได้

-หากมีโอกาสบริหารกองทุนกองทุนที่บริหารจะเป็นอย่างไร
จะเป็นกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนจะมีเงินลงทุนในกองทุนดังกล่าวด้วยเช่นกัน ทำให้คน
ลงทุนมีความมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดความเสียหาย ถือว่าเป็นการลงทุนที่แฟร์ที่สุด ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุด
ขายได้ ส่วนอัตราผลตอบแทนน่าจะอยู่ประมาณ 10-15% เพราะกองทุนส่วนใหญ่ ผู้จัดการกอง
ทุนไม่ได้มีส่วนในการลงทุน โดยแนวโน้มจะเป็นการลงทุนหุ้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งลักษณะนี้ในต่าง
ประเทศมีแล้ว แต่ในเมืองไทยยังไม่เห็นว่ามีใครทำ แต่หากจะทำจริงคงต้องพิจารณาเรื่อง
Conflict of Interest

-มีวิธีการในการลงทุนเป็นอย่างไร
หลังจากที่จบปริญญาเอก อายุ 32 ปี ก็เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยช่วงแรกเป็น
การลงทุนแบบเก็งกำไรจริงๆ เพราะตลาดหุ้นเพิ่งบูม แต่ช่วงนั้นไม่ได้ลงทุนจริงจัง เก็งกำไรเป็น
ช่วง มาลงทุนแบบValue Invester จริงในช่วงก่อนวิกฤติปี 2540 หรือประมาณ2538-2539
ตั้งแต่นั้นลงทุน 100% ปัจจุบันมีหุ้นในพอร์ทประมาณ 20 ตัว และบางตัวถือตั้งแต่วิกฤติ ทำให้
ต้นทุนต่ำ นับถึงปัจจุบันมีประสบการณ์ในการลงทุนประมาณ 20 ปี

-มีวิธีการแบ่งสัดส่วนในการบริหารเงินส่วนตัวอย่างไร
ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้นหมด 100% โดยผมบริหารเอง ปีนี้ผลตอบแทนไม่ดี แต่ปีที่แล้ว
ดี ซึ่งผลตอบแทนที่ผมลงทุนเองดีกว่าตลาดโดยตลอด แต่ปีนี้อาจจะแพ้ ก่อนหน้านี้ 7-8 ปีชนะมา
มาก ซึ่งการลงทุนจะเน้นหุ้นที่ให้ปันผลเกือบทุกตัว เพราะเราลงทุนยาว เราต้องคิดว่ากิจการที่ดี
แข็งแกร่งหากไม่มีปันผลต้องมีอะไรผิดปกติ แสดงว่ามีปัญหา โดยสัดส่วนการปันผลอย่างต่ำต้อง
3-4 % ขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่จะได้ 4-5%

-เปรียบเทียบการลงทุนระหว่างตราสาร หรือหุ้นในปัจจุบันเป็นอย่างไร
ผมยังมองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นดีกว่า เพราะดูตอนนี้ผลตอบแทนจากหุ้น 10 % ต่อ
ปี ก็ยังน่าจะได้ ขณะที่ตราสารอย่างอื่นดีที่สุดเห็นจะเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่พึ่งออกมา แต่ให้ผล
ตอบแทนแค่ 5-6 %ต่อปีเอง ดังนั้นหุ้นก็ยังน่าจะดีกว่าแม้ว่าจะมีความผันผวนของตลาด

-หลักการลงทุนในหุ้นที่ผันผวนควรจะเลือกลงทุนอย่างไร
ต้องลงทุนในกิจการที่ปลอดภัยจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนได้มาก คิดว่ากลุ่มพวก
อุปโภคบริโภคพวกค้าขายที่ค่อนข้างมั่นคง พวกค้าขายที่ไม่ขึ้นกับความผันผวนขอราคาของอัตรา
ดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน เพราะกลุ่มนี้เป็นประเภทที่ซื้อมาขายไป ทำให้โอกาสการขาดทุนมีน้อย
เศรษฐกิจจะกระทบไม่มาก หรือประเภทค้าปลีก Moder Trade เช่น CP7-11 Big C

-มองการลงทุนในตลาดหุ้นปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างจากอดีต
ที่จริง 80-90% ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีคนกลุ่มหนึ่ง 10-20% ที่เริ่ม
มองหาหุ้น คุณค่ามากขึ้น ทำให้หุ้นพวกนี้เริ่มปรับตัวมากขึ้น ทำให้ราคาไม่ได้ถูกเหมือนสมัย
ก่อน คนเริ่มหาคุณค่ามากขึ้น แต่ยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับนักลงทุนส่วนใหญ่ในบ้านเรา
ที่พฤติกรรมยังไม่เปลี่ยนมาก ทั้งในเรื่องของความโลภ ความกลัว และสภาพแวดล้อมของตลาด
หุ้นก็เอื้ออำนวยให้เกิดการเก็งกำไร

-เตือนนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในตลาด
การเก็งกำไรระยะสั้นในขณะที่ภาวะผันผวนและภาวะเศรษฐกิจดูเหมือนว่าจะมี สิ่ง
ที่คาดการณ์ความเสี่ยงไม่ได้หลายเรื่อง ถือว่ามีความเสี่ยง เพราะการเก็งกำไรระยะสั้นเหมาะ
สำหรับภาวะที่ค่อนข้างจะสดใส ที่เห็นทุกอย่างดูดี การเก็งกำไรไปได้ เพราะการเก็งกำไรใช้
จิตวิทยาของคน หุ้นเก็งกำไรข้อเสียคือเวลาราคาลงจะลงมากเป็นเท่าตัว

-ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาบูมอีกหรือไม่
คงต้องใช้เวลา เนื่องจากพึ่งจะมีการบูมเมื่อปีที่แล้ว ขึ้นไปตั้ง 117% ถือว่าในภาวะ
ปกติต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะขึ้นไปได้อย่างนั้น และหากหุ้นปรับตัวขึ้นในรอบใหม่ จะมีคนค่อย
เทขายกันมาก ต้องรอผลกำไรในการผลักดันให้ขึ้น และปกติกำไรของบริษัทไม่ได้โตมาก การที่
หุ้นขึ้นตามกำไรจะไม่มีโอกาสขึ้นทีละ 100% ถือว่าค่อนข้างผิดปกติ ช่วงนี้คงต้องหวังการขึ้นตาม
กำไรของบริษัท แม้แต่ในช่วงเลือกตั้งมีโอกาสที่หุ้นจะดีขึ้นแต่จะเป็นการไล่ราคาในหุ้นบางตัว
เท่านั้น

-มองเศรษฐกิจไทยปีนี้อย่างไร
เหลืออีกไม่กี่เดือน แต่ก็น่าจะOK เพราะภาวะน้ำมันของเราที่ถูกตรึงราคาไว้ ทำให้
คนไทยไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไรว่า เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้คนไม่รู้สึกว่าต้องลดการบริโภค
ดังนั้นปีนี้ยังพอไปได้พอสมควร เพราะส่งออกก็ยังพอไปได้

-มองเศรษฐกิจไทยในปีหน้าหลังการเลือกตั้งเป็นอย่างไร
ก็ต้องดูภาวะเศรษฐกิจในตอนนั้น แต่หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่สูง ก็จะทำ
ให้การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลต้องปรับมาก อาจะมีผลกระทบการชะลอการบริโภคลง ตอนนั้นจะ
เห็นภาพที่แท้จริงว่าเศรษฐกิจเราจะมีปฎิกริยาอย่างไร ซึ่งดูยากเหมือนกัน

[VIB007]

และแล้ววันนี้กระทู้นี้ก็มีการอ่านผ่าน 70,000 ครั้ง

ขอเอาสถิติเก่ามาดูอีกครั้ง

กระทู้นี้เริ่มโดยคุณธันวาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2546

ผ่าน 10,000 ครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2546
รวม 48 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 209 ครั้ง

ผ่าน 20,000 ครั้ง เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2546
รวม 63 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 159 ครั้ง

ผ่าน 30,000 ครั้ง เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2547
รวม 29 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 344 ครั้ง

ผ่าน 40,000 ครั้ง เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2547
รวม 35 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 285 ครั้ง

ผ่าน 50,000 ครั้ง เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2547
รวม 45 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 222 ครั้ง

ผ่าน 60,000 ครั้ง เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2547
รวม 51 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 196 ครั้ง

ผ่าน 70,000 ครั้ง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547
รวม 105 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 95 ครั้ง

เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มที่เขียนที่โพสกันมา
หลังๆยอดการอ่านน้อยลง เนื่องจากมีการโพสกันน้อยลง
ต่างคนต่างมีธุรกิจส่วนตัวกัน เลยไม่ค่อยได้เข้ามากันสักเท่าไหร่
ถึงอย่างไรก็ตาม
ก็ให้ถือว่ากระทู้เป็นการจุดประกายให้ท่านศึกษาหาความรู้ในการลงทุนต่อไป

ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการทำให้กระทู้นี้เดินทางมาจนถึงวันนี้

เป้าหมายยังคงเหมือนเดิมที่การอ่าน 100,000 ครั้ง ครับ
(ท่าทางจะอีกนาน)

[Phayaoman]

ผมว่าคงไม่นานหรอกครับพี่วิบูลย์ อย่างผมถ้าได้เข้าเว็บเมื่อไหร่ก็จะเข้ามาอ่านอยู่เสมอ

[raruen]

พอดีจะทำรายงาน
เห็นเขาว่า investing in Real estate นั้นมัน hedging inflation
คือผลตอบแทนมันจะแปรตามอัตราเงินเฟ้อเสมอ
คือเงินเฟ้อมาก รีเทินก็จะมากตามไปด้วย เหมือน surf board ยืนอยู่บนยอดคลื่นทีเดียว

ตอนนี้เลยต้องหาข้อมูลสองอย่าง
1. คืออัตราเงินเฟ้อย้อนหลังหลายๆปี อันนี้พอรู้แล้ว ดูได้ที่ ธปท http://www.bot.or.th/BOTHomepage/BankAt ... pter4E.pdf
แต่สงสัยว่า ไอ้ดัชนีราคาผู้บริโภคเนี่ย หมายถึงอัตราเงินเฟ้อหรือป่าวครับ
เพราะหาอัตราเงินเฟ้อย้อนหลังไม่เจอ

2. Return จาก Real property asset
ทั้งจากค่าเช่าและมูลค่าที่เพิ่มขึ้น

ไม่รู้จะหาที่ไหนดี พี่ๆช่วยชี้ทางหน่อยครับ

กะจะเอามาทำ regression ดู จะพิสูจน์ว่ามันเป็นอย่างเขาว่าหรือไม่
อ.ฝรั่งบอกว่าในอังกฤษมันถูกพิสูจน์แล้วว่าจริง แต่ในเมืองไทยยังไม่มีใครทำ
เลยกะจะเอามาทำรายงานส่งครูครับ.

[CK]

พอดีจะทำรายงาน
เห็นเขาว่า investing in Real estate นั้นมัน hedging inflation
คือผลตอบแทนมันจะแปรตามอัตราเงินเฟ้อเสมอ
คือเงินเฟ้อมาก รีเทินก็จะมากตามไปด้วย เหมือน surf board ยืนอยู่บนยอดคลื่นทีเดียว

ทางทฤษฎีถูกต้องครับ ทางปฏิบัติไม่ได้ง่ายแบบนั้นครับ แต่โดยภาพรวม
แล้วผมคิดว่าทฤษฎีนี้เป็นจริง

แต่สงสัยว่า ไอ้ดัชนีราคาผู้บริโภคเนี่ย หมายถึงอัตราเงินเฟ้อหรือป่าวครับ

ไม่ใช่ครับ ดัชนีราคาผู้บริโภคเรียกว่า CPI (Consumer Price Index) ใช้ใน
การดูว่าข้าวของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อย
แค่ในใน XX ปีที่ผ่านมา เช่นถ้าในปี 2002 CPI เป็น 100.00 แล้วในปีนี้
(2004) CPI เป็น 110.50 แสดงว่า ข้าวของโดยเฉลี่ยแพงขึ้น 10.50% นับ
จาก 2002

CPI เป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อครับ

2. Return จาก Real property asset
ทั้งจากค่าเช่าและมูลค่าที่เพิ่มขึ้น

ปกติผมถามเอาจากนายหน้าซื้อขายบ้านและที่ดินครับ

กะจะเอามาทำ regression ดู จะพิสูจน์ว่ามันเป็นอย่างเขาว่าหรือไม่
อ.ฝรั่งบอกว่าในอังกฤษมันถูกพิสูจน์แล้วว่าจริง แต่ในเมืองไทยยังไม่มีใครทำ
เลยกะจะเอามาทำรายงานส่งครูครับ.

ดีครับ อยากอ่านรายงานด้วยคน

[Mon money]

บทความ Value way ผมได้ย้ายไปไว้ในส่วน บทความแล้วนะครับ ขอโทษเสี่ยบูลย์ด้วยเด้อ เพราะเฮียปรัชญาแกขอมาน่ะ

[VIB007]

บทความ Value way ผมได้ย้ายไปไว้ในส่วน บทความแล้วนะครับ ขอโทษเสี่ยบูลย์ด้วยเด้อ เพราะเฮียปรัชญาแกขอมาน่ะ

บ่เป็นหยัง
ดีเหมือนกันจะได้มีคนดูแลแทน

ช่วงนี้หุ้นกำลังดีดกลับ
เพื่อนๆที่เก็งกำไรกำไรกันยกใหญ่
เพราะกำลังโต้คลื่นอย่างสนุกสนาน
ส่วนพอร์ตลงทุนก็ทรงๆ เหมือนๆเดิม
ไม่กระดั้กระด้าเหมือนพอร์ตเก็งกำไร

ช่วงนี้ยุ่งมากๆงานเยอะ
เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเท่าไหร่
ฝากพี่ๆเพื่อนๆดูแลเวปไปก่อนแล้วกันนะครับ

สวัสดีครับ

[Mon money]

อ้าว....ไหนว่าว่างแล้วไง ไปขนงานอะไรมาใส่ตัวอีกเสี่ย ระวังจะแกะไม่ออกนะ

หุ้นขึ้นอีกแล้ว...พร้อมๆกับเริ่มหักปากกานักวิเคราะห์สามวันซ้อนเลย ก้นบุหรี่ที่เก็บๆไว้เริ่มขยับขยาย พอให้มีเงินพาเมียเที่ยวแล้วครับ

เพื่อนๆเป็นไงกันบ้างครับ

[VIB007]

อ้าว....ไหนว่าว่างแล้วไง ไปขนงานอะไรมาใส่ตัวอีกเสี่ย ระวังจะแกะไม่ออกนะ

หุ้นขึ้นอีกแล้ว...พร้อมๆกับเริ่มหักปากกานักวิเคราะห์สามวันซ้อนเลย ก้นบุหรี่ที่เก็บๆไว้เริ่มขยับขยาย พอให้มีเงินพาเมียเที่ยวแล้วครับ

เพื่อนๆเป็นไงกันบ้างครับ

ตอนนี้กำลังปล่อยของครับ
เก็บมาหลายเดือน ว่าจะไปปล่อยต้นปีหน้า
แต่หุ้นดันขึ้นมาจนอดใจไว้ไม่ไหว
ทำไมตอนราคาถูกๆไม่ซื้อกัน
พอราคาขึ้นๆกลับมีคนมาซื้อของผมกันเต็มเลย
....................งงจริงๆ

ส่วนหุ้นลงทุนยาวยังเก็บไว้เหมือนเดิม ราคาเท่าไหร่ก็ไม่ขายหรอกครับ
ขายแล้วซื้อคืนไม่ได้ เก็บไว้สบายใจ

สวัสดีครับ

[ayethebing]

ซือแป๋วิบูลย์ถ้าเงินเยอะไม่มีที่เก็บเอามาให้ศิษย์ใช้บ้างก็ได้นะครับ ถือว่าเป็นค่าอาหารกลางวัน VI ยากจนอย่างผมก็ได้ :lol:

รู้นะว่าคงแช่งให้หลุมแก็ซลงอยู่ใช่มั้ยละ จะได้เก็บเพิ่ม

อิอิ :lol: 8)

[VIB007]

ซือแป๋วิบูลย์ถ้าเงินเยอะไม่มีที่เก็บเอามาให้ศิษย์ใช้บ้างก็ได้นะครับ ถือว่าเป็นค่าอาหารกลางวัน VI ยากจนอย่างผมก็ได้ :lol:

รู้นะว่าคงแช่งให้หลุมแก็ซลงอยู่ใช่มั้ยละ จะได้เก็บเพิ่ม

อิอิ :lol: 8)

ท่าน ayethebing
ผมก็"ยากจน"เหมือนกันครับ
เลยไม่มีเงินแบ่ง

ส่วนหลุมแกส คงแช่งไม่ลงแล้วหละครับ
ตอนนี้กำลังจะทะลุ 300 แล้ว
คงต้องไปเก็บเอาปีหน้า

ไม่รู้หุ้นขึ้นคราวนี้ ของจริงหรือของหลอก
แต่ยังไงวันนี้ Mr.Market ก็อารมณ์ดีมาซื้อของผมที่ราคาสูงพอสมควร
ถ้ายังอารมณ์ดีอีกให้ราคาสูงขึ้นอีก ก็จะ"ขาย"ให้อีก
มีเหลืออีกหลายกระบุง

อย่างนี้เขาเรียกว่า "ลงทุนแบบก้นบุหรี่" หรือเปล่าหว่า

[ปรัชญา]

ตามเข้ามาอ่าน
เพิ่มเรตติ้งอีก 1 คลิ๊ก
ยังเหนียวแน่นมั่นคงตรงทางเหมือนเดิม
โชคดีครับทุกๆท่าน

[VIB007]

ตามเข้ามาอ่าน
เพิ่มเรตติ้งอีก 1 คลิ๊ก
ยังเหนียวแน่นมั่นคงตรงทางเหมือนเดิม
โชคดีครับทุกๆท่าน

ขอบคุณครับพี่ปรัชญา
ที่ยังติดตามให้กำลังใจอยู่เสมอ

ใครอ่าน Value Way ใน Bizweek วันนี้
คุณมนใบ้หุ้นไปสองตัว
ลองไปหาอ่านกันดูครับ

[popurus]

ขอถามพวกพี่ ๆ หน่อยนะครับในการเลือกดูหุ้นที่เราสนใจที่จะลงทุน
เราจะหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการได้อย่างไร เราต้องดูงบการเงิน ค่า P/E P/B เงินปันผล ใช่หรือไม่ เราต้องดูอะไรบ้างครับช่วยแนะนำด้วยครับมือใหม่
กำลังเริ่มสนใจที่จะลงทุน แบบ VI

[VIB007]

ขอถามพวกพี่ ๆ หน่อยนะครับในการเลือกดูหุ้นที่เราสนใจที่จะลงทุน
เราจะหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการได้อย่างไร เราต้องดูงบการเงิน ค่า P/E P/B เงินปันผล ใช่หรือไม่ เราต้องดูอะไรบ้างครับช่วยแนะนำด้วยครับมือใหม่
กำลังเริ่มสนใจที่จะลงทุน แบบ VI

ไม่ทราบว่าอ่านกระทู้นี้จบทุกหน้าหรือยัง
ถ้ายังก็น่าจะอ่านสักหนึ่งรอบ แบบตั้งใจดู
แล้วจะพบคำตอบครับ

[Mon money]

คอยดูให้ดีเถอะเดี่ยวจะใบ้อีก

[ch_army]

เอ ที่นี้ทำไมเงียบจังเลย พี่ๆเอาเวลาไปเขียนบทความหมดแล้วอ่ะเปล่า(แซวเล่นะครับ) พี่ๆครับ ผมขอเสนอความคิดเกี่ยวกับกระทู้นี้สักหน่อยได้ไหมครับ เผื่อที่นี้จะคึกคักขึ้น คือให้ทุกๆคนลองสรุปแนวทางการลงทุนหรือวิธีคิด เทคนิคของ พี่ๆในเวปนี้ที่แต่ละคนชอบ (อาจจะสรุปของตนเองก็ได้) ออกมาเป็นบัญัญัติ บรรทัดฐาน เอ้ยไม่ใช่ บัญญัติสัก 10 ประการ แล้วให้พี่ๆคนนั้นๆมาดูว่าตรงไหมพร้อมชี้แนะให้ถูกต้อง เพื่อนำไปปฏิบัติจะดีไหมครับ

ถ้าเห็นด้วยเชิญเริ่มได้เลยครับ ขอบคุณครับ ส่วนผมขอไปไล่อ่านกระทู้ก่อนล่ะกัน

[ปรัชญา]

คอยดูให้ดีเถอะเดี่ยวจะใบ้อีก

ก็เมื่ออาทิตย์ก่อน ก้นบุหรี่คุณมน ซิลลิ่งไปวูบ
ประกายไฟสว่างวูบแล้วก็อ่อนแรง


ก็เล่น3ทีทั้งหุ้นและวอแล้วคราวนี้จะจุดบุหรี่ ให้ใครเห็นแสงไฟอีกล่ะครับ อิอิ

คิดถึงคุณมนเหมือนกันครับ
คิดถึงคุณวิบูลย์เหมือนกันครับ

[Mon money]

พี่ปรัชญายังจำได้อีกหรือครับ

เพื่อนผมใจร้อนรินขายเจ้าสามทีออกไปมากเลยไม่รู้ออกหมดหรือยัง สงสัยจะตาลายตอนเจอแสงวาบที่ว่านั่น

ก้นบุหรี่ตัวใหม่ของผมตอนนี้กำลังสะสมอยู่ครับ รับรองว่าตอนมันวาบขึ้นมาไม่ใช่ฝีมือของผมแน่ๆ แต่วาบขึ้นมาเมื่อไร ผมไปก่อนแน่นอน เพราะเป็นการวาบครั้งสุดท้ายแหงๆ

[VIB007]

คุณมนกำลังนินทาผมอยู่นะสินะ
พอดีพบว่าหุ้นบางตัวไม่ใช่สไตล์ที่เราต้องการนะ
เลยปล่อยออกเวลาเด้งกลับ
ขอเท่าทุนก็พอ
ผมพบว่าผมไม่ค่อยชอบก้นบุหรี่เท่าไหร่
มันสูบไม่สะใจ
เลยไปหาซิการ์มาสูบแทน
น่าจะสูบได้นานกว่า
มวนมันใหญ่และรสมันนุ่มกว่าเยอะ
ทิ้งไว้นานๆก็ไม่จืดเหมือนก้นบุหรี่ อิ อิ

คิดถึงพี่ปรัชญาเหมือนกันครับ
ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะครับ

[ปรัชญา]

คิดถึงคุณมนตรีและคุณวิบูลย์เสมอครับ

แต่ก็ได้อ่านบทความดีดีทุกอาทิตย์ทางหนังสือพิมพ์
และอ่านข้อคิดความเห็นทุกวันทางเวปนี้
เป็นศูนย์รวม ของข่าว-อารมณ์ของหุ้น
ถ้าต้องการทุนทรัพย์ ซ่อม-บำรุง
รักษาเวปก็บอกกันได้นะครับเหล่าผู้บุกเบิกบริหารเวป

ผมก็เรื่อยๆ ชีวิตเรียบง่าย
เจ็บออดๆแอดๆตามภาษาคนที่อายุมากขึ้น
ทานยาแก้แพ้อากาศทุกวัน
นี่ล่ะพระท่านว่าไว้ ความไม่เป็นโรคเป็นลาภอันประเสริฐ


ทั้งบุหรี่และซิกก้าร์ เป็นยาเสพติด
ระวัง....จะติด กันนะครับ
เป็นห่วงสุขภาพพอท์ตของท่านทั้งหลาย
อ้อ..เกือบลืมเป็นห่วงตัวเองเหมียนกัน
เดี๋ยวว่ารักคนอื่น แต่ไม่รักตัวเอง

[VIB007]

คิดถึงคุณมนตรีและคุณวิบูลย์เสมอครับ

ผมก็เรื่อยๆ ชีวิตเรียบง่าย
เจ็บออดๆแอดๆตามภาษาคนที่อายุมากขึ้น
ทานยาแก้แพ้อากาศทุกวัน
นี่ล่ะพระท่านว่าไว้ ความไม่เป็นโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

ระวังรักษาสุขภาพด้วยนะครับ พี่ปรัชญา
ตอนนี้อากาศกำลังเริ่มเย็น จะเข้าหน้าหนาวแล้ว
ขนาดกรุงเทพเช้าๆยังรู้สึกถึงอากาศหนาวๆแห้งๆได้
แต่กลางวันก็ค่อนข้างร้อนพอสมควร
แถวนี้เป็นหวัดกันระงมไปหมด
เมื่อไหร่จะเข้ามากรุงเทพอีกหละครับ
ถ้าเข้ามากรุณาส่งข่าวด้วยนะครับ

ทั้งบุหรี่และซิกก้าร์ เป็นยาเสพติด
ระวัง....จะติด กันนะครับ
เป็นห่วงสุขภาพพอท์ตของท่านทั้งหลาย
อ้อ..เกือบลืมเป็นห่วงตัวเองเหมียนกัน
เดี๋ยวว่ารักคนอื่น แต่ไม่รักตัวเอง

พยายามเลียนแบบคุณมน
แต่ผมทำไม่ได้"ดี"สักที
เลยพบว่า ไปตามทางที่เราถนัดจะดีกว่า
หลังๆเลยกลับมาโหมดที่การลงทุนที่ตัวเองคุ้นเคยจะสบายใจกว่า
ตอนนี้ไม่มีก้นบุหรี่เหลือแล้วครับ
มีแต่หุ้นถือยาวสบายใจ

ส่วนพอร์ตพี่ปรัชญาแค่รับปันผลอย่างเดียวก็พอใช้ไปตลอดปีแล้วมั๊งครับ ผมว่า

เอ ที่นี้ทำไมเงียบจังเลย พี่ๆเอาเวลาไปเขียนบทความหมดแล้วอ่ะเปล่า(แซวเล่นะครับ) พี่ๆครับ ผมขอเสนอความคิดเกี่ยวกับกระทู้นี้สักหน่อยได้ไหมครับ เผื่อที่นี้จะคึกคักขึ้น คือให้ทุกๆคนลองสรุปแนวทางการลงทุนหรือวิธีคิด เทคนิคของ พี่ๆในเวปนี้ที่แต่ละคนชอบ (อาจจะสรุปของตนเองก็ได้) ออกมาเป็นบัญัญัติ บรรทัดฐาน เอ้ยไม่ใช่ บัญญัติสัก 10 ประการ แล้วให้พี่ๆคนนั้นๆมาดูว่าตรงไหมพร้อมชี้แนะให้ถูกต้อง เพื่อนำไปปฏิบัติจะดีไหมครับ

คุณ ch_army อย่าหาว่าผมมกวน....เลยนะครับ
สำหรับผม ผมไม่มีบัญญัติ 10 ประการหรอกครับ
ทุกอย่างต้องมาจากความรู้ ความเข้าใจของแต่ละคนในการลงทุน
สำหรับผม ผมคิดว่าส่วนใหญ่จะมองหา"วิธีการ"ในการลงทุน
มีวิธีอะไรบ้างในการหาหุ้น วิธีหามูลค่าหุ้น วิธีการซื้อ วิธีการขาย วิธีการฯลฯ

เราต้องการ"สูตรสำเร็จ"ในการลงทุน
เอาไว้ Plug-in ตัวเลขเข้าไปแล้วออกมาบอกว่าให้ซื้อหรือขาย

ซึ่งความเห็นผม ผมว่าการลงทุนไม่มี"สูตรสำเร็จ"ครับ
ไม่อย่างนั้นทุกคนก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านกันหมดแล้ว
การลงทุนที่เหมาะกับคนหนึ่งอาจจะไม่เหมาะกับอีกคคนนึงก็ได้

ผมว่าแทนที่เราจะตั้งต้นจาก"วิธีการการลงทุน"
ลองย้อนกลับไปหา "ปรัชญาการลงทุน"เป็นจุดตั้งต้นดูก่อนจะดีกว่าหรือไม่

วันนี้มีเพื่อนผมมาบอกว่า ให้ลงทุนด้วยวิธีนั้นวิธีนี้ ซื้อหุ้นแบบนั้นแบบนี้
ผมก็เลยบอกว่า ในตลาดหุ้น"ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน"
ดังนั้น อย่าคิดว่า "วิธีการ"นั้นจะเป็นจริงเสมอ
ในตลาดหุ้น 1+1 อาจจะไม่เท่ากับ 2 ก็ได้ครับ

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เรามี"ปรัชญาการลงทุน"ของเราหรือยัง

ถ้าเรามีแล้ว เราก็จะบอกได้เองว่า "หลักการการลงทุน" ของเราคืออะไร
จากนั้น"วิธีการลงทุน"จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะตามมาทีหลัง

บางคนมี "ปรัชญาการลงทุน" เหมือนกัน แต่มีวิธีการลงทุนแตกต่างกันก็ได้

ถ้าผมบอกว่า วอร์เรน บัฟเฟต และจอร์จ โซรอส มี "ปรัชญาการลงทุน" เหมือนกัน จะมีคนเชื่อผมไหม
และผมขอยืนยันว่านักลงทุนระดับโลกทั้งสองมี "ปรัชญาการลงทุน" เหมือนกัน
แต่วิธีการต่างกัน

คนส่วนใหญ่สนใจแต่ใน"วิธีการ"ทำให้เรามองโลกในการลงทุนเพียงด้านเดียว
เราจึงทะเลาะกันเวลาคนอื่นทำแตกต่างจากที่เราทำอยู่
ทำให้เราทะเลาะกันเวลาคุยกันเรื่อง VI VS
เพราะเราสนใจแต่เปลือกนอกของการลงทุน
เหมือนกับที่เราสนใจแต่เปลือกนอกของสิ่งอื่นๆรอบตัวเรา
ไม่ว่าจะเป็นศาสนา หรือ คน

คือเรามองแต่เปลือกนอกของสิ่งที่ตาเรามองเห็น
เราวัดความรวยด้วยวัตถุ เงิน และ ความร่ำรวยภายนอก
ทั้งที่คนที่"ร่ำรวย"วัตถุมากมายอาจจะเป็นคนที่"ยากจน"อดอยากทางจิตใจก็เป็นไปได้

ถ้าเรามองเห็นในสิ่งที่ตาเรามองไม่เห็น
เราก็ไม่ได้ถูกสายตาของเราหลอกได้ครับ

อย่าไปให้ความสำคัญกับ"วิธีการ"มากเกินไป
สิ่งสำคัญคือ"ปรัชญาการลงทุน"
คุณมีหรือยัง?????

[CK]

จริงครับ Buffett กับ Soros มีปรัชญาการลงทุนที่เหมือนกันเปี๋ยบ

ในบ้านเรา หมอยงกับดร.นิเวศน์ ก็มีปรัชญาการลงทุนที่เหมือนกันเปี๊ยบ

แต่วิธีการแตกต่างสุดขั้ว