มีเงินเก็บ.....แต่ปวดหัว
-
- Verified User
- โพสต์: 11
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินเก็บ.....แต่ปวดหัว
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ ผมขอแชร์ความคิดเห็นหน่อยครับ พึ่งพบ web นี้ครับ ผมอ่าน และพอศึกษาการลงทุนมาบ้างครับแต่ไม่ค่อยจะมีประสบการณ้เท่าไร เคยซื้อกองทุน setindex ตอนset 750 พอลงมา 700 ก็ซื้อต่อซื้อจนหมดเงินไป แสนกว่าบาท ก็เลยกลัว ๆ อะไรที่เกี่ยวกับหุ้น ได้มาอ่านหนังสือ ตีแตก รวยหุ้นอย่างพอเพียง จึงชอบการลงทุนแบบ VI เพราะผมไม่มีเวลามาดู set ทุกวัน แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้จริงได้ ตอนนี้ผมมีเงินเก็บ จากการทำงาน ประมาณ สองล้าน แต่ 80% อยู่ในกองทุนตราสารหนี้ครับ ในport มีหุ้นประมาณ หนึ่งแสนบาท พึ่งกลับเข้ามาซื้อครับ ลองซื้อครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว pttep 140 พอราคาลงก็เลยไม่สนใจหุ้นเลย พึ่งมาซื้อ advanc ครับ แต่ก็ไม่เข้าใจ concept ในการลงทุน ผมซื้อไม่กี่หมื่นบาท พอราคามันขึ้น จะซื้อต่อก็คิดว่า ถ้าอย่างนั้นเราสู้ซื้อ แยะตอนแรกไปเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะตั้งใจถือยาวอยู่แล้ว หรือเราจะซื้อแบบ DCA ไปเลย(เตรียมเงินไว้แล้ว) ตั้งใจว่าจะเพิ่มport ในหุ้น เพราะกองทุนผลตอบแทนน้อยจัง :?:
-
- Verified User
- โพสต์: 361
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินเก็บ.....แต่ปวดหัว
โพสต์ที่ 2
ไม่ใช่เซียนแต่อยากแนะนำว่า
อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตลาดหุ้นไมได้ปิดพรุ่งนี้ แล้วหุ้นก็มีให้ซื้อเกือบทุกวัน
ถ้าไม่แน่ใจจริงอย่าซื้อ ระวังจะเป็นเหมือนผมตอนเข้าตลาดแรกๆ
อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตลาดหุ้นไมได้ปิดพรุ่งนี้ แล้วหุ้นก็มีให้ซื้อเกือบทุกวัน
ถ้าไม่แน่ใจจริงอย่าซื้อ ระวังจะเป็นเหมือนผมตอนเข้าตลาดแรกๆ
high rish hirh return ^ ^ตั้งใจว่าจะเพิ่มport ในหุ้น เพราะกองทุนผลตอบแทนน้อยจัง
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินเก็บ.....แต่ปวดหัว
โพสต์ที่ 3
กองทุนรวมหุ้นอาจจะเป็นคำตอบของพี่ได้นะครับ โดยใช้การลงทุนแบบ DCA นอกเสียจากว่าพี่มีความเข้าใจในการลงทุนอย่างถ่องแท้ รวมถึงการประเมินมูลค่าของหุ้นตัวนั้นๆได้อย่างมีเหตมีผล และที่สำคัญคือ"ใจ"ครับ
แต่จากคำที่พี่พิมพ์ว่า"แต่ก็ไม่เข้าใจ concept ในการลงทุน" ผมเข้าใจว่าที่พี่ไม่เข้าในนั้นหมายถึง ในเมื่อถ้าเราจะถือยาวแล้ว ทำไมเราต้องมาค่อยๆเก็บในแบบ DCA ด้วย? ทำไมไม่เก็บไปทีเดียวไปเลย? อย่างนั้นรึเปล่าครับ?
ถ้าใช่ ความเห็นผมก็คือ DCA นั้นเหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานในการลงทุนซักเท่าไหร่นั้น ขยายความก็คือไม่สามารถที่วิเคราะห์ หรือประเมินมูลค่าหุ้นได้อย่างมีเหตุมีผล ถ้าเป็นแบบนี้ถามว่าแล้วจะซื้อหุ้นที่ราคาเท่าไหร่ดีล่ะถึงได้ผลตอบแทนที่ดี? คำตอบก็คือก็ซื้อเฉลี่ยไป ซึ่งถ้าทำในระยะเวลาที่นานพอ ราคาทุนที่ได้ก็ควรจะได้เป็นราคาทุนเฉลี่ยของทั้งตลาด ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนที่ได้ก็ควรจะเทียบเท่ากับตลาดเช่นกัน
แต่ว่า DCA นั้น ส่วนตัวแล้วมองว่าเหมาะกับการจะนำมาใช้กับกองทุนหุ้นมากกว่า หุ้นรายตัวครับ เพราะในเมื่อมันเหมาะกับคนที่มีความรู้ด้านการลงทุนไม่มาก และไม่สามารถประเมินมูลค่าได้อย่างมีเหตมีผล ถ้าเป็นแบบนี้เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเค้าเลือกหุ้น(หรือกองทุนหุ้น)ถูกตั้งแต่แรก? ลองนึกภาพคนที่ตั้งใจจะลงทุน DCA กับ N-PARK หรือ SECC ดูก็ได้ครับ (รายแรกกำลังล้น รายหลังล้มไปแล้ว) ซึ่ง SECC ถือเป็นหุ้นยอดฮิตใน ThaiVI ในอดีตด้วยเช่นกัน
ดังนั้นการใช้ DCA นั้นเหมาะกับกองทุนรวมที่สุดซึ่ง เหตุผลก็คือ ตามปกติแล้วperformance ของกองทุนรวมก็นับได้ว่าเทียบเท่าตลาดอยู่แล้ว ถ้าคำพูดที่ว่า"ตลาดหุ้นในระยะยาวแล้วให้ผลตอบแทนในการลงทุนสูงที่สุด" บวกกับหลักการ DCA ซึ่งให้ต้นทุนเฉลี่ยในการลงทุนเทียบเท่าตลาด ดังนั้น DCA+กองทุนรวม ก็ควรจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเทียบเท่าตลาดด้วยเช่นกัน นี่เป็นเหตผลที่ทำไมคนบางส่วนถึงควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมแบบ DCA ครับ
ในทางกลับกัน ถ้าเราบอกว่าเรามีความรู้ ความเข้าใจกับหุ้น รวมถึงธุรกิจของหุ้นตัวนั้นๆได้อย่างถ่องแท้ รวมถึงสามารถประเมินมูลค่าของหุ้นตัวนั้นๆได้อย่างมีเหตุมีผล ในกรณีนี้ถ้าเราสามารถประเมินมูลค่าได้ใกล้เคียงแล้วมีโอกาสซื้อหุ้นตัวนั้นๆได้ในราคาที่ต่ำมากๆๆ ซึ่งในกรณีที่เราประเมินได้ถูกต้อง ในระยะยาวมูลค่าหุ้นที่เราซื้อจะต้องขึ้นไปมากกว่าตลาด นั่นหมายถึงเราก็จะสามารถมีผลตอบแทนระยะยาวที่ชนะตลาดนั่นเอง
แต่จากคำที่พี่พิมพ์ว่า"แต่ก็ไม่เข้าใจ concept ในการลงทุน" ผมเข้าใจว่าที่พี่ไม่เข้าในนั้นหมายถึง ในเมื่อถ้าเราจะถือยาวแล้ว ทำไมเราต้องมาค่อยๆเก็บในแบบ DCA ด้วย? ทำไมไม่เก็บไปทีเดียวไปเลย? อย่างนั้นรึเปล่าครับ?
ถ้าใช่ ความเห็นผมก็คือ DCA นั้นเหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นฐานในการลงทุนซักเท่าไหร่นั้น ขยายความก็คือไม่สามารถที่วิเคราะห์ หรือประเมินมูลค่าหุ้นได้อย่างมีเหตุมีผล ถ้าเป็นแบบนี้ถามว่าแล้วจะซื้อหุ้นที่ราคาเท่าไหร่ดีล่ะถึงได้ผลตอบแทนที่ดี? คำตอบก็คือก็ซื้อเฉลี่ยไป ซึ่งถ้าทำในระยะเวลาที่นานพอ ราคาทุนที่ได้ก็ควรจะได้เป็นราคาทุนเฉลี่ยของทั้งตลาด ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนที่ได้ก็ควรจะเทียบเท่ากับตลาดเช่นกัน
แต่ว่า DCA นั้น ส่วนตัวแล้วมองว่าเหมาะกับการจะนำมาใช้กับกองทุนหุ้นมากกว่า หุ้นรายตัวครับ เพราะในเมื่อมันเหมาะกับคนที่มีความรู้ด้านการลงทุนไม่มาก และไม่สามารถประเมินมูลค่าได้อย่างมีเหตมีผล ถ้าเป็นแบบนี้เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเค้าเลือกหุ้น(หรือกองทุนหุ้น)ถูกตั้งแต่แรก? ลองนึกภาพคนที่ตั้งใจจะลงทุน DCA กับ N-PARK หรือ SECC ดูก็ได้ครับ (รายแรกกำลังล้น รายหลังล้มไปแล้ว) ซึ่ง SECC ถือเป็นหุ้นยอดฮิตใน ThaiVI ในอดีตด้วยเช่นกัน
ดังนั้นการใช้ DCA นั้นเหมาะกับกองทุนรวมที่สุดซึ่ง เหตุผลก็คือ ตามปกติแล้วperformance ของกองทุนรวมก็นับได้ว่าเทียบเท่าตลาดอยู่แล้ว ถ้าคำพูดที่ว่า"ตลาดหุ้นในระยะยาวแล้วให้ผลตอบแทนในการลงทุนสูงที่สุด" บวกกับหลักการ DCA ซึ่งให้ต้นทุนเฉลี่ยในการลงทุนเทียบเท่าตลาด ดังนั้น DCA+กองทุนรวม ก็ควรจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเทียบเท่าตลาดด้วยเช่นกัน นี่เป็นเหตผลที่ทำไมคนบางส่วนถึงควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมแบบ DCA ครับ
ในทางกลับกัน ถ้าเราบอกว่าเรามีความรู้ ความเข้าใจกับหุ้น รวมถึงธุรกิจของหุ้นตัวนั้นๆได้อย่างถ่องแท้ รวมถึงสามารถประเมินมูลค่าของหุ้นตัวนั้นๆได้อย่างมีเหตุมีผล ในกรณีนี้ถ้าเราสามารถประเมินมูลค่าได้ใกล้เคียงแล้วมีโอกาสซื้อหุ้นตัวนั้นๆได้ในราคาที่ต่ำมากๆๆ ซึ่งในกรณีที่เราประเมินได้ถูกต้อง ในระยะยาวมูลค่าหุ้นที่เราซื้อจะต้องขึ้นไปมากกว่าตลาด นั่นหมายถึงเราก็จะสามารถมีผลตอบแทนระยะยาวที่ชนะตลาดนั่นเอง
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินเก็บ.....แต่ปวดหัว
โพสต์ที่ 7
ผมว่าถึงแม้ดัชนีขึ้นสูงแต่ไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวจะขึ้นสูงตามนะคับnopgood เขียน:.แล้วอย่างตอนนี้ที่ห้นราคาขึ้นไปค่อนข้างสูงแล้ว เราก็ควรจะรอให้ถึง cycle ใหม่หรือครับ เคยอ่านหนังสือว่าควรซื้อหุ้นในระยะสะสมซึ่งผมเข้าใจว่าผ่านมาแล้ว.
หุ้นที่ยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานก็ยังคงมีอยู่มากเช่นกัน
ถ้าเราเข้าใจหุ้นและธุรกิจที่เราลงทุนจริงๆ ไม่ต้องรอ Timing ของตลาดคับ
เพราะสุดท้ายกว่าเราจะรู้ว่าตลาดผ่านจุดต่ำสุดหรือยัง ก็ต่อเมื่อเราผ่านมันมาแล้ว
ผมว่าทางที่ดีกว่าก็คือศึกษาหุ้นที่จะลงทุน
และเข้าลงทุนเมื่อเห็นว่าราคาเหมาะสม
ทั้งนี้โดยอาจจะดูภาวะตลาดเป็นส่วนประักอบเพื่อไม่ให้เข้าลงทุน
ในจังหวะที่ราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะต่ำลงไปอีก
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
มีเงินเก็บ.....แต่ปวดหัว
โพสต์ที่ 9
พอร์ตผมก็เช่นกันครับพอร์ตของผมทั้งพอร์ตเลยครับ ไม่ไปไหนเลย บางตัวติดลบสวนตลาดอีกต่างหาก :lol:
ก็ดีครับ ไม่ต้องหาหุ้นใหม่ เก็บเพิ่มไปเรื่อยๆ
:D [/quote]
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.