วันหุ้นร้อน คืนฝนฉ่ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
วันหุ้นร้อน คืนฝนฉ่ำ
โพสต์ที่ 1
คุณเย่ เซียนหุ้นจากห้องสินธรไปขุดคุ้ยบทความเก่าแก่เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว
แล้วก็โพสแปะให้เพื่อนๆอ่าน
กูรูไปช่วยพิมพ์ใหม่แล้วโพสให้อีกที
เลยมาโพสในเวปนี้บ้าง เดี๋ยวจะน้อยใจ..เอิงเงย
ลิงค์เวปนี้
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 72535.html
วันที่ 4 พฤษภาคม 2542
ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นวันดีของตลาดหุ้น
สืบเนื่องมาจากข่าวการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
จากสถาบันจัดอันดับต่างชาติ
09.00 น. ณ ห้องค้าหลักทรัพย์ในตึกศูนย์การค้าใหญ่แถวลาดพร้าว
นักค้าหุ้นๆค่อยๆทะยอยออกจากลิฟท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทักทายกันอย่างแจ่มใส
พร้อมพนันขันต่อว่า ตลาดวันนี้จะทะลุ 500 จุดหรือไม่
ถ้าทะลุจะลงขันเลี้ยงโต๊ะจีนให้เอิกเกริกมื้อหนึ่ง
อีกเสียงท้วงขึ้น อย่ากระนั้นเลย
ขอเป็นแค่เลี้ยงโต๊ะเหลาพออิ่มเก็บทุนไว้ซื้อหุ้นต่อกันดีกว่า
09.30 น.ห้องค้าหลักทรัพย์เริ่มเนืองแน่นด้วยผู้คนหลากตา
ทั้งที่เคยเข้ามาประจำและผู้ที่เพิ่งเข้ามา
ทุกคนดูเหมือนจะไม่อยากเสียเวลาเจรจาปราศรัยกับใคร
ต่างรี่ตรงเข้าไปจับจองโต๊ะพร้อมเปิดดูคอมพิวเตอร์ดูราคาหน้าจอ
บางคนถือโอกาสจองคอมพิวเตอร์ถึง 2 เครื่อง
เพื่อดูทั้งระดับดัชนีและดูเส้นกราฟเฉลี่ย
เขาหรือเธอจะชักสีหน้าขวางๆอย่างไม่พอใจ
เมื่อถูกใครคนหนึ่งขอนั่งใกล้ๆเพื่อร่วมใช้คอมพิวเตอร์ด้วยกัน
เชิญครับ แต่อย่าเปลี่ยนหน้าจอ ผมต้องใช้ดูตลอดเวลา
เจอคำตอบอย่างนี้ ใครล่ะจะกล้าเข้ามาขีดเส้นทางทำมาหากินของอีกฝ่ายได้
ผู้ที่มาทีหลังก็ต้องกระมิดกระเมี้ยนนั่งถอยออกมาดูกระดานตัวเลขแทน
หากเป็นผู้หญิงก็คงส่งค้อนไปหนึ่งตลบก่อนจะเดินหน้าคว่ำไปรอนั่งเก้าอี้ตัวอื่นแทน
09.45 น. เสียงโทรศัพท์รัวไม่ขาดสาย
เหล่าพนักงานการตลาดคว้าสายพันกันจ้าละหวั่น
คำสั่งสั่งซื้อตลอดทุกนาทีทั้งที่ตลาดยังไม่เปิด
ดาวโจนส์ทะลุ 11,000 จุดแล้วครับพี่ ตลาดทั่วเอเชียขึ้นหมดเลย
พี่จะเล่นอะไรดี วันนี้
พนักงานหนุ่มส่งเสียงตามสายอย่างกระตือรือร้น
พลางนึกถึงคอมมิชชั่นก้อนใหญ่ที่ได้ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
ถ้าบวกกับของวันนี้ คงพอจะไปดาวน์รถป้ายแดงใหม่เอี่ยม
เย้ยเพื่อนฝูงที่กำลังฝืดเคืองกันเป็นแถวๆ
มู้ดดี้ปรับเกรดความน่าเชื่อถือของเงินฝากกับหนี้ระยะยาวค่ะ
หุ้นคงขึ้นต่ออีกสักพัก
ฝ่ายพนักงานสาวก็ไม่ยอมน้อยหน้า
รีบรายงานสภาวะตลาดกระทิงให้ลูกค้าฟังด้วยหน้าตาครื้นเครงเกินปกติ
09.55 น. ช่วยด้วยค่ะที่นั่งประจำถูกแย่ง
เปล่า...ไม่มีใครส่งเสียงร้องฟ้อง ออกมา
เพียงแต่ลูกค้าที่เคยมาทุกวันกำลังงงงันจะหาที่นั่งตรงไหนดีเพราะถูกแย่งชิงไปหมด
และดูเหมือนพนักงานของบริษัทเองก็ช่วยอะไรไม่ได้
เพราะกำลังพะวงแต่คำสั่งสั่งซื้อหุ้นทางโทรศัพท์
ผู้มาทีหลังต้องรีบกระวีกระวาดช่วยตัวเองเป็นการใหญ่
ตลาดกำลังจะเปิดในไม่ช้า
10.00 น. ตลาดเปิดแล้ว ตัวเลขในกระดานปรับตัวเขียวพรึบ
ดันดัชนีพุ่งพรวดทีเดียว 30 กว่าจุด หลายคนอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
ราคาหุ้นแต่ละตัวเบื้องหน้าคือความจริง ไม่ใช่ความฝันในอดีตครั้งฟองสบู่ลอยล่อง
เสียงอุทาน ว้าว...อู้หูดังกระหึ่ม ทุกคนในห้องค้าอยู่ในสภาพลืมตัวชั่วขณะ
ต่อเมื่อดัชนีทะยานขึ้นไปอีกจึงไม่รอช้ารีบจิ้มตัวเลขหน้าจอเป็นการใหญ่
10.30 น. ดัชนีขึ้นไปต่ออีกสักพัก แล้วหยุดนิ่ง
พอให้คนเล่นได้หยุดหายใจชั่วครู่ เสียงบ่นพึมพำว่าน่ากลัวๆได้ยินไปทั่ว
ไม่เคยเจอหุ้นร้อนถึงขนาดนี้เลย
หญิงวัยกลางคนนั่งเฝ้ามองความเคลื่อนไหวบนหน้าจอด้วยสายตาหวาดหวั่น
ดูซิ หุ้นตัวนี้ในกระดานต่างประเทศ สงสัยขึ้นถึง 70 แน่ ไม่น่าเลย ขายไปตอน 40 กว่าบาทเอง
เธอหมายถึงหุ้นของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ที่เพิ่งประสบความสำเร็จจากการเพิ่มทุนด้วยการโรดโชว์ต่างประเทศ
พร้อมรับความช่วยเหลือจากกองทุนขั้นที่หนึ่งของรัฐ
หุ้นตัวนี้ไปไม่ถึงไหนหรอก เพราะคนหันมาเล่นตัวที่ถูกกว่า
เธอหมายถึงหุ้นแบงก์ใหญ่ที่มีสัญลักษณ์รูปรวงข้าว
11.00 น. สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเตรียมอุปกรณ์เครื่องส่งหน้าห้องค้าหลักทรัพย์
พร้อมจะสัมภาษณ์และสังเกตการณ์บรรยากาศห้องค้าอย่างขมีขมัน
ลูกค้าหุ้นหุ่นเถ้าแก่ถูกขัดจังหวะการลงทุนชั่วคราว
เมื่อนักข่าวคนหนึ่งขอรบกวนสอบถามความรู้สึก
เขาได้แต่หัวเราะฮ่า ฮ่าอย่างอารมณ์ดี
อยากให้ทะลุ 1,000 จุดเร็วๆ
11.30 น. เนี่ยดูซิ พี่เพิ่งขายหุ้นตัวนี้ไปได้
อดีตข้าราชการบำนาญวัยเกษียณแต่ดูทันสมัยไปทั้งตัว
หันมายิ้มย่องอย่างผ่องแผ้วพร้อมชูนิ้วขึ้นมา 6 นิ้ว
หมายถึงผลกำไรที่ได้ถึง 6 หมื่นบาท
เล่นหุ้นตามข่าวแหละดี ไม่ต้องสนใจหรอกเรื่องพื้นฐานตามทฤษฎีทั้งหลาย
ก็ดูซิหุ้นที่พื้นฐานดีๆอย่าง...
เธอเอ่ยถึงบริษัทที่รับสัมปทานผลิตน้ำในเขตตะวันออก
ไปได้ที่ไหน ไม่มีใครเล่นเล้ย
แถมเธอยังกล่าวสำทับให้คนฟังอิจฉานิดๆอีกว่า
ทำงานทั้งเดือนยังไม่ได้เท่าเล่นหุ้น 2 วันมานี้เอง
ทำเอาคนทำงานใกล้ๆ ต้องกะพริบตาปริบๆและกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
เถอะน่าขอให้มีเงินนั่งกินนอนกินตลอดชาติบ้างเหอะ
จะมากวาดซื้อหุ้นให้หมดตลาดเลย
12.00 น. สาวต้อมพนักงานการตลาดส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
พี่ หุ้นกำลังขึ้น ซื้อตัวไหนก็ได้กำไรทั้งนั้น อย่ารอช้า
เธอกำลังเชิญชวนลูกค้าที่กำลังพลาดรถไฟขบวนร้อนนี้อย่างขะมักเขม้น
แสนหนึ่งนะพี่ ซื้อแบงก์นะ.เออ เออ จะดูให้จ้ะ แค่นี้นะ
เธอรีบสรุปเหมือนกับจะรู้ว่าหุ้นธนาคารกำลังจะถูกซื้อเก็บหมดตลาด
12.30 น. ตลาดปิดครึ่งเช้า พร้อมเสียงหายใจโล่งอก
น่าจะแตะ 500 จุดได้สักที ค้างๆเติ่งๆอยู่นั่นแหละ
เสียงชายสูงอายุพูดราวกับตลาดหุ้นเป็นเครื่องจักรอะไรสักอย่างที่สามารถสั่งการได้
แต่จำนวนซื้อขายตั้งหมื่นกว่าล้าน นี่แค่ภาคเช้าเท่านั้นนะ ไม่เคยเห็นมาเป็นปีๆแล้ว
ผมว่า ตอนบ่ายต้องชะลอล่ะ ชักไม่ไหว กลัวก้นไหม้
หลายคนทะยอยลงลิฟท์ไป
หากผู้คนที่เหลือยังนั่งมองตัวเลขความมหัศจรรย์อย่างไม่เชื่อสายตา
อุณหภูมิของตลาดหุ้นค่อยๆลดความร้อนรนลงเพื่อปรับสภาพบรรยากาศให้สมดุลชั่วขณะ
แต่จะสงบได้นานแค่ไหน...
แล้วก็โพสแปะให้เพื่อนๆอ่าน
กูรูไปช่วยพิมพ์ใหม่แล้วโพสให้อีกที
เลยมาโพสในเวปนี้บ้าง เดี๋ยวจะน้อยใจ..เอิงเงย
ลิงค์เวปนี้
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 72535.html
วันที่ 4 พฤษภาคม 2542
ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นวันดีของตลาดหุ้น
สืบเนื่องมาจากข่าวการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
จากสถาบันจัดอันดับต่างชาติ
09.00 น. ณ ห้องค้าหลักทรัพย์ในตึกศูนย์การค้าใหญ่แถวลาดพร้าว
นักค้าหุ้นๆค่อยๆทะยอยออกจากลิฟท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทักทายกันอย่างแจ่มใส
พร้อมพนันขันต่อว่า ตลาดวันนี้จะทะลุ 500 จุดหรือไม่
ถ้าทะลุจะลงขันเลี้ยงโต๊ะจีนให้เอิกเกริกมื้อหนึ่ง
อีกเสียงท้วงขึ้น อย่ากระนั้นเลย
ขอเป็นแค่เลี้ยงโต๊ะเหลาพออิ่มเก็บทุนไว้ซื้อหุ้นต่อกันดีกว่า
09.30 น.ห้องค้าหลักทรัพย์เริ่มเนืองแน่นด้วยผู้คนหลากตา
ทั้งที่เคยเข้ามาประจำและผู้ที่เพิ่งเข้ามา
ทุกคนดูเหมือนจะไม่อยากเสียเวลาเจรจาปราศรัยกับใคร
ต่างรี่ตรงเข้าไปจับจองโต๊ะพร้อมเปิดดูคอมพิวเตอร์ดูราคาหน้าจอ
บางคนถือโอกาสจองคอมพิวเตอร์ถึง 2 เครื่อง
เพื่อดูทั้งระดับดัชนีและดูเส้นกราฟเฉลี่ย
เขาหรือเธอจะชักสีหน้าขวางๆอย่างไม่พอใจ
เมื่อถูกใครคนหนึ่งขอนั่งใกล้ๆเพื่อร่วมใช้คอมพิวเตอร์ด้วยกัน
เชิญครับ แต่อย่าเปลี่ยนหน้าจอ ผมต้องใช้ดูตลอดเวลา
เจอคำตอบอย่างนี้ ใครล่ะจะกล้าเข้ามาขีดเส้นทางทำมาหากินของอีกฝ่ายได้
ผู้ที่มาทีหลังก็ต้องกระมิดกระเมี้ยนนั่งถอยออกมาดูกระดานตัวเลขแทน
หากเป็นผู้หญิงก็คงส่งค้อนไปหนึ่งตลบก่อนจะเดินหน้าคว่ำไปรอนั่งเก้าอี้ตัวอื่นแทน
09.45 น. เสียงโทรศัพท์รัวไม่ขาดสาย
เหล่าพนักงานการตลาดคว้าสายพันกันจ้าละหวั่น
คำสั่งสั่งซื้อตลอดทุกนาทีทั้งที่ตลาดยังไม่เปิด
ดาวโจนส์ทะลุ 11,000 จุดแล้วครับพี่ ตลาดทั่วเอเชียขึ้นหมดเลย
พี่จะเล่นอะไรดี วันนี้
พนักงานหนุ่มส่งเสียงตามสายอย่างกระตือรือร้น
พลางนึกถึงคอมมิชชั่นก้อนใหญ่ที่ได้ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
ถ้าบวกกับของวันนี้ คงพอจะไปดาวน์รถป้ายแดงใหม่เอี่ยม
เย้ยเพื่อนฝูงที่กำลังฝืดเคืองกันเป็นแถวๆ
มู้ดดี้ปรับเกรดความน่าเชื่อถือของเงินฝากกับหนี้ระยะยาวค่ะ
หุ้นคงขึ้นต่ออีกสักพัก
ฝ่ายพนักงานสาวก็ไม่ยอมน้อยหน้า
รีบรายงานสภาวะตลาดกระทิงให้ลูกค้าฟังด้วยหน้าตาครื้นเครงเกินปกติ
09.55 น. ช่วยด้วยค่ะที่นั่งประจำถูกแย่ง
เปล่า...ไม่มีใครส่งเสียงร้องฟ้อง ออกมา
เพียงแต่ลูกค้าที่เคยมาทุกวันกำลังงงงันจะหาที่นั่งตรงไหนดีเพราะถูกแย่งชิงไปหมด
และดูเหมือนพนักงานของบริษัทเองก็ช่วยอะไรไม่ได้
เพราะกำลังพะวงแต่คำสั่งสั่งซื้อหุ้นทางโทรศัพท์
ผู้มาทีหลังต้องรีบกระวีกระวาดช่วยตัวเองเป็นการใหญ่
ตลาดกำลังจะเปิดในไม่ช้า
10.00 น. ตลาดเปิดแล้ว ตัวเลขในกระดานปรับตัวเขียวพรึบ
ดันดัชนีพุ่งพรวดทีเดียว 30 กว่าจุด หลายคนอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
ราคาหุ้นแต่ละตัวเบื้องหน้าคือความจริง ไม่ใช่ความฝันในอดีตครั้งฟองสบู่ลอยล่อง
เสียงอุทาน ว้าว...อู้หูดังกระหึ่ม ทุกคนในห้องค้าอยู่ในสภาพลืมตัวชั่วขณะ
ต่อเมื่อดัชนีทะยานขึ้นไปอีกจึงไม่รอช้ารีบจิ้มตัวเลขหน้าจอเป็นการใหญ่
10.30 น. ดัชนีขึ้นไปต่ออีกสักพัก แล้วหยุดนิ่ง
พอให้คนเล่นได้หยุดหายใจชั่วครู่ เสียงบ่นพึมพำว่าน่ากลัวๆได้ยินไปทั่ว
ไม่เคยเจอหุ้นร้อนถึงขนาดนี้เลย
หญิงวัยกลางคนนั่งเฝ้ามองความเคลื่อนไหวบนหน้าจอด้วยสายตาหวาดหวั่น
ดูซิ หุ้นตัวนี้ในกระดานต่างประเทศ สงสัยขึ้นถึง 70 แน่ ไม่น่าเลย ขายไปตอน 40 กว่าบาทเอง
เธอหมายถึงหุ้นของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ที่เพิ่งประสบความสำเร็จจากการเพิ่มทุนด้วยการโรดโชว์ต่างประเทศ
พร้อมรับความช่วยเหลือจากกองทุนขั้นที่หนึ่งของรัฐ
หุ้นตัวนี้ไปไม่ถึงไหนหรอก เพราะคนหันมาเล่นตัวที่ถูกกว่า
เธอหมายถึงหุ้นแบงก์ใหญ่ที่มีสัญลักษณ์รูปรวงข้าว
11.00 น. สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเตรียมอุปกรณ์เครื่องส่งหน้าห้องค้าหลักทรัพย์
พร้อมจะสัมภาษณ์และสังเกตการณ์บรรยากาศห้องค้าอย่างขมีขมัน
ลูกค้าหุ้นหุ่นเถ้าแก่ถูกขัดจังหวะการลงทุนชั่วคราว
เมื่อนักข่าวคนหนึ่งขอรบกวนสอบถามความรู้สึก
เขาได้แต่หัวเราะฮ่า ฮ่าอย่างอารมณ์ดี
อยากให้ทะลุ 1,000 จุดเร็วๆ
11.30 น. เนี่ยดูซิ พี่เพิ่งขายหุ้นตัวนี้ไปได้
อดีตข้าราชการบำนาญวัยเกษียณแต่ดูทันสมัยไปทั้งตัว
หันมายิ้มย่องอย่างผ่องแผ้วพร้อมชูนิ้วขึ้นมา 6 นิ้ว
หมายถึงผลกำไรที่ได้ถึง 6 หมื่นบาท
เล่นหุ้นตามข่าวแหละดี ไม่ต้องสนใจหรอกเรื่องพื้นฐานตามทฤษฎีทั้งหลาย
ก็ดูซิหุ้นที่พื้นฐานดีๆอย่าง...
เธอเอ่ยถึงบริษัทที่รับสัมปทานผลิตน้ำในเขตตะวันออก
ไปได้ที่ไหน ไม่มีใครเล่นเล้ย
แถมเธอยังกล่าวสำทับให้คนฟังอิจฉานิดๆอีกว่า
ทำงานทั้งเดือนยังไม่ได้เท่าเล่นหุ้น 2 วันมานี้เอง
ทำเอาคนทำงานใกล้ๆ ต้องกะพริบตาปริบๆและกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
เถอะน่าขอให้มีเงินนั่งกินนอนกินตลอดชาติบ้างเหอะ
จะมากวาดซื้อหุ้นให้หมดตลาดเลย
12.00 น. สาวต้อมพนักงานการตลาดส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
พี่ หุ้นกำลังขึ้น ซื้อตัวไหนก็ได้กำไรทั้งนั้น อย่ารอช้า
เธอกำลังเชิญชวนลูกค้าที่กำลังพลาดรถไฟขบวนร้อนนี้อย่างขะมักเขม้น
แสนหนึ่งนะพี่ ซื้อแบงก์นะ.เออ เออ จะดูให้จ้ะ แค่นี้นะ
เธอรีบสรุปเหมือนกับจะรู้ว่าหุ้นธนาคารกำลังจะถูกซื้อเก็บหมดตลาด
12.30 น. ตลาดปิดครึ่งเช้า พร้อมเสียงหายใจโล่งอก
น่าจะแตะ 500 จุดได้สักที ค้างๆเติ่งๆอยู่นั่นแหละ
เสียงชายสูงอายุพูดราวกับตลาดหุ้นเป็นเครื่องจักรอะไรสักอย่างที่สามารถสั่งการได้
แต่จำนวนซื้อขายตั้งหมื่นกว่าล้าน นี่แค่ภาคเช้าเท่านั้นนะ ไม่เคยเห็นมาเป็นปีๆแล้ว
ผมว่า ตอนบ่ายต้องชะลอล่ะ ชักไม่ไหว กลัวก้นไหม้
หลายคนทะยอยลงลิฟท์ไป
หากผู้คนที่เหลือยังนั่งมองตัวเลขความมหัศจรรย์อย่างไม่เชื่อสายตา
อุณหภูมิของตลาดหุ้นค่อยๆลดความร้อนรนลงเพื่อปรับสภาพบรรยากาศให้สมดุลชั่วขณะ
แต่จะสงบได้นานแค่ไหน...
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
วันหุ้นร้อน คืนฝนฉ่ำ
โพสต์ที่ 2
14.00 น. ณ ห้องค้าหลักทรัพย์อีกแห่งย่านงามวงศ์วาน
สภาพห้องค้ามีทั้งส่วนที่เป็นคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าไปยืนกดดู
แต่ไม่มีเก้าอี้นั่งเพื่อจะได้ไม่ยืนครอบครองนานเกินไป
และส่วนที่มีเก้าอี้นั่งสบายเรียงเป็นแถวเกือบร้อยตัว
หากในวันนี้ทุกตัวล้วนมีกระเป๋า เสื้อ แฟ้ม สมุดและสัมภาระสารพัด
แสดงความเป็นเจ้าของเต็มไปหมด โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้กลับมานั่งที่ของตน
ตัวเลขในกระดานยังนอนสงบเงียบ ขอพักเหนื่อยหน่อยหลังจากวิ่งพุ่งไม่หยุดตลอดช่วงเช้า
เสียงคุยจ้อกแจ้กเริ่มดังเข้ามาจากนอกห้อง
สักครู่บรรดาคุณเถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ยว อาซ้อ อาเจ็ก คุณลุง คุณป้า
คุณนาย หลากหลายอาชีพก็ปรากฏตัวเข้ามา
14.00 น. ตลาดเปิดอีกครั้ง
คราวนี้ผู้คนที่หายไปจากที่นั่งกลับมายึดครองเก้าอี้ตัวเดิม
ด้วยหน้าตาแตกต่างกันไปทั้งกังวล ทั้งดีใจ ทั้งตระหนก ทั้งกล้าๆกลัวๆ
หญิงสาวบางคนรีบเอามือปิดหน้า เมื่อเห็นตัวเลขในหุ้นที่เพิ่งขายออกเมื่อภาคเช้าขยับสูงขึ้นไปอีก
เสียงบ่นพึมพำดังตลอด รู้อย่างนี้..
โธ่ ไม่น่าเลย
อุตส่าห์เก็บมาตั้งนาน
เห็นมั้ย บอกแล้ว ไม่เชื่อ
ประโยคหลังไม่ทราบเปรยกับใคร แต่น่าจะกล่าวกับตัวเองมากกว่า
ในภาวะกระทิงของตลาด ใครจะฟังใครเล่า
15.00 น. หุ้นหลายตัวพุ่งชนเพดานอย่างคาดไม่ถึง
และไม่กี่นาทีต่อมา เสียงปรบมือก็ดังกึกก้อง ดัชนีทะลุระดับ 500 จุดได้
โอ้โฮ เป็นไปได้อย่างไง ตรง 460-490 กลวงไปหมดเลย
นี่นี่ ข่าวร้อนๆ ข้างบนบอกให้รีบเทขายหุ้นแบงก์กับไฟแน็นซ์เสีย
ข้างบนไหนอีกเล่า หลายคนตาโต คนพูดตอบอึกอัก
ก้อ..ข้างบนนั่นแหละ
เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร สงสัยอ้ายโม่งตัวไหนที่อยากจะเจ้าตลาดตอนช่วงเทขายราคาต่ำลงมา
แต่ยิ่งกังวลหุ้นธนาคารใหญ่ก็กระเถิบสูงขึ้นไปอีก
15.30 น. ใครบางคนในตลาดดูเหมือนจะพยายามหันเหความสนใจจากกระดานดัชนี
สู่หนังสือที่กำลังอ่าน แต่ฝืนไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงเฮอีก
เมื่อหุ้นยอดนิยมอีกหลายตัวชนเพดานไปเกือบหมด
ดูซิคะ ขนลุกไปหมดแล้ว หุ้นอะไรไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ขึ้นวันเดียว 50 กว่าจุด
สาวหุ้นอีกนางรับโทรศัพท์เสียงร้อนรน
ลูกขาลูก วันนี้อยากกินอะไรดี แม่รวยมาสามหมื่นกว่าบาท
16.00 น. หมูไม่กลัวน้ำร้อนเข้ามาเลยครับ
เสียงพนักงานการตลาดหนุ่มเชื้อชวนกระฉับกระเฉง
เมื่อมีหุ้นสุดฮิตอีกตัวปล่อยลงตลาด
ทั้งที่เป็นหุ้นไม่มีปัจจัยพื้นฐานอะไรที่บ่งบอกน่าลงทุนเลย
แต่นั่นแหละเหล่านักลงทุนก็แห่วิ่งซื้อดั่งหนึ่งเหมือนแมลงติดปีก
พร้อมจะโผและถลาได้ทุกเมื่อ
ได้ผล..ดัชนีของหุ้นไร้ปัจจัยขยับขึ้นทันที
16.15 น. ณ วินาทีนี้ไม่มีใครนั่งติดเก้าอี้ได้อีกแล้ว
ทุกคนลุกขึ้นยืนมองหน้ากระดานเรียงราย
หากเราอยู่ในห้องค้าหลักทรัพย์ ณ เวลานั้น
จะเห็นสีหน้าของความละโมบ โกรธตัวเองที่ตัดสินใจช้าไป เร็วไป
ไม่ตัดสินใจ ความเสียดาย อยากได้คืนอีก ไม่กล้าขาย ไม่กล้าซื้อ
และความกังวลสารพัดที่ปรากฏในหน่วยตา
ไม่มีใครผลิรอยยิ้มทั้งๆที่เพิ่งได้รับส่วนต่างจากผลกำไร
ที่ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย
16.20 น. อีกสิบนาที อุณหภูมิความร้อนค่อยลดลง
ดัชนีหุ้นเริ่มมอบตัวเหลือ 500 ต้นๆ เพิ่มขึ้น 46 จุด
เสียงแว่วๆว่า อาจจะมีการต่อเวลาตลาดปิดจากสี่โมงครึ่งไปถึงห้าโมงเย็น
เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ซื้อขายยังหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
อย่าเล่นตลกน่า แค่นี้หัวใจก็จะวายอยู่แล้ว
16.30 น. ตลาดปิด ไม่มีการต่อเวลาอย่างที่คิด
พนักงานการตลาดหนุ่มรีบวิ่งไปที่เครื่องพิมพ์
สั่งพริ้นท์เอกสารการซื้อขายของหุ้นวันนี้ให้แก่ลูกค้าที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลัง
ในหัวของเขามีแต่ตัวเลขหมุนติ้วของจำนวนสั่งซื้อขายพันๆราย
แต่นั่นแหละคือโอกาสทองของช่วงชีวิตโบรกเกอร์
ซึ่งถึงเวลาได้สูดกลิ่นอายความมั่นคงของชีวิตเสียที
หลังจากที่นั่งซึมเซามาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา
ต่อให้กี่คำสั่งซื้อขายวิ่งไล่เข้ามาก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามอย่างถวายชีวิต
เพราะค่าธรรมเนียมที่ได้ในวันนี้นั่นหมายถึงความอยู่รอดของอีกหลายชีวิตเช่นเขา
17.00 น. "เจอกันวันพฤหัสนะครับ เสียงทักทายอำลาหลังตลาดปิด
แผงไฟในกระดานเริ่มดับทีละแผงๆพร้อมคอมพิวเตอร์
ที่ถูกใช้งานหนักมาตลอดวัน
บรรยากาศห้องค้าหลักทรัพย์กลับสู่ความสงบในอุณหภูมิปกติ
ไอร้อนระอุยังจางๆในความมืดสลัว เมฆดำเริ่มก่อตัวแต่ไกล
คืนเดียวกันนั้นเอง ฝนได้ตกลงมาตั้งแต่หัวค่ำจนยันสว่าง
ตกหนักราวกับจะดับความร้อนรุ่มของอุณหภูมิตลาดหุ้นเมื่อภาคกลางวันให้หมดสิ้น
เพื่อให้ตลาดได้เย็นลงก่อนจะถูกจุดอุณหภูมิใหม่ในวันเปิดตลาดอีกครั้ง
ก่อนจะหลับใหลไปกับเสียงฝนเซ็งแซ่
ในสำนึกห้วงสุดท้ายของผู้สังเกตการณ์เห็นแต่ตัวเลขกะพริบของดัชนีพร่างพรางจนมึนไปหมด
และก็ยังอุตส่าห์ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วๆจากที่ไหนสักแห่งว่า .
เศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง.....
สภาพห้องค้ามีทั้งส่วนที่เป็นคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าไปยืนกดดู
แต่ไม่มีเก้าอี้นั่งเพื่อจะได้ไม่ยืนครอบครองนานเกินไป
และส่วนที่มีเก้าอี้นั่งสบายเรียงเป็นแถวเกือบร้อยตัว
หากในวันนี้ทุกตัวล้วนมีกระเป๋า เสื้อ แฟ้ม สมุดและสัมภาระสารพัด
แสดงความเป็นเจ้าของเต็มไปหมด โดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้กลับมานั่งที่ของตน
ตัวเลขในกระดานยังนอนสงบเงียบ ขอพักเหนื่อยหน่อยหลังจากวิ่งพุ่งไม่หยุดตลอดช่วงเช้า
เสียงคุยจ้อกแจ้กเริ่มดังเข้ามาจากนอกห้อง
สักครู่บรรดาคุณเถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ยว อาซ้อ อาเจ็ก คุณลุง คุณป้า
คุณนาย หลากหลายอาชีพก็ปรากฏตัวเข้ามา
14.00 น. ตลาดเปิดอีกครั้ง
คราวนี้ผู้คนที่หายไปจากที่นั่งกลับมายึดครองเก้าอี้ตัวเดิม
ด้วยหน้าตาแตกต่างกันไปทั้งกังวล ทั้งดีใจ ทั้งตระหนก ทั้งกล้าๆกลัวๆ
หญิงสาวบางคนรีบเอามือปิดหน้า เมื่อเห็นตัวเลขในหุ้นที่เพิ่งขายออกเมื่อภาคเช้าขยับสูงขึ้นไปอีก
เสียงบ่นพึมพำดังตลอด รู้อย่างนี้..
โธ่ ไม่น่าเลย
อุตส่าห์เก็บมาตั้งนาน
เห็นมั้ย บอกแล้ว ไม่เชื่อ
ประโยคหลังไม่ทราบเปรยกับใคร แต่น่าจะกล่าวกับตัวเองมากกว่า
ในภาวะกระทิงของตลาด ใครจะฟังใครเล่า
15.00 น. หุ้นหลายตัวพุ่งชนเพดานอย่างคาดไม่ถึง
และไม่กี่นาทีต่อมา เสียงปรบมือก็ดังกึกก้อง ดัชนีทะลุระดับ 500 จุดได้
โอ้โฮ เป็นไปได้อย่างไง ตรง 460-490 กลวงไปหมดเลย
นี่นี่ ข่าวร้อนๆ ข้างบนบอกให้รีบเทขายหุ้นแบงก์กับไฟแน็นซ์เสีย
ข้างบนไหนอีกเล่า หลายคนตาโต คนพูดตอบอึกอัก
ก้อ..ข้างบนนั่นแหละ
เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร สงสัยอ้ายโม่งตัวไหนที่อยากจะเจ้าตลาดตอนช่วงเทขายราคาต่ำลงมา
แต่ยิ่งกังวลหุ้นธนาคารใหญ่ก็กระเถิบสูงขึ้นไปอีก
15.30 น. ใครบางคนในตลาดดูเหมือนจะพยายามหันเหความสนใจจากกระดานดัชนี
สู่หนังสือที่กำลังอ่าน แต่ฝืนไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงเฮอีก
เมื่อหุ้นยอดนิยมอีกหลายตัวชนเพดานไปเกือบหมด
ดูซิคะ ขนลุกไปหมดแล้ว หุ้นอะไรไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ขึ้นวันเดียว 50 กว่าจุด
สาวหุ้นอีกนางรับโทรศัพท์เสียงร้อนรน
ลูกขาลูก วันนี้อยากกินอะไรดี แม่รวยมาสามหมื่นกว่าบาท
16.00 น. หมูไม่กลัวน้ำร้อนเข้ามาเลยครับ
เสียงพนักงานการตลาดหนุ่มเชื้อชวนกระฉับกระเฉง
เมื่อมีหุ้นสุดฮิตอีกตัวปล่อยลงตลาด
ทั้งที่เป็นหุ้นไม่มีปัจจัยพื้นฐานอะไรที่บ่งบอกน่าลงทุนเลย
แต่นั่นแหละเหล่านักลงทุนก็แห่วิ่งซื้อดั่งหนึ่งเหมือนแมลงติดปีก
พร้อมจะโผและถลาได้ทุกเมื่อ
ได้ผล..ดัชนีของหุ้นไร้ปัจจัยขยับขึ้นทันที
16.15 น. ณ วินาทีนี้ไม่มีใครนั่งติดเก้าอี้ได้อีกแล้ว
ทุกคนลุกขึ้นยืนมองหน้ากระดานเรียงราย
หากเราอยู่ในห้องค้าหลักทรัพย์ ณ เวลานั้น
จะเห็นสีหน้าของความละโมบ โกรธตัวเองที่ตัดสินใจช้าไป เร็วไป
ไม่ตัดสินใจ ความเสียดาย อยากได้คืนอีก ไม่กล้าขาย ไม่กล้าซื้อ
และความกังวลสารพัดที่ปรากฏในหน่วยตา
ไม่มีใครผลิรอยยิ้มทั้งๆที่เพิ่งได้รับส่วนต่างจากผลกำไร
ที่ไม่ต้องลงแรงอะไรเลย
16.20 น. อีกสิบนาที อุณหภูมิความร้อนค่อยลดลง
ดัชนีหุ้นเริ่มมอบตัวเหลือ 500 ต้นๆ เพิ่มขึ้น 46 จุด
เสียงแว่วๆว่า อาจจะมีการต่อเวลาตลาดปิดจากสี่โมงครึ่งไปถึงห้าโมงเย็น
เนื่องจากจำนวนหุ้นที่ซื้อขายยังหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด
อย่าเล่นตลกน่า แค่นี้หัวใจก็จะวายอยู่แล้ว
16.30 น. ตลาดปิด ไม่มีการต่อเวลาอย่างที่คิด
พนักงานการตลาดหนุ่มรีบวิ่งไปที่เครื่องพิมพ์
สั่งพริ้นท์เอกสารการซื้อขายของหุ้นวันนี้ให้แก่ลูกค้าที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลัง
ในหัวของเขามีแต่ตัวเลขหมุนติ้วของจำนวนสั่งซื้อขายพันๆราย
แต่นั่นแหละคือโอกาสทองของช่วงชีวิตโบรกเกอร์
ซึ่งถึงเวลาได้สูดกลิ่นอายความมั่นคงของชีวิตเสียที
หลังจากที่นั่งซึมเซามาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา
ต่อให้กี่คำสั่งซื้อขายวิ่งไล่เข้ามาก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามอย่างถวายชีวิต
เพราะค่าธรรมเนียมที่ได้ในวันนี้นั่นหมายถึงความอยู่รอดของอีกหลายชีวิตเช่นเขา
17.00 น. "เจอกันวันพฤหัสนะครับ เสียงทักทายอำลาหลังตลาดปิด
แผงไฟในกระดานเริ่มดับทีละแผงๆพร้อมคอมพิวเตอร์
ที่ถูกใช้งานหนักมาตลอดวัน
บรรยากาศห้องค้าหลักทรัพย์กลับสู่ความสงบในอุณหภูมิปกติ
ไอร้อนระอุยังจางๆในความมืดสลัว เมฆดำเริ่มก่อตัวแต่ไกล
คืนเดียวกันนั้นเอง ฝนได้ตกลงมาตั้งแต่หัวค่ำจนยันสว่าง
ตกหนักราวกับจะดับความร้อนรุ่มของอุณหภูมิตลาดหุ้นเมื่อภาคกลางวันให้หมดสิ้น
เพื่อให้ตลาดได้เย็นลงก่อนจะถูกจุดอุณหภูมิใหม่ในวันเปิดตลาดอีกครั้ง
ก่อนจะหลับใหลไปกับเสียงฝนเซ็งแซ่
ในสำนึกห้วงสุดท้ายของผู้สังเกตการณ์เห็นแต่ตัวเลขกะพริบของดัชนีพร่างพรางจนมึนไปหมด
และก็ยังอุตส่าห์ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วๆจากที่ไหนสักแห่งว่า .
เศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง.....
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
วันหุ้นร้อน คืนฝนฉ่ำ
โพสต์ที่ 3
บทเสริม ไม่มีในบทความ
มูลค่าการซื้อขายของวันนั้นประมาณ สี่หมื่นล้าน
ที่พุ่งสูงเนื่องจากอัดอั้นมานาน
ทั้งอาทิตย์มีเทรดอยู่ไม่กี่วัน
วันจันทร์ไม่ได้เปิดเพราะหยุดชดเชยแรงงาน
แต่ข่าวออกมาแล้วทางฟากตะวันตก
ก็เลยมีคนสะสมกำลังไว้
พอเช้าวันอังคารที่ 4
ข่าวเพิ่งกระจายในบ้านเรา
วันต่อมาคือวันพุธก็หยุด วันฉัตรมงคล
(บางคนในห้องค้า บอกว่า ไม่น่ามีวันหยุดเลย)
เพราะฉะนั้นจะเหลือคนเอาหุ้นกลับบ้าน ใจตุ้มๆต่อมๆ
มาเทรดวันพฤหัสและศุกร์เท่านั้น
หลังจากมู้ดดี้ ปรับอันดับเครดิตไทย
สถาบันอื่นๆก็เริ่มเมียงมอง (ตามเคย)
ทำให้โวลุ่มพีคมากในเดือนพฤษภาคมต่อเนื่องถึงมิถุนายนในปีนั้น
อ้อ มีอีกเหตุการณืหนึ่งที่ทำให้หุ้นชนเพดานเลยตั้งแต่นาทีแรก
ก็คือหลังวันประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในรัฐบาลของพลเอกชวลิต
คนที่ซื้อก็คือต่างชาติ แน่อยู่แล้ว
เม่าไทยได้แต่ทำตาปริบๆ
เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องถึงสองวัน
หลังจากน้นก้อ.....ทรุด ทรุด ทรุดลงมาโดยตลอด
ที่เหลือก็คือ...ประวัติศาสตร์จ้า
มูลค่าการซื้อขายของวันนั้นประมาณ สี่หมื่นล้าน
ที่พุ่งสูงเนื่องจากอัดอั้นมานาน
ทั้งอาทิตย์มีเทรดอยู่ไม่กี่วัน
วันจันทร์ไม่ได้เปิดเพราะหยุดชดเชยแรงงาน
แต่ข่าวออกมาแล้วทางฟากตะวันตก
ก็เลยมีคนสะสมกำลังไว้
พอเช้าวันอังคารที่ 4
ข่าวเพิ่งกระจายในบ้านเรา
วันต่อมาคือวันพุธก็หยุด วันฉัตรมงคล
(บางคนในห้องค้า บอกว่า ไม่น่ามีวันหยุดเลย)
เพราะฉะนั้นจะเหลือคนเอาหุ้นกลับบ้าน ใจตุ้มๆต่อมๆ
มาเทรดวันพฤหัสและศุกร์เท่านั้น
หลังจากมู้ดดี้ ปรับอันดับเครดิตไทย
สถาบันอื่นๆก็เริ่มเมียงมอง (ตามเคย)
ทำให้โวลุ่มพีคมากในเดือนพฤษภาคมต่อเนื่องถึงมิถุนายนในปีนั้น
อ้อ มีอีกเหตุการณืหนึ่งที่ทำให้หุ้นชนเพดานเลยตั้งแต่นาทีแรก
ก็คือหลังวันประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในรัฐบาลของพลเอกชวลิต
คนที่ซื้อก็คือต่างชาติ แน่อยู่แล้ว
เม่าไทยได้แต่ทำตาปริบๆ
เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องถึงสองวัน
หลังจากน้นก้อ.....ทรุด ทรุด ทรุดลงมาโดยตลอด
ที่เหลือก็คือ...ประวัติศาสตร์จ้า
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2494
- ผู้ติดตาม: 2
วันหุ้นร้อน คืนฝนฉ่ำ
โพสต์ที่ 4
ตอนแรกอ่านชื่อ นึกว่าเรื่อง ...
ขอบคุณคุณกูรูขอบสนามมากๆครับ
อุตสาห์แกะออกมาให้ได้อ่านสบายตากัน
น่าจะมีภาค -50 จุดบ้างนะครับ :lol:
ขอบคุณคุณกูรูขอบสนามมากๆครับ
อุตสาห์แกะออกมาให้ได้อ่านสบายตากัน
น่าจะมีภาค -50 จุดบ้างนะครับ :lol:
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
วันหุ้นร้อน คืนฝนฉ่ำ
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ
บทความของพี่เย่หยงเทียน ก็น่าจะรวมเล่มได้เลยนะครับ ดีๆทั้งนั้น
ช่วงนี้ห้องค้าหุ้น คึกคักแบบในบทความรึเปล่าครับ :P
บทความของพี่เย่หยงเทียน ก็น่าจะรวมเล่มได้เลยนะครับ ดีๆทั้งนั้น
ช่วงนี้ห้องค้าหุ้น คึกคักแบบในบทความรึเปล่าครับ :P
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/